การเพ่งดูโลก
การเพ่งดูโลก
การสูบบุหรี่ทำให้ชีวิตสั้นลง
จดหมายข่าวเวลล์เนสของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์ รายงานว่า “บุหรี่ทุกมวนที่ผู้ชายคนหนึ่งสูบทำให้ชีวิตของเขาสั้นลง 11 นาที.” ดังนั้น นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยบริสตอล ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า การสูบบุหรี่หนึ่งกล่องจะทำให้ชีวิตของเขาสั้นลงหนึ่งวันครึ่ง และแต่ละปีที่เขาสูบวันละซอง ชีวิตของเขาก็จะสั้นลงเกือบสองเดือน. นักวิทยาศาสตร์ได้ตัวเลขกะประมาณนี้โดยเทียบช่วงชีวิตตามที่คาดหวังได้ของผู้ชายที่สูบบุหรี่และไม่สูบ. นักวิจัยให้ความเห็นว่า “ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นความเสียหายอันร้ายกาจของการสูบบุหรี่ในแบบที่ทุกคนเข้าใจได้.”
ตั้งโปรแกรมเกิด
หนังสือพิมพ์โคร์รีเอเร เดลลา เซรา แห่งอิตาลีกล่าวว่า “เด็กได้เรียนรู้ที่จะเกิดในเวลาที่โรงพยาบาลต้องการ.” ที่การประชุมว่าด้วยเรื่องการเกิดซึ่งจัดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เฟรด พาโคด นรีแพทย์ชาวสวิส กล่าวว่า “ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ในโลกตะวันตก มีการเกิดในวันเสาร์และวันอาทิตย์ลดลง 95 เปอร์เซ็นต์. แต่ไม่ใช่แค่นั้น: เรากล่าวได้ว่า การเกิดส่วนใหญ่มีขึ้นระหว่างชั่วโมงทำงานตามข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงาน กล่าวคือระหว่างเวลาเข้าเวรที่มีแพทย์และพยาบาลส่วนใหญ่ทำงาน.” มีการกระตุ้นการเกิดโดยใช้ยาหรือไม่ก็ผ่าตัดทำคลอด. แอนเจโล สคูเดรี นรีแพทย์ชาวฟลอเรนซ์ กล่าวว่า “เราพบว่าตัวเองเผชิญกับการทำคลอดแบบที่ควบคุมโดยการใช้ยาและโดยการผ่าตัด. เราเห็นว่าการผ่าตัดทำคลอดมีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งตอนนี้มีมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของ [การเกิด].” อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์คาร์โล โรมานีนี นายกสมาคมสูติ-นรีเวชศาสตร์แห่งอิตาลี กล่าวว่า “การเกิด ‘ที่ตั้งโปรแกรมไว้’ ไม่ใช่ทางเลือกเพื่อความสะดวก” แต่เป็นการป้องกันมารดาและทารกจากความยุ่งยากที่ไม่ได้คาดคิดไว้. เขากล่าวว่า “เป็นเรื่องดีกว่ามากที่ [การเกิด] จะมีขึ้นเมื่อโรงพยาบาลมีบุคลากรอยู่พร้อมและสามารถรับรองเรื่องการเอาใจใส่ดีที่สุดที่สามารถทำได้.”
ฝ้ายงอกจากแกะหรือ?
ตามการสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ได้รับมอบหมายจากสภาเกษตรกรหนุ่มสาวแห่งยุโรป “50 เปอร์เซ็นต์ของเด็ก ๆ ในอียู [สหภาพยุโรป] ไม่รู้ว่าน้ำตาลทำมาจากอะไร, สามในสี่ . . . ไม่รู้ว่าฝ้ายมาจากไหน, โดยมีมากกว่าหนึ่งในสี่คิดว่าฝ้ายงอกจากแกะ.” ยิ่งกว่านั้น 25 เปอร์เซ็นต์ของเด็กอายุเก้าและสิบปีในบริเตนและเนเธอร์แลนด์คิดว่าส้มและมะกอกเทศปลูกในประเทศของตน. ส่วนมากเด็ก ๆ สัมผัสกับผลิตผลทางการเกษตรที่ซูเปอร์มาร์เกต ไม่ใช่ในไร่นา และส่วนใหญ่พวกเขาเรียนรู้เกี่ยวกับการเกษตรที่โรงเรียน. ทั้งหมดนี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้อาชีพเกษตรกรไม่น่าดึงดูดใจสำหรับเด็กชาวยุโรปหลายคนในทุกวันนี้. สภานี้กล่าวว่า “โดยเฉลี่ย เพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของเด็กในอียู ‘อยากจะเป็นเกษตรกรมาก’ เมื่อโตขึ้น.”
งีบหลับที่ทำให้สดชื่น
ตามรายงานในหนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ นิสัยการพึ่งกาเฟอีนเพื่อจะผ่านพ้นความง่วงซึมในช่วงบ่าย ๆ อาจมีผลในทางตรงข้าม. ดร. เจมส์ มาส ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับแห่งมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ กล่าวว่า “การบริโภคกาเฟอีนจะตามมาด้วยความรู้สึกง่วงซึมผิดปกติ. หนี้สินในบัญชีการนอนหลับของคุณไม่ได้ลดลงโดยการใช้สารกระตุ้นที่มนุษย์ทำขึ้น.” แทนที่จะพักดื่มกาแฟ มาสแนะให้งีบหลับ ซึ่งเขากล่าวว่า “จะทำให้ความสามารถในการเอาใจจดจ่อรายละเอียดและทำการตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ มีเพิ่มขึ้นอย่างมาก.” ไทมส์ ให้ข้อสังเกตว่า การงีบหลับตอนกลางวันสั้น ๆ ไม่ถึง 30 นาที สามารถทำให้คนเราฟื้นคืนกำลังขึ้นใหม่โดยไม่ทำให้ตื่นยากและไม่รบกวนการนอนหลับสนิทตอนกลางคืน. มาสกล่าวว่า “การงีบหลับไม่ควรถูกมองข้าม แต่ควรถือเป็นเหมือนการออกกำลังในแต่ละวัน.”
เด็กอ้วน
ดร. ฉวง เหล่-ฉี นายกสมาคมนักโภชนาการแห่งกรุงไทเป ไต้หวัน เตือนว่า “โรคอ้วนเป็นปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่งซึ่งเยาวชนในเอเชียกำลังเผชิญ.” วารสารเอเชียวีก รายงานว่า เด็กที่มีน้ำหนักเกินในหลายส่วนของเอเชียนั้นมีอัตราสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กผู้ชายและเด็กที่อยู่ในเมืองใหญ่. การศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ในกรุงปักกิ่งเผยว่านักเรียนชั้นประถมและมัธยมกว่า 20 เปอร์เซ็นต์มีน้ำหนักเกิน. รายงานฉบับนั้นกล่าวว่า ดูเหมือนเยาวชนชาวเอเชียใช้เวลามากขึ้นเรื่อย ๆ ในการดูโทรทัศน์และเล่นวิดีโอ
เกม. จะแก้อย่างไร? ตามรายงานในวารสารเอเชียวีก ทางแก้ไม่ได้อยู่ที่การจำกัดปริมาณอาหารที่เด็กรับประทาน แต่อยู่ที่การออกกำลังกายเป็นประจำควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่มีคุณค่า—กล่าวคือเน้นผักและผลไม้มากกว่าขนมขบเคี้ยวที่มีไขมันสูง. ดร. ฉวงให้ข้อสังเกตต่อไปว่า การทำให้กิจกรรมที่ต้องใช้แรงกายเป็นเรื่องสนุกคือเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ. รายงานกล่าวว่า ถ้าไม่เปลี่ยนนิสัย เด็กที่มีน้ำหนักเกินอาจเผชิญกับโรคความดันโลหิตสูง, ปัญหาเกี่ยวกับตับ, โรคเบาหวาน, และปัญหาทางจิต.คนอังกฤษกับการหย่อนใจ
หนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์ แห่งกรุงลอนดอนรายงานว่า ในปี 1999 เป็นครั้งแรกที่คนอังกฤษโดยเฉลี่ยใช้จ่ายไปกับสินค้าและการบริการเพื่อความบันเทิงและนันทนาการมากกว่า “อาหาร, ที่อยู่อาศัยหรือสิ่งของชิ้นเดียวใด ๆ ซึ่งอยู่ในงบประมาณรายจ่ายประจำสัปดาห์ของครอบครัว.” ในปี 1968 ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการหย่อนใจมีเพียง 9 เปอร์เซ็นต์ของรายจ่ายทั้งหมดในครอบครัว เมื่อเทียบกับ 17 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบัน. มาร์ติน เฮย์เวิร์ด ผู้ให้คำปรึกษาสำหรับผู้บริโภค กล่าวว่า “เนื่องจากตอนนี้เราทุกคนมีฐานะดีกว่าเมื่อสัก 30 ปีที่แล้วเป็นอย่างมาก การใช้จ่ายเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจหลายอย่างที่อาจเคยคิดกันว่าเป็นของฟุ่มเฟือยนั้น บัดนี้ถือกันว่าเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับคนส่วนใหญ่. ตอนนี้คนส่วนใหญ่ถือว่าการมีวันหยุดงานเป็น ‘ความจำเป็น’ แทนที่จะเป็น ‘ความต้องการ.’ บางคนถึงกับถือว่าการมีวันหยุดงานสามครั้งต่อปีเป็นความจำเป็นพื้นฐาน.” ปัจจุบันครัวเรือนต่าง ๆ ใช้จ่ายไปกับเครื่องฉายหนังฟังเพลง, โทรทัศน์, และคอมพิวเตอร์มากกว่าที่พวกเขาเคยใช้เมื่อปี 1968 ถึงสี่เท่า. ที่จริง 1 ใน 10 ของครัวเรือนเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และ 1 ใน 3 มีคอมพิวเตอร์.
“จิตรกร” ช้าง
ในออตตาปาลาม ประเทศอินเดีย ลูกช้างถูกสอนให้วาดรูปโดยใช้งวงจับแปรงระบายสี. หนังสือพิมพ์ดิ อินเดียน เอกซ์เพรส รายงานว่า นักอนุรักษ์ได้ตั้งโครงการศิลปะและการอนุรักษ์ช้างเอเชียเพื่อรวบรวมเงินทุนในการปกป้องช้างโดยขายภาพที่ช้างวาด. ช้างพลายวัยหกปีตัวหนึ่งชื่อกาเนซานดูเหมือนจะชอบความอุตสาหะพยายาม “ทางศิลปะ” ของมันเป็นพิเศษ. เมื่อมันมีอารมณ์จะวาด มันจะโบกหูและรับแปรงระบายสีจากควาญช้าง. เมื่อกาเนซานกำลังวาด มันไม่ชอบถูกรบกวน แม้แต่นกหรือกระรอกก็อยู่ใกล้ ๆ ไม่ได้. หลังจากมันป้ายสีลงไปบ้าง กาเนซานจะหยุดและทำท่าเหมือนกับพิจารณาผลงานของมัน. อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ลูกช้างทุกตัวยอมให้ฝึกเป็น “จิตรกร” สัตว์. ลูกช้างบางตัวแสดงความไม่พอใจโดยหักแปรงระบายสี.
มิตรภาพตกอยู่ในอันตราย
หนังสือพิมพ์เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล รายงานว่า วันทำงานที่ยาวนานขึ้น, การเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจที่มากขึ้น, และความบันเทิงในรูปแบบอิเล็กทรอนิก “ซึ่งทำให้เราติดต่อกับทุกสิ่งทุกอย่างได้ยกเว้นกับคนอื่น ๆ” กำลังส่งผลกระทบที่น่าเศร้าต่อมิตรภาพส่วนตัว. หนังสือพิมพ์ฉบับนี้บอกว่า “การใช้เวลากับเพื่อน ๆ กำลังถูกมองว่าเป็นการทำตามใจตัวเองแบบที่เลือกได้และเป็นสิ่งที่ขโมยเวลาซึ่งมีอยู่น้อยนิดไปจากตารางเวลาที่เต็มแน่นอยู่แล้ว.” เอียน เยเกอร์ นักสังคมวิทยา กล่าวว่า กระนั้นคนที่ละเลยมิตรภาพอาจพบว่าเมื่อเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นในครอบครัว “ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเพื่อคอยช่วยเหลือพวกเขา.” ในทางกลับกัน การศึกษาวิจัยดูเหมือนบ่งชี้ว่าคนที่มีเพื่อนที่ดีมักจะประสบความเครียดและความเจ็บป่วยน้อยกว่าและอาจถึงกับมีอายุยืนกว่าด้วยซ้ำ. หนังสือพิมพ์เจอร์นัล ให้ข้อสังเกตว่า “เคล็ดลับคือการตระหนักว่าการรักษามิตรภาพไว้ต้องใช้ความพยายามเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับการทำให้งานและครอบครัวสมดุลกัน.”
ภาพยนตร์หรือโบสถ์
หนังสือพิมพ์ดิ อินดิเพนเดนต์ แห่งกรุงลอนดอนรายงานว่า “สำหรับวัยรุ่นแล้ว ภาพยนตร์เช่น คนเหล็กภาค 2, ไททานิก, และสตาร์วอร์ส ให้ประสบการณ์ทางศาสนาที่ลึกซึ้งกว่าคริสตจักรโดยทั่วไป.” ดร. ลินน์ คลาก แห่งศูนย์สื่อมวลชนของมหาวิทยาลัยโคโลราโด ถามหนุ่มสาว 200 คนว่าภาพยนตร์เรื่องใดที่ตรงกับความเชื่อทางศาสนาของตนมากที่สุด. หลายคนกล่าวถึงคนเหล็กภาค 2 ซึ่งเป็นเรื่องการต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่ว โดยมีตัวเอกเดินทางย้อนเวลากลับมาช่วยเด็กที่เป็นเหมือนมาซีฮา. เมื่อบรรยายที่การประชุมแห่งหนึ่งในเอดินบะระ สกอตแลนด์ ดร. คลากสรุปว่า “หนุ่มสาวในสมัยนี้หวังพึ่งดาร์ท เวเดอร์ และดิ เอกซ์ ไฟลส์ ฐานะเป็นแหล่งที่จะช่วยไขปัญหาเกี่ยวกับชีวิต. ดิ เอกซ์ ไฟลส์ น่าดึงดูดใจเพราะภาพยนตร์ชุดนี้พิจารณาแนวคิดโดยรวมเกี่ยวกับพลังลึกลับซึ่งควบคุมเอกภพอยู่. มีการตั้งประเด็นว่ามีหลายสิ่งซึ่งวิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้. นั่นเป็นคำถามทางศาสนา แต่เป็นคำถามที่ศาสนาตอบได้ไม่ดี.”