ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

สิ่งสำคัญยิ่งสำหรับผม—การรักษาความภักดี

สิ่งสำคัญยิ่งสำหรับผม—การรักษาความภักดี

สิ่ง​สำคัญ​ยิ่ง​สำหรับ​ผม—การ​รักษา​ความ​ภักดี

เล่า​โดย​อะเลกเซ เดวิดยุค

ใน​ปี 1947 ณ สถาน​ที่​ซึ่ง​ห่าง​จาก​หมู่​บ้าน​ของ​เรา​ที่​เลสคีฟ ยูเครน ประมาณ​แปด​กิโลเมตร​ใกล้​พรม​แดน​ประเทศ​โปแลนด์. สเตปัน เพื่อน​รุ่น​พี่​ของ​ผม​ซึ่ง​เป็น​ผู้​ส่ง​ข่าว​ได้​ลอบ​นำ​สรรพหนังสือ​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​จาก​โปแลนด์​เข้า​ไป​ใน​ยูเครน. คืน​วัน​หนึ่ง ทหาร​รักษา​การณ์​ชายแดน​เห็น​เข้า​จึง​ไล่​ยิง​เขา​จน​เสีย​ชีวิต. สิบ​สอง​ปี​ต่อ​มา การ​ตาย​ของ​สเตปัน​มี​ผล​กระทบ​อย่าง​น่า​ทึ่ง​ต่อ​ชีวิต​ของ​ผม ดัง​ที่​ผม​จะ​ชี้​แจง​ตอน​หลัง.

ตอน​ผม​เกิด​ที่​เลสคีฟ​เมื่อ​ปี 1932 สิบ​ครอบครัว​ใน​หมู่​บ้าน​ของ​เรา​เป็น​พวก​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ ซึ่ง​เป็น​ชื่อ​เรียก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​สมัย​นั้น. พ่อ​แม่​ของ​ผม​รวม​อยู่​ใน​กลุ่ม​นี้​ด้วย ท่าน​ได้​วาง​ตัว​อย่าง​อัน​ดี​ใน​การ​รักษา​ความ​ภักดี​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​จน​กระทั่ง​ท่าน​ทั้ง​สอง​สิ้น​ชีวิต​ใน​ช่วง​กลาง​ทศวรรษ 1970. ความ​ภักดี​ต่อ​พระเจ้า​จึง​เป็น​เรื่อง​สำคัญ​ยิ่ง​ใน​ชีวิต​ทั้ง​สิ้น​ของ​ผม​เช่น​กัน.—บทเพลง​สรรเสริญ 18:25.

ปี 1939 คือ​ปี​ที่​เกิด​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 นั้น บริเวณ​พื้น​ที่​ที่​เรา​อาศัย​อยู่​ใน​โปแลนด์​ตะวัน​ออก​ถูก​รวม​เข้า​กับ​สหภาพ​โซเวียต. เรา​อยู่​ภาย​ใต้​การ​ปกครอง​ของ​โซเวียต​จน​ถึง​เดือน​มิถุนายน 1941 เมื่อ​กองทัพ​เยอรมัน​ได้​บุก​เข้า​ยึด​ครอง​พื้น​ที่​ของ​เรา.

ใน​ระหว่าง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 ผม​ประสบ​ความ​ยุ่งยาก​ที่​โรง​เรียน​หลาย​ครั้ง. เด็ก​นัก​เรียน​ถูก​สอน​ให้​ร้อง​เพลง​เกี่ยว​กับ​ชาติ และ​ให้​ร่วม​ฝึก​ทหาร. อัน​ที่​จริง ส่วน​หนึ่ง​ของ​การ​ฝึก​นั้น​รวม​ไป​ถึง​การ​เรียน​วิธี​ขว้าง​ระเบิด​มือ. แต่​ผม​ปฏิเสธ​ทั้ง​การ​ร้อง​เพลง​ปลุกใจ​ให้​รัก​ชาติ​และ​การ​ฝึก​ทหาร. การ​เรียน​รู้​ตั้ง​แต่​เยาว์​วัย​ที่​จะ​ยืนหยัด​ตาม​ความ​เชื่อ​มั่น​ของ​ผม​ซึ่ง​มี​พื้น​ฐาน​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​เช่น​นั้น​ช่วย​ผม​รักษา​ความ​ภักดี​ต่อ​พระเจ้า​ตลอด​หลาย​ปี​ต่อ​มา.

มี​ผู้​คน​มาก​มาย​สนใจ​ความ​จริง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ใน​เขต​งาน​ของ​ประชาคม​เรา จึง​ได้​มี​การ​มอบหมาย​ไพโอเนียร์​สอง​คน เป็น​ชื่อ​ที่​เรียก​ผู้​เผยแพร่​เต็ม​เวลา​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา ให้​ไป​ช่วย​สอน​คน​เหล่า​นั้น​ใน​เขต​งาน​ของ​เรา. ไพโอเนียร์​หนึ่ง​ใน​สอง​คน​นั้น​คือ อิลยา เฟโดโรวิตช์ เป็น​คน​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​ผม​และ​ได้​ฝึก​สอน​ผม​ทำ​งาน​เผยแพร่. ใน​ช่วง​ที่​กองทัพ​เยอรมัน​ยึด​ครอง อิลยา​ถูก​เนรเทศ​ไป​อยู่​ใน​ค่าย​กัก​กัน​แห่ง​หนึ่ง​ของ​นาซี และ​ได้​เสีย​ชีวิต​ที่​นั่น.

ความ​มุ่ง​มั่น​ของ​พ่อ​เพื่อ​รักษา​ความ​เป็น​กลาง

ใน​ปี 1941 เจ้าหน้าที่​ฝ่าย​โซเวียต​พยายาม​ให้​พ่อ​ลง​ชื่อ​ใน​หนังสือ​สัญญา​การ​จ่าย​เงิน​ช่วยเหลือ​การ​ทำ​สงคราม. พ่อ​บอก​เขา​ไป​ว่า​ท่าน​ไม่​อาจ​สนับสนุน​ฝ่าย​หนึ่ง​ฝ่าย​ใด​ใน​การ​ทำ​สงคราม และ​ใน​ฐานะ​ผู้​รับใช้​พระเจ้า​องค์​เที่ยง​แท้ ท่าน​จะ​รักษา​ความ​เป็น​กลาง. พ่อ​ถูก​ตรา​หน้า​ว่า​เป็น​ศัตรู​และ​ถูก​ลง​โทษ​จำ​คุก​นาน​สี่​ปี. แต่​ท่าน​ถูก​กัก​ขัง​แค่​สี่​วัน. ทำไม​ล่ะ? เพราะ​ว่า​ใน​วัน​อาทิตย์​หลัง​จาก​ท่าน​ถูก​จำ​คุก กองทัพ​เยอรมัน​ก็​เข้า​ยึด​ครอง​พื้น​ที่​ที่​เรา​อยู่.

ครั้น​พวก​ผู้​คุม​เรือน​จำ​ได้​ข่าว​ว่า​ทหาร​เยอรมัน​เข้า​มา​ใกล้ พวก​เขา​ก็​เปิด​ประตู​คุก​และ​หลบ​หนี​ไป. นัก​โทษ​ส่วน​ใหญ่​ถูก​ทหาร​โซเวียต​ยิง​ข้าง​นอก​คุก​นั่น​เอง. พ่อ​ไม่​ได้​ออก​ไป​ทันที แต่​ภาย​หลัง​ได้​หนี​ไป​ยัง​บ้าน​เพื่อน​ฝูง. จาก​ที่​นั่น พ่อ​ส่ง​ข่าว​ให้​แม่​นำ​เอกสาร​มา​ให้​ท่าน ซึ่ง​เป็น​เอกสาร​ยืน​ยัน​การ​ติด​คุก​ด้วย​สาเหตุ​ที่​ท่าน​ไม่​ยอม​สนับสนุน​โซเวียต​ใน​การ​สงคราม. เมื่อ​พ่อ​แสดง​หลักฐาน​เหล่า​นี้​แก่​เจ้าหน้าที่​ฝ่าย​เยอรมัน พวก​เขา​ไว้​ชีวิต​พ่อ.

ฝ่าย​เยอรมัน​ต้องการ​รู้​ชื่อ​ประชาชน​ทุก​คน​ที่​เคย​ร่วม​มือ​กับ​โซเวียต. เขา​บีบ​บังคับ​พ่อ​ให้​กล่าวหา​คน​เหล่า​นั้น แต่​พ่อ​ปฏิเสธ. ท่าน​ได้​ชี้​แจง​สถานะ​ความ​เป็น​กลาง​ของ​ท่าน. ถ้า​ท่าน​อ้าง​ชื่อ​คน​ใด​ก็​ตาม ไม่​ว่า​ชาย​หรือ​หญิง คน​นั้น​จะ​ถูก​ยิง. ด้วย​เหตุ​นี้ ความ​เป็น​กลาง​ของ​พ่อ​ยัง​ได้​ช่วย​ชีวิต​คน​อื่น ๆ ด้วย ซึ่ง​พวก​เขา​สำนึก​บุญคุณ​ของ​ท่าน​เป็น​อย่าง​มาก.

ทำ​งาน​อย่าง​ลับ ๆ

เดือน​สิงหาคม 1944 โซเวียต​กลับ​มา​ยึด​ครอง​ยูเครน​อีก และ​ใน​เดือน​พฤษภาคม 1945 สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 ใน​แถบ​ยุโรป​ได้​จบ​สิ้น​ลง. ต่อ​มา สิ่ง​ที่​เรียก​ว่า​ม่าน​เหล็ก​ได้​ตัด​พวก​เรา​ใน​สหภาพ​โซเวียต​จาก​โลก​ภาย​นอก. แม้​แต่​การ​ติด​ต่อ​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ข้าม​พรม​แดน​โปแลนด์​ก็​ทำ​ได้​ยาก. เหล่า​พยาน​ฯ ที่​กล้า​หาญ​จะ​ลอบ​ข้าม​พรม​แดน​อย่าง​ระแวด​ระวัง​และ​กลับ​มา​พร้อม​กับ​วารสาร​หอสังเกตการณ์ อัน​มี​ค่า​ไม่​กี่​เล่ม. เนื่อง​จาก​พรม​แดน​ห่าง​จาก​บ้าน​ของ​เรา​ที่​เมือง​เลสคีฟ​เพียง​แปด​กิโลเมตร ผม​มัก​ได้​ยิน​เรื่อง​ราว​ที่​เสี่ยง​อันตราย​ซึ่ง​ผู้​ส่ง​ข่าว​เหล่า​นี้​ได้​ประสบ.

ตัว​อย่าง​เช่น พยาน​ฯ ชื่อ​ซิลเวสเตอร์​ได้​ข้าม​แดน​สอง​ครั้ง และ​เที่ยว​กลับ​แต่​ละ​ครั้ง​ไม่​มี​ปัญหา. แต่​พอ​มา​เที่ยว​ที่​สาม หน่วย​ลาด​ตระเวน​ชายแดน​และ​สุนัข​ทหาร​เห็น​เขา. พวก​ทหาร​ตะโกน​สั่ง​เขา​ให้​หยุด แต่​ซิลเวสเตอร์​วิ่ง​หนี​อย่าง​ไม่​คิด​ชีวิต. ทาง​เดียว​ที่​เขา​สามารถ​หนี​เอา​ตัว​รอด​จาก​สุนัข​ได้​คือ​ลุย​ลง​ไป​ใน​ทะเลสาบ​ที่​อยู่​ใกล้ ๆ. ตลอด​คืน​เขา​ยืน​แช่​น้ำ​ที่​สูง​ถึง​คอ, ซ่อน​ตัว​ใน​กอ​หญ้า​สูง ๆ. ใน​ที่​สุด เมื่อ​ทหาร​เลิก​ค้น​หา ซิลเวสเตอร์​จึง​เดิน​โซเซ​กลับ​บ้าน​อย่าง​หมด​เรี่ยว​หมด​แรง.

ดัง​เกริ่น​ไว้​ข้าง​ต้น สเตปัน หลาน​ชาย​ของ​ซิลเวสเตอร์​ถูก​ฆ่า​ขณะ​พยายาม​ข้าม​พรม​แดน. กระนั้น นับ​ว่า​เป็น​เรื่อง​สำคัญ​ที​เดียว​ที่​เรา​ยัง​คง​รักษา​การ​ติด​ต่อ​กับ​ไพร่พล​ของ​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​ต่อ​เนื่อง. ด้วย​ความ​พยายาม​ของ​ผู้​ส่ง​ข่าว​ที่​กล้า​หาญ พวก​เรา​จึง​สามารถ​ได้​รับ​อาหาร​ฝ่าย​วิญญาณ​และ​การ​ชี้​นำ​ที่​เป็น​ประโยชน์.

ปี​ถัด​มา คือ​ปี 1948 ผม​ได้​รับ​บัพติสมา​ตอน​กลางคืน​ใน​ทะเลสาบ​เล็ก ๆ ใกล้​บ้าน. ผู้​ประสงค์​จะ​รับ​บัพติสมา​ได้​มา​พบ​กัน​ที่​บ้าน​ของ​เรา แต่​ผม​ไม่​รู้​ว่า​เป็น​ใคร​บ้าง เนื่อง​จาก​มืด​แล้ว​และ​ทุก​สิ่ง​ก็​ต้อง​ดำเนิน​การ​กัน​อย่าง​เงียบ ๆ. พวก​เรา​ที่​รับ​บัพติสมา​คืน​นั้น​ไม่​พูด​คุย​กัน​เลย. ผม​ไม่​รู้​จัก​คน​ที่​บรรยาย​เรื่อง​การ​รับ​บัพติสมา ซึ่ง​ถาม​คำ​ถาม​สำหรับ​การ​รับ​บัพติสมา​ขณะ​ที่​เรา​ยืน​อยู่​ใกล้​ทะเลสาบ รวม​ทั้ง​ไม่​รู้​จัก​คน​ที่​จุ่ม​ตัว​ผม. หลัง​จาก​นั้น​หลาย​ปี เมื่อ​เอา​ข้อมูล​ของ​ผม​เปรียบ​เทียบ​กับ​ของ​เพื่อน​สนิท ผม​จึง​รู้​ว่า​เรา​สอง​คน​อยู่​ใน​กลุ่ม​ที่​ได้​รับ​บัพติสมา​คืน​นั้น.

ใน​ปี 1949 เหล่า​พยาน​ฯ ใน​ยูเครน​ได้​รับ​จดหมาย​จาก​บรุกลิน​ที่​สนับสนุน​พวก​เขา​เพื่อ​ร้อง​ขอ​มอสโก​ให้​งาน​เผยแพร่​ใน​สหภาพ​โซเวียต​เป็น​ที่​ยอม​รับ​ตาม​กฎหมาย. ตาม​การ​ชี้​นำ​นั้น ได้​มี​การ​ส่ง​คำ​ร้อง​ผ่าน​รัฐมนตรี​กระทรวง​มหาดไทย​ขึ้น​ไป​ถึง​คณะ​ผู้​บริหาร​ระดับ​สูง​สุด​ของ​โซเวียต​แห่ง​สหภาพ​รัสเซีย. หลัง​จาก​นั้น​มี​การ​มอบหมาย​มีย์โคลา ปยาโตฮา พร้อม​กับ​อิลยา บาบีชุค​ให้​ไป​มอสโก​เพื่อ​รับ​คำ​ตอบ​จาก​รัฐบาล​ต่อ​คำ​ร้อง​ของ​เรา. คน​ทั้ง​สอง​ตก​ลง​เดิน​ทาง​ไป​มอสโก​ใน​ฤดู​ร้อน​นั้น​เลย.

เจ้าหน้าที่​ซึ่ง​ต้อนรับ​ผู้​ทำ​หน้า​ที่​แทน​นี้​ได้​รับ​ฟัง​ขณะ​ที่​พวก​เขา​ชี้​แจง​ให้​เหตุ​ผล​เกี่ยว​กับ​งาน​ของ​เรา​ตาม​หลัก​คัมภีร์​ไบเบิล. พวก​เขา​ได้​อธิบาย​ว่า​การ​ดำเนิน​งาน​ของ​เรา​เป็น​ไป​ตาม​คำ​พยากรณ์​ของ​พระ​เยซู​ที่​ว่า “ข่าว​ดี​แห่ง​ราชอาณาจักร​นี้​จะ​ได้​รับ​การ​ประกาศ​ทั่ว​ทั้ง​แผ่นดิน​โลก​ที่​มี​คน​อาศัย​อยู่ เพื่อ​ให้​คำ​พยาน​แก่​ทุก​ชาติ.” (มัดธาย 24:14, ล.ม.) อย่าง​ไร​ก็​ดี เจ้าหน้าที่​ให้​คำ​ตอบ​ว่า​รัฐบาล​จะ​ไม่​รับรอง​เรา​ตาม​กฎหมาย​โดย​เด็ดขาด.

พยาน​ฯ ทั้ง​สอง​กลับ​บ้าน​แล้ว​ไป​ที่​เมือง​เคียฟ เมือง​หลวง​ของ​สาธารณรัฐ​ยูเครน​เพื่อ​ขอ​การ​รับรอง​ตาม​กฎหมาย​สำหรับ​งาน​ของ​เรา​ที่​นี่​ใน​ยูเครน. อีก​ครั้ง​หนึ่ง เจ้าหน้าที่​ปฏิเสธ​คำ​ร้อง​นั้น. เขา​บอก​ว่า​พยาน​พระ​ยะโฮวา​จะ​ไม่​ถูก​รบกวน​ก็​ต่อ​เมื่อ​พยาน​ฯ สนับสนุน​รัฐบาล. ทั้ง​พูด​อีก​ด้วย​ว่า​พยาน​ฯ ต้อง​เข้า​รับ​ราชการ​ทหาร​และ​ร่วม​มือ​ใน​การ​เลือก​ตั้ง​ต่าง ๆ. มี​การ​ชี้​แจง​ฐานะ​ความ​เป็น​กลาง​ของ​เรา​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ว่า เมื่อ​เรา​เลียน​แบบ​พระ​เยซู​คริสต์​นาย​ของ​เรา เรา​ต้อง​ไม่​เป็น​ส่วน​ของ​โลก.—โยฮัน 17:14-16, ล.ม.

ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น บราเดอร์​ปยาโตฮา​และ​บาบีชุค​ก็​ถูก​จับ, ถูก​ตั้ง​ข้อ​หา, และ​ถูก​ตัดสิน​จำ​คุก 25 ปี. ประมาณ​ช่วง​นั้น ใน​ปี 1950 พยาน​ฯ หลาย​คน​ถูก​พวก​เจ้าหน้าที่​จับ​กุม พ่อ​ของ​ผม​อยู่​ใน​จำนวน​นั้น​ด้วย. ท่าน​ถูก​ตัดสิน​จำ​คุก 25 ปี​และ​ถูก​ส่ง​ไป​ยัง​ฮาบารอฟสค์ ไกล​ออก​ไป​เกือบ 7,000 กิโลเมตร ทาง​ตะวัน​ออก​สุด​ของ​สหภาพ​โซเวียต.

เนรเทศ​ไป​ไซบีเรีย

ครั้น​แล้ว​ใน​เดือน​เมษายน 1951 รัฐบาล​โซเวียต​ดำเนิน​การ​กวาด​ล้าง​กลุ่ม​พยาน​ฯ ใน​สาธารณรัฐ​ต่าง ๆ ทาง​ตะวัน​ตก ซึ่ง​บัด​นี้​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​ว่า​สาธารณรัฐ​ลัตเวีย, เอสโตเนีย, ลิทัวเนีย, มอลโดวา, เบลารุส, และ​ยูเครน. ใน​ช่วง​เดือน​นั้น พวก​เรา​ประมาณ 7,000 คน รวม​ทั้ง​แม่​และ​ตัว​ผม​เอง​ถูก​เนรเทศ​ไป​ไซบีเรีย. จู่ ๆ พวก​ทหาร​ก็​มา​ที่​บ้าน​ของ​เรา​ตอน​กลางคืน​และ​นำ​พวก​เรา​ไป​ยัง​สถานี​รถไฟ. ที่​นั่น เขา​ขัง​เรา​ให้​อยู่​ใน​ตู้​บรรทุก​ปศุสัตว์ ประมาณ 50 คน​ต่อ​หนึ่ง​ตู้—และ​กว่า​สอง​สัปดาห์​ต่อ​มา เขา​ปล่อย​พวก​เรา​ลง ณ ที่​เรียก​กัน​ว่า ชาราลี ใกล้​ทะเลสาบ​ไบคาล​ใน​เมือง​อิร์คุตสค์.

การ​ยืน​ตาก​หิมะ​กลาง​ลม​หนาว​ที่​เย็น​เยือก​แถม​ราย​ล้อม​ด้วย​ทหาร​ติด​อาวุธ ผม​สงสัย​ว่า​มี​อะไร​รอ​เรา​อยู่. ณ ที่​นี่ ผม​จะ​ทำ​อย่าง​ไร​เพื่อ​รักษา​ความ​ภักดี​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​ต่อ ๆ ไป? พวก​เรา​เริ่ม​ร้อง​เพลง​ราชอาณาจักร​เพื่อ​จะ​ไม่​นึก​ถึง​ความ​หนาว​เหน็บ. ครั้น​แล้ว​พวก​ผู้​จัด​การ​รัฐวิสาหกิจ​ใน​ท้อง​ที่​นั้น​ก็​มา​ถึง. บาง​คน​ต้องการ​ผู้​ชาย​ทำ​งาน​หนัก และ​บาง​คน​ก็​ต้องการ​ผู้​หญิง​ไป​ทำ​งาน​อื่น อาทิ งาน​ดู​แล​สัตว์. ส่วน​ผม​กับ​แม่​เขา​ได้​พา​ไป​ที่​บริเวณ​ก่อ​สร้าง​โรง​ไฟฟ้า​พลัง​น้ำตา​กิน​สกา​ยา ซึ่ง​อยู่​ใน​ระหว่าง​ดำเนิน​การ​สร้าง.

เมื่อ​ไป​ถึง​ที่​นั่น เรา​มอง​เห็น​เรือน​ไม้​เรียง​เป็น​แถว จัด​ให้​เป็น​บ้าน​พัก​สำหรับ​พวก​ที่​ถูก​เนรเทศ. ผม​ได้​รับ​มอบ​งาน​เป็น​คน​ขับ​รถ​แทรกเตอร์​และ​เป็น​ช่าง​ไฟฟ้า ส่วน​แม่​ถูก​ส่ง​ไป​ทำ​งาน​ใน​ฟาร์ม. พวก​เรา​ถูก​จัด​อย่าง​เป็น​ทาง​การ​ให้​เป็น​พวก​ผู้​ถูก​เนรเทศ ไม่​ใช่​นัก​โทษ. ดัง​นั้น​เรา​ไป​ไหน​มา​ไหน​ได้​ใน​ระยะ​ทาง​สั้น ๆ ไม่​ไกล​จาก​สถานี​จ่าย​ไฟฟ้า กระนั้น พวก​เรา​ถูก​ห้าม​แวะ​ไป​เยี่ยม​หมู่​คน​ที่​ตั้ง​ถิ่น​ฐาน​ใหม่​ซึ่ง​อยู่​ห่าง​ออก​ไป​ประมาณ 50 กิโลเมตร. พวก​เจ้าหน้าที่​กดดัน​ให้​พวก​เรา​ลง​ชื่อ​ใน​ใบ​ประกาศ​ที่​บอก​ว่า​เรา​จะ​อยู่​ชั่ว​ชีวิต. นั่น​ดู​เหมือน​ว่า​นาน​เหลือ​เกิน​สำหรับ​ผม ซึ่ง​อายุ​แค่ 19 ปี ดัง​นั้น ผม​ปฏิเสธ​ไม่​ลง​ชื่อ. กระนั้น พวก​เรา​ได้​อยู่​ใน​แถบ​นั้น​ถึง 15 ปี.

ที่​ไซบีเรีย​พรม​แดน​โปแลนด์​นั้น​ไม่​ใช่​เพียง 8 กิโลเมตร​สำหรับ​เรา​อีก​ต่อ​ไป แต่​เป็น​ระยะ​ทาง 6,000 กว่า​กิโลเมตร​ที​เดียว! พวก​เรา​พยาน​พระ​ยะโฮวา​พยายาม​จัด​การ​ทุก​อย่าง​เท่า​ที่​ทำ​ได้​เพื่อ​พวก​เรา​จะ​รวม​ตัว​ตั้ง​เป็น​ประชาคม​ขึ้น​อีก โดย​การ​แต่ง​ตั้ง​ให้​ผู้​ชาย​นำ​หน้า. ที​แรก เรา​ไม่​มี​สรรพหนังสือ​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล นอก​จาก​หนังสือ​เพียง​ไม่​กี่​เล่ม​ที่​พยาน​ฯ บาง​คน​แอบ​นำ​ติด​ตัว​มา​จาก​ยูเครน. หนังสือ​เหล่า​นี้​เรา​คัด​ลอก​ด้วย​มือ และ​เรา​ได้​เวียน​ส่ง​ต่อ​ให้​กัน​และ​กัน.

ไม่​ช้า เรา​ก็​เริ่ม​จัด​การ​ประชุม. เนื่อง​จาก​หลาย​คน​ใน​กลุ่ม​ของ​เรา​พัก​อาศัย​ที่​เรือน​ไม้ เรา​จึง​พบ​ปะ​กัน​แทบ​ทุก​คืน. ประชาคม​ของ​เรา​มี​ประมาณ 50 คน ผม​ได้​รับ​มอบ​หน้า​ที่​ให้​นำ​ส่วน​โรง​เรียน​การ​รับใช้​ตาม​ระบอบ​ของ​พระเจ้า. ใน​ประชาคม​ของ​เรา​มี​ผู้​ชาย​เพียง​ไม่​กี่​คน ดัง​นั้น ผู้​หญิง​จึง​ได้​ส่วน​นัก​เรียน​บรรยาย​เช่น​กัน ซึ่ง​มี​การ​นำ​วิธี​การ​นี้​ไป​ปฏิบัติ​ใน​ประชาคม​พยาน​พระ​ยะโฮวา ณ ที่​อื่น ๆ ใน​ปี 1958. ทุก​คน​ต่าง​ก็​ทำ​หน้า​ที่​มอบหมาย​ของ​ตน​อย่าง​จริงจัง โดย​มอง​ว่า​โรง​เรียน​เป็น​วิธี​หนึ่ง​ที่​จะ​สรรเสริญ​พระ​ยะโฮวา​และ​ให้​กำลังใจ​คน​อื่น ๆ ใน​ประชาคม.

งาน​รับใช้​ของ​เรา​ได้​รับ​พระ​พร

เนื่อง​จาก​พวก​เรา​อยู่​ใน​เรือน​ไม้​ร่วม​กับ​คน​อื่น​ที่​ไม่​ใช่​พยาน​ฯ ฉะนั้น แทบ​จะ​ไม่​มี​สัก​วัน​ผ่าน​ไป​โดย​ไม่​ได้​พูด​คุย​กับ​คน​อื่น​เกี่ยว​ด้วย​ความ​เชื่อ​ของ​เรา แม้​เจ้าหน้าที่​ห้าม​ปราม​อย่าง​เข้มงวด​ก็​ตาม. สถานการณ์​ดี​ขึ้น​ภาย​หลัง​การ​เสีย​ชีวิต​ของ​นายก​รัฐมนตรี​โจเซฟ สตาลิน ใน​ปี 1953. เรา​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​พูด​กับ​คน​ทั่ว​ไป​ได้​มาก​ขึ้น​ถึง​เรื่อง​ความ​เชื่อ​ของ​เรา​ซึ่ง​ยึด​หลัก​คัมภีร์​ไบเบิล. จาก​การ​ติด​ต่อ​ทาง​จดหมาย​กับ​มิตร​สหาย​ใน​ยูเครน เรา​จึง​ทราบ​ว่า​พยาน​ฯ คน​อื่น ๆ อยู่​ที่​ไหน​ใน​พื้น​ที่​ของ​เรา และ​จึง​ติด​ต่อ​กับ​เขา. โดย​วิธี​นี้​เรา​จึง​สามารถ​จัด​รวบ​รวม​ประชาคม​ต่าง ๆ ของ​เรา​ขึ้น​เป็น​หมวด.

ปี 1954 ผม​แต่งงาน​กับ​โอลกา ซึ่ง​ถูก​เนรเทศ​มา​จาก​ยูเครน​เหมือน​กัน. ตลอด​หลาย​ปี​เธอ​เป็น​คน​ที่​เกื้อ​หนุน​ผม​มาก​ใน​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา. สเตปัน​พี่​ชาย​โอลกา​นี้​แหละ​คือ​คน​ที่​ถูก​สังหาร​ตรง​ชายแดน​ยูเครน​กับ​โปแลนด์​เมื่อ​ปี 1947. ต่อ​มา เรา​ก็​ได้​ลูก​สาว คือ​วาเลนตินา.

โอลกา​กับ​ผม​ได้​รับ​พระ​พร​มาก​มาย​ใน​งาน​รับใช้​ฝ่าย​คริสเตียน​ที่​ไซบีเรีย. อย่าง​เช่น เรา​ได้​พบ​จอร์จ ผู้​นำ​กลุ่ม​คริสตจักร​แบพติสต์. เรา​ไป​เยี่ยม​เขา​เป็น​ประจำ​และ​ได้​ศึกษา​บทความ​อะไร​ก็​ตาม​เท่า​ที่​หา​ได้​ใน​หอสังเกตการณ์. ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น​จอร์จ​หยั่ง​รู้​ว่า​สิ่ง​ซึ่ง​ผู้​รับใช้​ของ​พระ​ยะโฮวา​สั่ง​สอน​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​นั้น​เป็น​ความ​จริง. เรา​ยัง​ได้​เริ่ม​ศึกษา​กับ​เพื่อน​หลาย​คน​ของ​เขา​ที่​เป็น​ชาว​แบพติสต์​ด้วย. พวก​เรา​ต่าง​ก็​ปลื้ม​ปีติ​เมื่อ​จอร์จ​พร้อม​กับ​เพื่อน​ของ​เขา​หลาย​คน​ได้​รับ​บัพติสมา​และ​กลาย​เป็น​พี่​น้อง​ฝ่าย​วิญญาณ.

ปี 1956 ผม​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​เป็น​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง ซึ่ง​ผม​ต้อง​เดิน​ทาง​เยี่ยม​ประชาคม​หนึ่ง​ใน​เขต​พื้น​ที่​ของ​เรา​แต่​ละ​สัปดาห์. ผม​จะ​ทำ​งาน​ตลอด​วัน​แล้ว​เริ่ม​ออก​เดิน​ทาง​ใน​ตอน​เย็น​โดย​รถ​มอเตอร์ไซค์​กลับ​ไป​ร่วม​ประชุม​กับ​ประชาคม. เช้า​ตรู่​วัน​รุ่ง​ขึ้น​ผม​ก็​กลับ​มา​ทำ​งาน. มีย์ไฮโล เซียร์ดินสกี ซึ่ง​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​ให้​ช่วย​ผม​ใน​การ​เดิน​หมวด​ประสบ​อุบัติเหตุ​บน​ถนน​ถึง​แก่​ชีวิต​เมื่อ​ปี 1958. เขา​เสีย​ชีวิต​วัน​พุธ แต่​เรา​เลื่อน​งาน​ศพ​ไป​จน​ถึง​วัน​อาทิตย์​เพื่อ​พยาน​ฯ จำนวน​มาก​เท่า​ที่​เป็น​ไป​ได้​จะ​มี​โอกาส​ร่วม​งาน​นั้น.

เมื่อ​พวก​เรา​กลุ่ม​ใหญ่​เริ่ม​เดิน​ไป​ยัง​สุสาน เจ้าหน้าที่​หน่วย​รักษา​ความ​ปลอด​ภัย​ของ​รัฐ​ก็​ได้​ตาม​เรา​ไป. การ​บรรยาย​เกี่ยว​กับ​ความ​หวัง​ของ​เรา​ซึ่ง​อาศัย​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​หลัก​เรื่อง​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​นั้น​นับ​ว่า​เสี่ยง​ต่อ​การ​จับ​กุม. แต่​ผม​อด​ไม่​ได้​ที่​จะ​พูด​ถึง​มีย์ไฮโล และ​ความ​หวัง​ของ​เขา​ใน​วัน​ข้าง​หน้า​ที่​วิเศษ​ยิ่ง. แม้​ว่า​ผม​ใช้​คัมภีร์​ไบเบิล เจ้าหน้าที่​หน่วย​รักษา​ความ​ปลอด​ภัย​ของ​รัฐ​ก็​ไม่​ได้​จับ​กุม​ผม. ดู​เหมือน​พวก​เขา​คิด​ว่า​ไม่​ได้​ประโยชน์​แต่​อย่าง​ใด และ​ถึง​อย่าง​ไร​พวก​เขา​ก็​รู้​จัก​ผม​เป็น​อย่าง​ดี เพราะ​บ่อย​ครั้ง​ผม​เป็น “แขก” ซึ่ง​ถูก​พวก​เขา​สอบสวน​ที่​กอง​บัญชา​การ.

ผู้​แจ้ง​ความ​ได้​ทรยศ

ใน​ปี 1959 เจ้าหน้าที่​หน่วย​รักษา​ความ​ปลอด​ภัย​ของ​รัฐ​ได้​จับ​กุม​พยาน​พระ​ยะโฮวา 12 คน​ซึ่ง​นำ​หน้า​ใน​งาน​เผยแพร่. บาง​คน​ถูก​เรียก​ตัว​ไป​สอบสวน ผม​อยู่​ใน​กลุ่ม​นี้​ด้วย. พอ​ถึง​เวลา​ที่​ผม​ถูก​สอบสวน ผม​สะดุ้ง​โหยง​เมื่อ​ได้​ยิน​เจ้าหน้าที่​สาธยาย​ราย​ละเอียด​เกี่ยว​กับ​งาน​ของ​เรา​ซึ่ง​เป็น​ความ​ลับ. พวก​เขา​รู้​เรื่อง​ต่าง ๆ เหล่า​นี้​ได้​อย่าง​ไร? เห็น​ได้​ชัด​ว่า​มี​ผู้​แจ้ง​ความ​ซึ่ง​เป็น​คน​ที่​รู้​มาก​เกี่ยว​กับ​พวก​เรา​และ​เป็น​คน​ที่​ทำ​งาน​ให้​รัฐ​นาน​พอ​สม​ควร.

สิบ​สอง​คน​ที่​ถูก​จับ​ได้​อยู่​ใน​ห้อง​ขัง​ติด ๆ กัน และ​พวก​เขา​ตก​ลง​กัน​ว่า​เขา​จะ​ไม่​ปริปาก​พูด​แม้​แต่​คำ​เดียว​ต่อ​เจ้าหน้าที่. วิธี​นี้​ทำ​ให้​ผู้​แจ้ง​ความ​ต้อง​ไป​ปรากฏ​ตัว ณ การ​พิจารณา​คดี​เพื่อ​แสดง​หลักฐาน​ต่อ​พวก​เขา. แม้​ผม​ไม่​ถูก​กล่าวหา แต่​ผม​ก็​ไป​ศาล​เพื่อ​ดู​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น. ผู้​พิพากษา​ได้​ซัก​ถาม​หลาย​ประเด็น​ปัญหา และ​สิบ​สอง​คน​นั้น​ไม่​ตอบ. ครั้น​แล้ว​พยาน​ฯ ชื่อ​คอนสแตนติน โปลิชชุค ซึ่ง​ผม​รู้​จัก​คน​นี้​มา​นาน​หลาย​ปี​ได้​ให้​คำ​ให้​การ​ต่อ​สู้​ทั้ง​สิบ​สอง​คน​นั้น. การ​พิจารณา​คดี​สิ้น​สุด​ลง​ด้วย​การ​ตัดสิน​ลง​โทษ​จำ​คุก​พยาน​ฯ บาง​คน. พอ​มา​ที่​ถนน​นอก​ศาล ผม​กราก​เข้า​ใส่​โปลิชชุค.

“ทำไม​คุณ​หัก​หลัง​พวก​เรา?” ผม​ถาม.

“เพราะ​ผม​เลิก​เชื่อ​แล้ว​นี่” เขา​ตอบ.

“คุณ​เลิก​เชื่อ​อะไร​ล่ะ?” ผม​ถาม.

“ผม​ไม่​อาจ​เชื่อถือ​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​อีก​ต่อ​ไป” เขา​ตอบ.

โปลิชชุค​จะ​ทรยศ​ผม​อีก​คน​หนึ่ง​ก็​ได้ แต่​ใน​คำ​ให้​การ​นั้น เขา​ไม่​เอ่ย​ชื่อ​ผม. ดัง​นั้น ผม​จึง​ถาม​ว่า​ทำไม​เขา​ไม่​ได้​เอ่ย​ชื่อ​ผม.

เขา​ชี้​แจง​ว่า “ผม​ไม่​อยาก​ให้​คุณ​ติด​คุก ผม​ยัง​รู้สึก​ผิด​อยู่​เลย​เกี่ยว​กับ​สเตปัน พี่​ชาย​ภรรยา​ของ​คุณ. ผม​เป็น​ต้น​คิด​ที่​ส่ง​เขา​ข้าม​พรม​แดน​ใน​คืน​นั้น​ที่​เขา​ถูก​ฆ่า. ผม​รู้สึก​เสียใจ​จริง ๆ สำหรับ​เรื่อง​นี้.”

คำ​พูด​ของ​เขา​ทำ​เอา​ผม​ถึง​กับ​มึน​งง. สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ของ​เขา​ปรวนแปร​ไป​เสีย​แล้ว! เขา​เป็น​ทุกข์​เสียใจ​เนื่อง​ด้วย​การ​ตาย​ของ​สเตปัน มา​บัด​นี้​เขา​ยัง​ทรยศ​ผู้​รับใช้​ของ​พระ​ยะโฮวา​อีก. ผม​ไม่​เห็น​หน้า​โปลิชชุค​อีก​เลย. เขา​เสีย​ชีวิต​หลัง​จาก​นั้น​ไม่​กี่​เดือน. สำหรับ​ผม เมื่อ​เห็น​บาง​คน​ที่​ผม​ไว้​ใจ​นาน​หลาย​ปี​แต่​แล้ว​กลับ​ทรยศ​พี่​น้อง​ของ​เรา​เช่น​นี้ มัน​เป็น​ความ​เจ็บ​ช้ำ​ที่​ฝัง​ใจ​อยู่​ไม่​รู้​ลืม. กระนั้น ผม​ได้​บทเรียน​อัน​มี​ค่า​จาก​ประสบการณ์​ครั้ง​นั้น: โปลิชชุค​ขาด​ความ​ภักดี​เพราะ​เขา​ละ​ทิ้ง​การ​อ่าน​และ​เลิก​เชื่อถือ​คัมภีร์​ไบเบิล.

แน่นอน เรา​ต้อง​จด​จำ​บทเรียน​นี้​ไว้​เสมอ​ที่​ว่า: หาก​เรา​จะ​คง​ความ​ภักดี​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​อยู่​ต่อ​ไป เรา​ต้อง​หมั่น​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​บริสุทธิ์​เป็น​ประจำ. คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ว่า “จง​ป้องกัน​รักษา​หัวใจ​ของ​เจ้า​ไว้​ยิ่ง​กว่า​สิ่ง​อื่น​ที่​ควร​ปก​ป้อง เพราะ​แหล่ง​แห่ง​ชีวิต​เกิด​จาก​หัวใจ.” นอก​จาก​นี้ อัครสาวก​เปาโล​กำชับ​คริสเตียน​ให้​เฝ้า​ระวัง​ตน. ทำไม? “เกรง​ว่า​จะ​มี​ผู้​ใด​ผู้​หนึ่ง​ใน​พวก​ท่าน​เกิด​มี​หัวใจ​ชั่ว ซึ่ง​ขาด​ความ​เชื่อ​โดย​เอา​ตัว​ออก​ห่าง​จาก​พระเจ้า​ผู้​ทรง​พระ​ชนม์​อยู่.”—สุภาษิต 4:23, ล.ม.; เฮ็บราย 3:12, ล.ม.

กลับ​ยูเครน

ครั้น​การ​เนรเทศ​ไป​ไซบีเรีย​ได้​จบ​สิ้น​ใน​ปี 1966 ผม​และ​โอลกา​จึง​กลับ​บ้าน​ที่​ยูเครน ไป​ยัง​เมือง​โซกัล​อยู่​ห่าง​จาก​เมือง​เลเวฟ​ประมาณ 80 กิโลเมตร. เรา​มี​งาน​ต้อง​ทำ​มาก​มาย เนื่อง​จาก​มี​พยาน​ฯ เพียง 34 คน​ใน​เมือง​โซกัล​และ​ใน​เมือง​เชอร์โวโนกราด​และ​ซอสนิฟกา​ซึ่ง​อยู่​ใกล้​กัน​นั้น. ปัจจุบัน​มี​ถึง 11 ประชาคม​ใน​ภูมิภาค​แถบ​นี้.

ปี 1993 โอลกา​สิ้น​ชีวิต​อย่าง​คน​สัตย์​ซื่อ. สาม​ปี​ต่อ​มา​ผม​ได้​แต่งงาน​กับ​ลิดิยา และ​นับ​แต่​นั้น เธอ​กลาย​เป็น​กำลัง​สำคัญ​ของ​ผม. นอก​จาก​นี้ วาเลนตินา​ลูก​สาว​ของ​ผม พร้อม​ด้วย​ครอบครัว​ของ​เธอ​คง​ทำ​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​ใจ​แรง​กล้า​และ​เป็น​แหล่ง​ที่​ให้​การ​หนุน​ใจ​เช่น​กัน. อย่าง​ไร​ก็​ดี สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​ผม​ชื่นชม​ยินดี​มาก​มาย​มิ​ได้​ขาด​ก็​คือ​ผม​ยัง​คง​ภักดี​ต่อ​พระ​ยะโฮวา พระเจ้า​ผู้​ทรง​ปฏิบัติ​ด้วย​ความ​ภักดี​ต่อ​ผู้​ที่​ภักดี.—2 ซามูเอล 22:26, ล.ม.

อะเลเซ เดวิดยุค​สิ้น​ชีวิต​อย่าง​ผู้​ภักดี​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​ใน​วัน​ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2000 เมื่อ​กำลัง​เตรียม​พิมพ์​บทความ​นี้.

[ภาพ​หน้า 20]

ประชาคม​ของ​เรา​ซึ่ง​ได้​มา​พบ​ปะ​กัน​ที่​เรือน​ไม้​ทาง​ภาค​ตะวัน​ออก​ของ​ไซบีเรีย ปี 1952

[ภาพ​หน้า 23]

โรง​เรียน​การ​รับใช้​ตาม​ระบอบ​ของ​พระเจ้า​ปี 1953 ใน​ไซบีเรีย

[ภาพ​หน้า 23]

งาน​ศพ​มีย์ไฮโล เซอร์​ดินสกี ใน​ปี 1958

[ภาพ​หน้า 24]

กับ​ลิดิยา ภรรยา​ของ​ผม