ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

พื้นท้องมหาสมุทรเผยความลึกลับ

พื้นท้องมหาสมุทรเผยความลึกลับ

พื้น​ท้อง​มหาสมุทร​เผย​ความ​ลึกลับ

เพื่อ​จะ​เข้าใจ​สิ่ง​ที่​นัก​วิจัย​ใน​ยาน​แอลวิน เห็น เรา​ต้อง​เข้าใจ​โครง​สร้าง​ของ​โลก​สัก​เล็ก​น้อย. เชื่อ​กัน​ว่า​พื้น​ดิน​ใต้​ฝ่า​เท้า​ของ​เรา​เป็น​เปลือก​แข็ง (เรียก​ว่า​ธรณี​ภาค) ซึ่ง​วาง​ตัว​อยู่​บน​หิน​หนืด​ที่​เคลื่อน​ตัว​ไป​มา​อย่าง​ช้า ๆ. ดู​เหมือน​ว่า​เปลือก​แข็ง​ชั้น​นอก​มี​ความ​หนา​โดย​เฉลี่ย​ประมาณ 100 กิโลเมตร​และ​รวม​กัน​แล้ว​มี​แค่​ประมาณ 0.6 เปอร์เซ็นต์​ของ​ปริมาตร​โลก. เปลือก​โลก​ซึ่ง​เป็น​ส่วน​ที่​อยู่​นอก​สุด​ของ​เปลือก​แข็ง​นั้น​หนา​ไม่​เท่า​กัน ใต้​พื้น​ทวีป​หนา​กว่า และ​ใต้​ระบบ​สันเขา​กลาง​มหาสมุทร​หนา​เพียง 6 กิโลเมตร.

อีก​ประการ​หนึ่ง เปลือก​แข็ง​ชั้น​นอก​นี้​ไม่​ได้​เป็น​แผ่น​เดียว​กัน​เหมือน​เปลือก​ไข่​ที่​ยัง​ไม่​แตก. แต่​ปรากฏ​ว่า​เปลือก​โลก​แตก​ออก​เป็น​แผ่น​แข็ง​ขนาด​ใหญ่​หลาย​แผ่น​และ​มี​แผ่น​ที่​เล็ก​กว่า​อีก​หลาย​แผ่น ซึ่ง​ทั้ง​หมด​ถูก​เรียก​ว่า แผ่น​เทกโทนิก. ทวีป​ต่าง ๆ และ​พื้น​ท้อง​มหาสมุทร​อยู่​บน​แผ่น​เปลือก​โลก​เหล่า​นี้. แผ่น​เปลือก​โลก​ไม่​ได้​เคลื่อน​ที่​ไป​ด้วย​กัน. ใน​ที่​ซึ่ง​มี​การ​เคลื่อน​ตัว​ออก​จาก​กัน เปลือก​โลก​จะ​บาง​ลง​และ​กลาย​เป็น​หุบเขา​ทรุด​ใน​สันเขา​ใต้​น้ำ​กลาง​สมุทร. ทั่ว​โลก แผ่น​เปลือก​โลก​เคลื่อน​ตัว​ด้วย​อัตรา​ความ​เร็ว​เฉลี่ย​ปี​ละ​ประมาณ​สาม​เซนติเมตร.

ทฤษฎี​เพลต​เทกโทนิก​กล่าว​ไว้​ว่า ขณะ​ที่​แผ่น​เปลือก​โลก​เคลื่อน​ตัว​ออก​จาก​กัน​ตาม​แนว​สันเขา​ใต้​น้ำ หิน​หลอม​เหลว​จาก​เปลือก​โลก​ชั้น​ใน​จะ​เอ่อ​ขึ้น​มา. วัตถุ​ธาตุ​ที่​เหลว​ร้อน​นี้​จะ​แข็งตัว​กลาย​เป็น​เปลือก​ใหม่​ของ​พื้น​มหาสมุทร​ตาม​แนว​รอย​แยก แต่​นี่​ไม่​ได้​ทำ​ให้​แผ่น​เปลือก​โลก​ประสาน​รวม​กัน​เป็น​แผ่น​เดียว. แทน​ที่​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น มัน​ยัง​เคลื่อน​ตัว​ออก​จาก​กัน​เรื่อย ๆ ซึ่ง​ทำ​ให้​ระบบ​รอย​แยก​กลาย​เป็น​แผล​ขนาด​ใหญ่​ที่​ไม่​มี​วัน​รักษา​หาย.

ขณะ​ที่​แผ่น​เปลือก​โลก​มี​ชั้น​ใหม่​เพิ่ม​ขึ้น​ตาม​แนว​สันเขา​ใต้​น้ำ​กลาง​สมุทร ปลาย​อีก​ด้าน​หนึ่ง​ก็​ค่อย ๆ มุด​ใต้​แผ่น​เปลือก​โลก​ที่​อยู่​ข้าง ๆ ลง​ไป​สู่​เปลือก​โลก​ชั้น​ใน​อัน​ร้อน​ระอุ​ซึ่ง​อยู่​ข้าง​ล่าง​นั้น. ตอน​นั้น​มัน​จะ​หลอม​ละลาย​รวม​ไป​กับ​เปลือก​โลก​ชั้น​ใน. บริเวณ​ที่​แผ่น​เปลือก​โลก​มุด​ลง​ไป​ข้าง​ใต้​ถูก​เรียก​ว่า เขต​มุด​ตัว. ร่อง​ลึก​บาดาล​ที่​ลึก​ที่​สุด​ใน​โลก​บาง​แห่ง​อยู่​ตาม​แนว​เขต​มุด​ตัว​นี้. ตัว​อย่าง​เช่น ร่อง​ลึก​มาเรียนา​นอก​ชายฝั่ง​เกาะ​กวม​ใน​มหาสมุทร​แปซิฟิก​มี​ความ​ลึก​กว่า 11,000 เมตร. ถ้า​เอา​ภูเขา​เอเวอเรสต์ ซึ่ง​เป็น​ภูเขา​ที่​สูง​ที่​สุด​บน​พื้น​โลก หย่อน​ลง​ไป​ใน​ร่อง​ลึก​นี้ ยอด​ของ​มัน​จะ​ยัง​คง​อยู่​ต่ำ​กว่า​ระดับ​น้ำ​ทะเล​ถึง 2,000 เมตร!

โอเอซิส​แห่ง​สาร​พิษ!

เนื่อง​จาก​สภาพ​ที่​มี​การ​เคลื่อน​ตัว​อยู่​เสมอ​รวม​ทั้ง​ปรากฏการณ์​ภูเขา​ไฟ ระบบ​สันเขา​ใต้​น้ำ​กลาง​สมุทร​ที่​ทอด​ยาว​ไป​รอบ​โลก​นี้​จึง​เต็ม​ไป​ด้วย​ธาร​ลาวา​และ​ปล่อง​น้ำ​ร้อน​ใต้​ทะเล. ปล่อง​เหล่า​นี้​พ่น​น้ำ​ที่​มี​แร่​ธาตุ​ละลาย​อยู่​ซึ่ง​ร้อน​จัด​และ​เป็น​พิษ​ขึ้น​มา​จาก​ใต้​พื้น​โลก. กระนั้น น่า​ทึ่ง​ที่​สภาพ​แวด​ล้อม​ที่​ทารุณ​เช่น​นี้ ซึ่ง​ยัง​มี​ความ​ดัน​สูง​กว่า​น้ำ​ที่​ระดับ​พื้น​ผิว​หลาย​ร้อย​เท่า​อีก​ด้วย ไม่​ได้​ขับ​ไล่​สิ่ง​มี​ชีวิต​ออก​ไป​แต่​กลับ​ดึงดูด​ให้​เข้า​มา—อย่าง​มาก​มาย! ใน​บรรดา​สิ่ง​มี​ชีวิต​หลาย​ร้อย​ชนิด​ที่​อาศัย​อยู่​ที่​นั่น​มี​แบคทีเรีย​และ​หอย​สอง​กาบ​ยักษ์—ซึ่ง​บาง​ที​ยาว​ถึง​หนึ่ง​ฟุต—เป็น​ต้น และ​ที่​แปลก​ประหลาด​กว่า​ชนิด​อื่น ๆ ก็​คือ​หนอน​ทะเล​หลอด​ซึ่ง​มี​ส่วน​หน้า​สี​แดง​เข้ม เกาะ​กลุ่ม​กัน​แน่น​อยู่​กับ​พื้น​ทะเล​และ​สูง​ถึง 1.8 เมตร.

เมื่อ​ถูก​นำ​ขึ้น​มา​ข้าง​บน สิ่ง​มี​ชีวิต​บริเวณ​ปล่อง​มี​กลิ่น​เหม็น​เหมือน​ไข่​เน่า! กลิ่น​เหม็น​นี้​ไม่​ได้​เกิด​จาก​การ​เน่า​เปื่อย แต่​เกิด​จาก​ก๊าซ​ไฮโดรเจน​ซัลไฟด์—สาร​ที่​มี​กลิ่น​เหม็น​และ​เป็น​พิษ​ร้ายแรง​ซึ่ง​มี​อยู่​มาก​มาย​ใน​ปล่อง​น้ำ​ร้อน​ใต้​ทะเล. นอก​จาก​นั้น น้ำ​จาก​ปล่อง​ยัง​มี​สภาพ​เป็น​กรด​สูง​และ​มี​โลหะ​หลาย​ชนิด​เจือ​ปน​อยู่​รวม​ทั้ง​ทองแดง, แมกนีเซียม, เหล็ก, และ​สังกะสี. แต่​แทน​ที่​จะ​อยู่​รอด​อย่าง​ลำบาก​ใน​สภาพ​แวด​ล้อม​แบบ​นี้—ซึ่ง​ถูก​เปรียบ​กับ​ที่​ทิ้ง​ขยะ​สาร​พิษ—หนอน​ทะเล​หลอด​และ​สิ่ง​มี​ชีวิต​อื่น ๆ กลับ​เจริญ​เติบโต​อย่าง​ดี! โดย​วิธี​ใด? เพื่อ​จะ​เข้าใจ ขอ​ให้​เรา​พิจารณา​หนอน​ทะเล​หลอด​ให้​ใกล้​ชิด​ยิ่ง​ขึ้น.

สิ่ง​มี​ชีวิต​อัน​ลึกลับ

เมื่อ​นัก​ชีววิทยา​ตรวจ​ดู​หนอน​ทะเล​หลอด พวก​เขา​พบ​ว่า​สัตว์​ชนิด​นี้​เป็น​สิ่ง​มี​ชีวิต​อัน​ลึกลับ. มัน​ไม่​มี​ปาก​และ​ไม่​มี​ระบบ​ย่อย​อาหาร. เกิด​คำ​ถาม​ขึ้น​ว่า มัน​กิน​และ​ดูด​ซึม​อาหาร​อย่าง​ไร? จาก​นั้น​ก็​มี​การ​ค้น​พบ​ที่​น่า​ตกตะลึง: หนอน​ชนิด​นี้​มี​เลือด​แดง—ไม่​ใช่​ของ​เหลว​ที่​มี​ลักษณะ​คล้าย​เลือด แต่​เป็น​เลือด​จริง ๆ ที่​เต็ม​ไป​ด้วย​เฮโมโกลบิน—ไหล​เวียน​ทั่ว​ตัว​และ​ส่วน​หน้า​ซึ่ง​เป็น​เหมือน​ขน​นก.

เรื่อง​ราว​ยิ่ง​ลึกลับ​ขึ้น​อีก​เมื่อ​นัก​ชีววิทยา​ผ่า​ถุง​นิ่ม ๆ ของ​ตัว​หนอน​ทะเล​หลอด​ออก​ดู. เนื้อ​เยื่อ​ของ​มัน​มี​กลุ่ม​แบคทีเรีย​ประมาณ 285 พัน​ล้าน​ตัว​ต่อ​เนื้อ​เยื่อ​หนัก​หนึ่ง​กรัม! ใน​ปี 1980 นัก​ศึกษา​วิชา​ชีววิทยา​คน​หนึ่ง​ตั้ง​ทฤษฎี​ว่า​หนอน​ทะเล​หลอด​มี​ชีวิต​อยู่​โดย​อาศัย​วิธี​ซิมไบโอซิส—คือ​การ​ที่​สิ่ง​มี​ชีวิต​สอง​ชนิด​อยู่​ร่วม​กัน​โดย​ทั้ง​สอง​ฝ่าย​ต่าง​ก็​ได้​รับ​ประโยชน์. การ​วิจัย​ยืน​ยัน​สมมุติฐาน​ของ​นัก​ศึกษา​คน​นั้น​โดย​แสดง​ว่า​หนอน​ทะเล​หลอด​เป็น​เจ้าบ้าน​ซึ่ง​ให้​อาหาร​แก่​แบคทีเรีย และ​แบคทีเรีย​ก็​ให้​อาหาร​แก่​หนอน.

คล้าย​กับ​เหงือก​ปลา ส่วน​หน้า​ซึ่ง​เป็น​ช่อ​ของ​หนอน​ทะเล​นี้​มี​หน้า​ที่​รวบ​รวม​วัตถุ​ดิบ เช่น ออกซิเจน​และ​คาร์บอน ซึ่ง​แบคทีเรีย​ต้องการ​ใช้​ใน​การ​ผลิต​อาหาร. ส่วน​หน้า​ของ​มัน​ไม่​ได้​โบก​เข้า​ไป​ตรง ๆ ใน​น้ำ​ร้อน​จัด​ที่​ออก​มา​จาก​ปล่อง—นั่น​คง​เป็น​การ​ฆ่า​ตัว​ตาย—แต่​อยู่​ใน​บริเวณ​ใกล้​เคียง​ซึ่ง​เป็น​เขต​ที่​น้ำ​ทะเล​เย็น​จัด​ใกล้​จุด​เยือก​แข็ง​ผสม​กับ​น้ำ​จาก​ปล่อง. แน่นอน กระบวนการ​ผลิต​อาหาร​นี้​ต้องการ​พลังงาน. บน​พื้น​ผิว​โลก—และ​บริเวณ​มหาสมุทร​ส่วน​บน—แสง​อาทิตย์​ให้​พลังงาน​แก่​การ​ผลิต​อาหาร​โดย​ทำ​ให้​พืช​เจริญ​เติบโต. แต่​แสง​อาทิตย์​ส่อง​มา​ไม่​ถึง​หุบ​เหว​ซึ่ง​เป็น​ที่​อยู่​ของ​หนอน​ทะเล​หลอด​เหล่า​นี้​เลย.

พลังงาน​จาก​ใต้​พื้น​โลก

ด้วย​พระ​สติ​ปัญญา​อัน​สูง​ส่ง พระ​ผู้​สร้าง​ทรง​จัด​ให้​ใต้​พื้น​โลก​ปล่อย​พลังงาน​ที่​จำเป็น​ออก​มา​ทาง​ปล่อง​น้ำ​ร้อน​ใต้​ทะเล​รวม​ทั้ง​ไฮโดรเจน​ซัลไฟด์ สาร​ประกอบ​ที่​เหม็น​และ​เป็น​อันตราย​ตัว​นั้น. ไฮโดรเจน​ซัลไฟด์ ซึ่ง​เป็น​เหมือน “แสง​อาทิตย์” สำหรับ​กลุ่ม​สิ่ง​มี​ชีวิต​บริเวณ​ปล่อง ให้​พลังงาน​ที่​แบคทีเรีย​จำเป็น​ต้อง​ใช้​ใน​การ​ผลิต​อาหาร​ของ​มัน. ขณะ​เดียว​กัน แบคทีเรีย​ก็​เป็น​เหมือน “พืช” ของ​กลุ่ม​สิ่ง​มี​ชีวิต​บริเวณ​ปล่อง​น้ำ​ร้อน เพราะ​มัน​เป็น​โซ่​ห่วง​แรก​ของ​ห่วง​โซ่​อาหาร. *

เพื่อ​จะ​รวบ​รวม​สาร​เคมี​ทุก​ชนิด​ที่​แบคทีเรีย​ต้อง​ใช้ เลือด​ของ​หนอน​ทะเล​หลอด​จึง​ประกอบ​ด้วย​โมเลกุล​เฮโมโกลบิน​ที่​ใหญ่​กว่า​โมเลกุล​เฮโมโกลบิน​ของ​มนุษย์​ถึง 30 เท่า. เลือด​จะ​นำ​สาร​เคมี​เหล่า​นี้​ไป​ให้​แบคทีเรีย​ที่​หิว​โหย และ​แบคทีเรีย​ก็​จะ​ผลิต​อาหาร​ให้​หนอน​ทะเล​หลอด.

ชีวิต​บริเวณ​ปล่อง—แหล่ง​ชุมนุม​สิ่ง​มี​ชีวิต!

ที่​จริง สิ่ง​มี​ชีวิต​ที่​อยู่​บริเวณ​ปล่อง​ไม่​ขาด​แคลน​อาหาร เพราะ​แบคทีเรีย​ปก​คลุม​อยู่​แทบ​ทุก​สิ่ง—บาง​ครั้ง​หนา​หลาย​เซนติเมตร​ที​เดียว! แม้​กระทั่ง​ใน​น้ำ​ร้อน​ที่​ปั่นป่วน​เหนือ​ปล่อง บาง​ครั้ง​แบคทีเรีย​รวม​กลุ่ม​กัน​ราว​กับ​พายุ​หิมะ โดย​แท้​แล้ว​เป็น​เหมือน​ซุป​ที่​มี​ชีวิต. เช่น​เดียว​กับ​หนอน​ทะเล​หลอด สัตว์​บาง​ชนิด​มี​ความ​สัมพันธ์​แบบ​ซิมไบโอซิส (การ​อยู่​ร่วม​กัน) กับ​แบคทีเรีย ขณะ​ที่​สัตว์​ชนิด​อื่น​กิน​จุลินทรีย์​นี้​โดย​ตรง. ที่​จริง กลุ่ม​สิ่ง​มี​ชีวิต​บริเวณ​ปล่อง​น้ำ​ร้อน​ขยาย​พันธุ์​และ​มี​ชีวิต​ชีวา​มาก​ถึง​ขนาด​ที่​ถูก​นำ​ไป​เปรียบ​กับ​ป่า​ชาย​เลน, ป่า​ดิบ​ชื้น, และ​ปะการัง​น้ำ​ตื้น.

ที่​จริง มี​การ​ค้น​พบ​สิ่ง​มี​ชีวิต​ชนิด​ใหม่​ประมาณ 300 ชนิด​แล้ว​ใน​บริเวณ​ใกล้​ปล่อง. นี่​รวม​ถึง​หอย​สอง​กาบ​ยักษ์​สี​ขาว​และ​หอย​จำพวก​หอย​แมลง​ภู่ (สี​เป็น​สิ่ง​ที่​ไม่​จำเป็น​ใน​โลก​แห่ง​ความ​มืด​ชั่วนิรันดร์), ปลา​หมึก​ยักษ์, และ​ปู​สี​ขาว​ที่​ตะกละ​ตะกลาม​ซึ่ง​กิน​ส่วน​หน้า​อัน​ละเอียดอ่อน​ของ​หนอน​ทะเล​หลอด. เพื่อ​ป้องกัน​ตัว หนอน​นี้​มี​กิริยา​สนอง​ฉับพลัน​ซึ่ง​หด​ส่วน​หน้า​ของ​มัน​เข้า​ไป​ใน​หลอด​ที่​ปลอด​ภัย​ทันที.

สัตว์​ชนิด​อื่น​ใน​บริเวณ​ปล่อง​นั้น​รวม​ทั้ง​แมงมุม​ทะเล, หอย​ทาก​ทะเล, กุ้ง​เต้น​ระบำ, หอย​ลิมเพต, สัตว์​ประเภท​กุ้ง​ตัว​เล็ก ๆ, ปลา​คล้าย​ปลา​ไหล​ซึ่ง​เลื้อย​ไป​ทั่ว​พื้น​ผิว​ที่​เต็ม​ไป​ด้วย​แบคทีเรีย​และ​กำมะถัน, หนอน​ทะเล​หลอด​ชนิด​เล็ก, และ​หนอน​ชนิด​อื่น ๆ. สัตว์​ชนิด​หลัง​นี้​รวม​ไป​ถึง​หนอน​สปาเกตตี​และ​หนอน​ปอมเปอี. สม​กับ​ชื่อ​ของ​มัน หนอน​สปาเกตตี​ดู​คล้าย​กับ​เส้น​สปาเกตตี​กำ​มือ​หนึ่ง​วาง​อยู่​บน​หิน. สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​หนอน​ปอมเปอี​ไม่​เหมือน​สัตว์​ชนิด​อื่น​คือ​มัน​สามารถ​ทน​ความ​ร้อน​ได้​ถึง 80 องศา​เซลเซียส! แน่นอน แบคทีเรีย​บริเวณ​ปล่อง​ซึ่ง​ห่อ​หุ้ม​ตัว​หนอน​ปอมเปอี​อยู่​ก็​สามารถ​ทน​ความ​ร้อน​สูง​ได้​เช่น​กัน. *

แสง​ประหลาด!

ใน​ปี 1985 นัก​วิทยาศาสตร์​ต่าง​ประหลาด​ใจ​เมื่อ​เขา​พบ​กุ้ง​ซึ่ง​อาศัย​อยู่​ใกล้ ๆ ปล่อง​มี​อวัยวะ​คล้าย​ดวง​ตา​สอง​ดวง​ซึ่ง​มี​สาร​เคมี​ที่​ไว​ต่อ​แสง​แต่​ไม่​มี​เลนส์. แน่นอน คำ​ถาม​แรก​ที่​ผุด​ขึ้น​ใน​ใจ​คือ สัตว์​พวก​นี้​จะ​เห็น​อะไร​ได้​ใน​โลก​ที่​มืด​สนิท? เพื่อ​จะ​พบ​คำ​ตอบ นัก​วิจัย​ใช้​กล้อง​ดิจิทัล​ที่​มี​ความ​ไว​แสง​มาก แบบ​ที่​ใช้​ถ่าย​ภาพ​ดาว​ฤกษ์​ที่​มี​แสง​ริบหรี่. พวก​เขา​หัน​หน้า​กล้อง​ไป​ที่​ปล่อง ปิด​ไฟ​อื่น ๆ ทั้ง​หมด แล้ว​ก็​ถ่าย​ภาพ.

ผล​ที่​ได้​น่า​พิศวง. นัก​วิทยาศาสตร์​ชื่อ​ซินดี ลี แวน โดเวอร์​กล่าว​ว่า ภาพ​นั้น​เผย​ให้​เห็น “แสง​ที่​เรือง​ขึ้น​ชัดเจน​อย่าง​น่า​ทึ่ง​ซึ่ง​มี​ขอบ​ที่​คม​ชัด” ใน​ที่​ซึ่ง​ลำ​น้ำ​ร้อน​พุ่ง​ออก​มา​จาก​ปล่อง. กุ้ง​พวก​นั้น​ใช้​ประโยชน์​จาก​แสง​ประหลาด​ที่​ตา​มนุษย์​มอง​ไม่​เห็น​นี้​ไหม? ไม่​ว่า​จะ​อย่าง​ไร แวน โดเวอร์​กล่าว​ว่า การ​ค้น​พบ​ว่า​ปล่อง​น้ำ​ร้อน​ใต้​ทะเล​เรือง​แสง “เปิด​ประตู​สู่​การ​วิจัย​แขนง​ใหม่​อย่าง​สิ้นเชิง.”

ใหญ่​ที่​สุด​กับ​เล็ก​ที่​สุด

ไม่​นาน​มา​นี้ มี​การ​ค้น​พบ​ว่า​พื้น​ท้อง​ทะเล​ที่​เต็ม​ไป​ด้วย​ก๊าซ​มีเทน​เป็น​ที่​อยู่​ของ​แบคทีเรีย​ที่​ใหญ่​ที่​สุด​เท่า​ที่​วงการ​วิทยาศาสตร์​เคย​รู้​จัก. มี​การ​ค้น​พบ​แบคทีเรีย​ชนิด​นี้​ใน​ปี 1997 และ​ยักษ์​ใหญ่​เหล่า​นี้​ซึ่ง​มี​รูป​ร่าง​เหมือน​สร้อย​ลูกปัด มี​ขนาด​ใหญ่​กว่า​แบคทีเรีย​ทั่ว​ไป 100 ถึง 200 เท่า. พวก​มัน​เป็น​จอม​เขมือบ​ด้วย คือ​ย่อย​สลาย​สาร​ซัลไฟด์​ที่​เป็น​พิษ​ใน​ชั้น​ตะกอน​จน​แทบ​ไม่​เหลือ โดย​วิธี​นี้​จึง​ทำ​ให้​บริเวณ​นั้น​ปลอด​ภัย​สำหรับ​สิ่ง​มี​ชีวิต​ชนิด​อื่น ๆ ใน​ทะเล.

สิ่ง​ที่​อาจ​เป็น​สิ่ง​มี​ชีวิต​ที่​เล็ก​ที่​สุด​ใน​โลก​ก็​ถูก​ค้น​พบ​เมื่อ​ไม่​นาน​มา​นี้​เช่น​กัน​ใน​บริเวณ​ใต้​ทะเล ถึง​แม้​ว่า​ใน​กรณี​นี้​มัน​จะ​อยู่​ลึก​ห้า​กิโลเมตร​ใต้​พื้น​ท้อง​ทะเล! รายงาน​ใน​หนังสือ​พิมพ์​เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ พรรณนา​การ​ค้น​พบ​นี้​ซึ่ง​มี​ขึ้น​นอก​ชายฝั่ง​รัฐ​เวสเทิร์น​ออสเตรเลีย​ว่า “แปลก​ประหลาด​มาก​จน​กระตุ้น​ให้​เกิด​การ​ถกเถียง​กัน​อย่าง​รุนแรง​ใน​ระดับ​นานา​ชาติ.” ประเด็น​สำคัญ​คือ​เจ้า​สิ่ง​นี้—ซึ่ง​ถูก​เรียก​ว่า นา​โนบ เพราะ​ขนาด​ของ​มัน​ถูก​วัด​เป็น​นา​โน​เมตร หรือ​หนึ่ง​ใน​พัน​ล้าน​ของ​เมตร—เป็น​สิ่ง​มี​ชีวิต​หรือ​ไม่. มัน​คล้าย​กับ​เชื้อ​รา และ​มี​ขนาด​พอ ๆ กับ​ไวรัส มี​ดีเอนเอ และ​ดู​เหมือน​จะ​แพร่​พันธุ์​อย่าง​รวด​เร็ว จน​ก่อ​ตัว​เป็น​กลุ่ม​หนา​แน่น.

มี​การ​ค้น​พบ​สิ่ง​มี​ชีวิต​มาก​มาย​ใน​ตอน​นี้​ถึง​ขนาด​ที่​นัก​วิทยาศาสตร์​หลาย​คน​เชื่อ​ว่า มวล​ของ​จุลินทรีย์​ที่​อยู่​ภาย​ใน​เปลือก​โลก​ชั้น​บน​ทั้ง​หมด​รวม​กัน​อาจ​มี​มาก​กว่า​มวล​ของ​สิ่ง​มี​ชีวิต​ทั้ง​สิ้น​บน​พื้น​ผิว​โลก! การ​ค้น​พบ​เหล่า​นี้​กำลัง​กระตุ้น​ให้​เกิด​การ​ปฏิวัติ​แนว​ความ​คิด​ทาง​วิทยาศาสตร์. นัก​วิทยาศาสตร์​คน​หนึ่ง​กล่าว​ว่า “ใน​ช่วง​ไม่​กี่​ปี​มา​นี้ ความ​เชื่อ​ต่าง ๆ ทาง​จุล​ชีววิทยา​ไม่​เป็น​ที่​ยอม​รับ​อีก​ต่อ​ไป. สาขา​วิชา​นี้​ได้​ทำ​ให้​ตัว​เอง​ถูก​ค้น​พบ​อีก​ครั้ง. โดย​แท้​แล้ว​มัน​เป็น​วิทยาศาสตร์​แขนง​ใหม่.”

ยิ่ง​กว่า​นั้น การ​ค้น​พบ​สิ่ง​ที่​อยู่​ใต้​ทะเล​ลึก​เหล่า​นี้​สอน​เรา​ถึง​บาง​สิ่ง​ที่​เหนือ​กว่า​วิทยาศาสตร์. คัมภีร์​ไบเบิล​จับ​จุด​สำคัญ​เรื่อง​นี้​โดย​กล่าว​ว่า “เพราะ​คุณลักษณะ​ต่าง ๆ ของ [พระเจ้า] อัน​ไม่​ประจักษ์​แก่​ตา​ก็​เห็น​ได้​ชัด ตั้ง​แต่​การ​สร้าง​โลก​เป็น​ต้น​มา เพราะ​ว่า​คุณลักษณะ​เหล่า​นั้น​เป็น​ที่​เข้าใจ​ได้​โดย​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​ที่​ถูก​สร้าง​ขึ้น.” (โรม 1:20, ล.ม.) ตัว​อย่าง​เช่น พระเจ้า​ทรง​เป็น​ห่วง​เรื่อง​ความ​สะอาด​เป็น​อย่าง​ยิ่ง. เรื่อง​นี้​เห็น​ได้​จาก​การ​ที่​แบคทีเรีย​และ​สิ่ง​มี​ชีวิต​ชนิด​อื่น ๆ ใน​ทะเล​ช่วย​ขจัด​สาร​พิษ​ที่​อาจ​เป็น​อันตราย​หลาย​อย่าง​ซึ่ง​ขึ้น​มา​จาก​ใต้​พื้น​โลก​และ​จาก​สิ่ง​ที่​กำลัง​เน่า​เสีย​ซึ่ง​จม​ลง​จาก​มหาสมุทร​ด้าน​บน. เห็น​ได้​ชัด​ว่า พระเจ้า​ทรง​ห่วงใย​เกี่ยว​กับ​สุขอนามัย​ของ​ดาว​เคราะห์​ดวง​นี้​และ​ของ​สิ่ง​มี​ชีวิต​ทั้ง​สิ้น. ดัง​ที่​เรา​จะ​เห็น​ใน​บทความ​ถัด​ไป บุคลิกภาพ​นี้​ของ​พระ​ผู้​สร้าง​เป็น​การ​รับรอง​ว่า​จะ​มี​อนาคต​ที่​รุ่ง​โรจน์​สำหรับ​สิ่ง​มี​ชีวิต​ทั้ง​สิ้น​บน​พื้น​ผิว​โลก.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 14 กระบวนการ​ทาง​เคมี​ที่​แบคทีเรีย​บริเวณ​ปล่อง​ใช้​นั้น​ถูก​เรียก​ว่า การ​สังเคราะห์​ทาง​เคมี. คำ​นี้​ต่าง​จาก​การ​สังเคราะห์​แสง ซึ่ง​เป็น​กระบวนการ​ที่​ได้​รับ​พลังงาน​จาก​แสง​ซึ่ง​พืช​บน​บก​และ​ไฟ​โต​แพลงก์ตอน​ใช้. สิ่ง​มี​ชีวิต​ประเภท​หลัง​นี้​ประกอบ​ด้วย​พืช​หรือ​จุลินทรีย์​ที่​มี​ลักษณะ​คล้าย​พืช​ซึ่ง​พบ​ใน​มหาสมุทร​ส่วน​บน​ที่​ได้​รับ​แสง​อาทิตย์.

^ วรรค 19 ใน​ทศวรรษ 1960 นัก​วิทยาศาสตร์​เริ่ม​ศึกษา​เกี่ยว​กับ​แบคทีเรีย​ที่​ชอบ​ความ​ร้อน​ซึ่ง​พบ​ใน​น้ำพุ​ร้อน​ที่​อุทยาน​แห่ง​ชาติ​เยลโลสโตน​ใน​สหรัฐ. หนังสือ​เดอะ ดีป ฮอต ไบโอสเฟียร์ กล่าว​ว่า​เนื่อง​จาก “ระบบ​นิเวศน์​ที่​อยู่​สุด​เขต​แดน” ที่​น่า​ทึ่ง​เหล่า​นี้ “นัก​วิทยาศาสตร์​จึง​ได้​มา​เข้าใจ​เป็น​ครั้ง​แรก​ถึง​ความ​สามารถ​ที่​ไม่​ธรรมดา​ของ​รูป​แบบ​ชีวิต​ที่​ดู​เหมือน​เรียบ​ง่าย​ที่​สุด​ใน​โลก.”

[กรอบ/ภาพ​หน้า 7]

ปล่อง​น้ำ​ร้อน​ใต้​ทะเล​คือ​อะไร?

ตาม​แนว​สันเขา​ใต้​น้ำ​กลาง​สมุทร​ซึ่ง​เต็ม​ไป​ด้วย​ภูเขา​ไฟ น้ำ​ทะเล​จะ​ซึม​ลง​ไป​ตาม​รอย​แตก​ใน​เปลือก​โลก​เข้า​สู่​บริเวณ​ซึ่ง​มี​ความ​ร้อน​สูง. น้ำ​นั้น​จะ​ร้อน​จัด​จน​มี​อุณหภูมิ​สูง​กว่า​จุด​เดือด, ทำ​ปฏิกิริยา​กับ​หิน, และ​ซึมซับ​สาร​เคมี​บาง​อย่าง. น้ำ​นั้น​จะ​พยายาม​ลอย​ตัว, ปะทุ​ขึ้น​มา​สู่​พื้น​ทะเล, และ​ก่อ​ตัว​เป็น​ปล่อง​น้ำ​ร้อน—ซึ่ง​ก็​คือ​น้ำพุ​ร้อน​ใต้​ทะเล. แหล่ง​อ้างอิง​แหล่ง​หนึ่ง​กล่าว​ว่า น้ำพุ​ร้อน​เหล่า​นี้ “มี​พลัง​และ​น่า​ตื่น​ตา​ตื่น​ใจ​พอ ๆ กับ​น้ำพุ​ร้อน​บน​ผิว​โลก​ที​เดียว.”

ยิ่ง​กว่า​นั้น อุณหภูมิ​ของ​น้ำพุ​ร้อน​ใต้​ทะเล​เหล่า​นี้​อาจ​สูง​ถึง 400 องศา​เซลเซียส ซึ่ง​ร้อน​กว่า​ตะกั่ว​หลอม​เหลว​เสีย​อีก! แต่​เนื่อง​จาก​ความ​กดดัน​จาก​มหาสมุทร​เบื้อง​บน​ซึ่ง​มี​ความ​ลึก​หลาย​กิโลเมตร ของ​เหลว​ที่​ร้อน​จัด​เหล่า​นี้​จึง​ไม่​ได้​กลาย​เป็น​ไอ. น่า​ทึ่ง ไม่​กี่​มิลลิเมตร​จาก​ลำ​น้ำ​ร้อน​ที่​พวย​พุ่ง อุณหภูมิ​น้ำ​ทะเล​ที่​อยู่​รอบ ๆ นั้น​ตาม​ปกติ​จะ​สูง​กว่า​จุด​เยือก​แข็ง​ไม่​กี่​องศา. แร่​ธาตุ​ที่​ถูก​พ่น​ออก​มา​จาก​น้ำพุ​จะ​เย็น​ตัว​อย่าง​รวด​เร็ว​และ​ตก​ลง​บน​พื้น​ทะเล​ทับ​ถม​กัน​จน​สูง​ขึ้น​กลาย​เป็น​เสา​และ​ปล่อง. ปล่อง​ต่าง ๆ อาจ​สูง​ถึง 9 เมตร. ที่​จริง มี​การ​พบ​ปล่อง​น้ำ​ร้อน​แห่ง​หนึ่ง​ซึ่ง​สูง 45 เมตร​และ​กว้าง​เกือบ 10 เมตร และ​มัน​ยัง​คง​สูง​ขึ้น​เรื่อย ๆ!

ปล่อง​น้ำ​ร้อน​อาจ​เปิด​และ​ปิด​เป็น​ระยะ ๆ ซึ่ง​ทำ​ให้​สิ่ง​มี​ชีวิต​รอบ ๆ ปล่อง​อยู่​ใน​สภาพ​ที่​ล่อแหลม. อย่าง​ไร​ก็​ตาม สิ่ง​มี​ชีวิต​บาง​ชนิด​อาจ​รอด​ได้​โดย​อพยพ​ไป​ยัง​ปล่อง​อื่น.

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

P. Rona/OAR/National Undersea Research Program

[กรอบ/ภาพ​หน้า 10]

น้ำ​แข็ง​ไว​ไฟ!

ตั้ง​แต่​ทศวรรษ 1970 นัก​วิทยาศาสตร์​ซึ่ง​ทำ​งาน​อยู่​นอก​ชายฝั่ง​ทวีป​อเมริกา​เหนือ​ได้​ค้น​พบ​ตะกอน​ของ​สาร​ที่​น่า​ทึ่ง​ชนิด​หนึ่ง​ซึ่ง​เรียก​ว่า มีเทน​ไฮเดรต—ส่วน​ผสม​ของ​น้ำ​แข็ง​กับ​ก๊าซ​มีเทน​ซึ่ง​มี​คุณสมบัติ​ไว​ไฟ. จุลินทรีย์​ที่​อยู่​ใน​โคลน​เป็น​ตัว​ปล่อย​ก๊าซ​มีเทน​ออก​มา. จุลินทรีย์​เหล่า​นี้​ย่อย​ตะกอน​ของ​สาร​อินทรีย์​ที่​จม​ลง​ไป​จาก​มหาสมุทร​เบื้อง​บน. จาก​นั้น​มีเทน​จะ​รวม​ตัว​กับ​น้ำ​ที่​เย็น​จัด​ใกล้​จุด​เยือก​แข็ง​และ​ก่อ​ตัว​เป็น​ผลึก​มีเทน​ไฮเดรต. ผลึก​เหล่า​นี้​เป็น​เหมือน​กรง​น้ำ​แข็ง​ขนาด​จิ๋ว​ซึ่ง​กัก​มีเทน​ไว้​ข้าง​ใน. เพื่อ​ที่​ผลึก​นี้​จะ​ก่อ​ตัว​ขึ้น​มา​ได้ น้ำ​ทะเล​จะ​ต้อง​มี​อุณหภูมิ​สูง​กว่า​จุด​เยือก​แข็ง​เพียง​เล็ก​น้อย และ​พื้น​ท้อง​ทะเล​ต้อง​อยู่​ลึก​อย่าง​น้อย 500 เมตร​ใต้​ระดับ​น้ำ​ทะเล. เมื่อ​ตรง​ตาม​เงื่อนไข​เหล่า​นี้ ผลึก​ของ​มีเทน​ไฮเดรต​จะ​เกิด​ขึ้น และ​ก่อ​ตัว​เป็น​สาร​ลักษณะ​คล้าย​หิมะ​ที่​ผุด​เป็น​ฟอง​และ​ปล่อย​แก๊ส​ออก​มา. เมื่อ​มี​การ​นำ​ผลึก​เหล่า​นี้​จำนวน​หนึ่ง​ขึ้น​มา​ข้าง​บน​และ​จุด​ไฟ มัน​จะ​ติด​ไฟ​และ​มี​เปลว​สี​แดง. หลัง​จาก​นั้น สิ่ง​ที่​เหลือ​อยู่​ก็​มี​แค่​น้ำ​ไม่​กี่​หยด.

มีเทน​ไฮเดรต​เป็น​แหล่ง​พลังงาน​ที่​มี​ล้น​เหลือ. นัก​วิทยาศาสตร์​กะ​ประมาณ​ว่า ตะกอน​ทั้ง​หมด​ของ​มัน​มี​ประมาณ​สอง​เท่า​ของ​เชื้อเพลิง​ฟอสซิล​สำรอง​อื่น ๆ ทั้ง​หมด​รวม​กัน! (เชื้อเพลิง​ฟอสซิล​รวม​ไป​ถึง​ถ่าน​หิน, น้ำมัน, และ​ก๊าซ​ธรรมชาติ—ซึ่ง​ก๊าซ​มีเทน​ก็​เป็น​ส่วน​ประกอบ​สำคัญ.) แต่​จน​ถึง​ปัจจุบัน ทรัพยากร​มหาศาล​นี้​ยัง​อยู่​ไกล​เกิน​เอื้อม​เนื่อง​จาก​มีเทน​ไฮเดรต​จะ​สลาย​ตัว​อย่าง​รวด​เร็ว​ถ้า​ถูก​เคลื่อน​ย้าย​จาก​สภาพ​แวด​ล้อม​ที่​มัน​ก่อ​ตัว​ขึ้น.

ตะกอน​ของ​มีเทน​ไฮเดรต​มี​โพรง​และ​ปล่อง​ใต้​น้ำ​ด้วย แต่​น้ำ​ที่​ถูก​พ่น​ออก​มา​จาก​ปล่อง​เหล่า​นี้​เป็น​น้ำ​เย็น ไม่​เหมือน​น้ำพุ​ร้อน​ของ​ระบบ​สันเขา​ใต้​น้ำ​กลาง​สมุทร. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เนื่อง​จาก​ปล่อง​เหล่า​นี้​พ่น​มีเทน, ไฮโดรเจน​ซัลไฟด์, และ​แอมโมเนีย​ที่​เป็น​พิษ​พุ่ง​ขึ้น​เป็น​ลำ มัน​จึง​ค้ำจุน​กลุ่ม​สิ่ง​มี​ชีวิต​ที่​เจริญ​เติบโต​ได้​ดี​ซึ่ง​ประกอบ​ด้วย​หนอน​ทะเล​หลอด, หอย​สอง​กาบ, แบคทีเรีย​ที่​กิน​สาร​เคมี, และ​สิ่ง​มี​ชีวิต​ชนิด​อื่น ๆ อีก​หลาก​หลาย​ชนิด. เมื่อ​แบคทีเรีย​ย่อย​ก๊าซ​มีเทน ของ​เสีย​ซึ่ง​เป็น​สาร​เคมี​ที่​ได้​จะ​ทำ​ให้​เกิด​การ​ก่อ​ตัว​ของ​หินปูน—สาร​ที่​ไม่​เป็น​อันตราย​ประเภท​เดียว​กับ​หิน​ปะการัง. *

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 42 เมื่อ​แบคทีเรีย​เติม​ออกซิเจน (ออกซีไดซ์) ให้​กับ​มีเทน พวก​มัน​ก่อ​ให้​เกิด​สาร​ประกอบ​ซึ่ง​เรียก​ว่า ไบคาร์บอเนต. สาร​ประกอบ​นี้​รวม​ตัว​กับ​แคลเซียม​ไอ​ออน​ใน​น้ำ​ทะเล​กลาย​เป็น​แคลเซียม​ไบคาร์บอเนต ซึ่ง​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​ทั่ว​ไป​ว่า​หินปูน. หินปูน​จะ​พบ​ได้​ใน​บริเวณ​รอบ​ปล่อง​น้ำ​เย็น​เช่น​เดียว​กับ​ภาย​ใน​ปล่อง.

[แผนภูมิ/ภาพ​หน้า 4, 5]

(ราย​ละเอียด​ดู​จาก​วารสาร)

เปลือก​โลก

เปลือก​โลก​ชั้น​ใน (หลอม​เหลว​บาง​ส่วน)

ร่อง​ลึก​บาดาล

เขต​มุด​ตัว

แผ่น​เทกโทนิก

หุบเขา​ทรุด​ใต้​น้ำ

เมื่อ​แผ่น​เปลือก​โลก​เคลื่อน​ตัว​ออก​จาก​กัน ก็​เกิด​หุบเขา​ทรุด

[รูปภาพ]

ระบบ​สันเขา​ใต้​น้ำ​กลาง​สมุทร​ทอด​ยาว​ไป​รอบ​โลก​เหมือน​รอย​ต่อ​บน​ลูก​เทนนิส

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

NOAA/Department of Commerce

[แผนที่​หน้า 7]

(ราย​ละเอียด​ดู​จาก​วารสาร)

หุบเขา​ทรุด​และ​ร่อง​ลึก​หลัก ๆ ใน​มหาสมุทร

1. ร่อง​ลึก​มาเรียนา

2. เนิน​ลาด​เรียบ​แปซิฟิก​ตะวัน​ออก

3. หุบเขา​ทรุด​กาลาปากอส

4. สันเขา​ใต้​น้ำ​กลาง​มหาสมุทร​แอตแลนติก

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

NOAA/Department of Commerce

[ภาพ​หน้า 8]

หอย​จำพวก​หอย​แมลง​ภู่

หอย​นี้​อยู่​ลึก​หนึ่ง​กิโลเมตร​ใน​กรีน​แคนยอน อ่าว​เม็กซิโก

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

J. Brooks/OAR/National Undersea Research Program

[ภาพ​หน้า 8, 9]

หนอน​ทะเล​หลอด

ส่วน​หน้า​ซึ่ง​เป็น​ช่อ​อัน​ละเอียดอ่อน​ของ​มัน​มี​เลือด​ซึ่ง​เต็ม​ไป​ด้วย​เฮโมโกลบิน

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

OAR/National Undersea Research Program

[ภาพ​หน้า 9]

ปู

สัตว์​ชนิด​นี้​ชอบ​กิน​หนอน​ทะเล​หลอด

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

I. MacDonald/OAR/National Undersea Research Program

[ภาพ​หน้า 9]

หอย​สอง​กาบ​ยักษ์

บาง​ที​มี​ความ​ยาว​ถึง​หนึ่ง​ฟุต มี​การ​พบ​หอย​เหล่า​นี้​ที่​ความ​ลึก 3 กิโลเมตร

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

A. Malahoff/OAR/National Undersea Research Program

[ภาพ​หน้า 9]

มี​การ​นำ​หอย​สอง​กาบ​บาง​ตัว​ขึ้น​มา​ข้าง​บน

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Photograph by William R. Normark, USGS

[ภาพ​หน้า 9]

กุ้ง

บาง​ชนิด​มี​อวัยวะ​คล้าย​ดวง​ตา​สอง​ดวง. แต่​มัน​จะ​มอง​เห็น​อะไร​ได้​ใน​ความ​มืด​สนิท?

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

EMORY KRISTOF/NGS Image Collection

[ภาพ​หน้า 11]

นาโนบ

มัน​เป็น​สิ่ง​มี​ชีวิต​ที่​เล็ก​ที่​สุด​ใน​โลก​หรือ?

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Dr. Philippa J. R. Uwins/University of Queensland