จะว่าอย่างไรถ้าคุณพ่อคุณแม่คิดว่าฉันยังเด็กเกินกว่าที่จะนัดพบ?
หนุ่มสาวถามว่า . . .
จะว่าอย่างไรถ้าคุณพ่อคุณแม่คิดว่าฉันยังเด็กเกินกว่าที่จะนัดพบ?
“คุณแม่เชยจัง. นี่ไม่ใช่เมื่อ 50 ปีที่แล้วนะคะ. ใคร ๆ เขาก็นัดพบกันทั้งนั้น! หนูไม่ใช่เด็กหญิงเล็ก ๆ แล้วนะคะ.”—เจนี วัย 16 ปี. *
อาจเป็นเรื่องที่ทำให้ข้องขัดใจเมื่อบิดามารดาบอกว่าคุณยังไม่พร้อมจะนัดพบ. เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดว่า “ผมอยากทำตามที่คัมภีร์ไบเบิลบอกและให้เกียรติคุณพ่อคุณแม่ของผม แต่ผมคิดว่าท่านทำไม่ถูก. ผมไม่รู้ว่าจะพูดกับท่านอย่างไรในเรื่องนี้.” เช่นเดียวกับเด็กหนุ่มคนนี้ คุณอาจรู้สึกว่าบิดามารดาเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลและไม่เห็นอกเห็นใจ. บางทีคุณอาจพบใครบางคนที่คุณชอบเขาจริง ๆ และอยากรู้จักเขามากขึ้น. หรือคุณอาจรู้สึกว่าการนัดพบเป็นกิจกรรมที่จะช่วยให้คุณเข้ากับคนรุ่นเดียวกันได้ดีขึ้น. มิเชลล์บอกว่า “เป็นความกดดัน ถ้าคุณไม่นัดพบ พวกเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนจะคิดว่าคุณเป็นตัวประหลาด.”
ผู้ให้คำปรึกษาด้านครอบครัวคนหนึ่งให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับการนัดพบว่า “ไม่มีเรื่องใดที่บิดามารดาดูเหมือนไม่มีเหตุผลมากไปกว่าเรื่องนี้.” ทว่า เพียงเพราะท่านดูเหมือนเป็นคนไม่มีเหตุผล นั่นหมายความว่าท่านเป็นคนอย่างนั้นจริง ๆ ไหม? ถ้าจะว่าไป พระเจ้าทรงมอบความรับผิดชอบให้บิดามารดาของคุณในการสั่งสอน, อบรม, ปกป้องคุ้มครอง และชี้นำคุณ. (พระบัญญัติ 6:6, 7) เป็นไปได้ไหมว่าบิดามารดาของคุณมีความห่วงใยที่สมเหตุผลบางประการเกี่ยวกับสวัสดิภาพของคุณ? มารดาคนหนึ่งกล่าวว่า “ดิฉันมองเห็นอันตรายปรากฏขึ้นราง ๆ และมันน่ากลัวทีเดียว.” เหตุใดการนัดพบก่อนวัยอันควรจึงทำให้บิดามารดาหลายคนตกใจกลัว?
ความรู้สึกที่เป็นอันตราย
เบท เด็กหญิงอายุ 14 ปีคนหนึ่งบ่นว่า “คุณพ่อคุณแม่ทำอย่างกับว่าการชอบใครสักคนเป็นเรื่องผิด.” แต่ถ้าบิดามารดาของคุณเป็นคริสเตียน ท่านย่อมรู้ดีว่าพระเจ้าทรงออกแบบให้ทั้งชายและหญิงต่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจซึ่งกันและกัน. (เยเนซิศ 2:18-23) ท่านรู้ว่าเสน่ห์ดึงดูดใจนี้เป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่งสอดคล้องลงรอยกับพระประสงค์ของพระยะโฮวาเพื่อมนุษยชาติจะ “เต็มแผ่นดินโลก.”—เยเนซิศ 1:28.
ยิ่งกว่านั้น บิดามารดาของคุณยังเข้าใจด้วยว่าความปรารถนาทางเพศมีพลังรุนแรงสักเพียงไรเมื่อคุณอยู่ใน “ความเปล่งปลั่งแห่งวัยหนุ่มสาว.” (1 โกรินโธ 7:36, ล.ม.) ท่านยังรู้ด้วยว่าคุณแทบไม่มีประสบการณ์ในการเรียนรู้วิธีที่จะควบคุมความปรารถนาเหล่านั้น. ถ้าคุณเริ่มใช้เวลามากขึ้นในการติดต่อกับใครสักคนที่เป็นเพศตรงกันข้าม ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ แม้แต่การเขียนจดหมาย หรืออีเมล ความรักใคร่ก็มักจะพัฒนาขึ้น. คุณอาจถามว่า ‘แล้วมันเสียหายด้วยหรือ?’ เอาละ คุณมีทางออกที่เหมาะสมเช่นไรสำหรับความปรารถนาเหล่านั้น? คุณพร้อมจริง ๆ หรือที่จะให้อารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นลงเอยอย่างที่เหมาะที่ควร ซึ่งก็คือการสมรส? คงจะไม่.
ด้วยเหตุนี้ การนัดพบตอนที่อายุยังน้อยส่อให้เห็นอันตรายร้ายแรงบางอย่าง. คัมภีร์ไบเบิลเตือนว่า “บุรุษใดเล่าเมื่อเอาไฟใส่ที่หน้าอกของตน เสื้อผ้าของเขาจะไม่ไหม้หรือ?” (สุภาษิต 6:27) บ่อยเหลือเกินที่การนัดพบก่อนวัยอันควรนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ก่อนการสมรส ทำให้หญิงสาวมีโอกาสตั้งครรภ์โดยที่ยังไม่ได้สมรสและติดโรคติดต่อทางเพศ. (1 เธซะโลนิเก 4:4-6) ตัวอย่างเช่น เด็กสาวที่ชื่อแทมมี คิดว่าบิดามารดาของเธอทำไม่ถูกที่ไม่ยอมให้เธอนัดพบ. ดังนั้น เธอเริ่มแอบนัดพบกับใครคนหนึ่งที่โรงเรียน. แต่ไม่ช้า แทมมีก็ตั้งครรภ์—และชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป. ตอนนี้เธอยอมรับว่า “การนัดพบไม่ได้วิเศษอย่างที่พูดกันหรอก.”
แต่จะว่าอย่างไรถ้าคู่หนุ่มสาวหลีกเลี่ยงการติดต่อในแบบที่ไม่เหมาะสมด้วยความระมัดระวัง? ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอันตรายในการปลุกเร้าความรู้สึกในเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ก่อนเวลาอันควร. (เพลงไพเราะของกษัตริย์ซะโลโม 2:7) การปลุกเร้าความปรารถนาซึ่งจะบรรลุได้อย่างเหมาะสมก็เฉพาะอีกหลายปี ข้างหน้านั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความข้องขัดใจและความทุกข์.
แง่อื่นบางแง่ที่ควรคำนึงถึงคือ คุณมีประสบการณ์เพียงพอจริง ๆ ไหมในชีวิตเพื่อจะรู้ว่าคุณควรมองหาสิ่งใดในตัวคู่สมรสของคุณ? (สุภาษิต 1:4) อีกด้านหนึ่ง คุณมีคุณสมบัติและทักษะที่จำเป็นแล้วหรือในการเป็นสามีหรือภรรยาที่จะได้รับความรักและความนับถือจริง ๆ? คุณมีความอดทนและความตั้งใจแน่วแน่จริง ๆ ไหมซึ่งจำเป็นต่อการรักษาความสัมพันธ์ระยะยาว? ไม่น่าแปลกใจที่ความสัมพันธ์ในเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของวัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่จีรังยั่งยืน. น้อยคู่ที่มีชีวิตสมรสยั่งยืน.
ดังนั้น โมนีกา วัยสิบแปดปี จึงสรุปได้เป็นอย่างดีเมื่อเธอให้ข้อสังเกตว่า “เพื่อนของดิฉันทุกคนในโรงเรียนจะเล่าให้ดิฉันฟังเกี่ยวกับเรื่องเพื่อนชายของพวกเธอ. กระนั้น ถ้าพวกเขาไม่สมรสขณะที่ยังอายุน้อยก็ลงเอยด้วยการเลิกรากันอย่างน่าเศร้า เนื่องจากพวกเขาไม่พร้อมที่จะสมรส.” เด็กหนุ่มที่ชื่อ แบรนดอน ให้ข้อสังเกตด้วยว่า “เมื่อคุณตระหนักว่าคุณยังไม่พร้อมที่จะมีพันธะกับใครคนหนึ่งแต่คุณรู้สึกว่าคุณมีพันธะแล้วเนื่องจากการนัดพบ นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้ข้องขัดใจจริง ๆ. คุณจะถอนตัวโดยไม่ทำให้อีกคนหนึ่งเจ็บได้อย่างไร?”
ไม่แปลกที่บิดามารดาของคุณพยายามจะกันคุณไว้จากความเจ็บปวดและความข้องขัดใจโดยไม่ยอมอนุญาตให้คุณนัดพบจนกว่าคุณจะมีอายุมากพอที่จะทำการสมรส. ที่จริง บิดามารดาเพียงแต่ทำในสิ่งที่ประสานกับคำแนะนำที่ได้รับการดลใจในพระธรรมท่านผู้ประกาศ 11:10 (ล.ม.) ที่ว่า “จงขจัดความกลัดกลุ้มจากหัวใจของเจ้า และจงป้องกันความวิบัติจากเนื้อหนังของเจ้า.”
“ตีแผ่ใจ”
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่สามารถคบเพื่อนที่เป็นเพศตรงกันข้ามได้. แต่ทำไมคุณจำกัดการคบหาไว้กับ2 โกรินโธ 6:12, 13) นั่นเป็นคำแนะนำที่ดีสำหรับคนหนุ่มสาว. วิธีหนึ่งที่จะทำเช่นนั้นได้คือ การคบหาทั้งเพื่อนผู้หญิงและผู้ชาย. แทมมีให้ข้อสังเกตว่า “ดิฉันคิดว่าวิธีนี้สนุกกว่า และนับว่าดีกว่าที่จะมีเพื่อนหลาย ๆ คน.” โมนีกากล่าวว่า “แนวคิดที่ให้คบกันเป็นกลุ่มจริง ๆ แล้วเป็นแนวคิดที่ดีเพราะคุณจะได้เห็นผู้คนที่มีบุคลิกลักษณะต่าง ๆ กันและนั่นทำให้คุณตระหนักว่ายังมีคนอีกมากที่คุณยังไม่รู้จักคุ้นเคย.”
คน ๆ เดียวล่ะ? ในอีกท้องเรื่องหนึ่ง คัมภีร์ไบเบิลสนับสนุนเราว่า “จงตีแผ่ใจ” ในการคบหาสมาคมของเรา. (บิดามารดาของคุณอาจถึงกับเต็มใจช่วยคุณจัดเตรียมการสังสรรค์อันดีงามกับหนุ่มสาวคนอื่น ๆ. แอนน์ มารดาลูกสองกล่าวว่า “เรามักทำให้แน่ใจอยู่เสมอว่าบ้านของเราเป็นสถานที่ที่ให้ความเพลิดเพลินอย่างที่ลูก ๆ ต้องการให้เป็น. เราเชิญเพื่อนของลูกมา ให้พวกเขากินขนมและเล่นเกมกัน. โดยวิธีนี้ พวกลูก ๆ จึงรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องออกไปหาความสนุกนอกบ้าน.”
แน่ล่ะ แม้แต่อยู่ในกลุ่ม คุณก็ยังต้องระมัดระวังในเรื่องการแสดงความสนใจมากเกินไปกับคนคนหนึ่ง. หนุ่มสาวบางคนหาเหตุผลว่า ตราบใดที่ยังมีคนอื่น ๆ อยู่ด้วย พวกเขาก็ไม่ได้นัดพบกันจริง ๆ. อย่าหลอกตัวเองเช่นนั้น. (บทเพลงสรรเสริญ 36:2) ถ้าคุณจับคู่กับคนเดิมทุกครั้งที่มีการพบปะกันในหมู่เพื่อน นั่นก็เท่ากับเป็นการนัดพบ. * จงใช้ดุลพินิจที่ดีในการมีมิตรสัมพันธ์กับเพศตรงกันข้าม.—1 ติโมเธียว 5:2.
คุณค่าแห่งการรอคอย
ไม่ง่ายที่จะยอมรับเมื่อบิดามารดาบอกว่าคุณยังเด็กเกินกว่าที่จะนัดพบ. แต่พวกท่านไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณเจ็บ. ตรงกันข้าม บิดามารดาทำทุกสิ่งที่สามารถทำได้เพื่อช่วยและปกป้องคุณ. ดังนั้น แทนที่จะเชื่อใจตัวเองและบอกปัดคำแนะนำของท่าน ทำไมจึงไม่ใช้ประสบการณ์ของท่านให้เป็นประโยชน์? ตัวอย่างเช่น ทำไมไม่ขอคำแนะนำจากท่านในคราวหน้าเมื่อคุณมีปัญหาเรื่องการติดต่อกับเพศตรงกันข้าม? พระธรรมสุภาษิต 28:26 (ล.ม.) เตือนเราว่า “ผู้ที่วางใจหัวใจของตนเองก็เป็นคนโฉดเขลา.” เด็กสาวที่ชื่อ คอนนี กล่าวว่า “เมื่อมีผู้ชายมาชอบดิฉัน สิ่งที่ช่วยดิฉันต้านทานแรงกดดันให้นัดพบคือการเล่าเรื่องนั้นให้คุณแม่ฟัง. ท่านจะเล่าประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับเพื่อนและครอบครัวของท่านในอดีต. สิ่งนั้นช่วยดิฉันจริง ๆ.”
การคอยสักระยะหนึ่งก่อนการนัดพบจะไม่ทำให้พัฒนาการทางอารมณ์ของคุณช้าลงหรือเป็นการจำกัดเสรีภาพของคุณ. เนื่องจากคุณยังไม่ได้รับเอาความรับผิดชอบแบบผู้ใหญ่ในเรื่องการติดต่อฝากรักและการสมรส คุณจึงมีเสรีภาพที่จะ ‘ชื่นชมยินดีในปฐมวัยของคุณ.’ (ท่านผู้ประกาศ 11:9) นอกจากนี้ การรอคอยยังช่วยให้คุณมีเวลาพัฒนาบุคลิกภาพ, ความอาวุโส, และสำคัญที่สุดคือสภาพฝ่ายวิญญาณ. (บทเพลงร้องทุกข์ 3:26, 27) ดังที่คริสเตียนสาวผู้หนึ่งกล่าวไว้ “คุณควรมอบตัวเองให้กับพระยะโฮวาก่อนที่จะไปมอบให้กับคนอื่น.”
เมื่อคุณอายุมากขึ้นและความก้าวหน้าของคุณปรากฏชัดต่อทุกคน บิดามารดาก็จะเริ่มมองคุณในแบบที่ต่างออกไป. (1 ติโมเธียว 4:15) และเมื่อคุณพร้อมจริง ๆ ที่จะนัดพบ คุณคงจะทำเช่นนั้นได้โดยได้รับความเห็นชอบจากท่าน.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 3 ชื่อสมมุติ.
^ วรรค 17 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูหนังสือคำถามที่หนุ่มสาวถาม—คำตอบที่ได้ผล หน้า 232-233 จัดพิมพ์โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ แห่งนิวยอร์ก.
[ภาพหน้า 20]
การมุ่งให้ความสนใจเป็นพิเศษกับใครสักคนที่เป็นเพศตรงกันข้าม . . .
. . . มักจะปลุกเร้าความรู้สึกรัก ๆ ใคร่ ๆ
[ภาพหน้า 21]
แทนที่จะจำกัดความสนใจไว้กับคนคนเดียว จงแผ่มิตรภาพไปยังคนอื่น ๆ ด้วย