ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

สงครามไม่ได้ทำให้งานเผยแพร่ของเราต้องยุติ

สงครามไม่ได้ทำให้งานเผยแพร่ของเราต้องยุติ

สงคราม​ไม่​ได้​ทำ​ให้​งาน​เผยแพร่​ของ​เรา​ต้อง​ยุติ

เล่า​โดย เลโอเดการิโอ บาร์ลาอัน

ปี 1942 ระหว่าง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง ญี่ปุ่น​กับ​สหรัฐ​สู้​รบ​ขับ​เคี่ยว​กัน​เพื่อ​ยึด​ฟิลิปปินส์​ประเทศ​บ้าน​เกิด​ของ​ผม. ตอน​นั้น​ผม​อยู่​ที่​หมู่​บ้าน​บน​เขา​ทาโบนัน ซึ่ง​กองโจร​ท้องถิ่น​ที่​สู้​รบ​กับ​ทหาร​ญี่ปุ่น​ได้​ควบคุม​ตัว​ผม​ไว้. ผม​ถูก​เฆี่ยน, ถูก​กล่าวหา​เป็น​สาย​ลับ, และ​ถูก​ข่มขู่​จะ​เอา​ชีวิต. ขอ​ให้​ผม​ชี้​แจง​ว่า​ได้​เข้า​มา​เกี่ยว​ข้อง​กับ​สถานการณ์​นี้​อย่าง​ไร และ​ผม​รอด​ชีวิต​ได้​อย่าง​ไร.

ผม​เกิด​วัน​ที่ 24 มกราคม 1914 ที่​เมือง​ซาน​คาร์ลอส จังหวัด​ปังกาซินัน. ใน​ช่วง​ทศวรรษ 1930 คุณ​พ่อ​ส่ง​ผม​เข้า​โรง​เรียน​เพื่อ​ศึกษา​ด้าน​การ​เกษตร. พอ​ถึง​วัน​อาทิตย์ ผม​เข้า​ร่วม​พิธี​มิสซา และ​บาทหลวง​จะ​บรรยาย​เรื่อง​กิตติคุณ​ทั้ง​สี่ ได้​แก่​พระ​ธรรม​มัดธาย, มาระโก, ลูกา, และ​โยฮัน. ผล​คือ​ผม​อยาก​อ่าน​พระ​ธรรม​เหล่า​นี้.

วัน​หนึ่ง ผม​ไป​ที่​คอนแวนต์​เพื่อ​ซื้อ​พระ​ธรรม​กิตติคุณ​สัก​เล่ม​หนึ่ง​ด้วย​เงิน​ที่​ผม​ขาย​ผัก​ได้. แทน​ที่​จะ​ได้​หนังสือ​กิตติคุณ ผม​กลับ​ได้​หนังสือ​เล่ม​เล็ก​ชื่อ ทาง​สู่​สวรรค์ (ภาษา​อังกฤษ) และ​ปรากฏ​ว่า​ไม่​มี​เรื่อง​ราว​เกี่ยว​กับ​กิตติคุณ​เลย. ผม​รู้สึก​ผิด​หวัง. ต่อ​มา เนื่อง​จาก​ผม​อยาก​ได้​พระ​ธรรม​กิตติคุณ​นั้น ผม​จึง​เดิน​ทาง​ไป​กรุง​มะนิลา. ที่​นั่น ผม​ได้​รับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ครบ​ชุด​จาก​คุณ​ลุง​ซึ่ง​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

การ​ได้​พบ​พยาน​ฯ หลาย​คน​ใน​กรุง​มะนิลา ซึ่ง​ช่ำชอง​ใน​การ​ยก​อ้าง​ข้อ​คัมภีร์​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​ประทับ​ใจ. พวก​เขา​ให้​คำ​ตอบ​ที่​น่า​พอ​ใจ​สำหรับ​คำ​ถาม​หลาย​ข้อ. ท้าย​ที่​สุด ลุง​ริคาร์โด อูซอน​ได้​พา​ผม​ไป​ยัง​การ​ประชุม ณ สำนักงาน​สาขา​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. เมื่อ​จวน​ถึง​ที่​นั่น ผม​จุด​บุหรี่. ลุง​บอก​ผม​ว่า “โยน​ทิ้ง​ไป​เถอะ พยาน​พระ​ยะโฮวา​ไม่​สูบ​บุหรี่.” ดัง​นั้น ผม​จึง​ขว้าง​บุหรี่​ทิ้ง​และ​ไม่​หวน​ไป​สูบ​อีก​เลย. ผม​ได้​พบ​โจเซฟ โดสซานโตส ผู้​ดู​แล​สาขา​รวม​ทั้ง​พยาน​ฯ อีก​หลาย​คน. เวลา​ผ่าน​ไป​หลาย​สิบ​ปี ทุก​วัน​นี้​ผม​ยัง​จำ​พี่​น้อง​คริสเตียน​ที่​น่า​รัก​เหล่า​นั้น​ได้.

ความ​ปรารถนา​จะ​รับใช้​พระเจ้า

พอ​ถึง​เดือน​ตุลาคม​ปี 1937 ขณะ​เป็น​นัก​ศึกษา​ที่​มหาวิทยาลัย​เกษตร​ศาสตร์​ลอส บันยอส ผม​ไม่​ไป​ร่วม​พิธี​มิสซา​อีก​เลย. ผม​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​แทน และ​อ่าน​ควบ​กับ​หนังสือ​ที่​ลุง​ให้​ไว้. พยาน​พระ​ยะโฮวา​กลุ่ม​หนึ่ง​แวะ​มา​เยี่ยม​มหาวิทยาลัย และ​จาก​การ​สนทนา​กับ​เอลวิรา อะลินโสด พยาน​ฯ คน​หนึ่ง​ใน​กลุ่ม​นั้น​ได้​เสริม​ความ​ปรารถนา​ของ​ผม​ที่​จะ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ให้​มั่นคง.

เมื่อ​ผม​แจ้ง​บรรดา​อาจารย์​ประจำ​คณะ​ว่า​ผม​ตก​ลง​ใจ​ลา​ออก อาจารย์​ถาม​ว่า “ใคร​จะ​เลี้ยง​ดู​เธอ​ล่ะ?” ผม​ชี้​แจง​ว่า ผม​มั่น​ใจ​ถ้า​ผม​รับใช้​พระเจ้า พระองค์​จะ​ทรง​ค้ำจุน​ผม. หลัง​จาก​ลา​ออก ผม​ไป​ที่​สำนักงาน​ของ​สมาคม​ว็อชเทาเวอร์ และ​เสนอ​ตัว​ขอ​เป็น​อาสา​สมัคร​พร้อม​กับ​ชี้​แจง​ว่า “ผม​ได้​อ่าน​หนังสือ​ความ​ภักดี, ความ​มั่งคั่ง, และ​คน​ตาย​อยู่​ที่​ไหน? (ภาษา​อังกฤษ) บัด​นี้ ผม​ต้องการ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​เต็ม​เวลา.” มี​การ​ขอ​ให้​ผม​ไป​ที่​จังหวัด​เซบู เพื่อ​สมทบ​กับ​ไพโอเนียร์​สาม​คน ซึ่ง​เป็น​ชื่อ​เรียก​ผู้​เผยแพร่​เต็ม​เวลา​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

การ​เริ่ม​ต้น​ของ​ผม​ใน​งาน​ประกาศ

วัน​ที่ 15 กรกฎาคม 1938 ซัลวาดอร์ ลีวัก​ได้​ไป​รับ​ผม​ที่​ท่า​เรือ​ตอน​ที่​ผม​มา​ถึง​เกาะ​เซบู. วัน​รุ่ง​ขึ้น ผม​ก็​เริ่ม​งาน​ประกาศ​ตาม​บ้าน. ไม่​มี​ใคร​ฝึก​สอน​ผม. ผม​เพียง​แต่​เชิญ​เจ้าของ​บ้าน​อ่าน​บัตร​ให้​คำ​พยาน​ที่​อธิบาย​ถึง​กิจการ​ของ​เรา. อัน​ที่​จริง ผม​รู้​คำ​ภาษา​เซบูอาโน​ซึ่ง​เป็น​ภาษา​ท้องถิ่น​แค่​สอง​คำ​เท่า​นั้น. งาน​รับใช้​วัน​แรก​ของ​ผม​จึง​เริ่ม​ต้น​ด้วย​ประการ​ฉะนี้.

เมื่อ​ตั้ง​ต้น​ให้​คำ​พยาน​ใน​เมือง​ที่​เรา​จะ​บุกเบิก ตาม​ปกติ​เรา​มัก​จะ​ไป​ที่​สำนักงาน​เทศบาล​เป็น​แห่ง​แรก. ที่​นั่น บราเดอร์​ลีวัก​จะ​ให้​คำ​พยาน​กับ​นายก​เทศมนตรี; พับโล บาวติสตา ให้​คำ​พยาน​กับ​ผู้​กำกับ​การ​ตำรวจ; ส่วน​คอนราโด ดัคลัน ให้​คำ​พยาน​กับ​ผู้​พิพากษา. ส่วน​ผม​จะ​พูด​กับ​นาย​ไปรษณีย์. ต่อ​จาก​นั้น พวก​เรา​จะ​ไป​ที่​สถานี​ขน​ส่ง, อาคาร​ที่​พัก​สำหรับ​ตำรวจ, ห้าง​ร้าน, และ​ตาม​โรง​เรียน. นอก​จาก​นั้น เรา​จะ​ไป​หา​ประชาชน​ที่​บ้าน​ของ​เขา. เรา​เสนอ​หนังสือ​คู่มือ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ชื่อ​ศัตรู (ภาษา​อังกฤษ). ขณะ​ที่​ผม​ได้​เลียน​แบบ​วิธี​ให้​คำ​พยาน​จาก​เพื่อน​ร่วม​งาน ที​ละ​เล็ก​ละ​น้อย​ผม​ได้​ฝึก​พูด​ภาษา​เซบูอาโน แล้ว​ผม​ก็​เริ่ม​จำหน่าย​หนังสือ. ภาย​ใน​เวลา​สาม​เดือน เรา​ทำ​งาน​เสร็จ​ทั้ง 54 เมือง​ใน​จังหวัด​เซบู. แล้ว​ผม​ก็​ถาม​บราเดอร์​ลีวัก​ว่า “ตอน​นี้​ผม​จะ​รับ​บัพติสมา​ได้​หรือ​ยัง?”

“คุณ​ยัง​รับ​ไม่​ได้” เขา​ตอบ. ดัง​นั้น เรา​จึง​ย้าย​ไป​อีก​เกาะ​หนึ่ง คือ​เกาะ​โบโฮล และ​เผยแพร่​อยู่​ที่​นั่น​เดือน​ครึ่ง ครอบ​คลุม​มาก​กว่า 36 เมือง. อีก​ครั้ง​หนึ่ง ผม​ขอ​รับ​บัพติสมา และ​คำ​ตอบ​คือ “ยัง​รับ​ไม่​ได้​ครับ บาร์ลาอัน.” ครั้น​ได้​ประกาศ​ทั่ว​เกาะ​โบโฮล แล้ว​ต่อ​จาก​นั้น​เรา​ไป​ที่​เกาะ​คามิกูอิน เรา​ไป​ถึง​เกาะ​มินดาเนา​ซึ่ง​เป็น​เกาะ​ขนาด​ใหญ่ และ​ทำ​การ​เผยแพร่​ที่​เมือง​คากายัน เด โอโร.

ใน​ช่วง​นั้น เวอร์ฮินโย ครูซ ได้​ร่วม​สมทบ​กับ​พวก​เรา. เขา​เคย​เป็น​ครู​โรง​เรียน​รัฐบาล และ​ลา​ออก​เพื่อ​จะ​เป็น​ไพโอเนียร์. เรา​ย้าย​ไป​ยัง​เมือง​อื่น ๆ อีก​หลาย​เมือง​และ​ท้าย​สุด​ไป​ถึง​ทะเลสาบ​ลาเนา. เมื่อ​อยู่​ที่​นั่น ผม​ถาม​อีก​ว่า​ผม​จะ​รับ​บัพติสมา​ได้​หรือ​ยัง. ใน​ที่​สุด วัน​ที่ 28 ธันวาคม 1938 หลัง​จาก​ทำ​งาน​เป็น​ไพโอเนียร์​มา​ได้​ประมาณ​หก​เดือน บราเดอร์​ครูซ​ก็​ให้​ผม​รับ​บัพติสมา​โดย​การ​จุ่ม​ตัว​ใน​ทะเลสาบ​ลาเนา เมือง​ลุมบาตัน.

ได้​บำเหน็จ​เพราะ​การ​วางใจ​ใน​พระเจ้า

ต่อ​มา ผม​ได้​ไป​สมทบ​กับ​ไพโอเนียร์​สาม​คน​ที่​จังหวัด​เนกรอซ ออกซิเดนตัล. สาม​คน​นี้​ได้​แก่ ฟุลเกนซิโย เด เฮซูส, เอสเปอร์รันซา เด เฮซูส, และ​นาทิวิดัด ซานโตส ซึ่ง​พวก​เรา​เรียก​ชื่อ​เล่น​เธอ​ว่า​แนที. เรา​ทำ​งาน​เผยแพร่​ด้วย​กัน​หลาย​เมือง​ใน​จังหวัด​นี้. จริง ๆ แล้ว​เรา​ต้อง​ไว้​วางใจ​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​เต็ม​ที่ เนื่อง​จาก​บาง​ครั้ง​เรา​มัก​ขาด​แคลน​เงิน. คราว​หนึ่ง เรา​อยาก​ได้​ปลา​มา​กิน​กับ​ข้าว. ผม​พบ​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​ชาย​หาด​และ​ขอ​ซื้อ​ปลา​จาก​เขา ทว่า​เขา​ได้​ส่ง​ปลา​ไป​ขาย​ที่​ตลาด​หมด​แล้ว. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เขา​เต็ม​ใจ​ให้​ปลา​ที่​เขา​เก็บ​ไว้​กิน​เอง​แก่​ผม. ผม​ถาม​ว่า​เท่า​ไร. เขา​บอก​ว่า “ไม่​เป็น​ไร​หรอก คุณ​เอา​ไป​กิน​เถอะ.”

ผม​กล่าว​ขอบคุณ​เขา. แต่​ขณะ​เตรียม​จะ​กลับ​อยู่​ที​เดียว ผม​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​ปลา​ตัว​เดียว​คง​ไม่​พอ​สำหรับ​สี่​คน. พอ​เดิน​ผ่าน​ทาง​น้ำ​เล็ก ๆ ผม​ประหลาด​ใจ​เมื่อ​เห็น​ปลา​อยู่​บน​หิน​ก้อน​หนึ่ง มัน​ยัง​เปียก ๆ อยู่​เลย. ผม​คิด​ว่า ‘มัน​อาจ​ตาย​แล้ว​ก็​ได้.’ ผม​ก้าว​ไป​หยิบ​ปลา​และ​แปลก​ใจ​ที่​มัน​ยัง​ไม่​ตาย. ผม​จับ​มัน​ไว้​มั่น ทันใด​นั้น​ผม​นึก​ถึง​คำ​สัญญา​ของ​พระ​เยซู​ที่​ว่า “ดัง​นั้น จง​แสวง​หา​ราชอาณาจักร​และ​ความ​ชอบธรรม​ของ​พระองค์​ก่อน​เสมอ​ไป แล้ว​สิ่ง​อื่น​เหล่า​นี้​ทั้ง​หมด​จะ​เพิ่ม​เติม​ให้​แก่​ท่าน.”—มัดธาย 6:33, ล.ม.

การ​เผยแพร่​ใน​ช่วง​สงคราม

เมื่อ​กลุ่ม​ไพโอเนียร์​ของ​เรา​เพิ่ม​เป็น​เก้า​คน จึง​ได้​แบ่ง​ออก​เป็น​สอง​กลุ่ม. กลุ่ม​ของ​เรา​ถูก​มอบหมาย​ให้​ไป​ที่​เซบู. ตอน​นั้น​เป็น​ช่วง​เดือน​ธันวาคม 1941 และ​ที่​ฟิลิปปินส์​ก็​เพิ่ง​ก้าว​เข้า​สู่​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง. ระหว่าง​ที่​เรา​ทำ​งาน​ใน​เมือง​ทู​บู​รัน นาย​ทหาร​ฟิลิปปินส์​ยศ​ร้อย​โท​เข้า​มา​ใน​ห้อง​เรา​ตอน​เที่ยง​คืน. เขา​พูด​ดัง​นี้: “ตื่น​ได้​แล้ว ทหาร​กำลัง​ค้น​หา​พวก​คุณ.” พวก​เรา​ถูก​ตั้ง​ข้อ​สงสัย​ว่า​เป็น​สาย​ลับ​ให้​ญี่ปุ่น และ​เรา​ถูก​สอบ​ปากคำ​ตลอด​ทั้ง​คืน.

หลัง​จาก​นั้น เขา​กัก​พวก​เรา​ไว้​ใน​เรือน​จำ​ของ​เทศบาล. ทาง​หน่วย​กอง​กำลัง​ติด​อาวุธ​ของ​สหรัฐ​ใน​เมือง​เซบู​ต้องการ​ให้​เรา​มอบ​หนังสือ​ทุก​เล่ม​ที่​แต่​ละ​คน​มี​อยู่ เพื่อ​จะ​ตรวจ​ดู​ว่า​เรา​เป็น​สาย​ลับ​ให้​ญี่ปุ่น​หรือ​ไม่. ชาว​บ้าน​หลาย​คน​แวะ​ไป​ที่​เรือน​จำ เขา​อยาก​รู้​ว่า​คน​ที่​ถูก​กล่าวหา​เป็น​สาย​ลับ​ของ​ญี่ปุ่น​มี​หน้า​ตา​อย่าง​ไร. บาง​คน​ซัก​ถาม​หลาย​อย่าง และ​พวก​เรา​ได้​ให้​คำ​พยาน​แก่​พวก​เขา​เกี่ยว​กับ​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า.

หลัง​จาก​อยู่​ใน​เรือน​จำ​ห้า​วัน ผู้​กำกับ​การ​ตำรวจ​ได้​รับ​โทรเลข​จาก​กอง​บัญชา​การ​ทหาร​สูง​สุด​แห่ง​สหรัฐ​ซึ่ง​สั่ง​การ​ให้​ปล่อย​พยาน​พระ​ยะโฮวา. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เขา​สั่ง​พวก​เรา​ให้​เลิก​ประกาศ เนื่อง​จาก​อยู่​ใน​ภาวะ​สงคราม. พวก​เรา​ได้​ชี้​แจง​ว่า​เรา​ไม่​อาจ​เลิก​งาน​ประกาศ​เนื่อง​จาก​เรา​ได้​รับ​มอบ​หน้า​ที่​นี้​จาก​พระเจ้า. (กิจการ 5:28, 29) ผู้​กำกับ​การ​ตำรวจ​รู้สึก​โมโห​แล้ว​กล่าว​ว่า “หาก​คุณ​ยัง​ขืน​ประกาศ​ละ​ก็ ผม​จะ​ปล่อย​ให้​ประชาชน​ฆ่า​คุณ​เสีย.”

ไม่​กี่​วัน​ต่อ​มา ผู้​กำกับ​การ​ตำรวจ​คน​นี้​หา​ทาง​จะ​ให้​พวก​เรา​ถูก​จับ​อีก. ใน​ที่​สุด ทหาร​สหรัฐ​หมู่​หนึ่ง​เข้า​สกัด​พวก​เรา และ​ร้อย​โท​ชื่อ​โซริอาโน​ถาม​ซิสเตอร์​ซานโตส​ว่า “คุณ​จะ​เลิก​ประกาศ​ไหม?”

“ไม่” เธอ​ตอบ.

“ถ้า​เรา​สั่ง​ให้​หน่วย​สังหาร​ยิง​คุณ​ล่ะ?” เขา​ถาม​หยั่ง​เชิง.

“นั่น​คง​ไม่​เปลี่ยน​การ​ตัดสิน​ใจ​ของ​เรา” เธอ​อธิบาย.

เมื่อ​ได้​ฟัง​คำ​ตอบ​แบบ​นั้น พวก​เรา​ทั้ง​หมด​ถูก​ต้อน​ขึ้น​รถ​บรรทุก​และ​พา​ไป​ยัง​เมือง​เซบู ซึ่ง​เรา​ต้อง​รายงาน​ตัว​ต่อ​พัน​เอก​เอดมันด์. แล้ว​ร้อย​โท​โซริอาโน​กล่าว​แนะ​นำ​พวก​เรา​ต่อ​นาย​พัน​เอก​และ​แจ้ง​ว่า “พวก​นี้​คือ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. เขา​เป็น​สาย​ลับ​ให้​ญี่ปุ่น!”

“พยาน​พระ​ยะโฮวา​หรือ?” นาย​พัน​ถาม. “ผม​รู้​จัก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​อเมริกา​ดี. พวก​เขา​ไม่​ใช่​สาย​ลับ​นี่​นา! พวก​เขา​วาง​ตัว​เป็น​กลาง.” แล้ว​นาย​พัน​หัน​มา​พูด​กับ​พวก​เรา​ว่า “เนื่อง​จาก​พวก​คุณ​เป็น​กลาง เรา​จะ​ไม่​ปล่อย​คุณ.” ใน​เวลา​ต่อ​มา หลัง​จาก​ถูก​กัก​ตัว​อยู่​ใน​ห้อง​เก็บ​ของ​ระยะ​หนึ่ง พัน​เอก​เอดมันด์​พูด​กับ​เรา​อีก​และ​ถาม​ว่า “พวก​คุณ​ยัง​เป็น​กลาง​อยู่​ไหม?”

“ครับ พวก​เรา​เป็น​กลาง” เรา​ตอบ.

“เมื่อ​เป็น​เช่น​นั้น คุณ​จะ​ไม่​ได้​รับ​การ​ปล่อย​ตัว เพราะ​ถ้า​เรา​ปล่อย​คุณ​ออก​ไป คุณ​จะ​ยัง​ประกาศ​ต่อ​ไป และ​พวก​ที่​ถูก​ชัก​นำ​ให้​เปลี่ยน​ศาสนา​ก็​พลอย​เป็น​กลาง​ไป​ด้วย. แล้ว​ถ้า​ทุก​คน​ทำ​แบบ​นี้ จะ​ไม่​มี​ใคร​ออก​รบ.”

มี​เสรีภาพ​จะ​ประกาศ​อีก

ที​หลัง เขา​ย้าย​พวก​เรา​ไป​ขัง​ใน​เรือน​จำ​เมือง​เซบู. วัน​ที่ 10 เมษายน 1942 ทหาร​ญี่ปุ่น​ได้​โจมตี​เมือง​นี้. มี​การ​ทิ้ง​ระเบิด​ทุก​หน​ทุก​แห่ง และ​เกิด​ไฟ​ไหม้​เป็น​บริเวณ​กว้าง! พัศดี​แล​เห็น​ซิสเตอร์​ซานโตส ซึ่ง​ห้อง​ขัง​ของ​เธอ​อยู่​ด้าน​หน้า​เรือน​จำ. เขา​ร้อง​ตะโกน “ตาย​จริง พยาน​พระ​ยะโฮวา​ยัง​ติด​อยู่​ข้าง​ใน! เปิด​ประตู​ปล่อย​เขา​ออก​มา!” พวก​เรา​ขอบพระคุณ​พระ​ยะโฮวา​ที่​ทรง​ให้​การ​คุ้มครอง​เรา.

เรา​รีบ​มุ่ง​หน้า​ไป​ที่​ภูเขา​ทันที​เพื่อ​ตาม​หา​เพื่อน​พยาน​ฯ. เรา​พบ​คน​หนึ่ง​ใน​เมือง​คอมพอสเตลา. ก่อน​หน้า​นั้น เขา​เคย​นำ​หน้า​ใน​งาน​เผยแพร่ แต่​ตอน​นี้​เขา​ตัดสิน​ใจ​เลิก​งาน​ประกาศ แล้ว​ย้าย​ไป​อยู่​ที่​เมือง​เซบู​และ​ดำเนิน​ธุรกิจ​ขาย​สินค้า​นานา​ชนิด. แต่​พวก​เรา​ตัดสิน​ใจ​ทำ​การ​เผยแพร่​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​ต่อ​ไป​ไม่​ว่า​จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น.

เรา​มี​หนังสือ​ปลอบโยน​บรรดา​ผู้​โศก​เศร้า​ทั้ง​หลาย (ภาษา​อังกฤษ) เป็น​จำนวน​มาก และ​เรา​พยายาม​แจก​จ่าย​ให้​ถึง​มือ​ประชาชน. แต่​หลาย​คน​พยายาม​ขู่​ให้​เรา​กลัว โดย​พูด​ว่า​ถ้า​ทหาร​ญี่ปุ่น​เห็น​พวก​เรา เขา​จะ​ตัด​คอ​เรา​แน่. ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น​มี​การ​ก่อ​ตั้ง​ขบวนการ​กองโจร​ต่อ​ต้าน​ญี่ปุ่น และ​คน​นั้น​ซึ่ง​เลิก​งาน​ประกาศ​แล้ว​หัน​ไป​ทำ​ธุรกิจ​ใน​เมือง​เซบู​ก็​ถูก​จับ​กุม. พวก​เรา​รู้สึก​สลด​ใจ​เมื่อ​ทราบ​ว่า​เขา​ถูก​กล่าวหา​ว่า​เป็น​สาย​ลับ​ให้​ญี่ปุ่น​และ​จึง​ถูก​สังหาร.

ถูก​กล่าวหา​ว่า​เป็น​สาย​ลับ

ช่วง​นั้น​พวก​เรา​ประกาศ​ต่อ​ไป​ใน​แถบ​ภูเขา. วัน​หนึ่ง​เรา​ทราบ​ว่า​มี​ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​สนใจ แต่​ที่​จะ​ไป​ให้​ถึง​บ้าน​ของ​เธอ เรา​ต้อง​ผ่าน​ด่าน​ทหาร​กองโจร​หลาย​ด่าน. เรา​มา​ถึง​หมู่​บ้าน​มังกาโบน​ซึ่ง​หญิง​คน​นั้น​อยู่ แต่​ทหาร​หมู่​หนึ่ง​เห็น​เรา​และ​ตะโกน​ถาม​ว่า “พวก​คุณ​มา​ทำ​อะไร​ที่​นี่?”

“พวก​เรา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา” ผม​ตอบ. “คุณ​อยาก​ฟัง​ข่าวสาร​ของ​เรา​ไหม เรา​มี​หีบ​เสียง​ติด​ตัว​มา​ด้วย?” เมื่อ​พวก​เขา​ตอบ​ตก​ลง ผม​จึง​เปิด​แผ่น​เสียง​ให้​เขา​ฟัง​เรื่อง​คุณค่า​ของ​ความ​รู้ (ภาษา​อังกฤษ). หลัง​จาก​นั้น พวก​เขา​ได้​ตรวจ​ค้น​และ​ซัก​ถาม​แล้ว​พา​พวก​เรา​ไป​ยัง​กอง​บัญชา​การ​หน่วย​รบ​กองโจร​ที่​หมู่​บ้าน​ทาโบนัน. เรา​อธิษฐาน​ขอ​การ​คุ้มครอง​จาก​พระ​ยะโฮวา เพราะ​ปกติ​แล้ว​มี​ข่าว​ว่า​แทบ​ทุก​คน​ที่​ถูก​นำ​ตัว​ไป​ที่​นั่น​ถูก​สังหาร​ทั้ง​นั้น.

เรา​ถูก​ทหาร​ยาม​คุม​ตัว​แถม​ปฏิบัติ​ต่อ​เรา​อย่าง​โหด​ร้าย. ทั้ง​นี้​ทำ​ให้​เรา​ตก​สู่​สภาพการณ์​ดัง​ที่​ผม​เกริ่น​ไว้​ตอน​เริ่ม​เรื่อง​คือ​ตอน​ที่​ผม​ถูก​เฆี่ยน​และ​นาย​ร้อย​โท​ชี้​มา​ที่​ผม แล้ว​พูด​ว่า “นาย​เป็น​สาย​ลับ!” แล้ว​พวก​เขา​ก็​ยัง​ปฏิบัติ​ต่อ​พวก​เรา​อย่าง​โหด​ร้าย​ชั่ว​ระยะ​หนึ่ง แต่​แทน​ที่​เรา​จะ​ถูก​ประหาร เขา​กลับ​ตัดสิน​ลง​โทษ​เรา​ให้​ทำ​งาน​หนัก.

เบอร์นาบี น้อง​ชาย​ของ​ผม​เป็น​หนึ่ง​ใน​กลุ่ม​ไพโอเนียร์​ที่​ถูก​จำ​คุก​ใน​เมือง​ทาโบนัน. ทุก​เช้า พวก​เรา​นัก​โทษ​ต้อง​ร้อง​เพลง​ชาติ “พระเจ้า​คุ้มครอง​อเมริกา” และ​เพลง​ชาติ​ฟิลิปปินส์ “พระเจ้า​คุ้มครอง​ฟิลิปปินส์.” แทน​ที่​เหล่า​พยาน​ฯ จะ​ร้อง​เพลง​ชาติ​ของ​สอง​ประเทศ​นั้น พวก​เขา​พา​กัน​ร้อง​เพลง “ใคร​อยู่​ฝ่าย​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า?” มี​อยู่​คราว​หนึ่ง ผู้​คุม​ตะโกน​ว่า “คน​ไหน​ไม่​ร้อง​เพลง ‘พระเจ้า​คุ้มครอง​อเมริกา’ จะ​ถูก​แขวน​คอ​ที่​ต้น​กระถิน​ต้น​นั้น!” แต่​ทั้ง​ที่​มี​การ​ข่มขู่ ไม่​มี​สัก​คน​ใน​กลุ่ม​ของ​เรา​ถูก​ฆ่า. สุด​ท้าย​เรา​ถูก​ย้าย​ไป​อยู่​ค่าย​อื่น. ใน​ที่​สุด ผม​ได้​รับ​หนังสือ​ปลด​ปล่อย​เป็น​อิสระ ซึ่ง​ออก​ให้​ใน​เดือน​กรกฎาคม 1943. ถึง​ตอน​นั้น ผม​ตก​เป็น​นัก​โทษ​นาน​แปด​เดือน​สิบ​วัน.

ตลอด​ชีวิต​ใน​งาน​ประกาศ

ความ​ปรารถนา​ของ​เรา​ที่​อยาก​พบ​คน​สนใจ​เหล่า​นั้น​ที่​เรา​เคย​ประกาศ​ให้​เขา​ฟัง​เมื่อ​เริ่ม​ทำ​งาน​ตอน​แรก ๆ นั้น​เป็น​แรง​บันดาล​ใจ​ให้​เรา​เดิน​เท้า​เป็น​ระยะ​ทาง 60 กิโลเมตร​ไป​ยัง​เมือง​โทเลโด. ที่​นั่น การ​ประชุม​ถูก​จัด​ขึ้น​เป็น​ประจำ และ​ต่อ​มา​หลาย​คน​ได้​รับ​บัพติสมา. ใน​ที่​สุด สงคราม​ยุติ​ลง​ใน​ปี 1945. สอง​ปี​ต่อ​มา หลัง​จาก​ผม​ได้​รับ​บัพติสมา​นาน​เกือบ​เก้า​ปี ผม​สามารถ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่​ซึ่ง​จัด​ขึ้น​ครั้ง​แรก ณ สนาม​แข่ง​กรีฑา​ซานตาอานา​ใน​กรุง​มะนิลา. มี​ประมาณ 4,200 คน​ไป​ชุมนุม​กัน​ฟัง​คำ​บรรยาย​สาธารณะ​หัวเรื่อง “ความ​ชื่นชม​ยินดี​ของ​คน​ทั้ง​ปวง.”

ก่อน​เกิด​สงคราม จำนวน​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ประเทศ​ฟิลิปปินส์​มี​ประมาณ 380 คน ครั้น​มา​ใน​ปี 1947 มี​มาก​กว่า 2,700 คน! ตั้ง​แต่​นั้น​เรื่อย​มา ผม​ได้​รับ​สิทธิ​พิเศษ​มาก​มาย​ใน​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา. จาก​ปี 1948 ถึง 1950 ผม​รับใช้​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​ใน​เขต​ซูริเกา. ปี 1951 ผม​แต่งงาน​กับ​นาทิวิดัด ซานโตส ซึ่ง​เคย​ร่วม​งาน​ประกาศ​อย่าง​กล้า​หาญ​กับ​กลุ่ม​ของ​เรา​ใน​ช่วง​สงคราม. หลัง​การ​แต่งงาน ระหว่าง​ปี 1954 ถึง 1972 เรา​ทำ​งาน​รับใช้​เดิน​ทาง​เยี่ยม​ทั่ว​เกาะ​มินดาเนา.

เพื่อ​เรา​จะ​อยู่​ใกล้​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​ที่​ชราภาพ​และ​ให้​การ​ช่วยเหลือ​ท่าน เรา​เปลี่ยน​มา​รับใช้​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ใน​ปี 1972. แม้​เรา​ทั้ง​สอง​อยู่​ใน​วัย 80 เศษ ๆ เรา​ยัง​คง​ทำ​งาน​ไพโอเนียร์​เรื่อย​มา รวม​เวลา​ที่​เรา​สอง​คน​ได้​ร่วม​ใน​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา​แล้ว​ก็​มาก​กว่า 120 ปี. ช่าง​เป็น​ความ​ชื่นชม​อย่าง​แท้​จริง​เมื่อ​เรา​เห็น​จำนวน​ผู้​ประกาศ​ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​ใน​ประเทศ​ฟิลิปปินส์​เพิ่ม​ขึ้น​เป็น 130,000 กว่า​คน! เรา​ยัง​คง​ปรารถนา​จะ​ช่วย​ผู้​คน​อีก​มาก​ให้​เข้าใจ​ว่า​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​เป็น​ความ​หวัง​อย่าง​เดียว​เพื่อ​จะ​มี​สันติภาพ​และ​ความ​สุข​แท้​บน​แผ่นดิน​โลก.

[คำ​โปรย​หน้า 22]

พวก​เรา​ถูก​ตั้ง​ข้อ​สงสัย​ว่า​เป็น​สาย​ลับ​ให้​ญี่ปุ่น และ​เรา​ถูก​สอบ​ปากคำ​ตลอด​ทั้ง​คืน

[ภาพ​หน้า 23]

ปี 1963 กับ​เพื่อน ๆ บน​เกาะ​โบโฮล. นับ​จาก​ด้าน​ขวา คน​ที่​สี่​คือ​ภรรยา​ผม​คน​ที่​ห้า​คือ​ผม​เอง

[ภาพ​หน้า 24]

ผม​กับ​ภรรยา​ใน​ปัจจุบัน

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 20]

Background photo: U.S. Signal Corps photo