ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

การเพ่งดูโลก

การเพ่งดูโลก

การ​เพ่ง​ดู​โลก

จิตใจ​ส่ง​ผล​กระทบ​ต่อ​หัวใจ

จดหมาย​ข่าว​เรื่อง​สุขภาพ​และ​โภชนาการ​แห่ง​มหาวิทยาลัย​ทัฟตส์ (ภาษา​อังกฤษ) ให้​ข้อ​สังเกต​ว่า ความ​เครียด​ทาง​จิตใจ​ทำ​ให้​เกิด​ความ​เสี่ยง​เพิ่ม​ขึ้น​ที่​จะ​เป็น​โรค​กล้ามเนื้อ​หัวใจ​ขาด​เลือด​เฉียบ​พลัน​ครั้ง​ที่​สอง นอก​จาก​นี้​ยัง “มี​หลักฐาน​เพิ่ม​ขึ้น​เรื่อย ๆ ที่​แสดง​ว่า​จิตใจ​มี​บทบาท​สำคัญ​ต่อ​การ​พัฒนา ไป​สู่​การ​เป็น​โรค​หัวใจ​ด้วย.” การ​ศึกษา​วิจัย​เมื่อ​เร็ว ๆ นี้​เผย​ให้​เห็น​ว่า “คน​เจ้า​อารมณ์​มี​อัตรา​เสี่ยง​สูง​กว่า​คน​อื่น ๆ ถึง​สาม​เท่า​ใน​การ​เป็น​โรค​กล้ามเนื้อ​หัวใจ​ขาด​เลือด​เฉียบ​พลัน​หรือ​เสีย​ชีวิต​ด้วย​โรค​หัวใจ” และ​เผย​ว่า “ผล​กระทบ​ต่าง ๆ ของ​ความ​เกลียด​ชัง​ปรากฏ​ให้​เห็น​ตั้ง​แต่​ช่วง​ต้น ๆ ของ​ชีวิต.” ความ​เครียด​ก่อ​ความ​เสียหาย​ต่อ​กล้ามเนื้อ​หัวใจ​และ​เส้น​เลือด​ที่​เลี้ยง​และ​ห่อ​หุ้ม​หัวใจ. ความ​ซึมเศร้า​อาจ​เพิ่ม​ความ​เสี่ยง​ต่อ​การ​เป็น​โรค​กล้ามเนื้อ​หัวใจ​ขาด​เลือด​เฉียบ​พลัน​หรือ​โรค​หัวใจ​ชนิด​อื่น ๆ มาก​กว่า 70 เปอร์เซ็นต์. แต่​เมื่อ​คน​เรา​ได้​รับ​การ​สนับสนุน​ทาง​สังคม​ใน​ระดับ​สูง—จาก​ครอบครัว​และ​เพื่อน ๆ—ผล​กระทบ​จาก​ความ​ซึมเศร้า​อาจ​ลด​ลง นัก​วิจัย​กล่าว.

เหตุ​ใด​จึง​มี​กาเฟอีน​ใน​เครื่อง​ดื่ม​ประเภท​น้ำ​อัด​ลม?

“หาก​กาเฟอีน​ไม่​ได้​ช่วย​เพิ่ม​รสชาติ​ให้​น้ำ​อัด​ลม แล้ว​ใส่​ทำไม​ล่ะ?” วารสาร​นิว ไซเยนติสต์ ถาม. “นัก​วิทยาศาสตร์​แห่ง​มหาวิทยาลัย​จอนส์ ฮอปกินส์​ใน​บัลติมอร์ พบ​ว่า​ผู้​ใหญ่​ที่​ดื่ม​น้ำ​อัด​ลม​โคลา มี​แค่ 2 ใน 25 คน​เท่า​นั้น​ที่​แยก​รสชาติ​ออก​ว่า​เครื่อง​ดื่ม​ชนิด​ใด​มี​กาเฟอีน​และ​ไม่​มี​กาเฟอีน.” กระนั้น 70 เปอร์เซ็นต์​ของ​น้ำ​อัด​ลม 15,000 ล้าน​กระป๋อง​ที่​ผลิต​ใน​อเมริกา​ใน​ปี 1998 มี​กาเฟอีน. ใน​การ​ศึกษา​วิจัย​เมื่อ​เร็ว ๆ นี้ นัก​จิต​เภสัช โรแลนด์ กริฟฟิทส์ และ​เพื่อน​ร่วม​งาน “พบ​หลักฐาน​ของ​อาการ​ถอน​ยา​ใน​เด็ก​ที่​ไม่​ได้​รับ​เครื่อง​ดื่ม​ที่​มี​กาเฟอีน​ตาม​ที่​ปกติ​เคย​ดื่ม.” กริฟฟิทส์​กล่าว​ดัง​นี้: “พวก​เขา​ใส่​กาเฟอีน​ให้​เป็น​สาร​เสพย์ติด​อย่าง​อ่อน นี่​จึง​เป็น​เหตุ​ผล​ที่​หนักแน่น​อย่าง​หนึ่ง​สำหรับ​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​ว่า​เหตุ​ใด​ผู้​คน​จึง​ดื่ม​น้ำ​อัด​ลม​ที่​มี​กาเฟอีน​มาก​กว่า​ที่​ไม่​มี​กาเฟอีน.”

นัก​ขุด​ผู้​ขยัน​ขันแข็ง

ชาว​นา​ใน​ประเทศ​ชิลี​ต้อง​รับมือ​กับ​โครูโร หนู​ใต้​ดิน​ที่​มี​ขน​ค่อนข้าง​ดำ ซึ่ง​ขุด​อุโมงค์​ใน​ผิว​หน้า​ดิน​เป็น​ทาง​ยาว​ถึง 600 เมตร. เมื่อ​ไม่​นาน​มา​นี้ มี​การ​ศึกษา​อย่าง​ละเอียด​เกี่ยว​กับ​ระบบ​อุโมงค์​ที่​มี​เครือข่าย​กว้างขวาง​ซึ่ง​มัน​ได้​สร้าง​ไว้. นัก​สัตววิทยา​สอง​คน คน​หนึ่ง​จาก​มหาวิทยาลัย​เอส​เซน เยอรมนี และ​เพื่อน​ร่วม​งาน​ของ​เธอ​ซึ่ง​เป็น​ชาว​ชิลี ได้​ขุด​พบ​อาณานิคม​ที่​เป็น​บ้าน​ของ​หนู 26 ตัว. ใน​ที่​ที่​เก็บ​อาหาร​ของ​มัน พวก​เขา​พบ​หัว​ของ​พวก​ต้น​หอม​ต้น​กระเทียม 5,000 หัว​ซึ่ง​มัน​เก็บ​ไว้​สำหรับ​ช่วง​หน้า​แล้ง. นอก​จาก​นี้ ระบบ​อุโมงค์​ยัง​รวม​ถึง​รัง​ที่​ปู​ด้วย​หญ้า​และ​ถุง​พลาสติก. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ชาว​นา​กลับ​มอง​เพื่อน​ตัว​น้อย​ที่​มี​ขน​สี​ค่อนข้าง​ดำ​ซึ่ง​ฉลาด​และ​น่า​ประทับใจ​พร้อม​กับ​มี​ฟัน​คู่​หน้า​ที่​ยื่น​ออก​มา​นั้น​เป็น​เหมือน​ตัว​ก่อกวน. บ่อย​ครั้ง วัว​ควาย​ขา​หัก​เมื่อ​พวก​มัน​ก้าว​เหยียบ​ลง​ไป​บน​อุโมงค์​แล้ว​อุโมงค์​ก็​ยุบ​พัง​ลง.

แดนดิไลเอ็น—หญ้า​พิศวง

หญ้า​แดนดิไลเอ็น “ถูก​ผู้​ดู​แล​สนาม​กอล์ฟ​และ​เจ้าของ​สนาม​หญ้า​ที่​พิถีพิถัน​ทุก​แห่ง​กล่าวหา​ว่า​เป็น​ศัตรู​หมาย​เลข​หนึ่ง​ของ​สาธารณชน” และ​เป็น “หญ้า​ที่​ไม่​อาจ​กำจัด​ได้​หมด” หนังสือ​พิมพ์​เดอะ นิวส์ แห่ง​เม็กซิโก​ซิตี กล่าว. กระนั้น หญ้า​แดนดิไลเอ็น “เป็น​พืช​ชนิด​หนึ่ง​ใน​โลก​ที่​มี​ประโยชน์​ต่อ​สุขภาพ​มาก​ที่​สุด” และ​อาจ​ช่วย​ให้​คุณ​มี​สุขภาพ​และ​โภชนาการ​ที่​ดี. หญ้า​นี้​อุดม​ไป​ด้วย​วิตามิน​เอ​และ​โพแทสเซียม และ​บำรุง​กำลัง​มาก​กว่า​บรอกโคลี​หรือ​ผัก​ขม. ทุก​ส่วน​ของ​หญ้า​นี้​ใช้​เป็น​ประโยชน์​ได้. อาจ​ใช้​ใบ​อ่อน​เป็น​ผัก​ใบ​เขียว​ใน​สลัด​ต่าง ๆ หรือ​นำ​มา​ทำ​เป็น​อาหาร​แทน​ผัก​ขม; ราก​อบ​แห้ง​อาจ​นำ​มา​ทำ​เป็น​เครื่อง​ดื่ม​คล้าย​กาแฟ; และ​ดอก​อาจ​นำ​มา​ทำ​เป็น​ไวน์. ตลอด​ประวัติศาสตร์ เคย​มี​การ​ใช้​หญ้า​แดนดิไลเอ็น​เป็น​ยา​บำรุง​และ​ยา​ล้าง​ตับ, เป็น​ตัว​ฟอก​และ​ตัว​สร้าง​เลือด, และ​เป็น​ยา​ขับ​ปัสสาวะ​อ่อน ๆ. เดอะ นิวส์ กล่าว​ว่า หญ้า​แดนดิไลเอ็น​เป็น “หนึ่ง​ใน​สมุนไพร​ยอด​นิยม​หก​ชนิด​ใน​ตู้​ยา​จีน.” และ​สำหรับ​คน​ที่​มี​สนาม​หญ้า​หรือ​สามารถ​ไป​ยัง​ทุ่ง​หญ้า หญ้า​แดนดิไลเอ็น​จะ​ขึ้น​ให้​ฟรี ๆ.

เทือก​เขา​แอนดีส​ละลาย

หนังสือ​พิมพ์​เอล โกเมอร์ซีโย แห่ง​เมือง​ลิมา​รายงาน​ว่า ใน 67 ปี​ที่​ผ่าน​มา ธาร​น้ำ​แข็ง​บาง​แห่ง​ใน​เทือก​เขา​แอนดีส​ของ​เปรู​ถอย​กลับ​ราว 850 ถึง 1,500 เมตร. ตาม​การ​ศึกษา​วิจัย​ที่​ทำ​โดย อองตวน เอรู นัก​วิชาการ​ด้าน​ธาร​น้ำ​แข็ง​ชาว​ฝรั่งเศส พบ​ว่า เพียง​แค่ 20 ปี​เศษ น้ำ​แข็ง​ที่​ละลาย​ทำ​ให้​เกิด​ทะเลสาบ​แห่ง​ใหม่​มาก​กว่า 70 แห่ง—ซึ่ง​หลาย​แห่ง​มี​ท่า​ว่า​จะ​ทะลัก​ออก​มา​และ​ทำลาย​เขื่อน​ธรรมชาติ. การ​สูญ​เสีย​ธาร​น้ำ​แข็ง​และ​หิมะ​หมาย​ถึง​การ​ลด​ลง​ของ​ปริมาณ​น้ำ​บริสุทธิ์​ที่​สามารถ​นำ​ไป​ใช้​ใน​ฟาร์ม, โครงการ​ชล​ประทาน, และ​โรง​ไฟฟ้า​พลัง​น้ำ. แหล่ง​น้ำ​เหล่า​นี้​ยัง​เป็น​แหล่ง​น้ำ​ดื่ม​ที่​สำคัญ​ของ​เมือง​หลวง​สาม​แห่ง​ใน​ประเทศ​แถบ​ลาติน​อเมริกา: เมือง​ลิมา เปรู; เมือง​กีโต เอกวาดอร์; และ​เมือง​ลาปาซ โบลิเวีย. เอล โกเมอร์ซีโย ตั้ง​คำ​ถาม​ว่า “คุณ​นึก​ภาพ​ออก​ไหม​ว่า​จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น​หาก​หิมะ​และ​ธาร​น้ำ​แข็ง​เหล่า​นี้​อันตรธาน​ไป?” เอ​รู​ให้​ข้อ​คิด​เห็น​ว่า​สาเหตุ​หลัก​อย่าง​หนึ่ง​ของ​ปัญหา​นี้​คือ​ภูมิ​อากาศ​ที่​เปลี่ยน​แปลง​ซึ่ง​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ปรากฏการณ์​เอลนินโญ.

“อาการ​รวย​เฉียบ​พลัน”

หนังสือ​พิมพ์​แนชันแนล โพสต์ แห่ง​แคนาดา​รายงาน​ว่า “นับ​ตั้ง​แต่​ปี 1997 จำนวน​เศรษฐี​เงิน​ล้าน​ใน​สหรัฐ​อเมริกา​และ​แคนาดา​เพิ่ม​ขึ้น​เกือบ 40% คือ​มี​ถึง​สอง​ล้าน​ห้า​แสน​คน.” หนังสือ​พิมพ์​ฉบับ​นั้น​ยัง​ให้​ข้อ​สังเกต​ด้วย​ว่า​โลก​ยุค​ไฮเทค​กำลัง​ทำ​ให้​หนุ่ม​สาว​หลาย​คน​ร่ำรวย​มั่งคั่ง. กระนั้น ตาม​ที่​นัก​จิตวิทยา ดร. สตีเฟน โกลด์บาร์ต กล่าว​ว่า บาง​คน​ไม่​สามารถ​รับมือ​กับ​ความ​ร่ำรวย​ฉับพลัน​ได้. “ความ​ร่ำรวย​อาจ​ทำลาย​ชีวิต​ของ​พวก​เขา, ทำ​ให้​ครอบครัว​แตก​แยก, และ​อาจ​ชัก​นำ​พวก​เขา​สู่​พฤติกรรม​ที่​ก่อ​ความ​เสียหาย​ร้ายแรง. เงิน​ไม่​ได้​นำ​มา​ซึ่ง​สันติ​สุข​และ​ความ​สำเร็จ​เสมอ​ไป” โกลด์บาร์ต​กล่าว. ตาม​ที่​นัก​จิตวิทยา​บาง​คน​กล่าว โลก​ยุค​ไฮเทค​สร้าง “โรค​ใหม่—อาการ​รวย​เฉียบ​พลัน” ซึ่ง​ปรากฏ​เป็น​อาการ​ซึมเศร้า​อย่าง​รุนแรง, อาการ​หวาด​กลัว, และ​โรค​นอน​ไม่​หลับ. ดัง​ที่​โพสต์ รายงาน​ว่า “เศรษฐี​ใหม่​บาง​คน​รู้สึก​ผิด​ที่​มี​เงิน​มาก​เกิน​ไป​และ​รู้สึก​ว่า​ไม่​มี​สิทธิ์​ใน​เงิน​นั้น, หรือ​อาจ​รู้สึก​ว่า​พวก​เขา​ไม่​สม​ควร​จะ​มี​เงิน​นั้น.” ยัง​มี​คน​อื่น​อีก​ที่​กลาย​เป็น​โรค​หวาด​ระแวง​และ​กลัว​ว่า​จะ​ถูก​ฉวย​ประโยชน์. ดร. โกลด์บาร์ต​แนะ​ว่า เศรษฐี​ผู้​ไร้​ความ​สุข​ควร​เข้า​ไป​มี​ส่วน​ร่วม​ใน​กิจกรรม​ทาง​สังคม​และ​ไม่​เพียง​แค่​เขียน​เช็ค​ให้​แก่​งาน​การ​กุศล​เท่า​นั้น.

การ​ใช้​ยา​ปฏิชีวนะ​มาก​เกิน​ไป

วารสาร​นิว ไซเยนติสต์ ให้​ข้อ​สังเกต​ว่า “การ​เตือน​ครั้ง​แล้ว​ครั้ง​เล่า​จาก​เจ้าหน้าที่​สาธารณสุข​เกี่ยว​กับ​การ​ใช้​ยา​ปฏิชีวนะ​มาก​เกิน​ไป​กำลัง​ถูก​มอง​ข้าม. จาก​การ​สำรวจ​ประชาชน 10,000 คน​ใน​เก้า​รัฐ​ของ​สหรัฐ​เผย​ให้​เห็น​ว่า 32 เปอร์เซ็นต์​ยัง​คง​เชื่อ​ว่า​ยา​ปฏิชีวนะ​สามารถ​รักษา​หวัด​ได้, 27 เปอร์เซ็นต์​คิด​ว่า​การ​กิน​ยา​ปฏิชีวนะ​ขณะ​เป็น​หวัด​จะ​ป้องกัน​ไม่​ให้​ป่วย​หนัก​ขึ้น, และ 48 เปอร์เซ็นต์​คาด​ว่า​เมื่อ​เขา​ไป​หา​หมอ​เนื่อง​ด้วย​อาการ​หวัด หมอ​คง​เขียน​ใบ​สั่ง​ยา​ปฏิชีวนะ​ให้.” อย่าง​ไร​ก็​ตาม ยา​ปฏิชีวนะ​ไม่​ได้​ทำ​หน้า​ที่​ต่อ​ต้าน​การ​ติด​เชื้อ​ไวรัส เช่น โรค​หวัด. ยา​นี้​ต่อ​ต้าน​เฉพาะ​การ​ติด​เชื้อ​แบคทีเรีย. มี​การ​มอง​ว่า​การ​ใช้​ยา​ปฏิชีวนะ​มาก​เกิน​ไป​เป็น​สาเหตุ​หลัก​อย่าง​หนึ่ง​ของ​การ​เกิด​โรค​ดื้อ​ยา. (ดู ตื่นเถิด! ฉบับ 8 มกราคม 1999 หน้า 28.) ไบรอัน สแปรตต์​แห่ง​มหาวิทยาลัย​ออกซฟอร์ด กล่าว​ดัง​นี้: “เรา​ต้อง​หา​วิธี​ที่​ดี​กว่า​นี้​ใน​การ​ให้​ข้อมูล​ข่าวสาร​ที่​ถูก​ต้อง.”

แมลง​น้ำ​แข็ง​ที่​น่า​พิศวง

หนังสือ​พิมพ์​เดอะ ซันเดย์ เทเลกราฟ แห่ง​ลอนดอน​รายงาน​ว่า “หนึ่ง​ใน​ภาพ​แรก ๆ ที่​ได้​รับ​การ​ตี​พิมพ์​ของ ‘แมลง​น้ำ​แข็ง’ ที่​หา​ได้​ยาก​และ​เหลือ​จะ​เข้าใจ​ได้​ซึ่ง​อาศัย​อยู่​แถบ​เทือก​เขา​รอกกี​และ​บาง​ส่วน​ของ​รัสเซีย ปรากฏ​รวม​อยู่​ใน​หนังสือ​เล่ม​ใหม่ คู่มือ​แมลง (ภาษา​อังกฤษ).” แมลง​ชนิด​นี้​มี​ชีวิต​อยู่​รอด ณ ที่​สูง​เหนือ​ระดับ​น้ำ​ทะเล​มาก​โดย​การ​กิน​เหยื่อ​ที่​ตาย​แล้ว​หรือ​ชิ้น​ส่วน​ของ​แมลง​ที่​ปลิว​มา​ใน​อากาศ. แมลง​นี้​มี​สี​น้ำตาล​แดง​และ​เหลือง, มี​หนวด​ยาว​แต่​ไม่​มี​ปีก, และ​ตัว​อ่อน​มี​ลักษณะ​คล้าย​ตัว​อ่อน​ของ​แมลง​เอีย​วิก. ความ​ยาว​ของ​ลำ​ตัว​วัด​ได้​ถึง 3 เซนติเมตร มี​การ​พบ​แมลง​ชนิด​นี้​เกือบ 100 ปี​มา​แล้ว. หนังสือ​พิมพ์​ฉบับ​นี้​อธิบาย​ว่า “แมลง​นี้​ปรับ​ตัว​ได้​ดี​เยี่ยม​ใน​สภาพ​แวด​ล้อม​ที่​หนาว​เย็น แต่​มัน​จะ​ตาย​ด้วย​ความ​ร้อน​หาก​กำ​ไว้​ใน​ฝ่า​มือ​มนุษย์.” ดร. จอร์จ แมคกาวิน แห่ง​พิพิธภัณฑ์​ประวัติศาสตร์​ธรรมชาติ​ของ​มหาวิทยาลัย​ออกซฟอร์ด ผู้​แต่ง​หนังสือ​คู่มือ​เล่ม​นั้น​กล่าว​ว่า มี​เพียง​หนึ่ง​ใน​ห้า​ของ​โลก​แมลง​เท่า​นั้น​ที่​เรา​ระบุ​ชื่อ​ได้​ใน​ขณะ​นี้.

บุคคล​ที่​ถูก​เลือก​ซึ่ง​ก่อ​ให้​เกิด​การ​โต้​แย้ง

ใน​เดือน​กันยายน 2000 โปป​จอห์น ปอล​ที่ 2 ได้​ประกาศ​ว่า ไพอัส​ที่ 9 (โปป 1846-1878) อยู่​ใน​สรวง​สวรรค์. ใน​หนังสือ​พิมพ์​ราย​วัน​ของ​คาทอลิก ลา ครัวซ์ นัก​ประวัติศาสตร์​ชาว​ฝรั่งเศส เรเน เรมง กล่าว​ว่า ไพอัส​ที่ 9 ทำ “การ​ตัดสิน​ใจ​ที่​ทำ​ให้​ผู้​เผยแพร่​ตระหนก​ตกใจ—เช่น อนุญาต​ให้​มี​การ​ตัดสิน​ประหาร​ชีวิต​ผู้​รัก​ชาติ​ชาว​อิตาลี​ที่​สงสัย​อำนาจ​ของ​เขา​ฐานะ​เป็น​ประมุข​ของ​รัฐ.” หนังสือ​พิมพ์​เลอ มงด์ เรียก​เขา​ว่า “กษัตริย์​จอม​เผด็จการ​องค์​สุด​ท้าย​ของ​ยุโรป” และ​ให้​ข้อ​สังเกต​เกี่ยว​กับ​การ​ไม่​ยอม​ทน​ของ​กษัตริย์-โปป​ผู้​นี้​และ​โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​การ​ต่อ​สู้​ของ​เขา​ต่อ “เสรีภาพ​แห่ง​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ, สิทธิ​มนุษยชน, และ​การ​ปลด​ปล่อย​ชาว​ยิว.” หนังสือ​พิมพ์​ฉบับ​นี้​ยัง​เสริม​ว่า​ไพอัส​ที่ 9 “ประณาม​ประชาธิปไตย, เสรีภาพ​ทาง​ศาสนา, และ​การ​แยก​คริสตจักร​ออก​จาก​รัฐ” รวม​ทั้ง “เสรีภาพ​ใน​การ​พิมพ์, ความ​คิด, และ​การ​คบหา​สมาคม.” ไพอัส​ที่ 9 เป็น​ผู้​เปิด​สภา​วาติกัน​ครั้ง​แรก​ใน​ปี 1869 ที่​ซึ่ง​มี​การ​ตั้ง​หลัก​คำ​สอน​ว่า​โปป​ไม่​มี​ทาง​ผิด​พลาด​ด้าน​ความ​เชื่อ​และ​ศีลธรรม.