ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ได้รับการค้ำจุนด้วยความไว้วางใจพระเจ้า

ได้รับการค้ำจุนด้วยความไว้วางใจพระเจ้า

ได้​รับ​การ​ค้ำจุน​ด้วย​ความ​ไว้​วางใจ​พระเจ้า

เล่า​โดย ราเชล ซักซิโอนี เละเว

เมื่อ​ผู้​คุม​ตบ​หน้า​ฉัน​ซ้ำ ๆ หลาย​ครั้ง​เพราะ​ฉัน​ไม่​ยอม​ประกอบ​ชิ้น​ส่วน​เครื่องบิน​ทิ้ง​ระเบิด​ของ​ฝ่าย​นาซี ผู้​คุม​อีก​คน​หนึ่ง​ปราม​คน​แรก​ว่า “เธอ​หยุด​เสีย​ที​เถอะ. ‘นัก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล’ พวก​นี้​จะ​ยอม​ให้​ตี​จน​ตาย​เพื่อ​พระเจ้า​ของ​เขา.”

เหตุ​การณ์​นี้​เกิด​ขึ้น​ใน​เดือน​ธันวาคม 1944 ที่​เมือง​เบนดอร์ฟ ใน​ค่าย​แรงงาน​หญิง​ใกล้​เหมือง​เกลือ​ทาง​ตอน​เหนือ​ประเทศ​เยอรมนี. ขอ​ให้​ฉัน​ชี้​แจง​ว่า​มา​อยู่​ที่​ค่าย​นี้​ได้​อย่าง​ไร​และ​ฉัน​รอด​ชีวิต​มา​ได้​อย่าง​ไร​ใน​ช่วง​สอง​สาม​เดือน​สุด​ท้าย​ระหว่าง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2.

ฉัน​ถือ​กำเนิด​จาก​ครอบครัว​ยิว​เมื่อ​ปี 1908 ใน​กรุง​อัมสเตอร์ดัม ประเทศ​เนเธอร์แลนด์ ฉัน​เป็น​ลูก​คน​กลาง​ใน​จำนวน​ลูก​สาว​สาม​คน. พ่อ​ฉัน​เป็น​ช่าง​เจียระไน​เพชร เหมือน​ชาว​ยิว​หลาย ๆ คน​ใน​กรุง​อัมสเตอร์ดัม​สมัย​ก่อน​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2. พ่อ​ตาย​เมื่อ​ฉัน​อายุ 12 ขวบ และ​หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน​ปู่​ก็​ได้​มา​อยู่​กับ​พวก​เรา. ปู่​เป็น​คน​ยิว​ที่​เคร่ง​ศาสนา และ​ท่าน​คอย​อบรม​สั่ง​สอน​เรา​ตาม​ประเพณี​ของ​ชาว​ยิว.

โดย​เจริญ​รอย​ตาม​พ่อ ฉัน​ได้​ฝึก​เป็น​ช่าง​เจียระไน​เพชร และ​ปี 1930 ฉัน​ก็​ได้​สมรส​กับ​เพื่อน​ร่วม​อาชีพ. เรา​มี​ลูก​สอง​คน​คือ​ซิลเวน​ซึ่ง​เป็น​เด็ก​ชาย​ที่​กระฉับกระเฉง​มี​ชีวิต​ชีวา​และ​ใจ​กล้า และ​แครี​ซึ่ง​เป็น​เด็ก​หญิง​ที่​น่า​รัก​น่า​เอ็นดู​และ​อ่อนโยน. ทว่า น่า​เสียดาย​ชีวิต​สมรส​ของ​เรา​ไม่​ยั่งยืน. ปี 1938 หลัง​การ​หย่าร้าง​ไม่​นาน ฉัน​ก็​แต่งงาน​กับ​ลูอิส ซักซิโอนี ซึ่ง​เป็น​ช่าง​เจียระไน​เพชร​เช่น​กัน. เดือน​กุมภาพันธ์ 1940 เรา​ได้​ลูก​สาว​ชื่อ​โยฮันนา.

แม้​ลูอิส​เป็น​คน​ยิว แต่​เขา​ก็​ไม่​ได้​ปฏิบัติ​กิจ​ของ​ศาสนา​นั้น. ดัง​นั้น เรา​จึง​ไม่​ได้​ฉลอง​เทศกาล​ต่าง ๆ ของ​ยิว​อีก​ต่อ​ไป ซึ่ง​สมัย​ฉัน​เป็น​เด็ก​มี​ความ​รู้สึก​ว่า​มัน​เป็น​สิ่ง​ที่​น่า​จับ​ใจ​เสีย​จริง ๆ. ฉัน​รู้สึก​ขาด​อะไร​บาง​อย่าง​ไป แต่​ภาย​ใน​หัวใจ ฉัน​ยัง​คง​เชื่อ​พระเจ้า​เช่น​เดิม.

เปลี่ยน​ศาสนา

ต้น​ปี 1940 ปี​นั้น​ทหาร​เยอรมัน​เริ่ม​เข้า​ยึด​ครอง​เนเธอร์แลนด์ สตรี​คน​หนึ่ง​มา​เคาะ​ประตู​เรียก​และ​พูด​คุย​กับ​ฉัน​เรื่อง​คัมภีร์​ไบเบิล. ฉัน​ไม่​ค่อย​เข้าใจ​เรื่อง​ที่​เธอ​พูด​สัก​เท่า​ไร แต่​เมื่อ​เธอ​มา​ที่​บ้าน​ที​ไร​ฉัน​ก็​รับ​สรรพหนังสือ​ไว้. อย่าง​ไร​ก็​ดี ฉัน​ไม่​ได้​อ่าน​สิ่ง​ที่​เธอ​ให้​ไว้​เพราะ​ฉัน​ไม่​ต้องการ​เกี่ยว​ข้อง​อะไร​กับ​พระ​เยซู. ฉัน​ได้​รับ​การ​สอน​มา​ว่า​พระ​เยซู​เป็น​ยิว​ที่​ออก​หาก.

แต่​แล้ว​วัน​หนึ่ง​มี​ผู้​ชาย​มา​ที่​บ้าน. ฉัน​ถาม​ข้อ​ข้อง​ใจ​หลาย​อย่าง เช่น “ทำไม​พระเจ้า​ไม่​สร้าง​คน​อื่น ๆ ขึ้น​มา​บ้าง​หลัง​จาก​อาดาม​และ​ฮาวา​ทำ​บาป? ทำไม​มี​ความ​ทุกข์​ยาก​มาก​เหลือ​เกิน? ทำไม​ผู้​คน​เกลียด​ชัง​กัน​และ​สู้​รบ​กัน?” เขา​รับปาก​ว่า​หาก​ฉัน​อด​ใจ​รอ เขา​จะ​ตอบ​คำ​ถาม​ของ​ฉัน​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล. ดัง​นั้น จึง​ได้​จัด​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ขึ้น​ที่​บ้าน.

ถึง​กระนั้น ฉัน​ยัง​ค้าน​ความ​คิด​ที่​ว่า​พระ​เยซู​เป็น​มาซีฮา. แต่​หลัง​จาก​อธิษฐาน​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​นั้น​แล้ว ฉัน​เริ่ม​อ่าน​คำ​พยากรณ์​ที่​กล่าว​ถึง​มาซีฮา​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล โดย​มอง​จาก​แง่​มุม​อื่น. (บทเพลง​สรรเสริญ 22:7, 8, 18; ยะซายา 53:1-12) พระ​ยะโฮวา​ทรง​ช่วย​ฉัน​ให้​เข้าใจ​คำ​พยากรณ์​เหล่า​นั้น​ว่า​ได้​สำเร็จ​เป็น​จริง​ใน​พระ​เยซู. สามี​ไม่​สนใจ​สิ่ง​ที่​ฉัน​กำลัง​ศึกษา​อยู่ แต่​เขา​ไม่​ขัด​ขวาง​เมื่อ​ฉัน​เข้า​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

หลบ​ซ่อน—แต่​ยัง​คง​ทำ​การ​เผยแพร่

การ​ที่​ทหาร​เยอรมัน​เข้า​ยึด​ครอง​เนเธอร์แลนด์​นั้น​ถือ​ว่า​เป็น​ช่วง​อันตราย​สำหรับ​ฉัน. เพราะ​นอก​จาก​ฉัน​เป็น​คน​ยิว​ซึ่ง​จะ​ถูก​เยอรมัน​จับ​ส่ง​เข้า​ค่าย​กัก​กัน​แล้ว ฉัน​ยัง​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​อีก​ด้วย ซึ่ง​เป็น​องค์การ​ศาสนา​ที่​พวก​นาซี​พยายาม​กำจัด​ให้​หมด​สิ้น. กระนั้น ฉัน​ยัง​คง​ทำ​งาน​อย่าง​ขันแข็ง ด้วย​การ​ใช้​เวลา​เฉลี่ย​เดือน​ละ 60 ชั่วโมง​บอก​เล่า​ให้​คน​อื่น​ทราบ​ความ​หวัง​ของ​คริสเตียน​ที่​ฉัน​เพิ่ง​ได้​พบ.—มัดธาย 24:14.

เย็น​วัน​หนึ่ง​ใน​เดือน​ธันวาคม 1942 สามี​ของ​ฉัน​ไม่​ได้​กลับ​บ้าน​หลัง​เลิก​งาน. ปรากฏ​ว่า​เขา​พร้อม​กับ​เพื่อน​ร่วม​งาน​ถูก​จับ ณ ที่​ทำ​งาน. ฉัน​ไม่​ได้​เห็น​เขา​อีก​เลย. เพื่อน​พยาน​ฯ แนะ​นำ​ฉัน​ให้​พา​ลูก ๆ ไป​หลบ​ซ่อน​ตัว​เสีย. ฉัน​สามารถ​ไป​อาศัย​อยู่​กับ​พี่​น้อง​หญิง​คริสเตียน​ที่​อยู่​อีก​ฟาก​หนึ่ง​ของ​กรุง​อัมสเตอร์ดัม. เนื่อง​จาก​อันตราย​มาก​สำหรับ​พวก​เรา​สี่​คน​ที่​จะ​พัก​ใน​ที่​เดียว​กัน ฉัน​จึง​ต้อง​ฝาก​ลูก​ไว้​กับ​คน​อื่น.

บ่อย​ครั้ง​ฉัน​รอด​จาก​การ​จับ​กุม​มา​ได้​อย่าง​หวุดหวิด. เย็น​วัน​หนึ่ง​พยาน​ฯ พา​ฉัน​ซ้อน​ท้าย​จักรยาน​ไป​ยัง​ที่​หลบ​ซ่อน​แห่ง​ใหม่. ทว่า​ไฟ​หน้า​รถ​จักรยาน​เสีย และ​ตำรวจ​ชาว​ดัตช์​สอง​นาย​สั่ง​ให้​เรา​หยุด​รถ. เขา​ฉาย​ไฟ​ส่อง​หน้า​ฉัน​และ​มอง​ออก​ว่า​ฉัน​เป็น​ยิว. น่า​ยินดี​ที่​เขา​เพียง​บอก​ว่า “รีบ​ไป​เร็ว ๆ แต่​เดิน​ไป​นะ.”

ถูก​จับ​และ​ติด​คุก

เช้า​วัน​หนึ่ง​ใน​เดือน​พฤษภาคม 1944 ขณะ​ที่​ฉัน​กำลัง​เริ่ม​งาน​รับใช้ ฉัน​ถูก​จับ ไม่​ใช่​เพราะ​ฉัน​เป็น​พยาน​ฯ แต่​เพราะ​เป็น​คน​ยิว. ฉัน​ถูก​นำ​ตัว​ไป​ยัง​เรือน​จำ​ใน​กรุง​อัมสเตอร์ดัม และ​อยู่​ที่​นั่น​สิบ​วัน. จาก​นั้น​ฉัน​กับ​คน​ยิว​อื่น ๆ ถูก​นำ​ตัว​ขึ้น​รถไฟ​ไป​ยัง​ค่าย​ชั่ว​คราว ณ เมือง​เวสเทอร์บอร์ก ทาง​ตะวัน​ออก​เฉียง​เหนือ​ของ​เนเธอร์แลนด์. จาก​ที่​นั่น คน​ยิว​จะ​ถูก​ส่ง​ไป​ยัง​เยอรมนี.

ใน​เวสเทอร์บอร์ก ฉัน​บังเอิญ​ได้​พบ​กับ​พี่​เขย​และ​บุตร​ชาย​ของ​เขา​ซึ่ง​ก็​ถูก​จับ​เช่น​กัน. ฉัน​เป็น​พยาน​ฯ คน​เดียว​ใน​หมู่​คน​ยิว​และ​ฉัน​ได้​อธิษฐาน​ตลอด​เวลา​ขอ​ให้​พระ​ยะโฮวา​ค้ำจุน​ฉัน. สอง​วัน​ถัด​มา พี่​เขย, บุตร​ชาย​ของ​เขา, และ​ตัว​ฉัน​นั่ง​ใน​ตู้​รถไฟ​บรรทุก​ปศุสัตว์​ที่​มุ่ง​หน้า​ไป​ยัง​ค่าย​เอาชวิทซ์​หรือ​ไม่​ก็​ค่าย​ซบอีบอร์ ค่าย​มรณะ​ใน​โปแลนด์. ทันใด​นั้น​เอง ฉัน​ถูก​เรียก​ชื่อ​แล้ว​ก็​ถูก​พา​ไป​ขึ้น​ตู้​โดยสาร​ธรรมดา​ของ​อีก​ขบวน​หนึ่ง.

บน​รถไฟ​ขบวน​นั้น​มี​อดีต​เพื่อน​ร่วม​งาน​หลาย​คน​ที่​เป็น​ช่าง​เจียระไน​เพชร. ช่าง​เพชร​ประมาณ 100 คน​ถูก​ส่ง​ไป​ที่​เบอร์เกิน-เบลเซิน ทาง​ตอน​เหนือ​ของ​เยอรมนี. ฉัน​ได้​มา​รู้​ภาย​หลัง​ว่า​อาชีพ​ของ​ฉัน​ช่วย​รักษา​ชีวิต​ฉัน​ไว้ เพราะ​คน​ยิว​เมื่อ​ไป​ถึง​ค่าย​กัก​กัน​เอาชวิทซ์​และ​ซบอีบอร์​มัก​จะ​ถูก​ส่ง​ตรง​ไป​ที่​ห้อง​ประหาร​ด้วย​แก๊ส​พิษ. นั่น​เป็น​สิ่ง​ซึ่ง​ได้​เกิด​ขึ้น​กับ​สามี, ลูก​สอง​คน​ของ​ฉัน, และ​ญาติ​พี่​น้อง​อีก​หลาย​คน. แต่​ตอน​นั้น ฉัน​ยัง​ไม่​รู้​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​พวก​เขา.

ใน​เบอร์เกิน-เบลเซิน พวก​เรา​ช่าง​เจียระไน​เพชร​ได้​อาศัย​ใน​โรง​เรือน​พิเศษ. เพื่อ​ถนอม​มือ​ไว้​ทำ​งาน​ที่​ประณีต​ละเอียดอ่อน เขา​จึง​ไม่​ได้​ให้​พวก​เรา​ทำ​งาน​อย่าง​อื่น. ฉัน​เป็น​พยาน​ฯ คน​เดียว​ใน​กลุ่ม และ​ฉัน​บอก​เพื่อน​ชาว​ยิว​คน​อื่น​อย่าง​กล้า​หาญ​เกี่ยว​กับ​ความ​เชื่อ​ที่​ฉัน​เพิ่ง​ได้​เรียน​รู้​มา. อย่าง​ไร​ก็​ดี พวก​เขา​กลับ​มอง​ฉัน​เป็น​คน​ออก​หาก ไม่​ต่าง​จาก​ที่​เขา​มอง​อัครสาวก​เปาโล​ใน​ศตวรรษ​แรก.

ฉัน​ไม่​มี​คัมภีร์​ไบเบิล และ​ฉัน​หิว​กระหาย​อาหาร​ฝ่าย​วิญญาณ​เหลือ​เกิน. หมอ​ชาว​ยิว​ประจำ​ค่าย​มี​คัมภีร์​อยู่​เล่ม​หนึ่ง และ​เขา​ยก​ให้​ฉัน​เพื่อ​แลก​กับ​ขนมปัง​เพียง​ไม่​กี่​แผ่น​และ​เนย​นิด​หน่อย. ฉัน​อยู่​กับ ‘กลุ่ม​ช่าง​เจียระไน​เพชร’ เป็น​เวลา​เจ็ด​เดือน​ใน​เบอร์เกิน-เบลเซิน. เขา​ปฏิบัติ​ต่อ​เรา​ค่อนข้าง​ดี ซึ่ง​เป็น​เหตุ​ให้​นัก​โทษ​ยิว​อีก​กลุ่ม​หนึ่ง​รู้สึก​ไม่​ดี​ต่อ​พวก​เรา. แต่​ใน​ที่​สุด​ปรากฏ​ว่า​ไม่​มี​เพชร​ให้​เรา​เจียระไน. ดัง​นั้น พอ​วัน​ที่ 5 ธันวาคม 1944 พวก​เรา​ที่​เป็น​หญิง​ชาว​ยิว​ราว ๆ 70 คน​จึง​ถูก​ส่ง​ไป​ยัง​ค่าย​แรงงาน​หญิง​ใน​เบนดอร์ฟ.

ไม่​ยอม​ประกอบ​อาวุธ

ใน​เหมือง​ใกล้​ค่าย​กัก​กัน ลึก​ลง​ไป​ใต้​พื้น​ดิน​ประมาณ 400 เมตร พวก​นัก​โทษ​ถูก​เกณฑ์​ให้​ประกอบ​ชิ้น​ส่วน​เครื่องบิน​ทิ้ง​ระเบิด. ครั้น​ฉัน​ปฏิเสธ​ที่​จะ​ทำ​งาน​นั้น ฉัน​โดน​ชก​อย่าง​แรง​สอง​สาม​ครั้ง. (ยะซายา 2:4) ผู้​คุม​พูด​อย่าง​เกรี้ยวกราด​ว่า​จะ​ดี​กว่า​ถ้า​ฉัน​พร้อม​จะ​ทำ​งาน​ใน​วัน​รุ่ง​ขึ้น.

เช้า​วัน​รุ่ง​ขึ้น ฉัน​ไม่​ไป​ตาม​เวลา​เรียก​ชื่อ ทว่า​ยัง​อยู่​ใน​โรง​เรือน. ฉัน​รู้​ดี​ว่า​จะ​ต้อง​ถูก​ยิง ดัง​นั้น ฉัน​อธิษฐาน​ขอ​พระ​ยะโฮวา​โปรด​ให้​รางวัล​ฉัน​สำหรับ​ความ​เชื่อ. ฉัน​ท่อง​พระ​ธรรม​บทเพลง​สรรเสริญ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ซ้ำ​แล้ว​ซ้ำ​อีก​ดัง​นี้: “ข้าพเจ้า​ได้​วางใจ​ใน​พระเจ้า​แล้ว, ข้าพเจ้า​จะ​ไม่​หวั่น​กลัว; มนุษย์​จะ​ทำ​อะไร​แก่​ข้าพเจ้า​ได้​เล่า?”—บทเพลง​สรรเสริญ 56:11.

โรง​เรือน​ถูก​ตรวจ​ค้น และ​เขา​ได้​ตัว​ฉัน​ออก​มา. ตอน​นั้น​ผู้​คุม​ตบ​ตี​ฉัน​ซ้ำ ๆ หลาย​ครั้ง ทั้ง​ได้​ถาม​ว่า “ใคร​สั่ง​ไม่​ให้​แก​ทำ​งาน?” ทุก​ครั้ง​ฉัน​ตอบ​ว่า​ผู้​นั้น​คือ​พระเจ้า. นี่​เป็น​ตอน​ที่​ผู้​คุม​อีก​คน​หนึ่ง​ได้​ปราม​เธอ​ว่า “เธอ​หยุด​เสีย​ที​เถอะ. นัก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล  * พวก​นี้​จะ​ยอม​ให้​ตี​จน​ตาย​เพื่อ​พระเจ้า​ของ​เขา.” คำ​พูด​ของ​เธอ​ให้​กำลังใจ​ฉัน​มาก​ที​เดียว.

เนื่อง​จาก​หน้า​ที่​ทำ​สะอาด​ห้อง​ส้วม​เป็น​เสมือน​การ​ลง​โทษ​และ​เป็น​งาน​สกปรก​น่า​รังเกียจ​ที่​สุด​เท่า​ที่​ฉัน​นึก​ภาพ​ออก กระนั้น ฉัน​เสนอ​ตัว​ทำ​งาน​นี้. ฉัน​สบาย​ใจ​เมื่อ​รับ​เอา​หน้า​ที่​นี้​เพราะ​เป็น​งาน​ที่​ฉัน​สามารถ​ทำ​ได้​โดย​ไม่​ฝืน​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ. เช้า​วัน​หนึ่ง ผู้​บัญชา​การ​ค่าย​ซึ่ง​เป็น​ที่​น่า​เกรง​ขาม​แก่​ทุก​คน​ก็​เข้า​มา. เขา​มา​ยืน​อยู่​ตรง​หน้า​ฉัน​และ​พูด​ว่า “แก​นี่​คน​ยิว​ที่​ไม่​อยาก​ทำ​งาน​ใช่​ไหม?”

ฉัน​ตอบ​ว่า “คุณ​ก็​เห็น​แล้ว​ว่า​ฉัน​กำลัง​ทำ​อยู่.”

“แต่​แก​จะ​ไม่​ยอม​ทำ​งาน​เพื่อ​สนับสนุน​สงคราม​ใช่​ไหม?”

“ใช่​ค่ะ” ฉัน​ตอบ. “เพราะ​พระเจ้า​ไม่​ทรง​ประสงค์​เช่น​นั้น.”

“แต่​แก​จะ​ไม่​ยอม​เข้า​ส่วน​ใน​การ​ฆ่า​ใช่​ไหม?”

ฉัน​ชี้​แจง​ว่า ถ้า​ฉัน​เข้า​ส่วน​ใน​การ​สร้าง​อาวุธ​ยุทโธปกรณ์ ฉัน​ก็​คง​ต้อง​ฝืน​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ของ​ฉัน​ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​คริสเตียน.

เขา​คว้า​ไม้​กวาด​ของ​ฉัน​ไป​ได้​แล้ว​พูด​ว่า “ฉัน​จะ​ฆ่า​แก​ด้วย​ไม้​กวาด​นี้​ได้​ใช่​ไหม?”

ฉัน​ตอบ​ว่า “คุณ​ทำ​ได้​แน่ ๆ แต่​ไม้​กวาด​ไม่​ได้​มี​ไว้​ให้​ฆ่า​คน. แต่​ปืน​ทำ​ไว้​เพื่อ​ฆ่า​คน.”

เรา​พูด​กัน​ถึง​เรื่อง​พระ​เยซู​ซึ่ง​ก็​เป็น​คน​ยิว และ​เกี่ยว​กับ​ข้อ​ที่​ว่า​แม้​ฉัน​เป็น​ยิว แต่​ฉัน​ได้​กลาย​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ไป​แล้ว. เมื่อ​เขา​เดิน​ออก​ไป เพื่อน​นัก​โทษ​บาง​คน​เดิน​มา​หา​ฉัน รู้สึก​ประหลาด​ใจ​ที่​เห็น​ฉัน​กล้า​พูด​กับ​ผู้​บัญชา​การ​ค่าย​ได้​ด้วย​อารมณ์​เยือกเย็น. ฉัน​บอก​พวก​เขา​ว่า​เรื่อง​นี้​ไม่​เกี่ยว​กับ​ความ​กล้า แต่​ที่​ฉัน​ทำ​ได้​ก็​เพราะ​พระเจ้า​ของ​ฉัน​ทรง​ประทาน​ความ​เข้มแข็ง​แก่​ฉัน​ที่​จะ​ทำ​เช่น​นั้น.

รอด​ชีวิต​เมื่อ​สงคราม​ยุติ​ลง

วัน​ที่ 10 เมษายน 1945 ขณะ​ที่​กอง​กำลัง​ฝ่าย​พันธมิตร​รุก​เข้า​ไป​ใกล้​เบนดอร์ฟ เรา​ต้อง​ยืน​เข้า​แถว​ที่​สนาม​หน้า​เมือง​เพื่อ​รอ​เรียก​ชื่อ​เกือบ​ทั้ง​วัน. หลัง​จาก​นั้น พวก​เรา​ผู้​หญิง​ประมาณ 150 คน​ก็​ถูก​ยัด​เข้า​ไป​ใน​ตู้​ขน​ปศุสัตว์​โดย​ไม่​มี​ทั้ง​อาหาร​และ​น้ำ. รถไฟ​มุ่ง​ไป​ที่​ไหน​ไม่​อาจ​รู้​ได้ และ​ขบวน​รถไฟ​ของ​เรา​ก็​แล่น​วก​ไป​วน​มา​ระหว่าง​แนว​รบ​ตั้ง​หลาย​วัน. บาง​คน​ถึง​กับ​บีบ​คอ​เพื่อน​นัก​โทษ​จน​ตาย​เพื่อ​ใน​ตู้​รถ​จะ​มี​ที่​มาก​ขึ้น ทั้ง​นี้​ทำ​ให้​ผู้​หญิง​หลาย​คน​คลุ้มคลั่ง. สิ่ง​ที่​ช่วย​ฉัน​อด​ทน​ได้​คือ​ความ​มั่น​ใจ​ใน​การ​อารักขา​ดู​แล​ของ​พระ​ยะโฮวา.

วัน​หนึ่ง​ขบวน​รถไฟ​ของ​เรา​ได้​มา​จอด​ใกล้​ค่าย​ผู้​ชาย และ​เขา​อนุญาต​ให้​เรา​ลง​จาก​รถ. มี​ไม่​กี่​คน​ใน​พวก​เรา​ได้​รับ​แจก​ถัง​ให้​เข้า​ไป​เอา​น้ำ​ใน​ค่าย. พอ​ฉัน​ไป​ถึง​ก๊อก​น้ำ ฉัน​ดื่ม​อย่าง​กระหาย​ตั้ง​นาน​ก่อน​จะ​รอง​น้ำ​ให้​เต็ม​ถัง. เมื่อ​กลับ​มา พวก​ผู้​หญิง​กรู​กัน​มา​หา​ฉัน​เยี่ยง​สัตว์​ร้าย​จน​น้ำ​ใน​ถัง​หก​หมด. หน่วย​เอส​เอส (หน่วย​รักษา​การณ์​ชั้น​ยอด​ของ​ฮิตเลอร์) ที่​ยืน​อยู่​ตรง​นั้น​พา​กัน​หัวเราะ. สิบ​เอ็ด​วัน​ต่อ​มา เรา​ก็​มา​ถึง​ค่าย​ไอเดลสเทดท์ ณ ชาน​เมือง​ฮัมบูร์ก. ใน​กลุ่ม​ของ​เรา​มี​คน​เสีย​ชีวิต​ไป​ประมาณ​ครึ่ง​หนึ่ง เพราะ​การ​เดิน​ทาง​ที่​โหด​ร้าย.

วัน​หนึ่ง​ขณะ​อยู่​ที่​ค่าย​ไอเดลสเทดท์ ฉัน​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ให้​ผู้​หญิง​สอง​สาม​คน​ฟัง. ทันใด​นั้น​เอง ผู้​บัญชา​การ​ค่าย​มา​ยืน​ที่​หน้าต่าง. เรา​ตกใจ​กลัว​มาก​เพราะ​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​ของ​ต้อง​ห้าม​ภาย​ใน​ค่าย. ผู้​บัญชา​การ​เข้า​มา​ใน​ห้อง คว้า​คัมภีร์​ไบเบิล​ไป​และ​พูด​ว่า “นี่​หรือ​คัมภีร์​ไบเบิล?” ฉัน​รู้สึก​โล่ง​อก​เมื่อ​เขา​ยื่น​คัมภีร์​ไบเบิล​คืน​ให้​และ​พูด​ว่า “ถ้า​ใน​หมู่​ผู้​หญิง​ที่​นี่​มี​ใคร​ตาย​ละ​ก็ แก​ต้อง​อ่าน​จาก​พระ​คัมภีร์​นี้​ด้วย​เสียง​ดัง​นะ.”

กลับ​มา​อยู่​ร่วม​กับ​เพื่อน​พยาน​ฯ

สิบ​สี่​วัน​ภาย​หลัง​เรา​ได้​รับ​อิสรภาพ สภา​กาชาด​ได้​พา​เรา​ไป​ยัง​โรง​เรียน​ใกล้​เมือง​มอลโม ประเทศ​สวีเดน. ที่​นั่น เรา​ถูก​กัก​ตัว​ไว้​ใน​สถาน​ควบคุม​โรค​ติด​ต่อ​ชั่ว​ระยะ​หนึ่ง. ฉัน​จึง​ขอร้อง​เจ้าหน้าที่​ที่​ดู​แล​พวก​เรา​ช่วย​แจ้ง​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ว่า​ฉัน​ได้​มา​อยู่​ใน​ค่าย​ผู้​ลี้​ภัย. ไม่​กี่​วัน​ต่อ​มา มี​การ​เรียก​ชื่อ​ฉัน. เมื่อ​ฉัน​บอก​ผู้​หญิง​นั้น​ว่า​ฉัน​เป็น​พยาน​ฯ เธอ​ร่ำไห้​สะอึกสะอื้น. เธอ​เอง​ก็​เป็น​พยาน​ฯ เหมือน​กัน! ครั้น​หยุด​ร้องไห้​แล้ว เธอ​บอก​ว่า​บรรดา​พยาน​ฯ ใน​สวีเดน​มัก​อธิษฐาน​เผื่อ​พี่​น้อง​คริสเตียน​ชาย​หญิง​ใน​ค่าย​กัก​กัน​ของ​นาซี​เสมอ.

ตั้ง​แต่​นั้น​มา มี​พี่​น้อง​หญิง​มา​หา​ฉัน​ทุก​วัน​พร้อม​กับ​กาแฟ​และ​ขนม​หวาน​ติด​มือ​มา​ฝาก. หลัง​จาก​ออก​จาก​ค่าย​ผู้​ลี้​ภัย​แล้ว ฉัน​ถูก​ส่ง​ไป​ที่​หนึ่ง​ใกล้​เมือง​เกอเทบอร์ก. ที่​นั่น​เหล่า​พยาน​ฯ ได้​จัด​งาน​สังสรรค์​อย่าง​ดี​เยี่ยม​ใน​ตอน​บ่าย​เพื่อ​ต้อนรับ​ฉัน. ถึง​แม้​ไม่​อาจ​เข้าใจ​สิ่ง​ที่​เขา​พูด แต่​ฉัน​รู้สึก​ปลาบปลื้ม​ที่​ได้​อยู่​ท่ามกลาง​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​อีก​ครั้ง​หนึ่ง.

ใน​ระหว่าง​ที่​อยู่​ใน​เมือง​เกอเทบอร์ก ฉัน​ได้​รับ​จดหมาย​จาก​พยาน​ฯ คน​หนึ่ง​ใน​อัมสเตอร์ดัม แจ้ง​ให้​รู้​ว่า​ลูก​ของ​ฉัน​คือ​ซิลเวน​กับ​แครี​และ​ญาติ​พี่​น้อง​ทุก​คน​ถูก​จับ​กุม​และ​ไม่​กลับ​มา​อีก​เลย. มี​แต่​โยฮันนา​ลูก​สาว​และ​น้อง​สาว​ของ​ฉัน​ที่​ยัง​รอด​ชีวิต​อยู่. ไม่​นาน​มา​นี้​ฉัน​พบ​ชื่อ​ลูก​ชาย​และ​ลูก​สาว​ของ​ฉัน​ใน​ทะเบียน​ราษฎร์​ของ​ยิว​ซึ่ง​ถูก​ส่ง​ตัว​เข้า​ห้อง​ปล่อย​แก๊ส​พิษ​ที่​ค่าย​เอาชวิทซ์​และ​ค่าย​ซบอีบอร์.

การ​งาน​หลัง​สงคราม

เมื่อ​กลับ​ไป​อัมสเตอร์ดัม​และ​ได้​อยู่​ร่วม​กับ​โยฮันนา​อีก ซึ่ง​ตอน​นั้น​อายุ​ห้า​ขวบ ฉัน​เริ่ม​งาน​เผยแพร่​ทันที. บาง​ครั้ง​ฉัน​พบ​คน​เหล่า​นั้น​ซึ่ง​เคย​เป็น​สมาชิก​หน่วย NSB ขบวนการ​สังคม​นิยม​แห่ง​ชาติ​ของ​ชาว​ดัตช์ ซึ่ง​เป็น​พรรค​การ​เมือง​ที่​ร่วม​มือ​กับ​ชาว​เยอรมัน. คน​เหล่า​นี้​มี​ส่วน​ใน​การ​สังหาร​ครอบครัว​ของ​ฉัน​จน​แทบ​ไม่​เหลือ. ฉัน​ต้อง​เอา​ชนะ​ความ​รู้สึก​ใน​แง่​ลบ​เพื่อ​จะ​บอก​ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​แก่​พวก​เขา. ฉัน​คิด​อยู่​เสมอ​ว่า พระ​ยะโฮวา​คือ​ผู้​ที่​มอง​เห็น​สภาพ​หัวใจ​และ​ใน​ที่​สุด​พระองค์​จะ​เป็น​ผู้​ตัดสิน ไม่​ใช่​ฉัน. และ​การ​คิด​เช่น​นี้​ทำ​ให้​ฉัน​ได้​รับ​พระ​พร​มาก​เพียง​ใด!

ฉัน​ได้​เริ่ม​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​สามี​ของ​เธอ​ติด​คุก​อยู่ เนื่อง​จาก​เขา​เคย​ร่วม​มือ​กับ​ฝ่าย​นาซี. ขณะ​ที่​ฉัน​เดิน​ขึ้น​บันได​บ้าน​ของ​เขา ฉัน​ได้​ยิน​ชาว​บ้าน​พูด​ว่า “ดู​ซิ! ยิว​คน​นั้น​แวะ​มา​เยี่ยม​คน​ใน​พรรค NSB อีก​แล้ว.” ทั้ง ๆ ที่​ถูก​ขัด​ขวาง​อย่าง​รุนแรง​จาก​สามี​ที่​ติด​คุก​ซึ่ง​เป็น​พวก​หัวรุนแรง​ต่อ​ต้าน​ยิว แต่​หญิง​คน​นี้​พร้อม​กับ​ลูก​สาว​สาม​คน​เข้า​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​กัน​หมด​ทุก​คน.

ใน​เวลา​ต่อ​มา โยฮันนา​ลูก​สาว​ของ​ฉัน​ได้​อุทิศ​ชีวิต​แด่​พระ​ยะโฮวา​ซึ่ง​ทำ​ให้​ฉัน​รู้สึก​ปลาบปลื้ม​ยินดี. ฉัน​กับ​ลูก​ย้าย​ไป​อยู่​หัวเมือง​ซึ่ง​มี​ความ​ต้องการ​มาก​กว่า​ใน​ด้าน​ผู้​เผยแพร่​ข่าว​ราชอาณาจักร. เรา​ได้​รับ​พระ​พร​มาก​มาย​ฝ่าย​วิญญาณ. เวลา​นี้ ฉัน​อยู่​ใน​เมือง​เล็ก ๆ ทาง​ภาค​ใต้​ของ​เนเธอร์แลนด์ ที่​นี่​ฉัน​ร่วม​ทำ​งาน​เผยแพร่​กับ​ประชาคม​บ่อย​ครั้ง​เท่า​ที่​ทำ​ได้. เมื่อ​มอง​ย้อน​หลัง ฉัน​พูด​ได้​แต่​เพียง​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ไม่​เคย​ทอดทิ้ง​ฉัน​เลย. ตลอด​เวลา​ฉัน​รู้สึก​ว่า​พระ​ยะโฮวา​และ​พระ​เยซู พระ​บุตร​ที่​รัก​ของ​พระองค์​สถิต​กับ​ฉัน แม้​ใน​ยาม​ที่​เลว​ร้าย​ที่​สุด.

ใน​ช่วง​สงคราม ฉัน​สูญ​เสีย​สามี, ลูก​สอง​คน, และ​ญาติ ๆ เกือบ​ทั้ง​ครอบครัว​ที​เดียว. แต่​ฉัน​มี​ความ​หวัง​ว่า​จะ​พบ​พวก​เขา​อีก​ใน​ไม่​ช้า​ใน​โลก​ใหม่​ของ​พระเจ้า. ครา​ใด​ที่​ฉัน​อยู่​คน​เดียว​และ​หวน​นึก​ถึง​สิ่ง​ที่​เคย​ประสบ ฉัน​ใคร่ครวญ​ด้วย​ความ​ยินดี​และ​สำนึก​ด้วย​ความ​หยั่ง​รู้​ค่า​ต่อ​ถ้อย​คำ​ของ​ท่าน​ผู้​ประพันธ์​บทเพลง​สรรเสริญ​ที่​ว่า “ทูต​ของ​พระ​ยะโฮวา​แวด​ล้อม​เหล่า​คน​ที่​ยำเกรง​พระองค์, และ​ทรง​ช่วย​เขา​ให้​พ้น​จาก​ภัย​อันตราย.”—บทเพลง​สรรเสริญ 34:7.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 25 ชื่อ​เรียก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​สมัย​นั้น.

[ภาพ​หน้า 20]

ชาว​ยิว​ถูก​นำ​ตัว​จาก​ค่าย​ใน​เมือง​เวสเทอร์บอร์ก​ไป​ยัง​เยอรมนี

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 20]

Herinneringscentrum kamp Westerbork

[ภาพ​หน้า 21]

กับ​ลูก​ของ​ฉัน แครี​และ​ซิลเวน ทั้ง​สอง​ได้​เสีย​ชีวิต​ใน​คราว​ที่​พวก​นาซี​ทำ​การ​สังหาร​หมู่​พลเรือน

[ภาพ​หน้า 22]

ขณะ​ถูก​กัก​ตัว​ที่​สถาน​ควบคุม​โรค​ติด​ต่อ​ใน​สวีเดน

[ภาพ​หน้า 22]

บัตร​ประจำ​ตัว​ชั่ว​คราว​เพื่อ​การ​กลับ​ถิ่น​เดิม

[ภาพ​หน้า 23]

ใน​ปัจจุบัน​กับ​โยฮันนา​ลูก​สาว