ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

การสมรสควรเป็นการผูกพันที่ยั่งยืนตลอดไป

การสมรสควรเป็นการผูกพันที่ยั่งยืนตลอดไป

การ​สมรส​ควร​เป็น​การ​ผูก​พัน​ที่​ยั่งยืน​ตลอด​ไป

ดัง​ที่​เรา​เห็น​จาก​ตอน​จบ​ของ​ภาพยนตร์​หลาย​เรื่อง การ​แต่งงาน​เป็น​เป้าหมาย​ที่​น่า​ปรารถนา. บ่อย​ครั้ง ผู้​ชาย​กับ​ผู้​หญิง​ได้​มา​อยู่​ด้วย​กัน​ใน​ที่​สุด, แต่งงาน, และ “มี​ความ​สุข​ตลอด​ไป.” ใน​ภาพยนตร์ เรื่อง​ก็​มัก​จบ​ลง​เพียง​เท่า​นี้.

ใน​ความ​เป็น​จริง การ​แต่งงาน​ไม่​ใช่​ตอน​จบ แต่​เป็น​ตอน​เริ่ม​ต้น ของ​ชีวิต​ใหม่​ร่วม​กัน. และ​เรา​หวัง​ว่า “เบื้อง​ปลาย​แห่ง​สิ่ง​ใด ๆ ก็​ดี​กว่า​เบื้อง​ต้น​แห่ง​สิ่ง​นั้น ๆ” อย่าง​ที่​ท่าน​ผู้​ประกาศ 7:8 กล่าว​ไว้.

ความ​ผูก​พัน​ที่​ยั่งยืน​ตลอด​ไป

จำเป็น​ต้อง​มอง​การณ์​ไกล. เพื่อ​การ​สมรส​จะ​ยั่งยืน​นาน​และ​น่า​พอ​ใจ ความ​ผูก​พัน​นั้น​ต้อง​มี​รากฐาน​ที่​แน่น​หนา. หา​ไม่​แล้ว ชีวิต​หลัง​งาน​แต่งงาน​อาจ​มี​ความ​เครียด​มาก​กว่า​ช่วง​ก่อน​งาน​แต่งงาน​มาก​ที​เดียว. คริสเตียน​ไม่​อาจ​จะ​ตัดสิน​ใจ​ร่วม​ชีวิต​กับ​ใคร​โดย​คิด​ว่า ‘ถ้า​ไป​ไม่​รอด จะ​หย่า​เมื่อ​ไร​ก็​ได้.’ เขา​ต้อง​ถือ​ว่า​การ​สมรส​เป็น​การ​ผูก​พัน​ที่​ยั่งยืน​ตลอด​ไป.

พระ​เยซู​ทรง​ทำ​ให้​กระจ่าง​ชัด​ว่า​การ​สมรส​ควร​ยั่งยืน​ถาวร​เมื่อ​พระองค์​ตอบ​คน​ที่​ถาม​พระองค์​ว่า​การ​หย่า​เหมาะ​สม​หรือ​ไม่. พระองค์​ตรัส​ว่า “พวก​ท่าน​ไม่​ได้​อ่าน​หรือ​ว่า, พระ​ผู้​ทรง​สร้าง​มนุษย์​แต่​เดิม​ได้​ทรง​สร้าง​ให้​เป็น​ชาย​และ​หญิง, และ​ตรัส​ว่า, ‘เพราะ​เหตุ​นั้น​บุรุษ​จึง​ต้อง​ละ​บิดา​มารดา​ของ​ตน​ไป​ผูก​พัน​อยู่​กับ​ภรรยา, และ​เขา​ทั้ง​สอง​จะ​เป็น​เนื้อ​อัน​เดียว​กัน?’ เขา​จึง​ไม่​เป็น​สอง​ต่อ​ไป, แต่​เป็น​เนื้อ​อัน​เดียว​กัน. เหตุ​ฉะนั้น​ซึ่ง​พระเจ้า​ได้​ผูก​พัน​กัน​แล้ว. อย่า​ให้​มนุษย์​ทำ​ให้​พราก​จาก​กัน​เลย.”—มัดธาย 19:4-6.

หลัง​วัน​แต่งงาน

มี​การ​กล่าว​อย่าง​ถูก​ต้อง​ว่า ใน​ชีวิต​ของ​คริสเตียน​นั้น การ​แต่งงาน​สำคัญ​เป็น​อันดับ​สอง​รอง​จาก​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระเจ้า. การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระเจ้า​เป็น​การ​ผูก​มัด​คน​เรา​กับ​พระ​ผู้​สร้าง​ตลอด​ไป และ​การ​รับ​บัพติสมา​ก็​ทำ​ให้​คน​อื่น​ทราบ​ถึง​การ​อุทิศ​ตัว​นั้น. การ​สมรส​เป็น​การ​ประกาศ​ให้​คน​รู้​ทั่ว​กัน​ว่า​เขา​ได้​ทำ​ข้อ​ผูก​มัด​กับ​อีก​คน​หนึ่ง—ตลอด​ไป. เป็น​ไป​ไม่​ได้​ที่​จะ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระเจ้า​หรือ​สร้าง​สาย​สัมพันธ์​การ​สมรส​โดย​มี​ข้อ​แม้. ดัง​นั้น คน​ที่​กำลัง​คิด​จะ​แต่งงาน​ควร​พิจารณา​ให้​ดี​ว่า​คู่​ของ​ตน​มี​ความ​เชื่อ, เป้าหมาย, เจตคติ, และ​ทัศนะ​เช่น​ไร.

ใน​การ​เตรียม​งาน​แต่งงาน เป็น​สิ่ง​สำคัญ​ที่​จะ​ต้อง​มี​ความ​กรุณา, การ​คำนึง​ถึง​ผู้​อื่น, และ​บรรยากาศ​ของ​ความ​ร่วม​มือ​กัน. คุณลักษณะ​เช่น​นี้​ยิ่ง​มี​ความ​สำคัญ​หลัง​จาก​วัน​นั้น เพื่อ​จะ​ทำ​ให้​ชีวิต​สมรส​ประสบ​ความ​สำเร็จ. คน​ที่​เพิ่ง​แต่งงาน​กัน​ใหม่ ๆ นั้น​รัก​กัน​มาก แต่​หลัง​จาก​วัน​แต่งงาน​ผ่าน​ไป พวก​เขา​ต้อง​จำ​ไว้​ว่า​วัน​แล้ว​วัน​เล่า​ความ​รัก​จะ “ไม่​แสวง​หา​ผล​ประโยชน์​สำหรับ​ตน​เอง.” เมื่อ​แสดง​ความ​รัก​อย่าง​สม่ำเสมอ​ปี​แล้ว​ปี​เล่า “ความ​รัก​ไม่​ล้มเหลว​เลย.” (1 โกรินโธ 13:5, 8, ล.ม.) ด้วย​ความ​รัก​ที่​มั่นคง คุณลักษณะ​ต่าง ๆ เช่น ความ​อด​กลั้น​ไว้​นาน, ความ​กรุณา, ความ​ดี, ความ​อ่อนโยน, และ​การ​รู้​จัก​บังคับ​ตน ซึ่ง​เป็น​ผล​แห่ง​พระ​วิญญาณ​ของ​พระเจ้า จะ​สำแดง​ออก​มา​ได้​ง่าย​ขึ้น. คุณลักษณะ​เหล่า​นี้​เป็น​สิ่ง​จำเป็น​เพื่อ​จะ​ทำ​ให้​ชีวิต​สมรส​ประสบ​ความ​สำเร็จ.—ฆะลาเตีย 5:22, 23.

สิ่ง​ที่​ยาก​คือ​การ​แสดง​คุณลักษณะ​เช่น​นี้​ต่อ ๆ ไป หลัง​จาก​วัน​แต่งงาน. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เคล็ดลับ​ของ​ความ​สำเร็จ​ใน​การ​แสดง​คุณลักษณะ​ที่​ดี​เหล่า​นี้​คือ: รัก​คน​ที่​คุณ​แต่งงาน​ด้วย และ​เต็ม​ใจ​เสีย​สละ.

พระ​เยซู​ตรัส​ว่า​พระ​บัญญัติ​ที่​ใหญ่​ที่​สุด​สำหรับ​มนุษย์​คือ​ที่​จะ​รัก​พระ​ยะโฮวา และ​พระองค์​ตรัส​ว่า พระ​บัญญัติ​ที่​ใหญ่​เป็น​อันดับ​สอง​คือ “จง​รัก​เพื่อน​บ้าน​เหมือน​รัก​ตน​เอง.” (มัดธาย 22:39) เพื่อน​บ้าน​ที่​ใกล้​ชิด​ที่​สุด​สำหรับ​คน​ที่​แต่งงาน​แล้ว​คือ​คู่​สมรส​ของ​เขา เพราะ​ไม่​มี​อะไร​ใน​โลก​นี้​ที่​จะ​ทำ​ให้​คน​สอง​คน​ผูก​พัน​กัน​ได้​เท่า​กับ​สาย​สมรส.

อย่าง​ไร​ก็​ดี แค่​ความ​ผูก​พัน​ทาง​กาย​ไม่​ได้​รับประกัน​ว่า​จะ​มี​ความ​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน​ทาง​อารมณ์​ความ​รู้สึก. ความ​ผูก​พัน​ทาง​ร่าง​กาย​ของ​คน​สอง​คน ไม่​ได้​ทำ​ให้​เกิด​ความ​ผูก​พัน​ทาง​ความ​คิด​จิตใจ​เสมอ​ไป. เพื่อ​ความ​สัมพันธ์​ทาง​เพศ​จะ​ก่อ​ความ​พึง​พอ​ใจ​สูง​สุด ยัง​ต้อง​มี​ความ​ผูก​พัน​อย่าง​ที่​สอง นั่น​คือ​ความ​ผูก​พัน​ทาง​ใจ​และ​ทาง​ความ​คิด. ส่วน​ใหญ่​แล้ว จำเป็น​ต้อง​มี​การ​เสีย​สละ​เพื่อ​อีก​คน​หนึ่ง​เพื่อ​การ​สมรส​จะ​ประสบ​ความ​สำเร็จ​ได้. ใคร​ล่ะ​ควร​จะ​เสีย​สละ? สามี​ไหม? หรือ​ภรรยา?

การ​แสดง​ความ​รัก​และ​ให้​เกียรติ

พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​บัญชา​ว่า “ใน​การ​ให้​เกียรติ​กัน จง​นำ​หน้า.” (โรม 12:10, ล.ม.) ถ้า​คุณ​ทำ​ได้ จง​เสีย​สละ​ก่อน​ที่​คู่​ของ​คุณ​จะ​ขอร้อง. เพราะ​สิ่ง​ที่​ได้​มา​หลัง​จาก​การ​ร้อง​ขอ​ซ้ำ​แล้ว​ซ้ำ​อีก​ก็​ไม่​ค่อย​มี​คุณค่า​แล้ว. แทน​ที่​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น คู่​สมรส​แต่​ละ​ฝ่าย​ควร​พัฒนา​นิสัย​ที่​จะ​ริเริ่ม​ให้​เกียรติ​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง.

เพื่อ​เป็น​ตัว​อย่าง สามี​ได้​รับ​พระ​บัญชา​ว่า “จง​ให้​เกียรติยศ​แก่​ภรรยา​เหมือน​หนึ่ง​เป็น​ภาชนะ​ที่​อ่อนแอ​กว่า . . . เพื่อ​จะ​ได้​ไม่​มี​สิ่ง​หนึ่ง​สิ่ง​ใด​ขัด​ขวาง​คำ​อธิษฐาน​ของ​ท่าน.” (1 เปโตร 3:7) ถ้า​สามี​ไม่​ได้​ให้​เกียรติ​ภรรยา แม้​แต่​คำ​อธิษฐาน​ที่​เขา​ทูล​ต่อ​พระเจ้า​ก็​จะ​ได้​รับ​ผล​เสีย. แต่​การ​ให้​เกียรติ​ภรรยา​หมาย​ถึง​อะไร? นั่น​หมาย​ถึง​การ​คำนึง​ถึง​เธอ​ตลอด​เวลา, ฟัง​ความ​คิด​เห็น​ของ​เธอ, ให้​เธอ​เลือก​ก่อน​ใน​เรื่อง​ต่าง ๆ เป็น​ส่วน​ใหญ่. และ​ภรรยา​ก็​อาจ​ให้​เกียรติ​สามี​ได้​ใน​ลักษณะ​เดียว​กัน โดย​พยายาม​เป็น​เพื่อน​ร่วม​งาน​ที่​คอย​ให้​ความ​ช่วยเหลือ.—เยเนซิศ 21:12; สุภาษิต 31:10-31.

พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​แถลง​ว่า “สามี​ทั้ง​หลาย​จึง​ควร​รัก​ภรรยา​ของ​ตน​เหมือน​รัก​ร่าง​กาย​ของ​ตน​เอง. ผู้​ที่​รัก​ภรรยา​ของ​ตน​ก็​รัก​ตัว​เอง เพราะ​ไม่​มี​ชาย​คน​ใด​เคย​เกลียด​ชัง​เนื้อหนัง​ของ​ตน​เอง; แต่​เขา​เลี้ยง​ดู​และ​ทะนุถนอม​เนื้อหนัง​นั้น ดัง​ที่​พระ​คริสต์​ได้​ทรง​กระทำ​กับ​ประชาคม.” พระ​คริสต์​ทรง​รัก​สาวก​ของ​พระองค์​มาก​ขนาด​ไหน? พระองค์​ทรง​เต็ม​พระทัย​สละ​ชีวิต​เพื่อ​พวก​เขา. คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ด้วย​ว่า “ให้​พวก​ท่าน [สามี] ทุก​คน​ต่าง​ก็​รัก​ภรรยา​ของ​ตน​เหมือน​รัก​ตัว​เอง.” (เอเฟโซ 5:28-33, ล.ม.) และ​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​บอก​ภรรยา​ทั้ง​หลาย “ให้​รัก​สามี​ของ​ตน, . . . ยอม​อยู่​ใต้​สามี​ของ​ตน เพื่อ​จะ​ไม่​มี​ผู้​ใด​พูด​ลบหลู่​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า.”—ติโต 2:4, 5, ล.ม.

อด​ทน​กับ​ความ​ผิด​พลาด

เนื่อง​จาก​ทุก​คน​เป็น​คน​ไม่​สมบูรณ์​มา​ตั้ง​แต่​กำเนิด ทุก​คน​จึง​ทำ​ผิด​พลาด. (โรม 3:23; 5:12; 1 โยฮัน 1:8-10) แต่​แทน​ที่​จะ​ทำ​ให้​ความ​ผิด​พลาด​กลาย​เป็น​เรื่อง​ใหญ่ จง​เชื่อ​ฟัง​คำ​แนะ​นำ​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​ว่า “ยิ่ง​กว่า​อะไร​หมด​ก็​จง​รัก​ซึ่ง​กัน​และ​กัน​ให้​มาก ด้วย​ว่า​ความ​รัก​ก็​ปก​ปิด​ความ​ผิด​ไว้​มาก​หลาย.” (1 เปโตร 4:8) วิธี​ที่​ดี​ที่​สุด​ที่​จะ​จัด​การ​กับ​ความ​ผิด​พลาด​เล็ก ๆ น้อย ๆ คือ​เลิก​คิด​ถึง​เรื่อง​นั้น​และ​มอง​ข้าม​ไป​เสีย. นี่​อาจ​เป็น​วิธี​ที่​ดี​เพื่อ​จัด​การ​กับ​ความ​ผิด​พลาด​ที่​ร้ายแรง​กว่า​ด้วย. โกโลซาย 3:12-14 (ล.ม.) กล่าว​ว่า “จง​สวม​ตัว​ท่าน​ด้วย​ความ​เมตตา​รักใคร่​อัน​อ่อน​ละมุน, ความ​กรุณา, จิตใจ​อ่อนน้อม, ความ​อ่อนโยน, และ​ความ​อด​กลั้น​ไว้​นาน. จง​ทน​ต่อ​กัน​และ​กัน​อยู่​เรื่อย​ไป​และ​จง​อภัย​ให้​กัน​และ​กัน​อย่าง​ใจ​กว้าง​ถ้า​แม้น​ผู้​ใด​มี​สาเหตุ​จะ​บ่น​ว่า​คน​อื่น. พระ​ยะโฮวา​ทรง​ให้​อภัย​ท่าน​อย่าง​ใจ​กว้าง​ฉัน​ใด ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​กระทำ​ฉัน​นั้น. แต่​นอก​จาก​สิ่ง​เหล่า​นี้​ทั้ง​หมด จง​สวม​ตัว​ท่าน​ด้วย​ความ​รัก เพราะ​ความ​รัก​เป็น​เครื่อง​ผูก​พัน​อัน​สมบูรณ์​ที่​ทำ​ให้​เป็น​หนึ่ง​เดียว.”

เรา​ควร​ให้​อภัย​ความ​ผิด​พลาด​และ​ข้อ​บกพร่อง​ธรรมดา ๆ ของ​คู่​สมรส​บ่อย​สัก​แค่​ไหน? เปโตร​เคย​ถาม​พระ​เยซู​ว่า “‘พระองค์​เจ้าข้า พี่​น้อง​ของ​ข้าพเจ้า​จะ​ทำ​ผิด​ต่อ​ข้าพเจ้า​กี่​ครั้ง​แล้ว​ข้าพเจ้า​จึง​จะ​ต้อง​อภัย​เขา? ถึง​เจ็ด​ครั้ง​หรือ?’ พระ​เยซู​ตรัส​แก่​เขา​ว่า ‘เรา​บอก​เจ้า​ว่า ไม่​ใช่​ถึง​เจ็ด​ครั้ง แต่​ถึง​เจ็ด​สิบ​เจ็ด​ครั้ง.’” (มัดธาย 18:21, 22, ล.ม.) เนื่อง​จาก​ตอน​นั้น​พระ​เยซู​ตรัส​ถึง​ความ​สัมพันธ์​กับ​ผู้​อื่น​ที่​ไม่​ใช่​คู่​สมรส การ​ให้​อภัย​จึง​นับ​ว่า​จำเป็น​มาก​กว่า​นั้น​สัก​เท่า​ใด​ระหว่าง​คู่​สมรส!

แม้​ว่า​สถาบัน​การ​สมรส​ถูก​โจมตี​อย่าง​หนัก​ใน​ระยะ​หลัง ๆ แต่​ใน​ที่​สุด การ​สมรส​ก็​จะ​อยู่​รอด​ได้​เนื่อง​จาก​พระเจ้า​เป็น​ผู้​ก่อ​ตั้ง​การ​สมรส​ขึ้น และ​ทุก​สิ่ง​ที่​พระองค์​ทรง​บัญชา​เป็น​สิ่ง​ที่ “ดี​นัก.” (เยเนซิศ 1:31) การ​สมรส​จะ​ไม่​มี​วัน​ล้า​สมัย. และ​การ​สมรส​ก็​ประสบ​ความ​สำเร็จ​ได้ โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ท่ามกลาง​คน​ที่​นับถือ​และ​ยึด​มั่น​พระ​บัญชา​ของ​พระเจ้า. แต่​ปัญหา​คือ: คน​สอง​คน​จะ​ซื่อ​สัตย์​ต่อ​คำ​สัญญา​ที่​ตน​ได้​ให้​ไว้​ใน​วัน​แต่งงาน​ที่​จะ​รัก​และ​ทะนุถนอม​กัน​และ​กัน​ไหม? นั่น​อาจ​เป็น​ข้อ​ท้าทาย​ที​เดียว และ​คุณ​อาจ​ต้อง​สู้​เพื่อ​จะ​เอา​ชนะ​ได้. แต่​ผล​ที่​เกิด​ขึ้น​จะ​คุ้มค่า​กับ​ความ​พยายาม!

[กรอบ​หน้า 10]

การ​หย่า​และ​การ​แยก​กัน​อยู่

พระเจ้า ผู้​ทรง​ริเริ่ม​การ​สมรส ทรง​มุ่ง​หมาย​ให้​สาย​สมรส​ยั่งยืน​ตลอด​ไป. แต่​มี​เหตุ​ผล​ใด ๆ ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์​ไหม​ที่​ทำ​ให้​คน​เรา​หย่า​คู่​สมรส​ของ​ตน​และ​แต่งงาน​ใหม่​ได้? พระ​เยซู​ตรัส​ถึง​เรื่อง​นี้​โดย​แจ้ง​ว่า “ฝ่าย​เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า, ผู้​ใด​หย่า​ภรรยา​ของ​ตน​เพราะ​เหตุ​ต่าง ๆ เว้น​แต่​ผิด​กับ​ชาย​อื่น, แล้ว​ไป​มี​ภรรยา​ใหม่, ก็​ผิด​ประเวณี.” (มัดธาย 19:9) การ​ไม่​ซื่อ​สัตย์​ทาง​เพศ​ของ​คู่​สมรส​เป็น​มูล​เหตุ​เพียง​อย่าง​เดียว​สำหรับ​การ​หย่า​ซึ่ง​ทำ​ให้​ฝ่าย​ที่​ไม่​ผิด​แต่งงาน​ใหม่​ได้.

นอก​จาก​นั้น ข้อ​ความ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่ 1 โกรินโธ 7:10-16 ซึ่ง​แม้​จะ​สนับสนุน​ให้​คู่​สมรส​อยู่​ด้วย​กัน แต่​ก็​ยอม​ให้​มี​การ​แยก​กัน​อยู่. หลัง​จาก​ที่​ได้​พยายาม​อย่าง​เต็ม​ที่​เพื่อ​รักษา​สาย​สมรส​ของ​ตน​ไว้ บาง​คน​รู้สึก​ว่า​เขา​ไม่​มี​ทาง​เลือก​นอก​จาก​จะ​แยก​กัน​อยู่. มี​มูล​เหตุ​ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์​อะไร​บ้าง​ที่​ทำ​ให้​การ​แยก​กัน​อยู่​เป็น​ที่​ยอม​รับ​ได้?

มูล​เหตุ​อย่าง​หนึ่ง​คือ​จงใจ​ไม่​อุปการะ​เลี้ยง​ดู. เมื่อ​แต่งงาน​กัน สามี​ยอม​รับ​หน้า​ที่​หา​เลี้ยง​ภรรยา​และ​บุตร. ผู้​ชาย​ที่​จงใจ​ไม่​จัด​หา​สิ่ง​จำเป็น​ทาง​วัตถุ “ก็​ปฏิเสธ​ความ​เชื่อ​เสีย​แล้ว, และ​ซ้ำ​ชั่ว​ยิ่ง​กว่า​คน​ที่​ไม่​ได้​เชื่อ​เลย.” (1 ติโมเธียว 5:8) ดัง​นั้น การ​แยก​กัน​อยู่​ก็​เป็น​ไป​ได้.

มูล​เหตุ​อีก​อย่าง​หนึ่ง​คือ​การ​ทำ​ร้าย​ร่าง​กาย​อย่าง​รุนแรง. ดัง​นั้น ถ้า​คู่​สมรส​ทำ​ร้าย​ร่าง​กาย​ภรรยา​ของ​เขา​บ่อย ๆ ผู้​ถูก​ทำ​ร้าย​อาจ​ขอ​แยก​ทาง​ได้. (ฆะลาเตีย 5:19-21; ติโต 1:7) “คน​ใด​ที่​รัก​ความ​รุนแรง​นั้น​จิตวิญญาณ​ของ [พระเจ้า] ทรง​เกลียด​ชัง​อย่าง​แน่นอน.”—บทเพลง​สรรเสริญ 11:5, ล.ม.

อีก​มูล​เหตุ​หนึ่ง​สำหรับ​การ​แยก​กัน​อยู่​คือ​มี​อันตราย​ที่​ชัดเจน​ต่อ​สภาพ​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​ผู้​เชื่อถือ กล่าว​คือ​สัมพันธภาพ​ของ​เขา​กับ​พระเจ้า. เมื่อ​คู่​สมรส​ต่อ​ต้าน บาง​ที​อาจ​ถึง​กับ​กัก​ขัง ทำ​ให้​ไม่​สามารถ​ติด​ตาม​การ​นมัสการ​แท้​ได้​และ​เป็น​อันตราย​ต่อ​สภาพ​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​ผู้​เชื่อถือ บาง​คน​ก็​พบ​ว่า​จำเป็น​ต้อง​แยก​ทาง. *มัดธาย 22:37; กิจการ 5:27-32.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม ถ้า​มี​การ​หย่า​ภาย​ใต้​สภาพการณ์​เหล่า​นี้ เขา​จะ​ไม่​มี​อิสระ​จะ​แต่งงาน​ใหม่. ตาม​ที่​คัมภีร์​ไบเบิล​บอก มูล​เหตุ​ที่​ถูก​ต้อง​เพียง​อย่าง​เดียว​สำหรับ​การ​หย่า​ซึ่ง​อนุญาต​ให้​แต่งงาน​ใหม่​ได้​คือ​การ​เล่นชู้​หรือ “ผิด​ประเวณี.”—มัดธาย 5:32.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 27 ดู​หอสังเกตการณ์ ฉบับ 1 พฤศจิกายน 1988 หน้า 19, 20 สำหรับ​การ​พิจารณา​เรื่อง​การ​แยก​กัน​อยู่.

[ภาพ​หน้า 9]

ควร​ถือ​ว่า​การ​สมรส​เป็น​การ​จัด​เตรียม​ที่​ยั่งยืน​ถาวร

[ภาพ​หน้า 10]

พระ​เยซู​ตรัส​ว่า​เรา​ควร​ให้​อภัย “เจ็ด​สิบ​เจ็ด​ครั้ง”