ทัศนะที่สมดุลต่องานอาชีพ
ทัศนะที่สมดุลต่องานอาชีพ
นายทหารที่ทุ่มเทตัวเองไม่ยอมหยุดพักกลางวันเพื่อจะทำงานให้เสร็จซึ่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงของเขาต้องการด่วน. เมื่อเพื่อนร่วมงานของเขากลับมาหลังจากพักเที่ยงก็เห็นเขาฟุบอยู่ที่โต๊ะทำงาน—เสียชีวิตแล้ว.
อีกไม่ถึงสองชั่วโมงต่อมา เพื่อนร่วมงานของเขาตกตะลึงเมื่อผู้บังคับบัญชาของพวกเขาโทรศัพท์เข้ามาและกล่าวว่า “น่าสงสาร———แต่ผมต้องการคนทำหน้าที่แทนเขาพรุ่งนี้เช้า!” เรื่องนี้ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์สงสัยว่า ในสายตาของผู้บังคับบัญชาแล้ว นายทหารคนนั้นมีค่าเพียงแค่งานที่เขาทำเท่านั้นหรือ?
ประสบการณ์จริงเรื่องนี้เน้นถึงความเป็นจริงที่ว่า ค่าของคนมักวัดกันที่ผลประโยชน์ซึ่งเขาทำให้กับนายจ้างเท่านั้น. นี่อาจทำให้คนเราถามว่า ฉันทำงานเพื่ออยู่หรืออยู่เพื่อทำงาน? แง่มุมไหนบ้างในชีวิตที่ฉันสละให้กับอาชีพการงาน?
เลือกอย่างสุขุม
การตัดสินใจที่บางคนถือว่าสำคัญที่สุดในชีวิตสองเรื่องซึ่งมักทำกันอย่างหุนหันคือ การเลือกคู่สมรสและการเลือกงานอาชีพ. เมื่อก่อน ทั้งงานอาชีพและการสมรสเคยถือกันว่าเป็นสิ่งที่ถาวร. ดังนั้นได้มีการพิจารณากันอย่างถี่ถ้วนเมื่อต้องตัดสินใจในเรื่องนั้น. บ่อยครั้งมีการขอคำแนะนำจากเพื่อนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าหรือจากบิดามารดา.
อย่างไรก็ตาม ในสมัยนี้ดูเหมือนหลายคนเลือกคู่สมรสโดยแทบจะดูจากรูปร่างหน้าตาเพียงอย่างเดียว โดยคิดเสียว่าถ้าไปด้วยกันไม่ได้ ก็หาคู่คนใหม่. คล้ายกัน หลายคนเลือกงานอาชีพโดยอาศัยสิ่งชวนตาชวนใจโดยไม่คิดถึงผล
เสียที่อาจเกิดขึ้น. หรืออย่างน้อยสิ่งอันเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นก็ถูกขจัดออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความคิดที่ว่า ‘ฉันคงจะจัดการได้.’น่าเศร้า ผู้หญิงหลายคนในประเทศยากจนมักตอบรับคำโฆษณาที่น่าดึงดูดใจเกี่ยวกับงานที่จะทำให้พวกเธอมีชีวิตที่ดีกว่าในประเทศอื่น. อย่างไรก็ตาม เมื่อไปถึงประเทศนั้น พวกเธอมักถูกส่งไปที่ซ่องซึ่งการเป็นโสเภณีทำให้พวกเธอมีชีวิตที่เลวร้ายกว่าเดิมเสียอีก. การตกเป็นทาสสมัยใหม่ที่น่าขยะแขยงนี้เป็น “โรคร้ายที่ไม่มีวันหาย” ตามที่บทความในวารสารเวิลด์ เพรส รีวิว เรียก.
นอกจากนี้ เป็นไปได้ไหมที่คนเราจะถูกล่อให้รับงานที่ถูกกฎหมายแต่แล้วตกเข้าสู่สภาพที่รู้สึกเหมือนกับเป็นทาส? เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ๆ! ตัวอย่างเช่น บางบริษัทให้สวัสดิการที่ฟุ่มเฟือยหลายอย่างแก่พนักงานของตน. นี่อาจรวมถึงห้องอาหารที่ให้ครอบครัวและเพื่อน ๆ ใช้ได้, บริการรถรับส่งและซักแห้งฟรี, มีทันตแพทย์ที่บริษัท, ใช้โรงยิมได้ฟรี, และเงินช่วยค่าอาหารที่ภัตตาคารหรู.
ริชาร์ด รีฟส์ นักหนังสือพิมพ์คนหนึ่ง รายงานว่า “บริษัทหนึ่งถึงกับจ่ายเงินให้บริษัทที่จัดหาคู่ให้กับพนักงานที่ทำงานมากเกินไป.” แต่จงระวัง! เขาชี้แจงว่า “บริษัทเหล่านี้เสนอสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้ชีวิตของคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยมีข้อแม้อยู่อย่างเดียวคือ คุณต้องทุ่มเททุกอย่างให้กับบริษัท; คุณต้องทำงานวันละ 18 ชั่วโมงและในวันสุดสัปดาห์, กิน, ออกกำลังกาย, เล่น, และแม้แต่นอนในสำนักงานเพื่อจะเรียกตัวคุณได้ง่ายและเพื่อผลกำไรของพวกเขา.”
ทางเลือกที่ดีกว่า
สุภาษิตโบราณข้อหนึ่งกล่าวไว้ว่า “สุนัขที่เป็นอยู่มันก็ยังดีกว่าสิงโตที่ตายแล้ว.” (ท่านผู้ประกาศ 9:4) สุภาษิตข้อนี้ทำให้เกิดคำถามที่ว่า งานของฉันมีค่าเท่ากับชีวิตหรือสุขภาพของฉันไหม? เพื่อจะตอบคำถามนี้ หลายคนได้ประเมินสภาพการณ์ของตนใหม่และพบวิธีที่จะหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้อย่างพอเพียง และยังทำให้ชีวิตมีความสุขและมีความหมายด้วย.
จริงอยู่ การทำอย่างนี้มักต้องรู้จักประมาณตนและอาจต้องตัดสินว่าจริง ๆ แล้วอะไรคือสิ่งที่คนเราจำเป็นต้องมี แทนที่จะเป็นสิ่งไม่สำคัญที่คนเราต้องการ. คนที่แสวงหาความมีหน้ามีตาและความเด่นดังอาจไม่ยอมรับทางเลือกที่พอเหมาะพอควรและถึงกับคิดว่าคนที่เลือกอย่างนั้นเป็นคน
โง่. แต่อะไรเป็นสิ่งสำคัญจริง ๆ ในชีวิต? เมื่อเร็ว ๆ นี้คุณเคยหยุดพิจารณาเรื่องนี้ไหม?กษัตริย์ซะโลโมผู้ชาญฉลาดซึ่งได้เขียนสุภาษิตที่ยกมากล่าวข้างต้น เคยบรรลุความมั่งคั่งด้านวัตถุจนแทบจะกล่าวได้ว่าไม่มีมนุษย์คนใดเทียบได้. แต่เมื่อสรุปว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญจริง ๆ ท่านได้รับการดลใจจากพระเจ้าให้เขียนดังนี้: “ให้เราฟังคำสรุปของเรื่องทั้งหมด: จงเกรงกลัวพระเจ้า, จงถือรักษาบัญญัติทั้งปวงของพระองค์; เพราะว่าการนี้เป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคน.”—ท่านผู้ประกาศ 12:13.
ในเวลาเดียวกัน ซะโลโมก็เห็นคุณค่าของการทำงาน. ท่านเขียนว่า “สำหรับมนุษย์นั้นไม่มีอะไรจะดีไปกว่าจะกินและดื่มกับทำใจของเขาให้ชื่นชมสนุกสนานในการงานของตน.” (ท่านผู้ประกาศ 2:24) พระเยซูคริสต์ ซะโลโมผู้ยิ่งใหญ่ ทรงเห็นคุณค่าของการทำงานเช่นเดียวกัน รวมทั้งพระบิดาฝ่ายสวรรค์ของพระองค์ด้วย. พระเยซูอธิบายว่า “พระบิดาของเราก็ยังทรงกระทำการอยู่จนถึงบัดนี้, และเราก็กระทำด้วย.”—โยฮัน 5:17; มัดธาย 12:42.
กระนั้น ในปัจจุบัน ช่วงชีวิตมนุษย์นั้นมีจำกัด. (บทเพลงสรรเสริญ 90:10) แต่พระคริสต์ทรงทราบว่าชีวิตยืนยาวบนแผ่นดินโลกจะมีได้ภายใต้การปกครองของราชอาณาจักร ซึ่งพระองค์ทรงสอนให้เหล่าสาวกของพระองค์อธิษฐานขอ. นั่นเป็นเหตุผลที่พระองค์ทรงกระตุ้นเตือนในคำเทศน์บนภูเขาว่า “จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน, แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้.”—มัดธาย 6:9, 10, 33.
เกี่ยวกับเรื่องชีวิตภายใต้การปกครองของราชอาณาจักรนั้น คัมภีร์ไบเบิลสัญญาว่า “เขาจะสร้างบ้านและเข้าอาศัยอยู่ในนั้น เขาจะปลูกสวนองุ่นและกินผลของมัน เขาจะไม่สร้างและคนอื่นเข้าอาศัยอยู่ . . . ผู้เลือกสรรของเราจะใช้ผลงานน้ำมือของเขานาน.”—ยะซายา 65:21, 22, ฉบับแปลใหม่.
ช่างเป็นความหวังอันรุ่งโรจน์สักเพียงไร คือที่จะชื่นชมกับชีวิตยืนยาวไม่รู้สิ้นสุด อีกทั้งมีงานที่น่าพึงพอใจและมีความหมาย! การประเมินสภาพการณ์ของเราอย่างจริงจังอาจแสดงให้เห็นว่าเราต้องพิจารณาใหม่ในบางแง่เกี่ยวกับงานอาชีพของเราในปัจจุบันเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายซึ่งอาจส่งผลเสียต่อโอกาสที่จะชื่นชมกับ “ชีวิตแท้” คือชีวิตในอนาคตในราชอาณาจักรของพระเจ้า. (1 ติโมเธียว 6:19, ล.ม.) ดังนั้น ขอให้เราแสดงความนับถือต่อผู้ที่ประทานชีวิตแก่เราด้วยการงานของเราและทุกสิ่งที่เราทำ.—โกโลซาย 3:23.
[ภาพหน้า 8, 9]
ภายใต้ราชอาณาจักรของพระเจ้า ประชาชนจะชื่นชมยินดีกับงานที่ปลอดภัยและให้บำเหน็จ