ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ความเชื่อถูกทดสอบในสโลวะเกีย

ความเชื่อถูกทดสอบในสโลวะเกีย

ความ​เชื่อ​ถูก​ทดสอบ​ใน​สโลวะเกีย

เล่า​โดย​ยาน บอลี

ผม​เกิด​วัน​ที่ 24 ธันวาคม 1910 ที่​ซาฮอร์ หมู่​บ้าน​ทาง​ภาค​ตะวัน​ออก​ของ​สโลวะเกีย​ใน​ปัจจุบัน. สมัย​นั้น​หมู่​บ้าน​ของ​เรา​เป็น​ส่วน​ของ​จักรวรรดิ​ออสเตรีย-ฮังการี. ปี 1913 แม่​พา​ผม​ไป​อยู่​กับ​พ่อ​ที่​สหรัฐ ซึ่ง​ท่าน​ได้​ออก​จาก​ซาฮอร์​ไป​ก่อน​หน้า​นี้. อีก​สอง​ปี​หลัง​จาก​นั้น แม่​กับ​ผม​ได้​มา​ถึง​เมือง​แกรี รัฐ​อินเดียนา และ​อันนา​น้อง​สาว​ของ​ผม​ก็​เกิด​มา. ต่อ​มา พ่อ​ล้ม​ป่วย​และ​เสีย​ชีวิต​ใน​ปี 1917.

ผม​เป็น​นัก​เรียน​ที่​สนใจ​ใฝ่​รู้ โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ใน​เรื่อง​ศาสนา. ที่​คริสตจักร​แคลวิน ผม​ได้​เข้า​โรง​เรียน​สอน​ศาสนา​ใน​วัน​อาทิตย์​สำหรับ​เด็ก ๆ และ​ครู​สังเกต​ว่า​ผม​เป็น​คน​ฝักใฝ่​สิ่ง​ฝ่าย​วิญญาณ. เพื่อ​สนอง​ความ​กระหาย​ใคร่​รู้ ครู​ได้​ให้​คัมภีร์​ไบเบิล​ฉบับ​แปล​ของ​โฮล​แมน​แก่​ผม ซึ่ง​มี​คำ​ถาม​และ​คำ​ตอบ​ประมาณ 4,000 ข้อ. นั่น​ทำ​ให้​เด็ก​ชาย​วัย 11 ขวบ​มี​เรื่อง​ต้อง​ขบ​คิด​มาก​ที​เดียว.

‘นี่​แหละ​ความ​จริง’

ระหว่าง​ช่วง​แรก ๆ นั้น ผู้​อพยพ​ชาว​สโลวะเกีย​บาง​คน​ใน​ภูมิภาค​ซึ่ง​พวก​เรา​อาศัย​อยู่​ได้​เข้า​มา​เป็น​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ เป็น​ชื่อ​เรียก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​สมัย​นั้น. หนึ่ง​ใน​นั้น​คือ​ลุง​ของ​ผม มีคาล บอลี​เป็น​คน​หนึ่ง​ที่​ได้​บอก​เรา​เกี่ยว​กับ​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. อย่าง​ไร​ก็​ดี ใน​ปี 1922 แม่​พา​ผม​กับ​น้อง​สาว​กลับ​ซาฮอร์ ซึ่ง​ตอน​นั้น​ได้​กลาย​มา​เป็น​ส่วน​ทาง​ตะวัน​ออก​ของ​เชโกสโลวะเกีย.

หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน ลุง​มีคาล​ได้​ส่ง​คู่มือ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ (ภาษา​อังกฤษ) ครบ​ชุด ซึ่ง​เขียน​โดย​ชาลส์ เทซ รัสเซลล์ มา​ให้​ผม พร้อม​กับ​วารสาร​หอสังเกตการณ์ ซึ่ง​พิมพ์​ย้อน​หลัง​ไป​ถึง​ฉบับ​แรก​สุด​คือ​ฉบับ 1 กรกฎาคม 1879. ผม​อ่าน​จบ​ทุก​เล่ม บาง​ตอน​ก็​อ่าน​หลาย​ครั้ง และ​เกิด​ความ​เชื่อ​มั่น​ว่า​ผม​ได้​พบ​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​ผม​กำลัง​แสวง​หา.

ระหว่าง​เวลา​นั้น นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​บาง​คน​ที่​เป็น​ชาว​สโลวะเกีย​โดย​กำเนิด​ได้​เดิน​ทาง​จาก​สหรัฐ​กลับ​บ้าน​เกิด​เมือง​นอน​ของ​ตน. คน​เหล่า​นี้​เป็น​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ที่​พูด​ภาษา​สโลวัก​กลุ่ม​แรก​ใน​เชโกสโลวะเกีย. ผม​กับ​แม่​ได้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​สมัย​แรก ๆ ที่​จัด​ขึ้น​ใน​หมู่​บ้าน​ซาฮอร์​ของ​เรา และ​ที่​อื่น ๆ อีก​ใน​ละแวก​ใกล้​เคียง.

การ​ประชุม​เหล่า​นั้น​เหมือน​การ​ประชุม​คริสเตียน​ใน​สมัย​ศตวรรษ​แรก. ปกติ​เรา​ประชุม​กัน​ใน​บ้าน​ของ​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ โดย​นั่ง​รอบ​โต๊ะ​และ​มี​ตะเกียง​น้ำมัน​ก๊าด​ตั้ง​ไว้​ตรง​กลาง. เนื่อง​จาก​อายุ​น้อย​กว่า​ใคร ๆ ผม​จึง​นั่ง​ค่อน​ไป​ข้าง​หลัง ฟัง​อยู่​ใน​ที่​มืด. แต่​บาง​ครั้ง เขา​ก็​ขอ​ให้​ผม​มี​ส่วน​ร่วม​ด้วย. เมื่อ​คน​อื่น ๆ รู้สึก​ไม่​ค่อย​แน่​ใจ​ขณะ​อ่าน​ภาษา​สโลวัก เขา​ก็​จะ​พูด​ว่า “ยาน ไหน​ช่วย​บอก​หน่อย เรื่อง​นั้น​ภาษา​อังกฤษ​ว่า​อย่าง​ไร?” ผม​รีบ​ขยับ​เข้า​มา​ใกล้​ตะเกียง​และ​แปล​ข้อ​ความ​ใน​หนังสือ​ภาษา​อังกฤษ​ออก​เป็น​ภาษา​สโลวัก.

ใน​บรรดา​ผู้​ที่​เป็น​นัก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ใน​สหรัฐ และ​ได้​กลับ​สู่​ดินแดน​ซึ่ง​เปลี่ยน​เป็น​เชโกสโลวะเกีย​ก็​คือ มีคาล ชาลาตา. เขา​กลับ​ไป​ยัง​หมู่​บ้าน​เซคอฟเซ​ใกล้ ๆ หมู่​บ้าน​ของ​เรา คือ​หมู่​บ้าน​ที่​เขา​เคย​อยู่​แต่​ก่อน และ​เขา​ได้​ช่วย​จัด​ระเบียบ​งาน​เผยแพร่​ใน​เชโกสโลวะเกีย. บราเดอร์​ชาลาตา​พา​ผม​เดิน​ทาง​ไป​เผยแพร่​กับ​เขา. ครั้น​แล้ว ใน​ปี 1924 เมื่อ​มี​อายุ 13 ปี ผม​ขอ​ให้​เขา​บัพติสมา​ผม. แม้​แม่​จะ​เห็น​ว่า​ผม​ยัง​ค่อนข้าง​เด็ก​เกิน​ไป​ที่​จะ​ก้าว​สู่​ขั้น​ตอน​สำคัญ​ขนาด​นั้น แต่​ผม​ก็​ทำ​ให้​ท่าน​มั่น​ใจ​ใน​การ​ตัดสิน​ใจ​อัน​เด็ด​เดี่ยว​ของ​ผม. ดัง​นั้น ณ การ​ประชุม​วัน​เดียว​ใน​เดือน​กรกฎาคม​ปี​นั้น​ซึ่ง​จัด​ขึ้น​ใกล้ ๆ แม่น้ำ​โอน​ดา​วา ผม​จึง​ได้​แสดง​สัญลักษณ์​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระ​ยะโฮวา​โดย​การ​รับ​บัพติสมา​ใน​แม่น้ำ​สาย​นั้น.

สิทธิ​พิเศษ​ต่าง ๆ ที่​เกี่ยว​เนื่อง​กับ​งาน​รับใช้

เมื่อ​ผม​อายุ 17 ปี ผม​ได้​ยิน​ว่า​มี​การ​จัด​งาน​ศพ​ห่าง​ไป​เพียง​ไม่​กี่​กิโลเมตร​จาก​หมู่​บ้าน​ที่​ผม​ทำ​งาน​เผยแพร่​อยู่. นับ​เป็น​ครั้ง​แรก​ที่​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ได้​จัด​งาน​ดัง​กล่าว​ใน​ภูมิภาค​นี้. ครั้น​ไป​ถึง​ที่​นั่น ผม​เดิน​แหวก​พวก​ชาว​บ้าน​ที่​อยาก​รู้​อยาก​เห็น​เพื่อ​จะ​เข้า​ไป​หา​ผู้​บรรยาย. เมื่อ​พบ​แล้ว เขา​หัน​มา​บอก​ผม​ว่า “ผม​จะ​บรรยาย​ก่อน แล้ว​คุณ​จะ​บรรยาย​ต่อ​จาก​ผม.”

ผม​ขยาย​บท​บรรยาย​โดย​อาศัย​ข้อ​คัมภีร์​จาก 1 เปโตร 4:7, (ล.ม.) ที่​ว่า “อวสาน​ของ​สิ่ง​สารพัด​ใกล้​เข้า​มา​แล้ว.” ผม​ชี้​จาก​พระ​คัมภีร์​ว่า แม้​แต่​อวสาน​ของ​ความ​ทุกข์​และ​ความ​ตาย​ก็​ใกล้​เข้า​มา และ​ผม​ได้​อธิบาย​ความ​หวัง​เรื่อง​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย. (โยฮัน 5:28, 29; กิจการ 24:15) แม้​ตาม​ความ​เป็น​จริง​แล้ว ผม​ดู​อ่อน​วัย​กว่า​อายุ​จริง หรือ​อาจ​เป็น​เพราะ​หน้า​ตา​ผม​ดู​เด็ก​มาก แต่​ทุก​คน​ที่​มา​ร่วม​งาน​ต่าง​ก็​ตั้งใจ​ฟัง​ด้วย​ความ​สนใจ.

มี​การ​ลง​ข่าว​ที่​น่า​ตื่นเต้น​ใน​หอสังเกตการณ์ ฉบับ 15 กันยายน 1931 (ภาษา​อังกฤษ) ซึ่ง​อธิบาย​ว่า​พวก​เรา​ไม่​ต้องการ​เป็น​ที่​รู้​จัก​ใน​ชื่อ​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​อีก​ต่อ​ไป หรือ​แม้​แต่​ชื่อ​ใด ๆ ก็​ตาม แต่​เรา​ต้องการ​ให้​ผู้​คน​รู้​จัก​เรา​ว่า​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา. หลัง​จาก​อ่าน​ข่าว​นี้​แล้ว นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ใน​ภูมิภาค​ของ​เรา​จึง​ได้​จัด​การ​ประชุม​พิเศษ​ขึ้น. นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ประมาณ 100 คน​ได้​ประชุม​กัน​ที่​หมู่​บ้าน​ปอซดีชอฟเซ. ณ การ​ประชุม​นั้น ผม​มี​สิทธิ​พิเศษ​ได้​บรรยาย​เรื่อง “ชื่อ​ใหม่” ซึ่ง​อาศัย​บทความ​ใน​วารสาร​หอสังเกตการณ์ ตาม​ที่​กล่าว​ข้าง​ต้น.

เมื่อ​มี​การ​ขอ​ให้​คน​ที่​เข้า​ร่วม​ประชุม​รับรอง​มติ​อย่าง​เดียว​กัน​กับ​ที่​เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ​ใน​ภูมิภาค​ต่าง ๆ ของ​โลก​ได้​รับรอง​ไป​แล้ว ทุก​คน​ได้​ยก​มือ​ด้วย​ความ​ปีติ​ยินดี​อย่าง​ยิ่ง. จาก​นั้น​เรา​ได้​ส่ง​โทรเลข​ถึง​สำนักงาน​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​บรุกลิน นิวยอร์ก มี​ใจความ​ว่า “พวก​เรา​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ได้​ร่วม​ชุมนุม​กัน​วัน​นี้ ณ หมู่​บ้าน​ปอซดีชอฟเซ ทุก​คน​เห็น​ด้วย​กับ​คำ​อธิบาย​ใน​หอสังเกตการณ์ เกี่ยว​กับ​ชื่อ​ใหม่ และ​พวก​เรา​ยอม​รับ​ชื่อ​ใหม่​นี้ คือ​พยาน​พระ​ยะโฮวา.”

ภูมิภาค​อัน​กว้าง​ใหญ่​ของ​สโลวะเกีย​และ​ทรานสการ์พาเทีย ซึ่ง​เป็น​ส่วน​ของ​เชโกสโลวะเกีย​สมัย​ก่อน​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 เป็น​เขต​งาน​ที่​บังเกิด​ผล​ดี​มาก​สำหรับ​งาน​รับใช้​ของ​คริสเตียน. เรา​ออก​ไป​ให้​คำ​พยาน​ใน​เขต​งาน​อัน​กว้าง​ใหญ่​นี้​โดย​การ​เดิน​เท้า, โดย​ทาง​รถไฟ, รถ​ประจำ​ทาง, และ​จักรยาน​ด้วย. สมัย​นั้น​มี​การ​ฉาย “ภาพยนตร์​เรื่อง​การ​ทรง​สร้าง” ตาม​เมือง​ต่าง ๆ ซึ่ง​เป็น​ภาพยนตร์​และ​ภาพ​นิ่ง​ที่​ฉาย​ให้​ตรง​กับ​คำ​บรรยาย​ที่​บันทึก​เสียง​ไว้​แล้ว. หลัง​จาก​การ​ฉาย​ภาพยนตร์​แต่​ละ​ครั้ง ก็​มี​การ​รวบ​รวม​ราย​ชื่อ​และ​ที่​อยู่​ของ​คน​สนใจ. ผม​ได้​ชื่อ​พร้อม​ที่​อยู่​เหล่า​นี้​จำนวน​มาก​และ​เขา​ได้​ขอ​ให้​ผม​จัด​พยาน​ฯ ไป​เยี่ยม​เยียน​บรรดา​คน​สนใจ. ใน​บาง​เมือง เรา​เช่า​ห้อง​ประชุม​ใหญ่​ซึ่ง​ผม​ได้​ให้​คำ​บรรยาย​พิเศษ​ภาย​หลัง​การ​ฉาย​ภาพยนตร์.

ใน​ช่วง​ทศวรรษ​ปี 1930 ผม​ได้​รับ​สิทธิ​พิเศษ​เป็น​ตัว​แทน​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่​ใน​เมือง​หลวง ซึ่ง​ก็​คือ​กรุง​ปราก. ปี 1932 การ​ประชุม​นานา​ชาติ​ได้​จัด​ขึ้น​เป็น​ครั้ง​แรก​ใน​ประเทศ​เชโกสโลวะเกีย. เรา​ประชุม​กัน​ที่​โรง​ละคร​วารีเอเท. หัวเรื่อง​คำ​บรรยาย​สาธารณะ “ยุโรป​ก่อน​หายนะ” จับ​ความ​สนใจ​ของ​ประชาชน และ​ได้​มี​ประมาณ 1,500 คน​เข้า​ร่วม​ประชุม. การ​ประชุม​นานา​ชาติ​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ได้​จัด​ขึ้น​ที่​กรุง​ปราก​ใน​ปี 1937 และ​ผม​มี​สิทธิ​พิเศษ​ได้​บรรยาย​หนึ่ง​เรื่อง. ตัว​แทน​ที่​เข้า​ร่วม​ประชุม​มา​จาก​หลาย​ประเทศ​ใน​ยุโรป และ​พวก​เรา​ทุก​คน​ต่าง​ก็​ได้​รับ​การ​หนุน​ใจ​ที่​จำเป็น​เพื่อ​จะ​นำ​พา​เรา​ให้​ผ่าน​พ้น​การ​ทดลอง​ซึ่ง​จวน​จะ​มี​มา​ใน​ไม่​ช้า​ระหว่าง​ช่วง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2.

แต่งงาน​และ​การ​ทดสอบ​อัน​แสน​สาหัส

หลัง​จาก​กลับ​ถึง​เชโกสโลวะเกีย​แล้ว ผม​กับ​แม่​ร่วม​มือ​กัน​อย่าง​ใกล้​ชิด​ทำ​การ​ประกาศ​ร่วม​กับ​เพื่อน​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ใน​ปอซดีชอฟเซ​ที่​อยู่​ใกล้ ๆ. ที่​นั่น ผม​เริ่ม​สังเกต​เด็ก​สาว​สวย​ชื่อ​อันนา โรฮาโลวา. ครั้น​เรา​เติบโต​ขึ้น​เป็น​ผู้​ใหญ่ เรา​ตระหนัก​ว่า​ความ​รู้สึก​ที่​มี​ต่อ​กัน​นั้น​ลึกซึ้ง​เกิน​กว่า​จะ​เป็น​เพียง​ความ​รักใคร่​ฉัน​พี่​น้อง​คริสเตียน. ใน​ปี 1937 เรา​จึง​ได้​แต่งงาน​กัน. นับ​ตั้ง​แต่​นั้น อันนา​ได้​ช่วยเหลือ​เกื้อกูล​ผม​โดย​ตลอด แม้​กระทั่ง ‘ยาม​ยาก​ลำบาก’ ซึ่ง​คืบ​ใกล้​เข้า​มา.—2 ติโมเธียว 4:2.

ไม่​นาน​หลัง​จาก​เรา​แต่งงาน​กัน ก็​ปรากฏ​ว่า​ยุโรป​กำลัง​เตรียม​ทำ​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2. พอ​ถึง​เดือน​พฤศจิกายน 1938 ส่วน​ที่​อยู่​ทาง​ใต้​ของ​ทรานสการ์พาเทีย​และ​สโลวะเกีย​ก็​ถูก​ยึด​โดย​ฮังการี ซึ่ง​ร่วม​มือ​กับ​พรรค​นาซี​ของ​เยอรมนี. ตำรวจ​ฮังการี​สั่ง​ห้าม​การ​ประชุม​ต่าง ๆ ของ​เรา และ​เรา​ต้อง​ไป​รายงาน​ตัว​ที่​สถานี​ตำรวจ​เป็น​ประจำ.

หลัง​จาก​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 เริ่ม​ขึ้น​ใน​เดือน​กันยายน 1939 พวก​เรา​หลาย​คน​ทั้ง​ชาย​และ​หญิง​จาก​เมือง​ซาฮอร์​ถูก​ควบคุม​ตัว​และ​ถูก​นำ​ไป​ที่​ปราสาท​เก่า​ใกล้​เมือง​มูคาเชฟเว ปัจจุบัน​อยู่​ใน​ยูเครน. ที่​นั่น เรา​ได้​พบ​เพื่อน​พยาน​ฯ หลาย​คน​จาก​ประชาคม​ทรานสการ์พาเทีย. หลัง​การ​สอบสวน​นาน​ถึง​สาม​สี่​เดือน แถม​ถูก​ทุบ​ตี​บ่อย ๆ เรา​ถูก​ดำเนิน​คดี​โดย​ศาล​ทหาร​พิเศษ. เขา​ถาม​พวก​เรา​ทุก​คน​ด้วย​คำ​ถาม​เดียว​กัน​ว่า “เพื่อ​ประเทศ​ฮังการี คุณ​เต็ม​ใจ​จะ​สู้​รบ​กับ​สหภาพ​โซเวียต​ไหม?” เนื่อง​จาก​พวก​เรา​ปฏิเสธ เรา​จึง​ถูก​ตัดสิน​ลง​โทษ​และ​ใน​ที่​สุด​พวก​เรา​ถูก​ส่ง​เข้า​คุก เลข​ที่ 85 ถนน​มอร์กิต ใน​กรุง​บูดาเปสต์ ประเทศ​ฮังการี.

นัก​โทษ​ทั้ง​หมด​อดอยาก. ไม่​นาน​โรค​ต่าง ๆ ก็​แพร่​ระบาด และ​นัก​โทษ​เริ่ม​เสีย​ชีวิต. น่า​อบอุ่น​ใจ​เสีย​นี่​กระไร​เมื่อ​ภรรยา​ของ​ผม​เดิน​ทาง​จาก​ซาฮอร์​มา​เยี่ยม! แม้​ว่า​เรา​ได้​พูด​กัน​เพียง​ห้า​นาที​โดย​ผ่าน​ลูก​กรง​เหล็ก​กั้น แต่​ผม​รู้สึก​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​ที่​ผม​มี​คู่​ครอง​ที่​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง​อย่าง​นี้. *

จาก​คุก​สู่​ค่าย​แรงงาน

ผม​ถูก​พา​ตัว​ออก​จาก​คุก​ตรง​ไป​ยัง​เมือง​ยาซเบเรนย์ ประเทศ​ฮังการี ซึ่ง​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ราว ๆ 160 คน​ถูก​นำ​ตัว​ไป​ที่​นั่น​แล้ว. ระหว่าง​อยู่​ที่​นั่น นาย​ทหาร​ชาว​ฮังการี​ยื่น​ข้อ​เสนอ​สุด​ท้าย​จาก​รัฐบาล​ฮังการี​ให้​เรา​คือ “ถ้า​ใคร​เต็ม​ใจ​รับใช้​ใน​กองทัพ ให้​ก้าว​ออก​มา​ยืน​ข้าง​หน้า.” ไม่​มี​สัก​คน​ก้าว​ออก​ไป. นาย​ทหาร​จึง​พูด​ว่า “ถึง​แม้​ฉัน​ไม่​เห็น​ด้วย​กับ​สิ่ง​ที่​พวก​นาย​กำลัง​ทำ​อยู่ แต่​ฉัน​ขอ​ชมเชย​ที่​พวก​นาย​ยัง​รักษา​ความ​เชื่อ​อยู่​เสมอ.”

สอง​สาม​วัน​ต่อ​มา พวก​เรา​ลง​เรือ​ที่​แม่น้ำ​ดานูบ​และ​เริ่ม​เดิน​ทาง​ไป​ยัง​ค่าย​แรงงาน​ใกล้​เมือง​บอร์​ใน​ยูโกสลาเวีย. ระหว่าง​ที่​พวก​เรา​อยู่​บน​เรือ พวก​ทหาร​และ​ผู้​บัญชา​การ​พยายาม​ครั้ง​แล้ว​ครั้ง​เล่า​เพื่อ​ให้​เรา​อะลุ่มอล่วย​ความ​เชื่อ. ผู้​บัญชา​การ​สั่ง​ทหาร​ให้​ทุบ​ตี​เรา​ด้วย​ปืน​ไรเฟิล, เตะ​ถีบ​เรา​ด้วย​รอง​เท้า​บูต, และ​ใช้​วิธี​ทรมาน​อื่น ๆ อีก​หลาย​อย่าง.

เมื่อ​เขา​ส่ง​มอบ​พวก​เรา​ให้​พัน​โท​อันดราส โบล็อก ซึ่ง​เป็น​ผู้​บัญชา​การ​ค่าย​แรงงาน​ที่​เมือง​บอร์ เขา​บอก​พวก​เรา​ว่า “ถ้า​เรื่อง​ที่​ฉัน​ได้​ยิน​เกี่ยว​กับ​พวก​แก​เป็น​ความ​จริง พวก​แก​จะ​ต้อง​ตาย​ใน​ไม่​ช้า.” แต่​หลัง​จาก​อ่าน​หนังสือ​ปิด​ผนึก​จาก​เจ้าหน้าที่​ของ​รัฐ​แล้ว เขา​ปฏิบัติ​ต่อ​พวก​เรา​ด้วย​ความ​นับถือ. โบล็อก​ให้​พวก​เรา​มี​อิสระ​ไป​ไหน​มา​ไหน​ได้​พอ​สม​ควร และ​อนุญาต​ให้​สร้าง​โรง​เรือน​สำหรับ​พวก​เรา​เอง​ด้วย​ซ้ำ. ถึง​แม้​อาหาร​ขาด​แคลน แต่​เรา​มี​ห้อง​ครัว​ของ​เรา​เอง ดัง​นั้น​การ​แจก​จ่าย​อาหาร​จึง​เป็น​ไป​อย่าง​ยุติธรรม.

เดือน​มีนาคม 1944 เยอรมนี​เข้า​ยึด​ครอง​ประเทศ​ฮังการี. ตอน​นั้น เอดเด มอรันยี ผู้​บัญชา​การ​ที่​ฝักใฝ่​ลัทธิ​นาซี​ถูก​ส่ง​มา​แทน​โบล็อก. เขา​วาง​กฎ​ระเบียบ​อย่าง​เข้มงวด ไม่​ต่าง​กัน​กับ​ที่​ค่าย​กัก​กัน. แต่​จาก​นั้น​ไม่​นาน กองทัพ​รัสเซีย​ก็​รุก​มา​ถึง​ที่​นั่น​และ​ค่าย​กัก​กัน​ที่​เมือง​บอร์​ถูก​ย้าย​ไป​อยู่​ที่​อื่น. ต่อ​มา ระหว่าง​ที่​พวก​เรา​เดิน​กัน​เป็น​ขบวน​นั้น พวก​เรา​เป็น​ประจักษ์​พยาน​การ​สังหาร​หมู่​ชาว​ยิว​ที่​เชอร์เวงกอ. ดู​เหมือน​เป็น​เรื่อง​อัศจรรย์​ที่​พวก​เรา​ไม่​ถูก​ประหาร.

เมื่อ​ถึง​พรม​แดน​ระหว่าง​ฮังการี​กับ​ออสเตรีย พวก​เรา​ได้​รับ​คำ​สั่ง​ให้​ขุด​รัง​ปืน​กล​เป็น​ที่​ตั้ง​แท่น​ปืน. พวก​เรา​อธิบาย​ว่า ที่​เรา​เป็น​นัก​โทษ​ก็​เพราะ​เรา​ไม่​ยอม​มี​ส่วน​เกี่ยว​ข้อง​กับ​กิจกรรม​ใด ๆ ทาง​ทหาร. เนื่อง​จาก​ผม​ยืน​อยู่​หน้า​กลุ่ม นาย​ทหาร​ฮังการี​จับ​ตัว​ผม​ไว้​แน่น​และ​เริ่ม​ทุบ​ตี​ผม. “ฉัน​จะ​ฆ่า​แก!” เขา​ตะโกน​ลั่น. “ถ้า​แก​ไม่​ทำ คน​อื่น​จะ​ทำ​ตาม​ตัว​อย่าง​ที่​ไม่​ดี​ของ​แก!” เพราะ​อานดรัช บาร์ทา พยาน​ฯ ที่​อายุ​มาก​กว่า​ผม ซึ่ง​เคย​นำ​หน้า​พวก​เรา​ใน​งาน​เผยแพร่ ได้​เข้า​มา​ขวาง​ไว้​ด้วย​ความ​กล้า​หาญ ผม​จึง​รอด​ชีวิต​มา​ได้. *

สอง​สาม​สัปดาห์​ต่อ​มา สงคราม​ก็​ยุติ​ลง​และ​พวก​เรา​เริ่ม​เดิน​ทาง​กลับ​บ้าน. นัก​โทษ​คน​อื่น ๆ ซึ่ง​ถูก​ปล่อย​จาก​ค่าย​แรงงาน​ใน​เมือง​บอร์​ก่อน​หน้า​นี้​ได้​รายงาน​ว่า​ทุก​คน​ที่​ถูก​พา​ตัว​ไป​ยัง​เมือง​เชอร์เวงกอ​ถูก​ฆ่า​ตาย​หมด. ดัง​นั้น ตลอด​เวลา​หก​เดือน ภรรยา​ผม​จึง​คิด​ว่า​เธอ​เป็น​ม่าย​เสีย​แล้ว. แต่​แล้ว​วัน​หนึ่ง​เธอ​ต้อง​รู้สึก​ประหลาด​ใจ​เพียง​ใด​เมื่อ​เห็น​ผม​ยืน​อยู่​ที่​บันได​หน้า​ประตู​บ้าน! น้ำตา​แห่ง​ความ​ปีติ​ยินดี​ไหล​ริน​อาบ​แก้ม​ขณะ​ที่​เรา​สวมกอด​กัน​หลัง​จาก​ที่​ต้อง​พลัด​พราก​จาก​กัน​หลาย​ปี.

จัด​ระเบียบ​การ​งาน​ขึ้น​มา​ใหม่

หลัง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง สโลวะเกีย​รวม​ตัว​เข้า​กับ​เชกเกีย​ตั้ง​เป็น​ประเทศ​เชโกสโลวะเกีย. อย่าง​ไร​ก็​ตาม พื้น​ที่​ส่วน​ใหญ่​ของ​ทรานสการ์พาเทีย​ซึ่ง​เคย​เป็น​ส่วน​ของ​เชโกสโลวะเกีย​ตอน​ก่อน​สงคราม​ได้​กลาย​มา​เป็น​ส่วน​ของ​ยูเครน​ใน​สหภาพ​โซเวียต. ปี 1945 ผม​กับ​มีคาล มอสกัล ได้​ไป​ที่​บราทิสลาวา ปัจจุบัน​เป็น​เมือง​หลวง​ของ​สโลวะเกีย ซึ่ง​เรา​ได้​พบ​กับ​พี่​น้อง​ผู้​มี​หน้า​ที่​รับผิดชอบ​เพื่อ​จัด​ระเบียบ​งาน​เผยแพร่​ขึ้น​มา​ใหม่. ถึง​แม้​อิดโรย​และ​อ่อน​ล้า​ทั้ง​ร่าง​กาย​และ​อารมณ์ แต่​พวก​เรา​ก็​ยัง​ตั้งใจ​จะ​ทำ​งาน​มอบหมาย​เกี่ยว​กับ​การ​ประกาศ​ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​ให้​สำเร็จ​ลุ​ล่วง.—มัดธาย 24:14; 28:18-20.

หลัง​สงคราม การ​ประชุม​ใหญ่​เป็น​แรง​กระตุ้น​ที่​สำคัญ​สำหรับ​งาน​ของ​เรา. เดือน​กันยายน 1946 มี​การ​จัด​การ​ประชุม​สำหรับ​ทั้ง​ประเทศ​เป็น​ครั้ง​แรก​ที่​เมือง​เบอร์โน. ผม​ได้​รับ​สิทธิ​พิเศษ​ให้​บรรยาย​เรื่อง “ฤดู​เกี่ยว อวสาน​ของ​โลก.”

ใน​ปี 1947 มี​การ​จัด​การ​ประชุม​ใหญ่​ระดับ​ชาติ​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ใน​เบอร์​โน. ณ การ​ประชุม​นั้น นาทาน เอช. นอรร์, มิลตัน จี. เฮนเชล, และ​เฮย์เดน ซี. คัฟวิงตัน จาก​สำนักงาน​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​บรุกลิน นิวยอร์ก ได้​มา​เยี่ยม​และ​ให้​คำ​บรรยาย​ที่​หนุน​กำลังใจ. ผม​ได้​รับ​สิทธิ​พิเศษ​เป็น​ล่าม​แปล​คำ​บรรยาย​ของ​พวก​ท่าน. แม้​ว่า​พวก​เรา​ผู้​ประกาศ​ข่าว​ราชอาณาจักร​ใน​เชโกสโลวะเกีย​สมัย​นั้น​มี​ประมาณ 1,400 คน แต่​มาก​กว่า 2,300 คน​ได้​เข้า​มา​ฟัง​คำ​บรรยาย​สาธารณะ.

การ​ข่มเหง​ภาย​ใต้​ระบอบ​คอมมิวนิสต์

พรรค​คอมมิวนิสต์​ยึด​อำนาจ​ปกครอง​เชโกสโลวะเกีย​ใน​ปี 1948 และ​ต่อ​มา​ไม่​นาน​ก็​มี​การ​สั่ง​ห้าม​งาน​เผยแพร่​ของ​เรา​ซึ่ง​ยืดเยื้อ​ต่อ​เนื่อง​นาน​ถึง 40 ปี. ใน​ปี 1952 พวก​เรา​หลาย​คน​ซึ่ง​เจ้าหน้าที่​รัฐ​เห็น​ว่า​เป็น​ผู้​นำ​ได้​ถูก​จับ​เข้า​คุก. ส่วน​ใหญ่​ถูก​กล่าวหา​ว่า​เป็น​ตัวการ​บ่อน​ทำลาย แต่​พวก​เรา​บาง​คน​ถูก​ฟ้อง​ใน​ข้อ​หา​เป็น​กบฏ. ผม​ถูก​จำ​คุก​และ​ถูก​สอบสวน​นาน​ถึง 18 เดือน. ครั้น​ผม​ถาม​ว่า​ผม​เป็น​กบฏ​ใน​ทาง​ใด ผู้​พิพากษา​ตอบ​ดัง​นี้: “คุณ​พูด​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า. และ​คุณ​บอก​ว่า​ราชอาณาจักร​นั้น​จะ​ปกครอง​โลก. ทั้ง​นี้​รวม​ถึง​เชโกสโลวะเกีย​ด้วย.”

ผม​ตอบ​ว่า “ถ้า​เป็น​อย่าง​นั้น ท่าน​คง​จะ​ต้อง​ตัดสิน​ทุก​คน​ที่​อธิษฐาน​ตาม​คำ​อธิษฐาน​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​และ​ทูล​ขอ​เพื่อ​ให้ ‘ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​มา’ เป็น​กบฏ​กัน​หมด.” ถึง​อย่าง​ไร ผม​ก็​ถูก​ตัดสิน​จำ​คุก​ห้า​ปี​ครึ่ง​และ​ถูก​ส่ง​ไป​ที่​คุก​คอมมิวนิสต์​ใน​เมือง​ยาชีมอฟ​ใน​เชโกสโลวะเกีย ซึ่ง​ขึ้น​ชื่อ​ใน​ด้าน​หฤโหด.

หลัง​จาก​ติด​คุก​จน​เกือบ​ครบ​กำหนด​พ้น​โทษ ผม​ก็​ได้​รับ​การ​ปล่อย​ตัว. อันนา​ภรรยา​ของ​ผม​ได้​เกื้อ​หนุน​ผม​อย่าง​ซื่อ​สัตย์​โดย​ทาง​จดหมาย​และ​การ​เยี่ยม อีก​ทั้ง​ได้​เอา​ใจ​ใส่​เลี้ยง​ดู​มารีอา​ลูก​สาว​ของ​เรา. ใน​ที่​สุด เรา​ได้​กลับ​มา​อยู่​ร่วม​กัน​เป็น​ครอบครัว และ​เรา​ทำ​กิจกรรม​ต่าง ๆ ของ​คริสเตียน​เช่น​เดิม ซึ่ง​ก็​ต้อง​แอบ​ทำ​อย่าง​ลับ ๆ.

ชีวิต​ที่​น่า​พอ​ใจ​เนื่อง​ด้วย​การ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา

ช่วง​เวลา​กว่า 70 ปี​ที่​ผ่าน​มา พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​พื้น​ที่​ของ​เรา​ได้​รับใช้​พระเจ้า​ภาย​ใต้​สภาพการณ์​หลาก​หลาย ส่วน​ใหญ่​อยู่​ใน​ช่วง​การ​ปกครอง​ระบอบ​คอมมิวนิสต์. จริง​อยู่ ผม​อายุ​มาก​ขึ้น​และ​ร่าง​กาย​ก็​อ่อนแอ​ลง ถึง​กระนั้น ผม​ยัง​สามารถ​รับใช้​ใน​ฐานะ​คริสเตียน​ผู้​ปกครอง​ใน​ซาฮอร์ พร้อม​ด้วย​ผู้​ซื่อ​สัตย์​อย่าง​เช่น ยาน คอร์​พา-โอนโด ซึ่ง​ขณะ​นี้​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่​และ​อายุ 98 ปี​แล้ว. * ภรรยา​ที่​รัก​ของ​ผม ซึ่ง​เป็น​ของ​ประทาน​จาก​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​แท้​จริง​ได้​เสีย​ชีวิต​เมื่อ​ปี 1996.

ผม​ยัง​จำ​ได้​อย่าง​แม่นยำ​เกี่ยว​กับ​ภาพ​จินตนาการ​ซึ่ง​อยู่​ใน​หนังสือ​ทาง​สู่​อุทยาน (ภาษา​อังกฤษ) หน้า 228 ถึง 231 จัด​พิมพ์​ปี 1924. มี​การ​ขอ​ให้​ผู้​อ่าน​วาด​มโนภาพ​ว่า​ตัว​เอง​อยู่​ใน​อุทยาน กำลัง​ฟัง​เสียง​พูด​คุย​กัน​ระหว่าง​ชาย​หญิง​สอง​คน​ที่​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย. คน​ทั้ง​สอง​ยัง​นึก​สงสัย​อยู่​ว่า​ตอน​นี้​เขา​อยู่​ที่​ไหน. แล้ว​ชาย​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​รอด​ผ่าน​สงคราม​อาร์มาเก็ดดอน​ได้​รับ​สิทธิ​พิเศษ​ให้​ชี้​แจง​แก่​คน​ทั้ง​สอง​ว่า​เขา​ถูก​ปลุก​ให้​เป็น​ขึ้น​มา​อยู่​ใน​อุทยาน. (ลูกา 23:43, ล.ม.) ถ้า​ผม​รอด​ผ่าน​อาร์มาเก็ดดอน ผม​อยาก​จะ​เล่า​เรื่อง​ต่าง ๆ ให้​ภรรยา​ฟัง, มารดา​ของ​ผม​ด้วย, และ​คน​อื่น ๆ ที่​ผม​รัก​เมื่อ​พวก​เขา​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย. แต่​ถ้า​ผม​ตาย​ก่อน​อาร์มาเก็ดดอน ผม​ก็​จะ​คอย​ท่า​เวลา​ที่​ใคร​สัก​คน​ใน​โลก​ใหม่​จะ​เล่า​เหตุ​การณ์​ต่าง ๆ ที่​เกิด​ขึ้น​หลัง​จาก​ผม​ตาย​ไป​แล้ว.

ตอน​นี้ ผม​จะ​ทะนุถนอม​สิทธิ​พิเศษ​อัน​เยี่ยมยอด​และ​น่า​เกรง​ขาม​อย่าง​ยิ่ง​ต่อ ๆ ไป​ใน​การ​สนทนา​กับ​องค์​บรม​มหิศร​แห่ง​เอกภพ และ​การ​ที่​ผม​สามารถ​เข้า​ใกล้​พระองค์​ได้. ความ​ตั้งใจ​ของ​ผม​คือ จะ​ดำเนิน​ชีวิต​ประสาน​กับ​ถ้อย​คำ​ของ​อัครสาวก​เปาโล​ที่​โรม 14:8 (ล.ม.) ต่อ ๆ ไป​ที่​ว่า “ถ้า​เรา​อยู่ เรา​ก็​อยู่​เพื่อ​พระ​ยะโฮวา และ​ถ้า​เรา​ตาย เรา​ก็​ตาย​เพื่อ​พระ​ยะโฮวา. เพราะ​ฉะนั้น ไม่​ว่า​เรา​อยู่​หรือ​ตาย เรา​ก็​เป็น​ของ​พระ​ยะโฮวา.”

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 22 โปรด​อ่าน​เรื่อง​ราว​ของ​อันเดรย์ ฮันอัก ใน​ตื่นเถิด ฉบับ 8 พฤษภาคม 2002 หน้า 19-24. เรื่อง​นั้น​พรรณนา​สภาพ​คุก​แห่ง​นี้​และ​เหตุ​การณ์​ใน​เมือง​เชอร์เวงกอ ซึ่ง​จะ​กล่าว​ถึง​ที​หลัง​ใน​บทความ​นี้.

^ วรรค 28 เพื่อ​ได้​ข้อมูล​มาก​ขึ้น​เกี่ยว​กับ​อานดรัช บาร์ทา ดู​หอสังเกตการณ์ ฉบับ 15 กรกฎาคม 1993 หน้า 10-11.

^ วรรค 39 อ่าน​ชีวประวัติ​ของ​เขา​ได้​ใน​หอสังเกตการณ์ ฉบับ 1 กันยายน 1998 หน้า 24-28.

[ภาพ​หน้า 21]

กับ​อันนา หนึ่ง​ปี​หลัง​การ​สมรส​ของ​เรา

[ภาพ​หน้า 22]

กับ​นาทาน เอช. นอรร์ ณ การ​ประชุม​ใหญ่​ใน​เมือง​เบอร์โน ปี 1947