ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

วิทยาศาสตร์เคยเป็นศาสนาของผม

วิทยาศาสตร์เคยเป็นศาสนาของผม

วิทยาศาสตร์​เคย​เป็น​ศาสนา​ของ​ผม

เล่า​โดย​เคนเนท ทานากะ

“ความ​จริง​จะ​ทำ​ให้​เจ้า​เป็น​อิสระ.” ถ้อย​คำ​เหล่า​นั้น​ซึ่ง​อยู่​บน​ตรา​ดวง​หนึ่ง​ของ​สถาบัน​เทคโนโลยี​แห่ง​แคลิฟอร์เนีย (แคลเทค) เป็น​แรง​บันดาล​ใจ​ที่​ช่วย​ให้​ผม​บรรลุ​ความ​เป็น​เลิศ​ด้าน​ความ​รู้​ทาง​วิทยาศาสตร์. การ​เข้า​เรียน​ที่​นั่น​ใน​ปี 1974 เป็น​การ​ปู​ทาง​สำหรับ​ผม​เพื่อ​เป็น​นัก​วิทยาศาสตร์​ด้าน​การ​วิจัย. หลัง​จาก​สำเร็จ​การ​ศึกษา​ระดับ​ปริญญา​ตรี​และ​ปริญญา​โท​ใน​สาขา​ธรณี​วิทยา​แล้ว ผม​ศึกษา​ต่อ​ที่​มหาวิทยาลัย​แคลิฟอร์เนีย​ที่​ซานตา​บาร์บารา.

ขณะ​ที่​กำลัง​ก้าว​หน้า​ใน​ฐานะ​นัก​วิทยาศาสตร์ ผม​ยัง​ได้​ทำ​การ​เปลี่ยน​แปลง​ขนาน​ใหญ่​ใน​เรื่อง​ทัศนะ​และ​ค่า​นิยม​ฝ่าย​วิญญาณ​ด้วย. แม้​ว่า​ทฤษฎี​วิวัฒนาการ​ที่​ผม​ร่ำ​เรียน​มา​ทำ​ให้​ผม​ไม่​เชื่อ​เรื่อง​พระเจ้า แต่​ต่อ​มา ผม​จำ​ต้อง​ยอม​ทบทวน​แง่​คิด​ของ​ผม​เสีย​ใหม่. ผม​ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​นัก​ธรณี​วิทยา​ด้าน​การ​วิจัย​กลาย​เป็น​ผู้​นมัสการ​ที่​อุทิศ​ตัว​แด่​พระเจ้า​ด้วย​ได้​อย่าง​ไร? ขอ​ให้​ผม​อธิบาย.

เด็ก​ชาย​ตัว​น้อย​รู้สึก​ประทับใจ​เอกภพ

ผม​เริ่ม​สนใจ​วิทยาศาสตร์​ตั้ง​แต่​อายุ​ไม่​กี่​ขวบ. ตอน​เป็น​เด็ก ผม​เติบโต​ใน​ซีแอตเทิล รัฐ​วอชิงตัน สหรัฐ​อเมริกา พ่อ​แม่​สนับสนุน​ผม​อย่าง​แข็งขัน​ให้​ทุ่มเท​กับ​การ​เรียน​ให้​ดี​เลิศ. ผม​ชอบ​อ่าน​เรื่อง​ที่​เกี่ยว​กับ​เอกภพ ไม่​ว่า​จะ​เป็น​องค์​ประกอบ​ของ​วัตถุ​และ​สิ่ง​มี​ชีวิต, แรง​พื้น​ฐาน​ต่าง ๆ, อวกาศ, เวลา, และ​ทฤษฎี​สัมพัทธภาพ. ตอน​ผม​อายุ​ราว ๆ แปด​ขวบ มี​คน​สังเกต​เห็น​ว่า​ผม​หลงใหล​วิทยาศาสตร์​เป็น​อย่าง​มาก และ​ทาง​โรง​เรียน​จึง​ได้​ให้​ผม​เรียน​กวด​วิชา​กับ​ครู​วิทยาศาสตร์​เป็น​ส่วน​ตัว​ทุก​สัปดาห์.

ผม​เคย​เข้า​ร่วม​โรง​เรียน​รวีวารศึกษา​ที่​โบสถ์​แบพติสต์ ซึ่ง​ส่วน​ใหญ่​ก็​เพื่อ​มี​โอกาส​เดิน​ป่า​และ​ไป​เข้า​ค่าย. คน​อื่น ๆ ใน​ครอบครัว​ผม​ไม่​มี​ใคร​สนใจ​ศาสนา​หรือ​พระเจ้า. เมื่อ​ผม​ได้​รู้​เกี่ยว​กับ​ประวัติศาสตร์​และ​ความ​เหี้ยม​โหด​ที่​ศาสนา​ได้​กระทำ​นั้น สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​กระตุ้น​ผม​ให้​ถอน​ตัว​จาก​กิจกรรม​ต่าง ๆ ของ​โบสถ์. ผม​ยัง​เริ่ม​สงสัย​การ​ดำรง​อยู่​ของ​พระเจ้า​ด้วย​ซ้ำ เนื่อง​จาก​วิทยาศาสตร์​ดู​เหมือน​จะ​อธิบาย​ได้​แทบ​ทุก​สิ่ง.

การ​เปลี่ยน​แนว​คิด—ซึ่ง​ยัง​จะ​ต้อง​เปลี่ยน​อีก

ผม​สมัคร​เรียน​ใน​วิทยาลัย​โดย​ตั้งใจ​จะ​ศึกษา​ด้าน​ฟิสิกส์ แต่​ขณะ​ที่​เรียน​ชั้น​มัธยม​ปี​สุด​ท้าย ผม​ได้​เรียน​วิชา​ธรณี​วิทยา​ด้วย. วิชา​นี้​มี​การ​ออก​ภาค​สนาม​เพื่อ​ศึกษา​หิน​โผล่​ที่​มี​ชื่อเสียง​ใน​รัฐ​วอชิงตัน. ผม​คิด​ว่า ‘คง​วิเศษ​จริง ๆ หาก​จะ​เอา​ชีวิต​กลาง​แจ้ง​ที่​ผม​ชอบ​กับ​ความ​รัก​ที่​มี​ต่อ​วิทยาศาสตร์​มา​รวม​เข้า​ด้วย​กัน!’

ด้วย​เหตุ​นี้ เมื่อ​เข้า​เรียน​ใน​วิทยาลัย ผม​จึง​เปลี่ยน​สาขา​วิชา​ที่​จะ​เรียน​เป็น​ธรณี​วิทยา​ทันที. บาง​วิชา​ที่​ผม​ลง​ทะเบียน​มี​การ​ศึกษา​เกี่ยว​กับ​ยุค​ทาง​ธรณี​วิทยา​และ​ความ​เป็น​มา​ของ​โลก​ดัง​ที่​สังเกต​เห็น​ได้​จาก​หลักฐาน​ทาง​ฟอสซิล. เกี่ยว​กับ​หลักฐาน​ทาง​ฟอสซิล ผม​ได้​รับ​การ​สอน​ว่า​สิ่ง​มี​ชีวิต​วิวัฒนาการ​เป็น​ขั้น ๆ. ผม​เข้าใจ​ว่า หลัก​วิวัฒนาการ​ยัง​ไม่​ได้​รับ​การ​พิสูจน์. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ผม​รู้สึก​ว่า วิวัฒนาการ​เป็น​ทฤษฎี​หนึ่ง​ที่​ดู​เหมือน​เป็น​คำ​อธิบาย​ที่​มี​เหตุ​ผล​สำหรับ​หลักฐาน​ทาง​ธรณี​วิทยา​ที่​มี​อยู่ โดย​เฉพาะ​เมื่อ​เทียบ​กับ​คติ​นิยม​การ​ทรง​สร้าง​ซึ่ง​เป็น​ที่​ยอม​รับ​กัน​ทั่ว​ไป. เมื่อ​ผม​ได้​ยิน​ว่า​ที่​มหาวิทยาลัย​จะ​มี​การ​โต้​วาที​ระหว่าง​นัก​คติ​นิยม​การ​ทรง​สร้าง​กับ​นัก​วิวัฒนาการ ผม​ตัดสิน​ใจ​ว่า​จะ​ไม่​ไป​ฟัง. เห็น​ได้​ชัด​อยู่​แล้ว​ว่า​โลก​ไม่​ได้​ถูก​สร้าง​ภาย​ใน​ช่วง​เวลา​ไม่​ถึง​หนึ่ง​สัปดาห์​อย่าง​ที่​พวก​คติ​นิยม​การ​ทรง​สร้าง​บาง​คน​อ้าง!

แม้​ว่า​ผม​มี​ความ​คิด​ที่​ต่อ​ต้าน​ศาสนา​อย่าง​รุนแรง แต่​การ​เดิน​ทาง​เพื่อ​ไป​ศึกษา​ธรณี​วิทยา​ทาง​ฝั่ง​ตะวัน​ตก​เฉียง​ใต้​ของ​สหรัฐ​คราว​นั้น​ทำ​ให้​ผม​ต้อง​ทบทวน​แง่​คิด​ของ​ผม​อีก​ครั้ง​ใน​เรื่อง​การ​ดำรง​อยู่​ของ​พระเจ้า. คืน​หนึ่ง​ที่​นั่น ขณะ​กำลัง​มอง​ทัศนียภาพ​อัน​งดงาม​แห่ง​ท้องฟ้า​เหนือ​ทะเล​ทราย ผม​อด​ไม่​ได้​ที่​จะ​สรุป​ว่า​พระเจ้า​ต้อง​เป็น​ผู้​สร้าง​เอกภพ​แน่ ๆ. นัก​ดาราศาสตร์​ยืน​ยัน​ว่า​เอกภพ​มี​จุด​เริ่ม​ต้น แต่​ผม​เห็น​ว่า​วิทยาศาสตร์​เพียง​อย่าง​เดียว​ไม่​มี​วัน​อธิบาย​ได้​ว่า​ทำไม เอกภพ​จึง​ต้อง​เกิด​ขึ้น. นี่​ทำ​ให้​ดู​เหมือน​มี​เหตุ​ผล​ที่​จะ​เชื่อ​ว่า พระ​ผู้​สร้าง​ที่​ทรง​ไว้​ซึ่ง​สติ​ปัญญา​และ​อำนาจ​เป็น​ผู้​ออก​แบบ​และ​สร้าง​เอกภพ​รอบ​ตัว​เรา.

การ​สำรวจ​ดาว​อังคาร​ก่อ​ให้​เกิด​ข้อ​สงสัย​มาก​มาย

เมื่อ​ถึง​ตอน​ที่​ผม​ได้​รับ​ปริญญา​เอก​ใน​สาขา​ธรณี​วิทยา​ใน​ปี 1983 เมื่อ​อายุ 27 ปี ผม​กำลัง​ทำ​การ​สำรวจ​ลักษณะ​ทาง​ธรณี​วิทยา​ของ​ดาว​อังคาร​ให้​กับ​สำนัก​สำรวจ​ทาง​ธรณี​วิทยา​แห่ง​สหรัฐ. ผม​ตี​พิมพ์​บทความ​สำหรับ​ผู้​อ่าน​ที่​เป็น​นัก​วิทยาศาสตร์​และ​ผู้​อ่าน​ทั่ว​ไป​หลาย​สิบ​เรื่อง​แล้ว รวม​ทั้ง​แผนที่​แสดง​ลักษณะ​ทาง​ธรณี​วิทยา​ของ​ดาว​เคราะห์​ต่าง ๆ ด้วย. ใน​ฐานะ​สมาชิก​คณะ​กรรมการ​ที่​ปรึกษา​ของ​องค์การ​บริหาร​การ​บิน​และ​อวกาศ​แห่ง​ชาติ ผม​ทำ​หน้า​ที่​ช่วยเหลือ​ยาน​อวกาศ​ที่​ส่ง​ไป​ยัง​ดาว​อังคาร. เนื่อง​จาก​งาน​วิจัย​และ​หน้า​ที่​รับผิดชอบ​ใน​อาชีพ​ของ​ผม ผม​จึง​มี​โอกาส​พบ​กับ​นัก​วิทยาศาสตร์​ที่​ศึกษา​เกี่ยว​กับ​ดาว​เคราะห์​ผู้​ซึ่ง​ได้​รับ​การ​ยกย่อง​จาก​หลาย​ประเทศ​และ​จาก​มหาวิทยาลัย​และ​สถาบัน​วิจัย​หลาย​แห่ง.

การ​อบรม​ทั้ง​หมด​ที่​ได้​รับ​และ​ประสบการณ์​จาก​การ​ทำ​งาน​วิจัย​ค่อย ๆ เปลี่ยน​ทัศนะ​แบบ​เพ้อ​ฝัน​ที่​ผม​มี​ต่อ​วิทยาศาสตร์​ตอน​เป็น​เด็ก ๆ. ผม​ได้​มา​เข้าใจ​ว่า​วิทยาศาสตร์​ยัง​ไม่​มี​และ​จะ​ไม่​มี​วัน​ให้​คำ​ตอบ​สำหรับ​ทุก​เรื่อง​ได้. โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง ผม​ได้​มา​ตระหนัก​ว่า วิทยาศาสตร์​ไม่​สามารถ​ให้​คำ​อธิบาย​เรื่อง​ความ​มุ่ง​หวัง​หรือ​จุด​มุ่ง​หมาย​ที่​แท้​จริง​สำหรับ​ชีวิต​ได้. แนว​คิด​ทาง​วิทยาศาสตร์​ใน​ปัจจุบัน​ทำนาย​ว่า​เอกภพ​จะ​ยุบ​ตัว​เอง หรือ​ไม่​ก็​ขยาย​ตัว​ไป​เรื่อย ๆ เข้า​สู่​สภาพ​เป็น​มวล​สาร​ที่​ไร้​โครง​สร้าง​ใด ๆ. ความ​เป็น​อยู่​ของ​สิ่ง​ต่าง ๆ จะ​มี​ความ​หมาย​อะไร​ถ้า​จุด​มุ่ง​หมาย​ท้าย​สุด​ของ​ทุก​สิ่ง​คือ​การ​ดับ​สูญ​อย่าง​สิ้นเชิง?

วาง​แผน​แนว​ทาง​ชีวิต​ใหม่

ใน​เดือน​กันยายน​ปี 1981 ขณะ​ที่​อาศัย​อยู่​ที่​เมือง​แฟล็กสตัฟฟ์ รัฐ​แอริโซนา ผม​ได้​พบ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ผม​ตก​ลง​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​โดย​มุ่ง​หวัง​ที่​จะ​พิสูจน์​ว่า​ทั้ง​พวก​เขา​และ​คัมภีร์​ไบเบิล​ไม่​ถูก​ต้อง. นอก​จาก​นั้น ใน​ที่​สุด​ผม​จะ​ได้​เห็น​สิ่ง​ที่​มี​อยู่​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​จริง ๆ.

ผม​เริ่ม​ใช้​เวลา​หลาย​ชั่วโมง​ใน​แต่​ละ​สัปดาห์​เพื่อ​ตรวจ​สอบ​คำ​สอน​ของ​พระ​คัมภีร์​อย่าง​ถี่ถ้วน. แต่​ผม​ก็​ต้อง​แปลก​ใจ​ที่​ได้​พบ​ความ​รู้​มิ​ใช่​น้อย​และ​ความ​หยั่ง​เห็น​เข้าใจ​ที่​ลึกซึ้ง​ใน​หน้าต่าง ๆ ของ​คัมภีร์​ไบเบิล. ผม​รู้สึก​ทึ่ง​เมื่อ​ได้​ค้นคว้า​เรื่อง​ความ​ถูก​ต้อง​แม่นยำ​ทาง​วิทยาศาสตร์​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล และ​ความ​สำเร็จ​สม​จริง​ของ​คำ​พยากรณ์​ที่​มี​ราย​ละเอียด​เป็น​ร้อย ๆ เรื่อง​เกี่ยว​กับ​เหตุ​การณ์​ต่าง ๆ ที่​เกิด​ขึ้น​ตลอด​ช่วง​หลาย​พัน​ปี​ใน​ประวัติศาสตร์​มนุษย์. ผม​รู้สึก​ประทับใจ​อย่าง​ยิ่ง​ใน​เรื่อง​ที่ว่าการ​พิจารณา​คำ​พยากรณ์​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​หลาย​ข้อ​พร้อม​กัน—ใน​พระ​ธรรม​ดานิเอล​และ​วิวรณ์—จะ​ช่วย​ให้​มี​พื้น​ฐาน​อัน​หนักแน่น​ที่​ทำ​ให้​ตัดสิน​ได้​ว่า เรา​มี​ชีวิต​อยู่​ใน “สมัย​สุด​ท้าย.”—2 ติโมเธียว 3:1, ล.ม.

ขณะ​ที่​กำลัง​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล ผม​ได้​ทำ​เช่น​เดียว​กับ​คน​ที่​มี​ชื่อเสียง​คน​หนึ่ง​โดย​ไม่​รู้​ตัว. ผม​ได้​มา​รู้​ภาย​หลัง​ว่า เซอร์​ไอ​แซก นิวตัน ซึ่ง​ถือ​กัน​ว่า​เป็น​หนึ่ง​ใน​อัจฉริยบุคคล​ทาง​วิทยาศาสตร์​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​ที่​สุด​ตลอด​กาล เป็น​ผู้​ที่​ชื่น​ชอบ​และ​ค้นคว้า​คัมภีร์​ไบเบิล​อย่าง​จริงจัง. เช่น​เดียว​กับ​นิวตัน ผม​มุ่ง​ความ​สนใจ​ไป​ที่​คำ​พยากรณ์​ใน​ดานิเอล​และ​วิวรณ์​ซึ่ง​บอก​ล่วง​หน้า​เกี่ยว​กับ​เหตุ​การณ์​สำคัญ​ต่าง ๆ ทาง​ประวัติศาสตร์​ซึ่ง​ได้​เกิด​ขึ้น​จริง. * อย่าง​ไร​ก็​ดี ผม​ได้​เปรียบ​กว่า​อย่าง​เห็น​ได้​ชัด​เนื่อง​จาก​ผม​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​ช่วง​ที่​คำ​พยากรณ์​หลาย​ข้อ​กำลัง​สำเร็จ​อยู่​หรือ​ไม่​ก็​สำเร็จ​เป็น​จริง​ไป​แล้ว​หลัง​สมัย​ของ​นิวตัน. ผม​พบ​ว่า​คำ​พยากรณ์​เหล่า​นี้​มี​ความ​หลาก​หลาย​อย่าง​น่า​ทึ่ง และ​มี​ขอบ​เขต​กว้างขวาง​ทั้ง​ยัง​ไม่​ผิด​พลาด​และ​ไม่​มี​ใคร​ปฏิเสธ​ได้. สิ่ง​นี้​ทำ​ให้​ผม​เข้าใจ​กระจ่าง​แจ้ง​ว่า คัมภีร์​ไบเบิล​ตลอด​ทั้ง​เล่ม ซึ่ง​เขียน​โดย​มนุษย์​กว่า 40 คน​ใน​ช่วง​เวลา 1,600 ปี​นั้น​มี​เนื้อหา​ที่​สอดคล้อง​ลง​รอย​กัน อีก​ทั้ง​ยัง​มี​ข่าวสาร​อัน​ทรง​พลัง​ซึ่ง​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ประเด็น​สำคัญ​ที่​มนุษย์​กำลัง​เผชิญ​อยู่​และ​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​อนาคต​ของ​มนุษย์.

อย่าง​ไร​ก็​ดี ที่​จะ​เลิก​เชื่อ​เรื่อง​วิวัฒนาการ​ไม่​ใช่​เรื่อง​ง่าย. ผม​ได้​ถือ​ว่า​หลักฐาน​ทาง​วิทยาศาสตร์​ซึ่ง​สนับสนุน​ทฤษฎี​นี้​มี​น้ำหนัก​มิ​ใช่​น้อย. แต่​กระนั้น ผม​ได้​ค้น​พบ​ว่า ทุก​ข้อ​ความ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​เกี่ยว​กับ​ลักษณะ​โลก​ทาง​กายภาพ​สอดคล้อง​กัน​อย่าง​เต็ม​ที่​กับ​ข้อ​เท็จ​จริง​ซึ่ง​เป็น​ที่​รู้​กัน และ​ไม่​อาจ​หักล้าง​ได้.

ผม​เริ่ม​ตระหนัก​ว่า เพื่อ​จะ​ได้​ความ​เข้าใจ​อย่าง​ถี่ถ้วน​และ​ต่อ​เนื่อง​เกี่ยว​กับ​เนื้อหา​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ซึ่ง​มี​ขอบ​เขต​กว้าง​และ​สอดคล้อง​กัน​โดย​ตลอด​นั้น คน​เรา​ต้อง​ไม่​มอง​ข้าม​คำ​สอน​แม้​แต่​เรื่อง​เดียว ซึ่ง​รวม​ถึง​เรื่อง​การ​ทรง​สร้าง​ใน​พระ​ธรรม​เยเนซิศ​ด้วย. ดัง​นั้น ผม​จึง​เข้าใจ​ว่า​การ​ยอม​รับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ทั้ง​เล่ม​ว่า​เป็น​ความ​จริง เป็น​ข้อ​สรุป​เพียง​อย่าง​เดียว​ที่​สม​เหตุ​สม​ผล.

การ​แสวง​หา​ที่​ไม่​หยุด​ยั้ง​เพื่อ​ความ​จริง

ระหว่าง​นั้น ใน​ฐานะ​ที่​ผม​มี​ส่วน​ร่วม​อย่าง​เป็น​ทาง​การ​ใน​งาน​วิจัย​ทาง​วิทยาศาสตร์ ผม​สังเกต​ว่า หลาย​ครั้ง​ทฤษฎี​ต่าง ๆ ซึ่ง​เป็น​ที่​ยอม​รับ​กัน​อย่าง​กว้างขวาง​ใน​ช่วง​เวลา​หนึ่ง​กลับ​ได้​รับ​การ​พิสูจน์​ว่า​ไม่​ถูก​ต้อง​ใน​เวลา​ต่อ​มา. ส่วน​ที่​เป็น​ข้อ​ท้าทาย​สำหรับ​นัก​วิทยาศาสตร์​ก็​คือ หัวข้อ​ที่​เรา​กำลัง​ศึกษา​พิจารณา​เป็น​สิ่ง​ที่​ซับซ้อน ขณะ​ที่​เรา​มี​ข้อมูล​และ​อุปกรณ์​ที่​ใช้​ใน​การ​ค้นคว้า​วิจัย​อยู่​เพียง​จำกัด. ด้วย​เหตุ​นี้ ผม​ได้​เรียน​รู้​ที่​จะ​ระมัดระวัง​ใน​การ​ยอม​รับ​ทฤษฎี​ที่​ยัง​ไม่​ได้​รับ​การ​พิสูจน์​ว่า​เป็น​ความ​จริง ไม่​ว่า​อาจ​มี​การ​หา​เหตุ​ผล​เกี่ยว​กับ​ทฤษฎี​เหล่า​นั้น​อย่าง​เชี่ยวชาญ​และ​ถี่ถ้วน​เพียง​ไร​ก็​ตาม.

โดย​ความ​เป็น​จริง​แล้ว วิทยาศาสตร์​ไม่​สามารถ​อธิบาย​แง่​มุม​พื้น​ฐาน​หลาย​อย่าง​ใน​โลก​แห่ง​ธรรมชาติ​ได้. ตัว​อย่าง​เช่น ทำไม องค์​ประกอบ​ของ​ชีวิต​และ​กฎ​ทาง​กายภาพ​ที่​ควบคุม​องค์​ประกอบ​เหล่า​นี้ จึง​เหมาะ​อย่าง​ยิ่ง​ที่​จะ​ค้ำจุน​กระบวนการ​แห่ง​ชีวิต​และ​ระบบ​นิเวศ​ที่​ซับซ้อน? ขณะ​ที่​วิทยาศาสตร์​ไม่​พร้อม​จะ​เปิด​เผย​เรื่อง​พระเจ้า แต่​ถ้อย​คำ​ที่​ได้​รับ​การ​ดล​ใจ​ของ​พระองค์​กลับ​ให้​หลักฐาน​ที่​แน่ชัด​เกี่ยว​กับ​การ​ดำรง​อยู่​และ​พระ​ราชกิจ​ของ​พระองค์​ใน​ฐานะ​พระ​ผู้​สร้าง. (2 ติโมเธียว 3:16) ด้วย​ความ​เข้าใจ​ฝ่าย​วิญญาณ​นี้ เรา​จึง​ได้​มา​รู้​จัก​กับ​ผู้​หนึ่ง​ซึ่ง​เป็น​บ่อ​เกิด​ของ​พลัง, สติ​ปัญญา, และ​ความ​งดงาม​ที่​ปรากฏ​ชัด​ใน​โลก​ของ​เรา.

ยิ่ง​กว่า​นั้น ความ​เชื่อ​มั่น​ว่า​คัมภีร์​ไบเบิล​ถูก​ต้อง​แม่นยำ​ทาง​วิทยาศาสตร์​ได้​รับ​การ​เสริม​ให้​แข็ง​แกร่ง​ขึ้น​โดย​ที่​ผม​ตรวจ​สอบ​หนังสือ​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​หลาย​เล่ม​อย่าง​ถี่ถ้วน รวม​ทั้ง​หนังสือ​ชีวิต—เกิด​ขึ้น​มา​อย่าง​ไร? โดย​วิวัฒนาการ​หรือ​มี​ผู้​สร้าง? และ พระ​ผู้​สร้าง​ผู้​ใฝ่​พระทัย​ใน​ตัว​คุณ​มี​ไหม? หนังสือ​เหล่า​นี้​วิเคราะห์​หัวเรื่อง​ทาง​วิทยาศาสตร์​ที่​ลึกซึ้ง​และ​ให้​ความ​เข้าใจ​ที่​ชัดเจน​เกี่ยว​กับ​การ​ค้นคว้า​ใน​ปัจจุบัน รวม​ทั้ง​การ​ลง​ความ​เห็น​ของ​ผู้​เชี่ยวชาญ​ชั้น​แนว​หน้า​หลาย​คน. นอก​จาก​นี้ หนังสือ​ดัง​กล่าว​ยัง​พิจารณา​ความ​สอดคล้อง​ลง​รอย​กัน​ระหว่าง​ข้อ​เท็จ​จริง​ทาง​วิทยาศาสตร์​ซึ่ง​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​และ​ความ​เข้าใจ​อัน​ถูก​ต้อง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล.

ตัว​อย่าง​เช่น มี​การ​แสดง​ว่า​หลักฐาน​ทาง​ฟอสซิล​สอดคล้อง​กัน​กับ​ลำดับ​การ​ปรากฏ​ขึ้น​ของ​สิ่ง​มี​ชีวิต​รูป​แบบ​ต่าง ๆ ตาม​ที่​พรรณนา​ไว้​ใน​พระ​ธรรม​เยเนซิศ. ยิ่ง​กว่า​นั้น วัน​แห่ง​การ​ทรง​สร้าง​ตาม​ที่​คน​ใน​สมัย​ก่อน​เข้าใจ อาจ​หมาย​ถึง​ช่วง​เวลา​ที่​ยาว​นาน เช่น​เดียว​กับ​คำ​ว่า “สมัย” หรือ “ยุค” ที่​วิทยาศาสตร์​ใช้​พรรณนา​ความ​เป็น​มา​ของ​โลก. ด้วย​เหตุ​นี้ คัมภีร์​ไบเบิล​จึง​ไม่​ได้​ขัด​แย้ง​กับ​การ​ค้น​พบ​ทาง​วิทยาศาสตร์. คัมภีร์​ไบเบิล​บ่ง​ชี้​ว่า​วัน​แห่ง​การ​ทรง​สร้าง​เป็น​ช่วง​เวลา​ที่​ยาว​นาน​มาก. คัมภีร์​ไบเบิล​ไม่​ได้​สนับสนุน​การ​ลง​ความ​เห็น​ของ​พวก​นัก​คติ​นิยม​การ​ทรง​สร้าง​ที่​เชื่อ​ว่า​วัน​เหล่า​นั้น​ยาว 24 ชั่วโมง.

ความ​เชื่อ​ต่าง​กับ​ความ​งมงาย

ใน​ฐานะ​นัก​วิทยาศาสตร์​คน​หนึ่ง ผม​ไม่​ชอบ​ความ​งมงาย. แต่​ผม​มี​ความ​นับถือ​อย่าง​สุด​ซึ้ง​ต่อ​ความ​เชื่อ​ที่​มี​เหตุ​ผล. ความ​เชื่อ​ที่​วางใจ​ได้​เช่น​นั้น​ได้​รับ​การ​นิยาม​ไว้​ใน​เฮ็บราย 11:1 (ล.ม.) ว่า “ความ​เชื่อ​คือ​ความ​คาด​หมาย​ที่​แน่นอน​ใน​สิ่ง​ซึ่ง​หวัง​ไว้ เป็น​การ​แสดง​ออก​เด่น​ชัด​ถึง​สิ่ง​ที่​เป็น​จริง ถึง​แม้​ไม่​ได้​เห็น​สิ่ง​นั้น​ก็​ตาม.” ความ​ไว้​วางใจ​ใน​คำ​สัญญา​ของ​พระเจ้า​มี​รากฐาน​มา​จาก​ข้อ​พิสูจน์​ซึ่ง​ได้​รับ​การ​ยืน​ยัน​แล้ว​ว่า คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​รับ​การ​ดล​ใจ​จาก​พระเจ้า. ผม​มอง​เห็น​ความ​จำเป็น​ที่​จะ​หลีก​เลี่ยง​หลัก​คำ​สอน​ของ​ศาสนา​ซึ่ง​เป็น​ที่​ยอม​รับ​กัน​โดย​ทั่ว​ไป​แต่​ไม่​มี​มูล​ความ​จริง และ​ขัด​แย้ง​กับ​พระ​คัมภีร์. หลัก​คำ​สอน​เหล่า​นี้​รวม​ถึง​คำ​สอน​เรื่อง​จิตวิญญาณ​อมตะ, ไฟ​นรก, ตรีเอกานุภาพ, และ​อื่น ๆ. หลัก​คำ​สอน​เท็จ​มาก​มาย​เช่น​ว่า​นั้น​มา​จาก​นัก​ปรัชญา​และ​เทพนิยาย​โบราณ หรือ​มา​จาก​ผู้​คง​แก่​เรียน​ด้าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​ไม่​ชำนาญ. การ​ยึด​มั่น​กับ​คำ​สอน​เท็จ​นำ​ไป​สู่ ‘ความ​เชื่อ​แบบ​งมงาย’ ซึ่ง​เกิด​ขึ้น​จริง​กับ​นัก​ศาสนา​ส่วน​ใหญ่​ใน​ทุก​วัน​นี้ อัน​เป็น​เหตุ​ให้​นัก​วิทยาศาสตร์​หลาย​คน​ไม่​ค่อย​เชื่อถือ​ศาสนา.

ความ​รับผิดชอบ​ที่​สำคัญ​อย่าง​หนึ่ง​ของ​ผม​ใน​ฐานะ​นัก​วิทยาศาสตร์​คือ​อธิบาย, ปก​ป้อง, และ​เผยแพร่​ผล​งาน​การ​วิจัย​ของ​ผม​เอง. ใน​ทำนอง​เดียว​กัน ผม​รู้สึก​ว่า​จำเป็น​ต้อง​สอน​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​แก่​คน​อื่น ๆ เพราะ​ไม่​มี​ความ​รู้​ใด​ที่​สำคัญ​ยิ่ง​ไป​กว่า​นี้. ผม​ได้​รับ​เอา​งาน​ที่​น่า​ยินดี​นี้​และ​รับ​บัพติสมา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​คน​หนึ่ง​มา​ราว ๆ 20 ปี​แล้ว. ครั้น​แล้ว ใน​เดือน​กันยายน​ปี 2000 ผม​สามารถ​เพิ่ม​เวลา​ที่​ใช้​ใน​กิจกรรม​งาน​เผย​แพร่​เฉลี่ย​แล้ว​เดือน​ละ 70 ชั่วโมง. ตั้ง​แต่​นั้น​มา ผม​มี​สิทธิ​พิเศษ​ได้​นำ​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​ผู้​สนใจ​มาก​ถึง​สิบ​ราย​ใน​แต่​ละ​เดือน และ​ได้​เห็น​นัก​ศึกษา​หลาย​คน​ก้าว​หน้า​เป็น​ผู้​สอน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​เอา​จริง​เอา​จัง​เอง​เช่น​กัน.

ผม​ยัง​คง​ชื่นชม​กับ​การ​สำรวจ​ดาว​อังคาร​และ​ส่วน​อื่น ๆ ของ​จักรวาล​ผ่าน​ทาง “ตา” ของ​ยาน​อวกาศ​ที่​ทรง​ประสิทธิภาพ ซึ่ง​ถูก​ส่ง​ไป​สำรวจ​เทห์ฟากฟ้า​ใกล้ ๆ โลก​ของ​เรา. ยัง​มี​ความ​ลึกลับ​อีก​หลาย​อย่าง​ที่​ท้าทาย​วิทยาศาสตร์. ผม​มอง​ไป​ยัง​อนาคต เมื่อ​มนุษย์​เรา​จะ​แสวง​หา​ความ​รู้​ทั้ง​ทาง​ฝ่าย​วิญญาณ​และ​ทาง​วิทยาศาสตร์​เพื่อ​สนอง​ความ​กระหาย​ใคร่​รู้​และ​ตอบ​คำ​ถาม​ที่​หา​คำ​ตอบ​ได้​ยาก​ที่​สุด. ผม​ได้​มา​เข้าใจ​ว่า ความ​หมาย​ที่​แท้​จริง​ของ​ชีวิต​เกิด​จาก​การ​ที่​คน​เรา​มี​ความ​รู้​ถ่องแท้​เกี่ยว​กับ​พระเจ้า​และ​พระ​ประสงค์​ของ​พระองค์​สำหรับ​มนุษยชาติ ซึ่ง​เป็น​ความ​หมาย​ที่​แท้​จริง​ของ​คำ​ตรัส​ของ​พระ​เยซู​ที่​ปรากฏ​อยู่​บน​ตรา​ของ​แคลเทค​ที่​ว่า “ความ​จริง​จะ​ทำ​ให้​เจ้า​เป็น​อิสระ.”—โยฮัน 8:32, ล.ม.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 18 ใน​หนังสือ​ของ​เซอร์​ไอ​แซก นิวตัน​ที่​ชื่อ​ข้อ​สังเกต​บาง​ประการ​เกี่ยว​กับ​คำ​พยากรณ์​ของ​ดานิเอล, และ​วิวรณ์​ของ​นัก​บุญ​โยฮัน (ภาษา​อังกฤษ) ซึ่ง​ตี​พิมพ์​ใน​ปี 1733 ได้​มี​การ​พิจารณา​คำ​พยากรณ์​ใน​พระ​ธรรม​ดานิเอล​และ​พระ​ธรรม​วิวรณ์.

[คำ​โปรย​หน้า 19]

“วิทยาศาสตร์​ดู​เหมือน​จะ​อธิบาย​ได้​แทบ​ทุก​สิ่ง”

[คำ​โปรย​หน้า 20]

“วิทยาศาสตร์​ยัง​ไม่​มี​และ​จะ​ไม่​มี​วัน​ให้​คำ​ตอบ​สำหรับ​ทุก​เรื่อง​ได้”

[คำ​โปรย​หน้า 21]

“ผม​กลับ​พบ​ความ​รู้​มิ​ใช่​น้อย​และ​ความ​หยั่ง​เห็น​เข้าใจ​ที่​ลึกซึ้ง​ใน​หน้าต่าง ๆ ของ​คัมภีร์​ไบเบิล”

[แผนที่​หน้า 18]

แผนที่​ดาว​อังคาร

[ภาพ​หน้า 20]

เช่น​เดียว​กับ​นิวตัน ผม​รู้สึก​ประทับใจ​พระ​ธรรม​ดานิเอล​และ​วิวรณ์

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

University of Florida

[ภาพ​หน้า 21]

ผม​แบ่ง​ปัน​สิ่ง​ที่​ผม​ได้​เรียน​รู้​จาก คัมภีร์​ไบเบิล​ให้​กับ​คน​อื่น ๆ

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 18]

Top left: Courtesy USGS Astrogeology Research Program, http://astrogeology.usgs.gov; Mars map: National Geographic Society, MOLA Science Team, MSS, JPL, NASA; Mars surface: NASA/JPL/Caltech

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 21]

Space photo: J. Hester and P. Scowen (AZ State Univ.), NASA