รากฐานของผมสำหรับชีวิตที่มีจุดมุ่งหมาย
รากฐานของผมสำหรับชีวิตที่มีจุดมุ่งหมาย
เล่าโดยเออร์เนสต์ พันดาจัค
ผมกำเนิดที่ทุ่งกว้างในรัฐซัสแคตเชวัน ประเทศแคนาดา. ตอนที่ผมอายุ 23 ปี ผมไปแอฟริกา และใช้ชีวิตที่น่าประทับใจในฐานะมิชชันนารีที่นั่น 35 ปี. ชีวิตผมเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ไม่ใช่เรื่องของความบังเอิญ. ขอให้ผมชี้แจง.
บ้านหลังแรกของผมทำด้วยไม้, ดินเหนียวและหญ้าแห้ง ซึ่งแทบไม่ได้ป้องกันครอบครัวของเราให้พ้นจากความหนาวอันแสนทารุณแห่งทุ่งกว้างนี้ในฤดูหนาว. ในปี 1928 ก่อนที่พวกเราส่วนใหญ่จะเกิดครบทั้งเก้าคน พ่อกับแม่ได้รับสรรพหนังสือเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลจากผู้ชายที่แวะมาที่บ้านของเรา. ต่อจากนั้น ระหว่างช่วงฤดูหนาวอันยาวนาน พ่อกับแม่ก็ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลโดยใช้หนังสือคู่มือเหล่านี้. พอถึงฤดูใบไม้ผลิปีถัดมา ท่านก็เชื่อมั่นว่าได้พบความจริง. ท่านบอกเล่าความจริงนี้แก่ครอบครัว, เพื่อนฝูง, และเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่ลูก ๆ ของท่าน.
ผมเกิดปี 1931 และจากนั้นไม่นาน น้อง ๆ ห้าคนก็เกิดตามกันมา. การอ่านและการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำครอบครัวทีเดียว. ผมชอบนึกถึงยามเช้าเมื่อเราอยู่กันพร้อมหน้า. พ่อจะเริ่มพิจารณาข้อคัมภีร์ประจำวันกับพวกเรา แม้แต่เมื่อมีแขกมาพักที่บ้าน. แม่กับพ่อและพี่ ๆ ที่โตแล้วผลัดกันอ่านออกเสียงจากหนังสือที่อาศัยคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลัก.
นอกจากสอนพวกเราให้อ่านและเขียนแล้ว พ่อยังได้สอนเราให้ค้นคว้าโดยใช้ดัชนีคำศัพท์ของคัมภีร์ไบเบิล. ไม่นานเราก็เรียนรู้วิธีใช้คัมภีร์ไบเบิลเพื่ออธิบายให้คนอื่นเข้าใจความเชื่อของเรา. การพิจารณาที่น่าเพลิดเพลินนี้ช่วยผมให้หาเหตุผลในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับพระคัมภีร์. ต่อมา ผมสามารถใช้คัมภีร์ไบเบิลหักล้างคำสอนเท็จทางศาสนา. ผมสามารถพิสูจน์ว่าจิตวิญญาณตายได้, ไม่มีไฟนรก, และที่ว่าพระเจ้ากับพระเยซูไม่เท่าเทียมกัน หรือเป็นส่วนของสิ่งที่เรียกกันว่าตรีเอกานุภาพ.—ท่านผู้ประกาศ 9:5, 10; ยะเอศเคล 18:4; โยฮัน 14:28.
นอกจากนั้น พ่อและแม่ยังได้สอนพวกเราด้วยการวางตัวอย่างและสนับสนุนเราให้ยืนหยัดมั่นคงเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าการทำเช่นนั้นจะไม่เป็นที่นิยมชมชอบของคนทั่วไป. ตัวอย่างเช่น พ่อแม่ไม่เคยใช้ยาสูบ และท่านเตือนเราถึงผลกระทบของยาสูบซึ่งทำให้เป็นมลทิน รวมทั้งเตือนว่าเราจะเผชิญความกดดันให้ใช้ยาสูบเมื่ออยู่ที่โรงเรียน. ผมนึกถึง
คำพูดของพ่อที่ว่า “ถ้าลูกปฏิเสธ ลูกอาจถูกเรียกว่าเจ้าคนขี้ขลาด. แต่ถามคนนั้นสิว่า ‘ใครคือคนกล้าหาญ? คนที่ยอมให้ยาสูบควบคุมตัวเขา หรือคนที่ควบคุมยาสูบ?’”การทดสอบอีกอย่างหนึ่งที่ว่า ผมจะปฏิบัติตามการฝึกอบรมซึ่งอาศัยหลักคัมภีร์ไบเบิลตามที่ได้เรียนรู้ในวัยเด็กหรือไม่นั้นเกิดขึ้นตอนที่ผมอายุ 11 ขวบ. ตอนนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มขึ้นแล้วและเด็กนักเรียนถูกคาดหมายให้กล่าวคำปฏิญาณแสดงความจงรักภักดีต่อธง. จากการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล ผมเข้าใจว่าการปฏิญาณตนแบบนั้นหมายถึงการนมัสการ ดังนั้น ผมจึงไม่ยอมเข้าส่วนร่วม. นี่เป็นเหตุให้ผมถูกพักการเรียนเป็นเวลาหกเดือน.
ถึงกระนั้น ในเวลาต่อมาผมก็จบการศึกษา และในเดือนมีนาคม 1947 ผมแสดงสัญลักษณ์การอุทิศตัวแด่พระยะโฮวาพระเจ้าด้วยการรับบัพติสมาในน้ำ. หลังจากนั้นหกเดือนผมเริ่มงานไพโอเนียร์ ซึ่งก็คือผู้ประกาศข่าวดีประเภทเต็มเวลา. ทีแรก ผมทำงานในรัฐซัสแคตเชวันซึ่งอยู่ทางใต้ โดยให้คำพยานแก่พวกเกษตรกรและคนเลี้ยงวัวในบริเวณพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้. ในช่วงฤดูร้อน ผมเดินทางด้วยการขี่ม้า และในฤดูหนาวผมใช้รถม้าลากเลื่อนซึ่งเราเรียกมันว่าคะบูส. ผมมีเตาถ่านสำหรับทำความร้อน ฉะนั้น ผมต้องคอยระวังที่จะไม่ให้เลื่อนพลิกคว่ำ.
ชาวชนบทมีอัธยาศัยไมตรีและมีน้ำใจรับรองแขก. เมื่อผมไปเยี่ยมในช่วงเย็น พวกเขามักจะชวนผมค้างคืนที่บ้าน. ผมถือว่าเวลาที่มีการสนทนาเกี่ยวกับเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลอย่างมีชีวิตชีวานั้นเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่ง! ครอบครัวปีเตอร์สันเป็นครอบครัวหนึ่งซึ่งตอบรับหลังจากที่ได้พูดคุยหาเหตุผลกันตลอดคืน. เอิร์ล พร้อมด้วยมารดาของเขาเข้ามาเป็นพยานพระยะโฮวาที่มีใจแรงกล้า.
การรับใช้ในรัฐควิเบก
ปี 1949 ผมตอบรับการเชิญให้เป็นไพโอเนียร์เพื่อช่วยงานประกาศในรัฐคิวเบก. ไพโอเนียร์ประมาณ 200 คนจากภาคตะวันตกของแคนาดาได้ตอบรับ. พวกเขามาถึงเมืองมอนทรีออลในเดือนกันยายน พร้อมที่จะรับงานมอบหมายทั่วรัฐควิเบก. นั่นเป็นยุคที่ชาวคาทอลิกชื่อ มอรีส ดูเปสซี ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเขาสาบานไว้ว่าจะกำจัดพยานฯ ให้หมดไปจากรัฐนี้.
ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นและมีงานมากพร้อมกับมีข้อท้าทายต่าง ๆ. ข้อท้าทายเหล่านี้รวมถึงการเรียนภาษาฝรั่งเศส, การถูกจับกุม, ถูกฝูงชนกลุ้มรุมทำร้าย, และการประชุมคริสเตียนก็ถูกขัดขวางโดยผู้บุกรุกที่บ้าคลั่ง. อย่างไรก็ตาม พวกใจแคบเหล่านั้นไม่ได้ข่มขู่ผมหรือทำให้ผมรู้สึกหวั่นกลัวขณะทำงานประจำชีพของผมฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้า. พ่อแม่ได้ปลูกฝังผมให้รักในสิ่งที่ถูกต้อง และมีความเชื่อมั่นว่างานประกาศทั่วโลกที่พระเยซูได้ตรัสล่วงหน้านั้นจะสำเร็จ แม้จะมีการขัดขวางก็ตาม.—มัดธาย 24:9, 14.
ช่วงที่ผมอยู่ในควิเบก ผมได้พบกับเอมิลี ฮอว์ริช ไพโอเนียร์ที่ซื่อสัตย์จากรัฐซัสแคตเชวัน. ตั้งแต่วันที่เราแต่งงานกันคือ วันที่ 27 มกราคม 1951 เอมิลีเป็นเพื่อนร่วมงานที่ภักดีและเป็นเพื่อนเดินทางที่ช่วยหนุนกำลังใจผมตลอดมา. เนื่องจากเรามีเป้าหมายจะร่วมในงานรับใช้อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น เราจึงส่งใบสมัครและได้รับการเชิญเข้าเป็นนักเรียนในโรงเรียนว็อชเทาเวอร์ไบเบิลแห่งกิเลียด ซึ่งมีหลักสูตร
การเรียนประมาณหกเดือนเพื่อเตรียมผู้รับใช้สำหรับงานมิชชันนารี. เราจบหลักสูตรโรงเรียนกิเลียดรุ่นที่ 20 ในเดือนกุมภาพันธ์ 1953.ระหว่างที่เราคอยเอกสารการขอเข้าแอฟริกา เราได้รับเชิญให้ไปช่วยประชาคมของพยานพระยะโฮวาที่รัฐแอลเบอร์ตาและออนแทรีโอ ในแคนาดา. สมัยนั้น เราเดินทางจากประชาคมหนึ่งไปยังประชาคมหนึ่งด้วยรถโดยสารประจำทาง. ดังนั้น เราเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและเอาของทุกอย่างใส่ในกระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียว. สองสามเดือนต่อมา เมื่อเอกสารการเดินทางและการขอเข้าประเทศได้รับอนุมัติแล้ว เราจึงออกจากแคนาดาและเดินทางไปยังโรดีเซียใต้ ปัจจุบันเรียกว่าซิมบับเว.
ปรับตัวเข้ากับชีวิตในแอฟริกา
ภายในห้าเดือนหลังจากไปถึงที่นั่น เราก็ได้รับมอบหมายให้เยี่ยมประชาคมพยานพระยะโฮวาตามเมืองต่าง ๆ ในซิมบับเวรวมทั้งบอตสวานา และบางส่วนที่อยู่ทางตอนใต้ของโรดีเซียเหนือ (ปัจจุบันคือแซมเบีย). ที่โรงเรียนกิเลียด เราได้รับการสนับสนุนที่จะไม่เปรียบเทียบเขตงานต่างแดนกับประเทศบ้านเกิดของเรา และที่จะจดจำไว้ว่า ไม่ว่าเราจะประสบสภาพการณ์ใดก็ตาม เราสามารถเรียนรู้บางสิ่งได้ด้วยประสบการณ์ของตัวเอง. วาทะอันคมคายดังกล่าวช่วยปรับความคิดของเรา. จนทุกวันนี้ ผมกับเอมิลีเห็นพ้องกับคำคมที่ว่า “จงใช้ทุกโอกาสอย่างดีที่สุด เพราะโอกาสเช่นนั้นอาจจะไม่มีอีก.”
เราเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งโดยรถไฟ, รถประจำทาง, รถบรรทุก, หรือรถจักรยาน แล้วแต่ว่าจะมีรถอะไรให้เราขึ้น. แม้ว่าเรื่องนี้จะทำให้เราต้องใช้กำลังมาก แต่ยังมีสภาพการณ์อื่นที่ทดสอบความมุ่งมั่นของเราที่จะ “ใช้ทุกโอกาสอย่างดีที่สุด.” ในช่วงสองปีแรก เอมิลีไม่สามารถเดินทางไปกับผมในเขตของชนเผ่าต่าง ๆ เนื่องจากข้อจำกัดทางกฎหมาย. ด้วยเหตุนี้ ผมจำต้องละภรรยาที่เพิ่งแต่งงานได้เพียงไม่กี่ปีไว้ในเมืองที่อยู่สุดทางรถไฟ ซึ่งบ่อยครั้งไม่มีพยานพระยะโฮวาอยู่. ความเชื่อ, ความกล้า, และความแน่วแน่มั่นคงของเอมิลีไม่เพียงแต่เพิ่มพูนความนิยมชมชอบและความรักที่ผมมีต่อเธอ แต่ยังนำผลแห่งราชอาณาจักรมาสู่ชุมชนเหล่านี้ด้วย.
ทันทีหลังจากหาที่พักได้จากคนในท้องถิ่นแล้ว เอมิลีก็จะออกไปให้คำพยานในย่านนั้นกระทั่งผมกลับจากเขตของชาวเผ่า. บางครั้ง เธอประกาศเพียงลำพังนานนับเดือน. เธอได้รับเรี่ยวแรงและการคุ้มครองด้วยการไว้วางใจในพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระยะโฮวา และงานรับใช้ของเธอบังเกิดผล. ตัวอย่างหนึ่ง ริตา ฮันค็อก ได้รับเอาความจริงและต่อมาสามีของเธอก็ตอบรับเช่นกัน. เขาได้มาเป็นพี่น้องที่ซื่อสัตย์และทำหน้าที่ฐานะคริสเตียนผู้ปกครองตราบสิ้นชีวิต. เวลานี้ หลายประชาคมกำลังเกิดผลในเมืองเหล่านั้นที่เอมิลีได้หว่านเมล็ดแห่งความจริงเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล.
น้ำใจรับรองแขกและความเฉลียวฉลาดของชาวแอฟริกา
ระหว่างนั้น ในเขตงานที่ชาวเผ่าต่าง ๆ อาศัยอยู่ การแสดงความหยั่งรู้ค่าอย่างลึกซึ้งที่พยานฯ ชาวแอฟริกามีต่อองค์การของพระยะโฮวาและตัวแทนเดินทางเป็นประสบการณ์ที่ยังความซาบซึ้งใจแก่ผมอย่างมาก. ผมได้รับการดูแลอย่างดีจากพวกพี่น้องคริสเตียนผู้เปี่ยมความรัก. ทุกวันจันทร์ผมจะเดินทางจากสถานที่จัดการประชุมใหญ่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง. ที่พักของผมเป็นกระท่อมมุงฟางซึ่งเพิ่งสร้างใหม่ สิ่งนี้ทำให้ผมนึกถึงบ้านของครอบครัวเราในซัสแคตเชวัน. ที่นอนของผมเป็นเสื่อสานด้วยหญ้าหนา 1 ฟุตปูกับพื้นและมีผ้าปูทับเสื่ออีกชั้นหนึ่ง.
การประชุมใหญ่ในเขตของชาวเผ่ามักจัดขึ้นกลางป่า. พวกที่เข้าร่วมการประชุมจะถางไม้พุ่มหรือพงหญ้าออกให้หมด เหลือแต่ต้นไม้ใบดกไว้บังแดด. หญ้าถูกมัดรวมกันเป็นฟ่อน วางเรียงเป็นแถวสำหรับเป็นที่นั่ง. ในขั้นตอนสุดท้าย มีการสร้างรั้วหญ้าล้อมบริเวณที่โล่งเตียน. ในสภาพที่เป็นธรรมชาติเดิม ๆ เช่นนี้ ผมรู้สึกตื้นตันใจเสมอกับเสียงเพลงอันไพเราะของพี่น้องชายหญิงชาวแอฟริกาที่ร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวาเป็นเสียงที่ติดตรึงใจจนไม่อาจจะลืมได้.
ประสบการณ์ที่น่าจดจำ
ในช่วงที่ผมอยู่ในงานรับใช้ ผมได้พบกีเดียน เซนดา หัวหน้าผู้ตรวจการโรงเรียนผู้เผยแพร่ศาสนาซึ่งดำเนินงานโดยคริสตจักรแองกลิกัน. กีเดียนได้รับการศึกษารวมทั้งการฝึกอบรมในมหาวิทยาลัยโดยอาศัยทุนของคริสตจักร. อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจเกี่ยวกับคำถามหลายข้อในคัมภีร์ไบเบิล. ดังนั้น เขาขอให้ผมไปพบเขากับเพื่อนร่วมงานอีกหลายคนเพื่อตอบคำถามเหล่านั้น. มีประมาณ 50 คนเข้ามานั่งประชุม รวมทั้งผู้ตรวจการโรงเรียน, ครูใหญ่และคณะ. กีเดียนทำหน้าที่เป็นประธานการ
ประชุมครั้งนั้น. การอภิปรายดำเนินอย่างมีระเบียบ เราพิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไป. แต่ละเรื่องผมจะพูด 15 นาทีแล้วจึงพิจารณาคำถาม. การประชุมครั้งนั้นกินเวลาหลายชั่วโมง.ผลจากการประชุมที่ไม่ธรรมดานี้ คือกีเดียน, ครอบครัวของเขา, และเพื่อนร่วมงานของเขาหลายคน ทั้งหมดนี้ได้เข้ามาเป็นผู้รับใช้ที่อุทิศตัวแด่พระยะโฮวาและรับบัพติสมา. บิชอปในท้องถิ่นเลิกว่าจ้างพวกเขาในระบบการศึกษาของคริสตจักรแองกลิกัน. อย่างไรก็ดี ทุกคนไม่วิตกกังวลและยังยืนหยัดมั่นคงทำงานรับใช้พระยะโฮวาต่อไป บางคนยึดเอางานรับใช้ประเภทไพโอเนียร์.
ตอบรับภาพยนตร์ที่น่าทึ่ง
ปี 1954 พยานพระยะโฮวาได้นำภาพยนตร์เรื่องสมาคมโลกใหม่ในภาคปฏิบัติ ออกฉาย. ปีต่อมา มีการยกเลิกข้อจำกัดด้านกฎหมายซึ่งเมื่อก่อนเคยห้ามภรรยาติดตามสามีไปยังเขตของชาวเผ่า. มาตอนนี้เอมิลีสามารถเดินทางเข้าไปในเขตชาวเผ่ากับผมได้. สมัยนั้น มีการจัดหารถยนต์, เครื่องปั่นไฟ, และเครื่องฉายเพื่อนำภาพยนตร์ไปฉายทั่วทุกชุมชนของชาวเผ่าเหล่านั้น. หลายคนไม่เคยดูภาพยนตร์เลย ดังนั้น เมื่อเรานำภาพยนตร์ออกฉาย จึงเป็นสิ่งที่ผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจ. ภาพยนตร์นั้นแสดงให้เห็นขั้นตอนการผลิตคัมภีร์ไบเบิลและสรรพหนังสือเกี่ยวกับพระคัมภีร์ที่โรงพิมพ์ขนาดใหญ่ของเราในบรุกลิน นิวยอร์ก.
นอกจากนั้น ฉากในภาพยนตร์แสดงให้เห็นภาพสังคมพี่น้องทั่วโลกของพยานพระยะโฮวาอยู่ร่วมกันในการนมัสการ ณ สนามกีฬาแยงกี นครนิวยอร์ก ในปี 1953. ชาวแอฟริกาเหล่านี้ไม่เคยเห็นการแสดงความเป็นเอกภาพและความรักระหว่างเชื้อชาติอย่างนี้มาก่อน. ภาพยนตร์นี้กระตุ้นชาวซิมบับเวหลายครอบครัวให้ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและคบหากับเหล่าพยานฯ. ครูใหญ่ทั่วประเทศซึ่งตระหนักถึงคุณค่าของการศึกษาที่ใช้ภาพเป็นเครื่องช่วยสำหรับนักเรียนในโรงเรียน ได้ส่งคำขอเข้ามามากมายเพื่อให้มีการฉายภาพยนตร์นี้อีก.
คืนหนึ่งดึกมากแล้ว พยานฯ หลายคนปลุกผมให้ตื่นและขอร้องให้ฉายภาพยนตร์เรื่องนี้. ผมประหลาดใจมากเมื่อเห็นชาวบ้านเกือบ 500 คนที่ได้เดินทางหลายชั่วโมงเพื่อมาชมภาพยนตร์. พวกเขาได้ยินว่าผมอยู่ในเขตนั้นและเคยฉายภาพยนตร์ให้คนชม. พอฝูงชนกลุ่มนั้นแยกย้ายกันกลับบ้าน ก็มีมาอีกกลุ่มหนึ่งราว 300 คน. ดังนั้น ผมจึงต้องฉายอีกรอบหนึ่ง. กว่าพวกที่ดูรอบสุดท้ายจะกลับไปก็เป็นเวลาตีสามแล้ว! ตลอดช่วง 17 ปี เฉพาะที่แซมเบียแห่งเดียว มีประชาชนกว่าหนึ่งล้านคนได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งก่อผลกว้างขวาง!
เขตมอบหมายแห่งใหม่ในแอฟริกา
หลังจากทำงานเผยแพร่ในซิมบับเวเป็นเวลากว่าห้าปีครึ่ง เราก็ย้ายไปที่แอฟริกาใต้. นี่หมายความว่าเราต้องเรียนภาษาอาฟริกานส์. ต่อมา เราเรียนพูดภาษาเซซุทูและภาษาซูลูด้วย. การที่เราสามารถสอนพระคำของพระเจ้าในภาษาอื่น ๆ นั้นเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพงานเผยแพร่ของเรา และทำให้เรารู้สึกว่าประสบผลสำเร็จ.
ต้นปี 1960 เราได้รับมอบหมายให้ทำงานเยี่ยมหมวดทางภาคใต้ของแอฟริกา. ตลอด 27 ปีนับจากนั้น เราเดินทางไปจนทั่วทั้งเลโซโท, นามิเบีย, แอฟริกาใต้, และสวาซิแลนด์ รวมถึงหมู่เกาะอัสเซนซันและเกาะเซนต์เฮเลนาซึ่งอยู่ทางใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติก. รวมกันแล้ว เราเดินทางเป็นระยะทางทั้งสิ้นหลายหมื่นหลายแสนกิโลเมตรในการรับใช้พี่น้องคริสเตียนชายหญิงของเรา. การกระทำด้วยความเชื่อและความภักดีของพวกเขาภายใต้สภาพการณ์ซึ่งยุ่งยากลำบากนั้นทำให้เรามีกำลังใจที่จะไม่เลิกรา.
เพื่อเป็นตัวอย่าง ผมได้รู้จักพยานฯ บางคนในประเทศสวาซิแลนด์เป็นส่วนตัว ซึ่งไม่ยอมอะลุ่มอล่วยความเชื่อของตนคราวที่กษัตริย์โซบูซาที่ 2 สิ้นพระชนม์. เนื่องจากเหล่าพยานฯ ไม่ยอมร่วมพิธีกรรมซึ่งไม่เป็นตามหลักคัมภีร์ไบเบิลที่จัดขึ้นในงานศพของผู้สูงศักดิ์ พวกเขาจึงถูกไล่ออกจากงานและถูกถอนสิทธิการเป็นพลเมืองของประเทศ. แม้พวกเขาถูกเพิกถอนสิทธิและประสบความลำบากนานหลายปี แต่พวกเขาไม่เคยละทิ้งความเชื่อของตน. การได้รู้จักพี่น้องคริสเตียนชายหญิงที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ และได้พูดคุยกับพวกเขาเป็นส่วนตัวนับว่าเป็นสิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่ ซึ่งผมจะขอบพระคุณพระยะโฮวาเสมอ.
แล้วก็มีฟิเลโมน มาฟาเรกา ไพโอเนียร์ซึ่งมาจากหมู่บ้านมักฮอทลอง ประเทศเลโซโท หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บนเทือกเขาซึ่งอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 3,000 เมตร. เนื่องจากไม่มียานพาหนะใด ๆ ไปถึงที่นั่น เขากับภรรยาที่รัก, และลูกสองคน, รวมทั้งชายหญิงอีกสี่คนที่ตั้งใจจะรับบัพติสมาจึงพากันเดินเท้าเป็นระยะทางกว่า 100 กิโลเมตรเพื่อไปยังการประชุมซึ่งจัดขึ้นในพื้นที่ซึ่งอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร. เกือบตลอดเส้นทางนั้น พวกเขาต้องผ่านภูมิประเทศที่สูงชัน. เขาปีนป่ายขึ้นลงตามซอกเขาด้วยความระมัดระวังและข้ามห้วยและลำธารหลายสาย.
เมื่อพวกเขาเดินทางกลับบ้านหลังจากการประชุมใหญ่สิ้นสุดลง เขาขนเอาหนังสือความจริงซึ่งนำไปสู่ชีวิตถาวร หนึ่งร้อยเล่มไปด้วย. พวกเขาตั้งใจนำหนังสือเหล่านี้กลับไปฝากผู้คนในหมู่บ้านมักฮอทลอง. แต่ระหว่างทางกลับบ้าน เขาได้พบผู้ที่สนใจสรรพหนังสือเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล ดังนั้น หนังสือที่พวกเขามีติดตัวอยู่จึงหมดก่อนจะถึงบ้านด้วยซ้ำ. การได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าพี่น้องคริสเตียนชายหญิงอย่างฟิเลโมนกับภรรยาของเขามีใจแรงกล้าและเสียสละมากเพียงใดนั้น นับว่าเป็นสิทธิพิเศษสำหรับผมกับเอมิลี ซึ่งเราได้ทะนุถนอมไว้ตราบจนทุกวันนี้.
บางครั้ง เราเผชิญอันตรายจากงูพิษ อย่างเช่นงูเห่า รวมทั้งอันตรายจากน้ำหลากและการเสี่ยงอื่น ๆ. ประสบการณ์เหล่านี้ แม้ว่าน่าตกใจในบางครั้ง แต่ก็กลายเป็นเรื่องไม่สู้จะสำคัญนักเมื่อเทียบกับพระพรและความยินดีที่เราได้รับจากงานประจำชีพในการรับใช้พระยะโฮวา. เราได้เรียนรู้ว่า พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งเหล่าผู้ภักดีของพระองค์.
เมื่อเอมิลีมีปัญหาสุขภาพร้ายแรง พระยะโฮวาทรงประทานสติปัญญาให้เรารู้วิธีจัดการสภาพการณ์นั้นอย่างสมดุล. การปรับเปลี่ยนอาหารการกินของเรา และการปรับปรุงด้านสุขอนามัยได้ช่วยให้เธอฟื้นตัวเร็วขึ้น. เราแปลงรถกระบะเป็นรถบ้านเพื่อเอมิลีจะสามารถจัดที่พักได้ตามความเหมาะสมระหว่างที่เราเดินทาง และในที่สุด สุขภาพของเธอก็กลับดีดังเดิม.
กลับแคนาดา
ปี 1988 หลังจากทำงานมิชชันนารีต่างแดน 35 ปีในทวีปแอฟริกาที่น่าตื่นตาตื่นใจ เราได้รับมอบหมายให้กลับไปยังแคนาดา. พอมาในปี 1991 ผมเริ่มงานรับใช้อีกครั้งหนึ่งในฐานะผู้ดูแลเดินทาง. แปดปีต่อมาผมล้มป่วยด้วยโรคเส้นเลือดสมอง. แม้ว่านับแต่นั้นมา ผมจะทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้น้อยมาก แต่ผมก็ยังคงมีความสุขจากการรับใช้ฐานะผู้ปกครองในประชาคมแห่งหนึ่งที่เมืองลอนดอน รัฐออนแทรีโอ.
ทุกวันนี้ ผมรู้สึกอิ่มใจพอใจเมื่อมองย้อนไปถึงสมัยที่ผมขี่ม้าและเริ่มเป็นไพโอเนียร์อยู่ทางใต้ของรัฐซัสแคตเชวันราว ๆ 56 ปีมาแล้ว. ผมรู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่คุณพ่ออุตส่าห์พากเพียรสอนพวกเราให้คิดแบบมนุษย์ฝ่ายวิญญาณ ไม่กลัวที่จะยืนมั่นเพื่อความจริงและความชอบธรรม! ท่านได้สั่งสอนผมด้วยพระคำของพระเจ้า ซึ่งทำให้ชีวิตผมมีจุดมุ่งหมาย. มรดกนี้เป็นประโยชน์ตลอดชีวิตของผม. ไม่มีวันที่ผมจะเอาชีวิตของผมในงานรับใช้พระยะโฮวาไปแลกกับสิ่งใด ๆ ที่โลกเก่านี้เสนอให้.
[ภาพหน้า 19]
ครอบครัวของเรา ที่มีลูกเก้าคนเมื่อปี 1949 แม่กำลังอุ้มลูกคนสุดท้อง. ผมยืนข้างหลังแม่
[ภาพหน้า 20]
ผมสร้าง “คะบูส” คันนี้สำหรับใช้ในงานเผยแพร่
[ภาพหน้า 20]
พวกสตรีในรัฐควิเบกที่ถูกจับเนื่องจากทำงานเผยแพร่
[ภาพหน้า 22, 23]
ผมมีส่วนในการสอนผู้ดูแลเดินทางเหล่านี้ที่ประเทศซิมบับเว
[ภาพหน้า 23]
เราแปลงรถคันนี้เป็นรถบ้านเพื่อให้เอมิลีได้พักฟื้น
[ภาพหน้า 23]
ภาพที่ถ่ายเมื่อเร็ว ๆ นี้กับเอมิลี