วิธีป้องกันตัวไม่ให้ถูกฉ้อโกง
วิธีป้องกันตัวไม่ให้ถูกฉ้อโกง
คุณอาจเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “ไม่มีทางโกงคนซื่อสัตย์ได้.” เช่นเดียวกับคำกล่าวมากมาย คำกล่าวนี้ไม่เป็นความจริง. มีคนที่ซื่อสัตย์ตกเป็นเหยื่อการฉ้อโกงทุกวัน; ความซื่อสัตย์เพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยปกป้องเขา. คนที่ฉลาดที่สุดในโลกบางคนกำลังคิดและวางแผนเพื่อจะโกงเงินของคนอื่น. กว่าหนึ่งร้อยปีมาแล้ว นักเขียนคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า “มีการฉ้อโกงบางอย่างที่ทำได้แนบเนียนมากจนคงจะถือว่าเป็นความโง่ถ้าไม่ ถูกหลอก.”
การหลอกลวงมีประวัติอันยาวนาน โดยเริ่มตั้งแต่สมัยสวนเอเดน. (เยเนซิศ 3:1-5) แผนเก่า ๆ มีอยู่หลายรูปแบบ และแผนใหม่ ๆ ก็ถูกคิดค้นขึ้นมาตลอดเวลา. ดังนั้น คุณจะป้องกันตัวได้อย่างไร? คุณไม่จำเป็นต้องพยายามเรียนรู้วิธีการทุกอย่างที่เหล่าอาชญากรใช้เพื่อต้มตุ๋นคนอื่น. เพียงแค่คุณทราบข้อควรระวังพื้นฐานสองสามข้อก็จะช่วยได้มากในการป้องกันไม่ให้คุณตกเป็นเหยื่อ.
ปกป้องข้อมูลส่วนตัว
ถ้ามีใครขโมยสมุดเช็คหรือบัตรเครดิตของคุณไป เขาอาจใช้สิ่งเหล่านี้ซื้อของต่าง ๆ ได้. ถ้าเขาขโมยข้อมูลบัญชีเงินฝากธนาคารของคุณไป เขาอาจสั่งซื้อเช็คหรือเขียนเช็คในนามของคุณได้. ถ้าเขาได้ข้อมูลส่วนตัวของคุณมากพอ เขาอาจแอบอ้างเป็นคุณ. เมื่อเป็นเช่นนี้ อาชญากรก็สามารถถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของคุณ, จ่ายเงินซื้อสินค้าต่าง ๆ จากบัญชีบัตรเครดิต, และขอกู้เงินใน * คุณอาจถึงกับถูกจับเนื่องจากความผิดที่คุณไม่ได้ทำด้วยซ้ำ!
ชื่อของคุณได้.เพื่อป้องกันตัวเองจากการฉ้อโกงชนิดนี้ จงเก็บเอกสารส่วนตัวทุกชิ้นให้ดี รวมทั้งใบแจ้งรายการบัญชีธนาคารและสมุดเช็ค, ใบขับขี่, และบัตรประชาชน. อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงินแก่คนอื่น นอกจากจะมีเหตุผลที่สมควรจะให้. ควรทำเช่นนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหมายเลขบัตรเครดิตและข้อมูลบัญชีเงินฝากธนาคาร. คุณควรให้หมายเลขบัตรเครดิตเฉพาะเมื่อคุณต้องการซื้อของด้วยบัตรนี้เท่านั้น.
นักฉ้อฉลที่เรียกกันว่านักคุ้ยขยะจะค้นขยะของคุณเพื่อหาข้อมูลเหล่านี้. แทนที่จะโยนเอกสารที่มีข้อมูลส่วนตัวทิ้งไปเฉย ๆ นับว่าฉลาดที่คุณจะเผาหรือฉีกเอกสารนั้นทิ้ง. นี่รวมถึงเช็คที่ขีดฆ่าแล้วและใบแจ้งค่าธรรมเนียมนายหน้า รวมทั้งบัตรเครดิต, ใบขับขี่, และหนังสือเดินทางที่หมดอายุแล้ว. เป็นการสุขุมด้วยที่จะทำลายใบสมัครบัตรเครดิตซึ่งส่งมาให้ทางไปรษณีย์โดยที่คุณไม่ได้ขอ เนื่องจากใบสมัครเหล่านี้มีข้อมูลส่วนตัวของคุณซึ่งคนอื่นอาจเอาไปใช้ในทางที่ผิดได้.
ใช้สามัญสำนึก
หัวใจหลักของการฉ้อโกงในหลายกรณีคือการสัญญาว่าจะให้ผลกำไรที่สูงเกินจริงจากการลงทุน. แผนการโกงแบบรวยลัดโดยทั่วไปคือแผนแบบพีระมิด (เช่น แชร์ลูกโซ่). แม้ว่ามีรูปแบบต่าง ๆ กันไป แต่กลวิธีปกติก็คือการให้นักลงทุนชวนคนอื่น ๆ มาร่วมลงทุนด้วย แล้วผู้ชักชวนก็จะได้รับค่าตอบแทน. * จดหมายลูกโซ่ใช้วิธีการแบบเดียวกันโดยขอให้คุณส่งเงินไปให้คนที่มีชื่ออยู่บนสุดในบัญชีรายชื่อ. มีการรับรองว่า คุณจะได้รับเงินเป็นหมื่นเป็นแสนบาทเมื่อชื่อของคุณขึ้นไปอยู่บนสุด.
แผนแบบพีระมิดจะล้มเสมอเพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสมาชิกใหม่อยู่เรื่อย ๆ. ขอลองคำนวณดู. ถ้ามีห้าคนตั้งแผนแบบพีระมิดขึ้นมาและแต่ละคนชักชวนคนอื่นอีกห้าคน จำนวนคนที่เข้ามาใหม่จะมี 25 คน. ถ้าคนเหล่านี้ชวนคนอื่นมาอีกคนละ 5 คน นั่นก็หมายความว่าจำนวนจะเพิ่มขึ้นอีก 125 คน. เมื่อการชักชวนไปถึงชั้นที่เก้า ก็จะมีคนเกือบสองล้านคนซึ่งต้องชวนคนอื่นอีกมากกว่าเก้าล้านคน! ผู้ก่อตั้งแผนแบบพีระมิดรู้ดีว่าจะมีจุดอิ่มตัว. เมื่อพวกเขาคาดว่าจวนจะถึงจุดอิ่มตัวแล้ว พวกเขาก็เชิดเงินหนีไป. คุณคงจะเสียเงินของคุณ และตอนนี้คนที่คุณชักชวนมาก็
จะพยายามทวงเงินคืนจากคุณ. จำไว้ว่า เพื่อคุณจะได้เงินในแผนแบบพีระมิด คนอื่นก็ต้องเสียเงิน.มีใครเสนอวิธีหาเงินง่าย ๆ หรือเสนอผลกำไรมหาศาลให้คุณสำหรับการลงทุนอย่างใดอย่างหนึ่งไหม? คำเตือนคือ ถ้าข้อเสนอดูเหมือนดีเกินกว่าจะเป็นจริงได้ มันก็มักจะเป็นอย่างนั้น. อย่าด่วนเชื่อคำโฆษณาและคำรับรองต่าง ๆ โดยคิดว่า “นี่มันไม่เหมือนกัน.” จำไว้ว่าผู้คนไม่ได้ทำธุรกิจเพื่อแจกเงินหรือเพื่อบอกเคล็ดลับที่จะทำให้คุณรวย. ถ้าใครอ้างว่าเขามีเคล็ดลับพิเศษที่จะทำให้คุณเป็นเศรษฐีได้ ให้ถามตัวเองว่า ‘ทำไมเขาไม่ทำเพื่อจะได้เป็นเศรษฐีเสียเอง? ทำไมเขาจึงเสียเวลามาพยายามขายให้ฉัน?’
จะว่าอย่างไรถ้าคุณได้รับแจ้งว่าคุณชนะการแข่งขันหรือได้รับรางวัล? อย่าเพิ่งตื่นเต้น นั่นอาจเป็นแผนการโกงซึ่งทำให้หลายคนเสียเงินมาแล้ว. ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงคนหนึ่งในประเทศอังกฤษได้รับจดหมายจากประเทศแคนาดาบอกว่าเธอได้รับรางวัล แต่เธอต้องส่งเงินไป 25 ดอลลาร์เป็นค่าดำเนินการ. หลังจากส่งเงินไป เธอได้รับโทรศัพท์จากแคนาดาบอกว่า เธอได้รับรางวัลที่สามในการจับฉลากซึ่งมีมูลค่าถึง 245,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 9,800,000 บาท) แต่เธอต้องจ่ายค่าดำเนินการจำนวนหนึ่ง. เธอส่งเงินไป 2,450 ดอลลาร์ (ประมาณ 98,000 บาท) และไม่ได้รับอะไรกลับมาเลย. ถ้าคุณต้องจ่ายเงินเพื่อจะได้รางวัลหรือ “ของขวัญฟรี” นั่นคือแผนฉ้อฉล. จงถามตัวเองว่า ‘จะเป็นไปได้อย่างไรที่ฉันได้รับรางวัลในการแข่งขันที่ฉันไม่ได้เข้าร่วม?’
ทำธุรกิจกับผู้ที่มีชื่อเสียงดีเท่านั้น
คุณเชื่อไหมว่าคุณสามารถมองออกว่าใครเป็นคนไม่ซื่อ? จงระวัง! นักต้มตุ๋นรู้วิธีที่จะทำให้คนอื่นไว้ใจ. พวกเขาเชี่ยวชาญในการทำให้เหยื่อไว้วางใจพวกเขา. นักขายทั้งที่ซื่อสัตย์และไม่ซื่อสัตย์รู้ว่าก่อนที่จะขายสินค้าได้ เขาต้องทำให้ตัวเองเป็นที่เชื่อถือเสียก่อน. แน่นอน นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ควรไว้ใจใครเลย แต่การสงสัยบ้างก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันคุณไม่ให้ถูกฉ้อโกง. แทนที่จะพยายามสังเกตดูความซื่อสัตย์ของบุคคลผู้นั้นโดยไว้ใจสัญชาตญาณของคุณเอง จงดูเครื่องบ่งชี้สองอย่างที่เป็นลักษณะเด่นของการฉ้อโกงในหลายกรณี ประการแรก ข้อเสนอนั้นดูเหมือนดีเกินกว่าจะเป็นไปได้ไหม? และประการที่สอง ผู้เสนอพยายามจะให้คุณรีบตัดสินใจไหม?
ข้อเสนอที่ดีเกินกว่าจะเป็นไปได้มีอยู่มากมายในอินเทอร์เน็ต. แม้ว่าอินเทอร์เน็ตจะเสนอสิ่งที่มีประโยชน์หลายอย่าง แต่มันก็เป็นช่องทางให้อาชญากรสามารถฉ้อโกงเหยื่อได้อย่างรวดเร็วและไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ทำ. คุณมีบัญชีอีเมลไหม? ถ้ามี คุณอาจพบว่าตัวเองได้รับไปรษณีย์ขยะมากมาย ซึ่งเป็นโฆษณาทางอินเทอร์เน็ตที่คุณไม่ได้ขอ. แม้ว่าไปรษณีย์ขยะเสนอขายสินค้าและการบริการอย่างไม่รู้จักจบสิ้น แต่หลายเรื่องก็เป็นการหลอกลวง. ถ้าคุณตอบอีเมลที่ไม่ได้ขอโดยส่งเงินไปซื้อสินค้าหรือการบริการบางอย่าง คุณคงจะไม่ได้รับอะไรกลับมาเลย. ถ้าคุณได้รับอะไรบางอย่าง แน่นอนว่า สิ่งนั้นก็คงไม่คุ้มค่ากับเงินที่คุณลงทุนไป. คำแนะนำที่ดีที่สุดคือ อย่าซื้ออะไรจากคนที่ส่งไปรษณีย์ขยะ.
หลักการนี้ใช้ได้กับคนที่โทรศัพท์มาหาคุณเพื่อขายอะไรบางอย่างด้วย. แม้ว่าการขายสินค้าทางโทรศัพท์หลายครั้งทำโดยบริษัทที่ถูกกฎหมาย แต่แผนฉ้อฉลเพื่อขายสินค้าทางโทรศัพท์ก็โกงเงินของผู้คนไปนับหมื่นล้านบาททุกปี. ไม่มีทางจะรู้ได้ว่าการพูดโน้มน้าวเพื่อขายสินค้านั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ถ้าคุณเพียงแต่พูดกับคนนั้นทางโทรศัพท์. นักต้มตุ๋นอาจถึงกับอ้างว่าเป็นตัวแทนของธนาคารหรือบริษัทคุ้มครองบัตรเครดิต. คุณมีเหตุผลสมควรที่จะสงสัย ถ้าคนที่โทรศัพท์มาหาคุณอ้างตัวว่ามาจากธนาคารหรือบริษัทที่คุณมีบัญชีอยู่นั้นและมาขอข้อมูลที่เขาน่าจะมีอยู่แล้ว. ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ คุณอาจขอหมายเลขโทรศัพท์ของคนนั้น. จากนั้นค่อยโทรศัพท์กลับไปหลังจากตรวจสอบแล้วว่าหมายเลขนั้นเป็นของธนาคารหรือหน่วยงานนั้นจริง ๆ.
ทางที่ดีคือ อย่าบอกหมายเลขบัตรเครดิตของคุณหรือข้อมูลส่วนตัวใด ๆ แก่คนแปลกหน้าที่โทรศัพท์มาหาคุณ. ถ้ามีใครโทรศัพท์มาขายสินค้าที่คุณไม่ต้องการ คุณอาจบอกเขาอย่างสุภาพว่า “ขอโทษนะครับ ผมไม่ติดต่อธุรกิจทางโทรศัพท์กับคนที่ผมไม่รู้จัก.” แล้ววางหูโทรศัพท์. ไม่มีเหตุผลที่คุณจะพูดคุยกับคนแปลกหน้าซึ่งอาจพยายามจะหลอกต้มคุณ.
จงทำธุรกิจกับบริษัทและคนที่มีชื่อเสียงดีเท่านั้น. มีบริษัทถูกกฎหมายมากมายที่คุณจะทำธุรกิจได้อย่างปลอดภัยผ่านทางโทรศัพท์หรือทางอินเทอร์เน็ต. ถ้าเป็นไปได้ จงตรวจสอบตัวพนักงานขาย, บริษัท, และการลงทุนนั้นผ่านทางหน่วยงานอิสระบางแห่ง. จงขอข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนนั้น และอ่านให้ละเอียดเพื่อจะแน่ใจว่าการลงทุนนั้นถูกต้อง. อย่ายอมให้เขาเร่งเร้าหรือกดดันคุณให้รีบตัดสินใจ.
เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร
ไม่ใช่การฉ้อโกงทุกอย่างเป็นการฉ้อโกงตั้งแต่เริ่มต้น. ธุรกิจที่ซื่อสัตย์อาจล้มเหลว. เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ คนที่ดำเนินกิจการอาจตกใจและหันไปใช้วิธีฉ้อโกงเพื่อหาเงินคืน. ไม่ต้องสงสัย คุณคงเคยได้ยินเกี่ยวกับผู้บริหารที่โกหก
เรื่องรายรับและผลกำไร แล้วเมื่อธุรกิจล้มก็เชิดเงินที่เหลือหนีไป.เพื่อป้องกันตัวไม่ให้ถูกฉ้อโกงและเกิดการเข้าใจผิด คุณควรขอรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนที่จะทำการลงทุนครั้งใหญ่ทุกครั้ง. ในสัญญาใด ๆ ก็ตามที่คุณเซ็น ควรมีข้อตกลงเรื่องการลงทุนและคำสัญญาทุกข้อเป็นลายลักษณ์อักษร. จงยอมรับด้วยว่า ไม่ว่าการลงทุนนั้นจะดูมั่นคงสักเพียงไร ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าทุกสิ่งจะดำเนินไปตามแผนที่วางไว้. (ท่านผู้ประกาศ 9:11) ที่จริง ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่มีความเสี่ยงเลย. ด้วยเหตุนี้ สัญญาควรระบุเป็นลายลักษณ์อักษรว่าแต่ละคนพึงรับผิดชอบอะไรบ้างหากธุรกิจนั้นล้ม.
หากคุณสำนึกถึงเรื่องนี้และใช้หลักการง่าย ๆ ที่เราได้พิจารณามาคร่าว ๆ โอกาสที่คุณจะตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกงจะมีน้อยลง. สุภาษิตโบราณในคัมภีร์ไบเบิลให้คำแนะนำที่มีค่ามาก. ข้อนั้นกล่าวว่า “คนโง่เชื่อคำบอกเล่าทุกคำ; แต่คนฉลาดย่อมมองดูทางเดินของเขาด้วยความระวัง.” (สุภาษิต 14:15) นักฉ้อโกงมักจะเลือกคนที่หลอกง่าย หรือคนที่มักเชื่อคำพูดทุกคำ. น่าเศร้า มีหลายคนที่ไม่ป้องกันตัวจากการถูกฉ้อโกง.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 9 แผนแบบพีระมิดได้รับการนิยามว่า “แผนการตลาดแบบหลายระดับชั้นซึ่งผู้คนจะจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อมีโอกาสชักชวนคนอื่นให้มาทำอย่างเดียวกัน.” แผนการตลาดแบบนี้มักจะไม่มีการขายสินค้าใด ๆ.
[คำโปรยหน้า 7]
ถ้าข้อเสนอดูเหมือนดีเกินกว่าจะเป็นจริงได้ มันก็มักจะเป็นอย่างนั้น
[กรอบ/ภาพหน้า 6]
คำแนะนำสำหรับผู้ที่ถูกฉ้อโกง
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ถูกฉ้อโกงมักจะเต็มไปด้วยความรู้สึกอับอาย, ความรู้สึกผิด, ความขายหน้า, และโมโหตัวเอง. อย่าโทษตัวเอง. คุณเป็นเหยื่อ; ความผิดอยู่กับผู้ที่หลอกต้มคุณ. ถ้าคุณพลาดไป ก็จงยอมรับกับตัวเอง แล้วให้มันผ่านเลยไป. อย่าสรุปว่าตัวเองเป็นคนโง่. จำไว้ว่านักต้มตุ๋นเคยหลอกคนที่ฉลาดมากมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้นำประเทศ, ผู้จัดการธนาคาร, ผู้บริหาร, ผู้จัดการบริษัทเงินทุน, ทนายความ, และคนอื่น ๆ.
ผู้ที่ถูกฉ้อโกงไม่เพียงถูกปล้นเอาเงินหรือทรัพย์สมบัติไปเท่านั้น แต่ยังถูกปล้นความมั่นใจในตัวเองและความนับถือตัวเองอีกด้วย. เมื่อถูก “เพื่อน” หลอก นั่นก็เป็นการทรยศต่อความไว้วางใจ. การถูกต้มตุ๋นเป็นสิ่งที่เจ็บปวดมาก. ควรให้เวลาตัวเองสำหรับความเศร้าเสียใจ. บ่อยครั้งเป็นประโยชน์ที่จะพูดเรื่องนี้กับคนที่สามารถเผยความในใจได้. การอธิษฐานก็สามารถให้การปลอบโยนมากเช่นกัน. (ฟิลิปปอย 4:6-8) แต่จงตระหนักว่า เมื่อถึงเวลา คุณต้องเลิกใส่ใจกับเรื่องนั้น. คุณจะทำให้ความทุกข์ยืดเยื้อออกไปทำไม? จงตั้งเป้าในแง่บวกและพยายามบรรลุเป้าหมายนั้น.
จงระวังแผนฉ้อฉลเรื่องการเอาเงินคืน. นักต้มตุ๋นจะโทรศัพท์มาหาคนที่เพิ่งถูกหลอกเพื่อเสนอที่จะช่วยเอาเงินคืนให้. พวกเขาต้องการจะหลอกต้มคนนั้นอีก.
[กรอบ/ภาพหน้า 8, 9]
แผนฉ้อฉลทางไปรษณีย์ขยะแผนฉ้อฉลทางอีเมลหกประเภทที่แพร่หลายที่สุด
1. แผนแบบพีระมิด: แผนฉ้อฉลเหล่านี้มักมาในรูปของโอกาสที่จะทำให้ได้เงินจำนวนมากโดยแทบไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไร. แผนแบบหนึ่งเสนอว่าจะให้คอมพิวเตอร์หรือเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ถ้าคุณจ่ายเงินเพื่อสมัครเข้าชมรมแล้วชักชวนคนอื่นมาร่วมด้วย. แผนอีกแบบหนึ่งคือจดหมายลูกโซ่. จดหมายลูกโซ่เป็นการผิดกฎหมายเกือบทุกกรณี. คนที่ลงทุนกับจดหมายลูกโซ่ส่วนใหญ่จะสูญเสียเงินของตน.
2. แผนการทำธุรกิจที่บ้าน: แผนฉ้อฉลแบบหนึ่งก็คือ มีการเสนอโอกาสให้คุณประกอบสิ่งของต่าง ๆ อย่างเช่น เครื่องประดับ, ของเล่น, หรือชุดงานฝีมือ. คุณลงทุนค่าวัสดุและใช้เวลาในการประกอบสินค้านั้น เพียงเพื่อจะพบว่าผู้ดำเนินแผนนี้ไม่รับซื้อผลงานของคุณเพราะคุณภาพไม่ได้มาตรฐานของพวกเขา.
3. แผนฉ้อฉลเรื่องสุขภาพและการลดน้ำหนัก: มีการเสนอขายสิ่งต่าง ๆ มากมายทางอินเทอร์เน็ต อย่างเช่น ยาที่ช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้โดยไม่ต้องออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร, ยารักษาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ, และครีมป้องกันผมร่วง. ข้อเสนอเหล่านี้บางครั้งมาพร้อมกับคำรับรองของลูกค้าที่รู้สึกพึงพอใจ. คำพูดที่มีให้เห็นบ่อย ๆ ในโฆษณาเหล่านี้ก็มีอย่างเช่น “ความก้าวหน้าครั้งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์,” “ยาวิเศษ,” “สูตรลับ,” และ “ตำรับโบราณ.” ความจริงก็คือ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้ไม่ได้ผล.
4. โอกาสในการลงทุน: โดยทั่วไปแล้วแผนเหล่านี้มักเสนอผลตอบแทนในอัตราสูงโดยมีความเสี่ยงน้อยหรือไม่มีเลย. แผนการที่มีแพร่หลายคือการลงทุนในธนาคารต่างประเทศ. นักลงทุนถูกล่อโดยคำรับรองที่ว่าคนที่ดูแลเงินของตนมีข้อมูลวงในและรู้จักเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการเงิน.
5. การแก้ไขเครดิต: แผนฉ้อฉลเหล่านี้เสนอจะลบข้อมูลที่ไม่ดีออกจากแฟ้มข้อมูลบัญชีสินเชื่อของคุณเพื่อคุณจะสามารถทำบัตรเครดิต, กู้เงินซื้อรถยนต์, หรือสมัครงานได้. แม้ว่าจะรับรองอย่างไร ผู้ดำเนินการก็ไม่สามารถทำสิ่งที่เขาสัญญาได้.
6. การส่งเสริมรางวัลพักร้อน: คุณได้รับอีเมลแสดงความยินดีว่า คุณได้รับรางวัลโดยมีโอกาสไปพักร้อนในราคาต่ำสุดพิเศษ. บางรายบอกว่า คุณเป็นผู้ที่ถูกเลือกเป็นพิเศษ. จงจำไว้ว่า ข้อความเดียวกันอาจถูกส่งไปถึงคนอื่น ๆ อีกหลายล้านคน และการบริการที่จัดไว้รับรองคุณก็จะน้อยกว่าที่โฆษณาไว้มากนัก.
[รูปภาพ]
ที่มา: คณะกรรมการพาณิชย์แห่งรัฐบาลกลางสหรัฐ
[ภาพหน้า 7]
แผนแบบพีระมิดจะล้มเสมอ
[ภาพหน้า 9]
ในสัญญาใด ๆ ก็ตามที่คุณเซ็น ควรมีข้อตกลงเรื่องการลงทุนและคำสัญญาทุกข้อเป็น ลายลักษณ์อักษร