ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

“พระยะโฮวาพระองค์ทรงพบหนูแล้ว!”

“พระยะโฮวาพระองค์ทรงพบหนูแล้ว!”

“พระ​ยะโฮวา​พระองค์​ทรง​พบ​หนู​แล้ว!”

เล่า​โดย​เนลลี เลนซ์

“พวก​คุณ​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใช่​ไหม?” ดิฉัน​ถาม​ชาย​สอง​คน​ซึ่ง​มา​ที่​บ้าน​ของ​เรา. พวก​เขา​ตอบ​ว่า “ใช่​ครับ.” ดิฉัน​จึง​ร้อง​ออก​มา​ว่า “หนู​ก็​เหมือน​กัน!” ตอน​นั้น ดิฉัน​อายุ​แค่ 13 ปี​และ​ไม่​ได้​ไป​ประชุม. คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​ของ​ดิฉัน​ไม่​ได้​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ถ้า​อย่าง​นั้น ทำไม​ดิฉัน​จึง​บอก​ว่า​ตัว​เอง​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ล่ะ?

หาก​ไม่​ใช่​เพราะ​พยาน​พระ​ยะโฮวา ดิฉัน​คง​จะ​ไม่​ได้​เกิด​มา. คุณ​แม่​ตั้ง​ท้อง​ดิฉัน​ขณะ​ที่​ท่าน​อยู่​ที่​มอนทรีออล รัฐ​ควิเบก ประเทศ​แคนาดา. ท่าน​อายุ​แค่ 17 ปี. ครอบครัว​ของ​ท่าน​พยายาม​กดดัน​ท่าน​อย่าง​หนัก​ให้​ทำ​แท้ง. ท่าน​ก็​ยินยอม.

คุณ​แม่​ขอ​ลา​งาน​หนึ่ง​วัน​เพื่อ​ไป​ทำ​แท้ง. ดู​เหมือน​ว่า นาย​จ้าง​ของ​ท่าน ซึ่ง​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา ทราบ​ว่า​ทำไม​คุณ​แม่​ต้องการ​ลา​งาน. เธอ​บอก​คุณ​แม่​สั้น ๆ ว่า​ของ​ประทาน​แห่ง​ชีวิต​นั้น​มี​ค่า​สัก​เพียง​ไร. (บทเพลง​สรรเสริญ 139:13-16) ระหว่าง​ทาง​ไป​คลินิก คุณ​แม่​ครุ่น​คิด​ถึง​สิ่ง​ที่​นาย​จ้าง​พูด​กับ​ท่าน. ท่าน​จึง​ตัดสิน​ใจ​ไม่​ทำ​แท้ง. หลัง​จาก​ที่​ดิฉัน​เกิด​มา​ใน​ปี 1964 คุณ​แม่​นำ​ดิฉัน​ไป​ฝาก​ไว้​ที่​สถาน​เลี้ยง​เด็ก​กำพร้า.

การ​พบ​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​ครั้ง​แรก

เมื่อ​ดิฉัน​อายุ​ประมาณ​สอง​ขวบ คุณ​แม่​กับ​สามี​ใหม่​ได้​รับ​ดิฉัน​ออก​จาก​สถาน​เลี้ยง​เด็ก​กำพร้า. ขณะ​อยู่​ใน​เมือง​แซงต์-มาร์กูรีต-ดู-ลาก-มาซง คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​และ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ประจำ​ประชาคม. แต่​ไม่​นาน เรา​ก็​ย้าย​ไป​อยู่​เมือง​บัวบรียองด์ และ​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​ได้​เลิก​ศึกษา.

ไม่​กี่​ปี​ต่อ​มา ท่าน​ทั้ง​สอง​ได้​เริ่ม​ศึกษา​ใหม่. ดิฉัน​แอบ​ได้​ยิน​เรื่อง​ที่​พูด​ถึง​ความ​หวัง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​เกี่ยว​กับ​แผ่นดิน​โลก​ที่​เป็น​อุทยาน. (ลูกา 23:43) ดิฉัน​รู้สึก​รัก​พระ​ยะโฮวา​มาก.

แต่​วัน​หนึ่ง คุณ​แม่​บอก​ดิฉัน​ว่า​ท่าน​ทั้ง​สอง​ได้​เลิก​ศึกษา​กับ​พวก​พยาน​ฯ แล้ว และ​เรา​จะ​ไม่​ไป​หอ​ประชุม​อีก. ที​แรก ดิฉัน​รู้สึก​ดีใจ. สำหรับ​เด็ก​อายุ​แปด​ขวบ​แล้ว บาง​ครั้ง ดิฉัน​รู้สึก​ว่า​การ​ประชุม​ค่อนข้าง​นาน​ที​เดียว. แต่​ใน​เย็น​วัน​นั้น ดิฉัน​อยาก​อธิษฐาน​ถึง​พระ​ยะโฮวา และ​ดิฉัน​เกรง​ว่า​พระองค์​อาจ​จะ​ไม่​ฟัง​ดิฉัน.

ตอน​บ่าย​วัน​อาทิตย์​ถัด​ไป ดิฉัน​เห็น​เพื่อน​บ้าน​ของ​เรา​ซึ่ง​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​กำลัง​จะ​ไป​ประชุม. ดิฉัน​เริ่ม​ร้องไห้​แล้ว​ถาม​พระเจ้า​ว่า “ทำไม​เด็ก ๆ บ้าน​นั้น​ได้​ไป​ประชุม แต่​หนู​ไม่​ได้​ไป?” ถึง​กระนั้น ถ้อย​คำ​ใน​บทเพลง​สรรเสริญ 33:18 จะ​เป็น​จริง​ที่​ว่า “จง​ดู​เถิด, พระ​เนตร​ของ​พระ​ยะโฮวา​ทอด​ดู​อยู่​บน​คน​ทั้ง​ปวง​ที่​เกรง​กลัว​พระองค์, และ​ผู้​ที่​คอย​ท่า​ใน​พระ​กรุณา​ของ​พระองค์.”

กลับ​ไป​หอ​ประชุม​อีก

หลัง​จาก​นั้น​สาม​สัปดาห์ ดิฉัน​ไป​หา​เพื่อน​บ้าน​และ​บอก​ลิเลียน​ซึ่ง​เป็น​คุณ​แม่​ของ​เด็ก ๆ ใน​บ้าน​นั้น​ว่า ดิฉัน​อยาก​ไป​ร่วม​ประชุม. ลิเลียน​อธิบาย​ว่า​คง​เป็น​ไป​ไม่​ได้ เพราะ​คุณ​แม่​ของ​ดิฉัน​ไม่​อยาก​ยุ่ง​เกี่ยว​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. แต่​ยัง​ไง ๆ ดิฉัน​ก็​จะ​ไป​ให้​ได้. ดัง​นั้น เธอ​จึง​พา​ดิฉัน​กลับ​บ้าน​แล้ว​ถาม​คุณ​แม่​ว่า​จะ​พา​ดิฉัน​ไป​ประชุม​กับ​พวก​เขา​ได้​ไหม. ดิฉัน​รู้สึก​แปลก​ใจ​ที่​คุณ​แม่​อนุญาต. ท่าน​บอก​ว่า​การ​ประชุม​จะ​สอน​ดิฉัน​ให้​รู้​หลักการ​ที่​ดี. ด้วย​เหตุ​นี้ ดิฉัน​จึง​ได้​ไป​ประชุม​ทุก​วัน​อาทิตย์.

เป็น​เวลา​ประมาณ​สาม​ปี​ที่​ดิฉัน​ได้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ประจำ​ประชาคม. แต่​พอ​ดิฉัน​อายุ 11 ขวบ คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​ได้​หย่าร้าง​กัน และ​คุณ​แม่​กับ​ดิฉัน​จึง​ย้าย​ออก​ไป. ดิฉัน​ขาด​การ​ติด​ต่อ​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​อีก​ครั้ง​หนึ่ง.

การ​พบ​กัน​โดย​ไม่​คาด​คิด

วัน​หนึ่ง ขณะ​ที่​ดิฉัน​กำลัง​นั่ง​อยู่​บน​บันได​หน้า​บ้าน พยาน​ฯ สอง​คน คือ​เอดดี เบซง กับ​ดอน ฟิเชอร์ เดิน​เข้า​มา​และ​ถาม​ว่า​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​อยู่​บ้าน​ไหม. เมื่อ​ดิฉัน​ตอบ​ว่า​ไม่​อยู่ ชาย​ทั้ง​สอง​ก็​หัน​หลัง​เดิน​กลับ​ไป. แต่​ดิฉัน​วิ่ง​ตาม​พวก​เขา แล้ว​เรา​ก็​ได้​สนทนา​กัน​ดัง​ที่​กล่าว​ใน​ตอน​ต้น.

เป็น​ที่​เข้าใจ​ได้​ว่า ชาย​ทั้ง​สอง​รู้สึก​แปลก​ใจ​ที่​ได้​ยิน​ดิฉัน​เรียก​ตัว​เอง​ว่า​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ดิฉัน​เล่า​เรื่อง​สภาพการณ์​ของ​ตัว​เอง​และ​ขอ​ให้​พวก​เขา​กลับ​มา​ใน​เย็น​วัน​นั้น. เมื่อ​ดิฉัน​บอก​คุณ​แม่​ว่า​พวก​พยาน​ฯ จะ​กลับ​มา​เยี่ยม​พวก​เรา ท่าน​ไม่​พอ​ใจ​มาก​และ​บอก​ว่า​จะ​ไม่​ยอม​ให้​พวก​เขา​เข้า​บ้าน. ที่​จริง ท่าน​วาง​แผน​ว่า​จะ​ออก​จาก​บ้าน​ก่อน​ที่​พวก​เขา​จะ​มา​ถึง. ดิฉัน​ร้องไห้​ด้วย​น้ำตา​นอง​หน้า​เพื่อ​ขอ​ให้​คุณ​แม่​อยู่. เมื่อ​ท่าน​กำลัง​จะ​ออก​จาก​บ้าน เสียง​ออด​ที่​ประตู​ก็​ดัง​ขึ้น เอดดี เบซง มา​ถึง​พอ​ดี. ลอง​นึก​ดู​สิ​ว่า​ดิฉัน​จะ​ยินดี​สัก​เพียง​ไร​เมื่อ​คุณ​แม่​ตอบรับ​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล!

ใน​ที่​สุด ดิฉัน​ได้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ประจำ​ประชาคม​อีก​ครั้ง! แต่​หลัง​จาก​นั้น​ไม่​ถึง​หนึ่ง​ปี คุณ​แม่​ก็​เลิก​ศึกษา​อีก. คราว​นี้ ท่าน​ห้าม​ดิฉัน​ติด​ต่อ​กับ​พวก​พยาน​ฯ โดย​เด็ดขาด แล้ว​ก็​ทิ้ง​หนังสือ​ทุก​เล่ม​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​ท่าน​หา​เจอ. แต่​ดิฉัน​ได้​ซ่อน​คัมภีร์​ไบเบิล, หนังสือ​เพลง, วารสาร​หอสังเกตการณ์ ที่​เย็บ​เล่ม​แล้ว​สอง​เล่ม, หนังสือ​ประจำ​ปี​แห่ง​พยาน​พระ​ยะโฮวา สอง​เล่ม, และ​หนังสือ​ที่​มี​ชื่อ​ว่า​ความ​จริง​ซึ่ง​นำ​ไป​สู่​ชีวิต​ถาวร. * ใน​การ​ศึกษา​ครั้ง​สุด​ท้าย ดิฉัน​ถาม​เอดดี เบซง ว่า​ดิฉัน​จะ​ทำ​อย่าง​ไร​ดี​เนื่อง​จาก​ดิฉัน​รัก​พระ​ยะโฮวา​มาก. เขา​สนับสนุน​ดิฉัน​ให้​ศึกษา​ด้วย​ตัว​เอง​และ​อธิษฐาน​บ่อย ๆ. เขา​รับรอง​กับ​ดิฉัน​ว่า​พระ​ยะโฮวา​จะ​ดู​แล​ดิฉัน. ขณะ​นั้น ดิฉัน​อายุ​แค่​ราว ๆ 14 ปี.

จัด “การ​ประชุม” ของ​ดิฉัน​เอง

นับ​แต่​นั้น​มา เมื่อ​ถึง​วัน​อาทิตย์​ดิฉัน​จะ​เข้า​ไป​อยู่​ใน​ห้อง​ของ​ดิฉัน​และ​สมมุติ​ว่า​ดิฉัน​อยู่​ที่​การ​ประชุม. ดิฉัน​จะ​ร้อง​เพลง “จง​จด​จ้อง​อยู่​ที่​รางวัล!” ใน​ตอน​เริ่ม​ต้น​และ​ตอน​ท้าย​ของ​การ​ประชุม เพราะ​นั่น​เป็น​เพลง​ราชอาณาจักร​เพลง​เดียว​ที่​ดิฉัน​จำ​ได้. จน​ถึง​ตอน​นี้ ดิฉัน​จะ​น้ำตา​คลอ​ทุก​ครั้ง​ที่​ร้อง​เพลง​นี้. ดิฉัน​ยัง​ศึกษา​บทความ​ใน​วารสาร​หอสังเกตการณ์ เย็บ​เล่ม​ที่​มี​อยู่​ด้วย. ดิฉัน​ปิด “การ​ประชุม” ด้วย​การ​อธิษฐาน. ดัง​นั้น ถึง​แม้​ว่า​ดิฉัน​ไม่​ได้​คบหา​กับ​พวก​พยาน​ฯ อีก แต่​ดิฉัน​รู้สึก​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​อยู่​ใกล้​ดิฉัน.

เมื่อ​ดิฉัน​อายุ 17 ปี คุณ​แม่​กับ​ดิฉัน​ย้าย​ไป​อยู่​ที่​มอนทรีออล. มี​ปัญหา​ยุ่งยาก​ใน​ช่วง​หลาย​ปี​นี้ เพราะ​บ้าน​ของ​เรา​เป็น​บ้าน​ที่​ไร้​ความ​รัก.

พบ​แล้ว!

วัน​หนึ่ง คุณ​แม่​ได้​รับ​หนังสือ​ท่าน​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​ได้​ตลอด​ไป​ใน​อุทยาน​บน​แผ่นดิน​โลก จาก​พยาน​พระ​ยะโฮวา. เมื่อ​ดิฉัน​กลับ​ถึง​บ้าน ดิฉัน​เห็น​หนังสือ​นี้​บน​โต๊ะ​และ​เริ่ม​เปิด​ดู. เมื่อ​เห็น​ว่า​หนังสือ​นี้​ใช้​พระ​นาม​ของ​พระเจ้า ยะโฮวา ดิฉัน​เริ่ม​ร้องไห้​แล้ว​อธิษฐาน​ใน​ใจ​ว่า “พระ​ยะโฮวา พระองค์​ทรง​พบ​หนู​แล้ว!”

ดิฉัน​ต้องการ​ติด​ต่อ​กับ​พี่​น้อง​คริสเตียน. แต่​จะ​ทำ​เช่น​นั้น​ได้​อย่าง​ไร? คุณ​แม่​บอก​ดิฉัน​ว่า​เพื่อน​บ้าน​อาจ​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ก็​ได้. ดัง​นั้น ระหว่าง​ทาง​ไป​ทำ​งาน ดิฉัน​แวะ​หา​เพื่อน​บ้าน​แล้ว​กด​ออด​เรียก​เขา. ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​งัวเงีย​อยู่​ได้​มา​เปิด​ประตู. เขา​รู้สึก​แปลก​ใจ​มาก​เมื่อ​ดิฉัน​บอก​ว่า ดิฉัน​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​และ​ต้องการ​จะ​รับ​บัพติสมา! เขา​ให้​พี่​น้อง​หญิง​ที่​ชื่อ​โยเซ มีรง มา​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​ดิฉัน. แต่​แล้ว​คุณ​แม่​เริ่ม​ต่อ​ต้าน​ไม่​ให้​ดิฉัน​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​อีก. ท่าน​บอก​ว่า​ดิฉัน​ต้อง​รอ​จน​กว่า​จะ​อายุ 18 ปี​จึง​จะ​เป็น​พยาน​ฯ ได้.

ชีวิต​ครอบครัว​สำคัญ​มาก​ขนาด​นั้น​หรือ?

นาย​จ้าง​ของ​ดิฉัน​สังเกต​ว่า​สภาพการณ์​ที่​บ้าน​ของ​ดิฉัน​กำลัง​แย่​ลง. เขา​มัก​จะ​ชวน​ดิฉัน​ไป​เที่ยว​กับ​เขา​และ​ภรรยา​ใน​ตอน​สุด​สัปดาห์. เนื่อง​จาก​ดิฉัน​ชอบ​ม้า เรา​มัก​จะ​ไป​ขี่​ม้า​ด้วย​กัน. ดิฉัน​รู้สึก​ว่า​พวก​เขา​เป็น​เหมือน​พ่อ​แม่​ของ​ดิฉัน.

วัน​หนึ่ง นาย​จ้าง​บอก​ดิฉัน​ว่า​เขา​กับ​ภรรยา​รัก​ดิฉัน​มาก และ​ทั้ง​สอง​ต้องการ​ให้​ดิฉัน​มา​อยู่​ด้วย. เขา​กำลัง​หยิบ​ยื่น​สิ่ง​ที่​ดิฉัน​ต้องการ​เสมอ​มา นั่น​คือ​ครอบครัว​ที่​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก. แต่​มี​เงื่อนไข​อย่าง​หนึ่ง​คือ ดิฉัน​ต้อง​เลิก​คบหา​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. เขา​ทั้ง​สอง​ให้​เวลา​ดิฉัน​หนึ่ง​สัปดาห์​เพื่อ​คิด​เกี่ยว​กับ​ข้อ​เสนอ​นี้ แต่​ดิฉัน​ไม่​จำเป็น​ต้อง​ใช้​เวลา​คิด​แม้​แต่​วัน​เดียว. ดิฉัน​ตอบ​เขา​ทั้ง​สอง​ได้​ใน​ทันที. พระ​ยะโฮวา​ไม่​เคย​ละ​ทิ้ง​ดิฉัน และ​ดิฉัน​จะ​ไม่​ละ​ทิ้ง​พระองค์.

งาน​รับใช้​พระเจ้า

เนื่อง​จาก​มี​ปัญหา​ที่​บ้าน ดิฉัน​จึง​ย้าย​ไป​อยู่​กับ​พ่อ​เลี้ยง. ท่าน​สนับสนุน​ดิฉัน​ให้​ศึกษา​ต่อ และ​ใน​วัน​ที่ 17 ธันวาคม 1983 ตอน​ที่​อายุ 19 ปี ดิฉัน​ได้​รับ​บัพติสมา. ดิฉัน​มี​ความ​สุข​มาก​ที่​ได้​เห็น​เอดดี เบซง ใน​วัน​ที่​ดิฉัน​รับ​บัพติสมา. ตอน​นี้ เขา​คง​ไม่​สงสัย​แล้ว​ว่า​ดิฉัน​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​หรือ​ไม่!

อย่าง​ไร​ก็​ตาม พ่อ​เลี้ยง​มี​ท่าที​เปลี่ยน​ไป​หลัง​จาก​ที่​ดิฉัน​รับ​บัพติสมา. เมื่อ​ไร​ก็​ตาม​ที่​ท่าน​เห็น​ดิฉัน​กำลัง​อธิษฐาน ท่าน​จะ​พูด​เสียง​ดัง​มาก​และ​ถึง​กับ​ขว้าง​ปา​ข้าวของ​ใส่​ดิฉัน! นอก​จาก​นี้ ท่าน​ยัง​ยืนกราน​ให้​ดิฉัน​เรียน​หนังสือ​ต่อ ซึ่ง​เป็น​การ​ขัด​ขวาง​เป้าหมาย​ของ​ดิฉัน​ที่​จะ​เป็น​ไพโอเนียร์​ผู้​เผยแพร่​เต็ม​เวลา. ใน​ที่​สุด ท่าน​ขอ​ให้​ดิฉัน​ออก​จาก​บ้าน. ท่าน​ให้​เช็ค​ดิฉัน 100 ดอลลาร์ (4,000 บาท) แล้ว​บอก​ว่า เมื่อ​ไร​ที่​ดิฉัน​เอา​เช็ค​ไป​ขึ้น​เงิน ดิฉัน​จะ​รู้​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ไม่​ได้​ดู​แล​ดิฉัน​เลย.

ดิฉัน​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​วัน​ที่ 1 กันยายน 1986 และ​ดิฉัน​ยัง​เก็บ​เช็ค​ใบ​นั้น​ไว้—ซึ่ง​ยัง​ไม่​ได้​ขึ้น​เงิน—จน​ถึง​เดี๋ยว​นี้! บาง​ครั้ง นับ​ว่า​ยาก​ที่​จะ​เป็น​ไพโอเนียร์​ใน​เขต​ชนบท​โดย​ไม่​มี​รถยนต์​ใช้. แต่​สมาชิก​ใน​ประชาคม​ท้องถิ่น​ให้​การ​เกื้อ​หนุน​และ​คอย​ช่วยเหลือ​อย่าง​มาก.

ต่อ​มา ดิฉัน​ได้​พบ​กับ​ชาย​คริสเตียน​ที่​เป็น​คน​กรุณา​และ​อ่อนโยน เขา​ชื่อ​รูเบน เลนซ์. เรา​แต่งงาน​กัน​ใน​ปี 1989. ปัจจุบัน รูเบน​รับใช้​เป็น​ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม​ที่​เมือง​มิลตัน รัฐ​ออนแทรีโอ ประเทศ​แคนาดา ซึ่ง​เป็น​ที่​ที่​เรา​อาศัย​อยู่​ตั้ง​แต่​ปี 2002. ชีวิต​สมรส​ของ​เรา​เป็น​พระ​พร​อย่าง​หนึ่ง​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​ที่​สุด​ซึ่ง​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ประทาน​แก่​ดิฉัน. ดิฉัน​ยัง​อยู่​ใน​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา​ต่อ​ไป​จน​กระทั่ง​เรา​มี​ลูก​คน​แรก​ใน​ปี 1993 คือ​เอริกา. หลัง​จาก​นั้น​สาม​ปี​เศษ เรา​มี​ลูก​ชาย​ชื่อ​มิกะ. หลัง​จาก​ที่​ดิฉัน​อ้างว้าง​มา​นาน​หลาย​ปี พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ทรง​โปรด​ประทาน​ให้​ดิฉัน​มี​ครอบครัว​ที่​รัก​พระองค์​เหมือน​ที่​ดิฉัน​รัก.

แม้​ว่า​ดิฉัน​ขาด​การ​ติด​ต่อ​กับ​ประชาชน​ของ​พระ​ยะโฮวา​เป็น​ช่วง ๆ ขณะ​ที่​เติบโต​ขึ้น แต่​ดิฉัน​ไม่​เคย​สิ้น​หวัง​ใน​พระเจ้า​และ​ยัง​คง​ยึด​มั่น​กับ​ความ​หวัง​เรื่อง​ชีวิต​นิรันดร์​ใน​อุทยาน. (โยฮัน 3:36) ดิฉัน​รู้สึก​ขอบพระคุณ​จริง ๆ ที่​พระ​ยะโฮวา​ทรง “พบ” ดิฉัน!

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 17 จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

[ภาพ​หน้า 15]

กำลัง​ขี่​ม้า​ของ​นาย​จ้าง

[ภาพ​หน้า 15]

เนลลี เลนซ์ กับ​รูเบน​สามี และ​เอริกา​กับ​มิกะ ลูก ๆ ของ​เธอ