ตามที่จารึกนั้นฉันจะได้พบพ่อ
ตามที่จารึกนั้นฉันจะได้พบพ่อ
เล่าโดยโรซาเลีย ฟิลลิปส์
“คุณจะประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ความสามารถพิเศษของคุณจะพาคุณไปสู่ความสำเร็จ!” ขณะที่นั่งอยู่ข้างเปียโน วาทยกรประจำวงของเรากล่าวถ้อยคำเหล่านี้กับฉันเพียงเสี้ยวนาทีก่อนม่านเวทีเปิด. นักร้องอีกสี่คนในวงให้สัญญาณต้อนรับฉัน. ฉันอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีแดง ปักเลื่อมแพรวพรายเป็นนักร้องใหม่ล่าสุดในวง. ฉันประหม่าและตื่นเต้นมาก. ที่นี่ ณ โรงละครที่เด่นดังที่สุดโรงหนึ่งในกรุงเม็กซิโกซิตี ฉันปรากฏตัวครั้งแรกเพื่อก้าวเข้าสู่วงการธุรกิจบันเทิง! ตอนนั้นเป็นเดือนมีนาคม 1976 อีกเดือนเดียวฉันจะอายุครบ 18 ปี.
พ่อฉันเสียชีวิตไปเมื่อสามปีก่อนหน้านั้น และในความคิดจิตใจของฉันยังไม่วายระลึกถึงพ่อเสมอ. ผู้คนทั่วไปก็ยังจำท่านได้ดีเช่นกัน. ท่านเป็นคนที่ใคร ๆ ก็รักและนิยมชมชอบเนื่องจากท่านเป็นนักแสดงตลกชายอันดับต้น ๆ ของประเทศ โดยแสดงภาพยนตร์มากกว่า 120 เรื่องระหว่างช่วงที่รู้กันว่าเป็นยุคทองแห่งภาพยนตร์เม็กซิโก. ชื่อของพ่อ เคอร์มัน บัลเดส หรือ “ทิน-ทัน” มักปรากฏหราอยู่หน้าโรงละครทั่วอเมริกากลางและอเมริกาใต้ รวมทั้งสหรัฐและยุโรปในท้องถิ่นที่ผู้คนพูดภาษาสเปน. แม้แต่ทุกวันนี้ ทั้ง ๆ ที่พ่อเสียชีวิตไปนานกว่า 30 ปีแล้ว ก็ยังมีการนำภาพยนตร์ที่พ่อแสดงออกมาฉายซ้ำทางโทรทัศน์หลายต่อหลายครั้ง.
ตั้งแต่ฉันเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ บ้านของฉันมักเป็นที่พบปะชุมนุมกันของคนมีชื่อเสียง. แม่กับน้าสาวของฉันรวมตัวกันตั้งวงนักร้องประสานเสียงสามคนชื่อ ลัส เออร์มานีตัส คูเลียน (สามสาวคูเลียน). คูลีโอ คูเลียน น้องชายของแม่เป็นนักร้องโอเปร่าเสียงเทเนอร์ที่โด่งดังในยุโรป ส่วนกอนชีตา โดมิงเกซ ภรรยาชาวสเปนเป็นนักร้องเสียงโซปราโน. ยิ่งกว่านั้น น้องชายสองคนของพ่อคือ มานูเอล บัลเดส หรือ “โลโก” (คนบ้า) กับ รามอน บัลเดส หรือรู้จักกันดีว่า ดอน รามอน เป็นนักแสดงตลกทางโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียง.
โรงถ่ายทำภาพยนตร์, โรงละคร, และห้องอัดเสียงล้วนเป็นสถานที่ที่ฉันกับคาร์ลอสพี่ชายเห็นจนชินตา เนื่องจากพ่อพาพวกเราไปบ่อย ๆ เวลาที่ท่านไปทำงานและตระเวนแสดงละครในที่ต่าง ๆ นี่แหละเป็นวิธีที่พ่อทำให้ครอบครัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน. ช่างแตกต่างกันเสียจริง ๆ ระหว่างโลกมายาที่มีแต่ความไม่จริงใจกับบ้านของเราซึ่งความสามัคคีกลมเกลียวและความรักแผ่ซ่านไปทั่ว! ฉันจำได้ว่าพ่อ
เป็นคนมีใจเมตตา, เปี่ยมด้วยความรัก, กระปรี้กระเปร่า, และชื่นชมกับชีวิต. ท่านเป็นคนโอบอ้อมอารีอย่างยิ่ง บางครั้งเผื่อแผ่มากเกินควรด้วยซ้ำ. ท่านสอนฉันว่าความสุขไม่ได้อยู่ที่การมีทรัพย์สมบัติ แต่อยู่ที่การให้.การเปลี่ยนแปลงที่ก่อความเศร้าสลด
ใกล้สิ้นปี 1971 แม่บอกข่าวร้ายแก่ฉันและพี่ชายว่า พ่อได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคที่ไม่มีทางเยียวยาได้. เป็นเวลาปีครึ่งที่ฉันเฝ้ามองท่านทนทุกข์ทรมาน ขณะเมื่อท่านพยายามต่อสู้ฤทธิ์ยาที่ใช้ในการบำบัดรักษา.
ฉันยังจำวันนั้นได้เมื่อรถพยาบาลมาที่บ้าน และรับพ่อไป. ฉันรู้ว่าพ่อจะไม่ได้กลับมาอีก. ฉันไม่อาจบรรยายความปวดร้าวใจของฉันเป็นถ้อยคำได้. ฉันคิดว่าเมื่อพ่อเจ็บปวด ฉันก็ควรเจ็บปวดไปด้วย. ฉันจึงขยี้บุหรี่ที่ฝ่ามือแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น. พ่อเสียชีวิตเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 1973. ฉันเริ่มถามตัวเองว่า ‘ทำไมหนอคนดี ๆ อย่างพ่อซึ่งมีแต่หยิบยื่นความสุขให้คนอื่นจึงต้องจากเราไป? ตอนนี้พ่ออยู่ที่ไหน? พ่อจะได้ยินไหมถ้าฉันพูดกับพ่อ? ตอนนี้ชีวิตฉันจะมีความหมายอะไรเล่าในเมื่อขาดพ่อเสียแล้ว?’
อาชีพที่ไร้จุดหมาย
หลังจากใช้เวลาช่วงหนึ่งทำใจได้แล้ว ฉันก็เริ่มเรียนตกแต่งภายใน. แต่บางครั้ง ฉันค่อนข้างเป็นคนหัวรั้น จึงเลิกเรียนกลางคัน. ฉันกับแม่ตัดสินใจเข้าสังคมมากขึ้น. เราเข้าร่วมงานเลี้ยงที่หรูหราซึ่งคนในวงการบันเทิงจัดขึ้น. บ่อยครั้ง ก่อนงานเลี้ยงสิ้นสุดลง เจ้าภาพมักพูดว่า “โรซาเลีย กรุณาร้องเพลงให้เราฟังสักเพลง.” พวกเขาชอบน้ำเสียงและอารมณ์ความรู้สึกที่ฉันถ่ายทอดออกมาในเพลง เขาบอกว่าฉันสืบทอดความสามารถนี้จากพ่อแม่.
ณ งานสังสรรค์คราวหนึ่ง นักแต่งเพลงและวาทยกรประจำวงอาร์ทูโร คาสโตร แอนด์ ฮิส คาสโตร 76 ได้ฟังเพลงที่ฉันร้อง เขาจึงเชิญชวนให้มาร่วมงานด้วยกัน. ทีแรก ฉันไม่อยากเข้าวง. แม้ว่าฉันเป็นคนรักดนตรีและเล่นกีตาร์แต่งเพลงตั้งแต่อายุ 14 ปี ฉันก็ไม่อยากเป็นนักร้องอาชีพ. ทว่า แม่คะยั้นคะยอฉันและครอบครัวของเรามีความจำเป็นด้านการเงิน ด้วยเหตุนี้ ในที่สุดฉันจึงตอบตกลง. ทั้งนี้ทำให้ฉันเริ่มก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงดังกล่าวไว้ข้างต้น.
ตั้งแต่เริ่มอาชีพนี้ ฉันมีงานเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ. วงของเราตระเวนแสดงทั่วประเทศเม็กซิโก โดยเปิดแสดงคืนละสองรอบ. เราตระเวนแสดงในกัวเตมาลา, เวเนซุเอลา, นิวยอร์ก, และลาสเวกัส. ฉันอยู่กับวงนี้สองปี. แล้วมีการเสนอโอกาสให้ฉันแสดงภาพยนตร์. ฉันรับบทเป็นดาราสมทบสองเรื่องและดารานำหนึ่งเรื่อง ซึ่งทำให้ฉันได้รับรางวัลใหญ่สองรางวัล.
วันหนึ่ง บริษัทผลิตรายการโทรทัศน์อันดับหนึ่งของประเทศได้โทรศัพท์ติดต่อฉัน. พวกเขาเสนอให้ฉันเซ็นสัญญาผูกขาดเข้าเป็น “ดาราคนสำคัญ” ของบริษัท และตั้งชื่อนักแสดงนำในละครชุดตามชื่อของฉัน. ฉันจะมีโอกาสได้เป็นดาราดังของโลกบันเทิง. ฉันจะมีรายได้ดี ถึงแม้ไม่ได้ทำงานเป็นประจำ. เมื่อฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับข้อเสนอเหล่านั้นและเกรงว่าจะไม่มีอิสระ ฉันจึงบอกปัดสัญญานั้น. ฉันตกลงรับงานแสดงละคร แต่มีเงื่อนไขให้ฉันมีเวลาเรียนการละครต่อที่มหาวิทยาลัยด้วย. กระนั้น ฉันไม่สบายใจที่เห็นนักแสดงหลายคนได้บากบั่นพยายามเป็นเวลาหลายปีกว่าจะได้เป็นนักแสดงนำ ส่วนฉันกลับได้รับบทบาทนี้เพราะเป็นลูกสาวของทิน-ทัน.
จากนั้น ฉันเริ่มทำงานด้านอัดเสียง. งานชุดแรกมีเพลงประกอบละครรวมอยู่ด้วย ซึ่งฉันเองเป็นผู้แต่งเนื้อร้องและทำนองเพลง. ต่อมา ฉันได้อัดเสียงในห้องอัดชื่อดังของลอนดอน. ฉันรับงานอัดเสียง, เล่นหนัง, และเล่นละครมากขึ้น. หน้าแรกของข่าวบันเทิงในหนังสือพิมพ์เริ่มลงเรื่องราวของฉัน ดังนั้น คุณอาจพูดว่าฉันได้ประสบความสำเร็จสูงสุดแล้วสิ. กระนั้นก็ดี ยังขาดอะไรบางอย่างไป. ฉันสังเกตว่าพวกนักแสดงชอบถือตัวและชิงดีชิงเด่นกัน และท่ามกลางพวกเขามักมีการประพฤติผิดศีลธรรมอย่างแพร่หลายและไม่จริงใจต่อกัน. ฉันเกิดความไม่มั่นใจในผู้คน.
ครั้นแล้ว ในฤดูใบไม้ร่วงปี 1980 ฉันได้พบกับคูลีโอน้องชายของแม่ในวันรวมญาติ. เขาได้ตัดสินใจเลิกร้องเพลงโอเปร่า และฉันฟังเขาพูดเรื่องอุทยานที่พระเจ้าสัญญาไว้. น้าคูลีโอบอกว่า ความอยุติธรรมและความทุกข์โศกเศร้าจะหมดไปจากแผ่นดินโลก และทั้งโลกจะมีแต่ความรัก. เขายังบอกด้วยว่าพระนามของพระเจ้าเที่ยงแท้คือยะโฮวา. สิ่งที่ทำให้ฉันสนใจมากที่สุดคือ การได้ยินว่าคนที่เรารักซึ่งตายไปจะถูกปลุกให้มีชีวิตอีกในอุทยาน. ความหวังจะได้พบพ่ออีกครั้งทำให้ฉันเต็มตื้นด้วยความยินดี. ฉันยังคง
อาลัยคิดถึงพ่อไม่วาย และปรารถนาจะได้รับการชูใจและความรักใคร่จากท่าน. จะดีวิเศษสักเพียงใดที่จะได้พ่อกลับคืนมาอีก! แต่ในใจลึก ๆ ฉันรู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้. น้าคูลีโอมอบพระคัมภีร์เล่มหนึ่งให้ฉัน และชวนฉันกับแม่เข้าร่วมการประชุมภาคของพยานพระยะโฮวา ซึ่งจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า. เราบอกเขาว่าเราอาจจะไป.ฉันตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชีวิต
คืนหนึ่ง ฉันสูบบุหรี่บนเตียงนอนขณะเดียวกันก็อ่านพระคัมภีร์ที่น้าชายให้ไว้. การอ่านพระธรรมสุภาษิตทำให้ฉันสรุปได้ว่า ความสว่าง, ความเข้าใจ, และชีวิตเกิดมาจากพระเจ้า ส่วนความมืด, ความสับสน, และความตายมาจากแหล่งตรงกันข้าม. คืนนั้นเอง ฉันดับบุหรี่มวนสุดท้ายในชีวิตของฉัน และคอยแม่กลับมา. ฉันร้องไห้ขอแม่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจที่สำคัญบางอย่างของฉัน. จากนั้น ฉันไปโรงละคร ซึ่งที่นั่นฉันฝึกซ้อมบทเป็นคอร์ดิเลียในละครเรื่องคิงเลียร์ ของเชกสเปียร์. ฉันถอนตัวจากการแสดงและบอกเลิกเพื่อนชายซึ่งเป็นนักแสดงนำคนหนึ่ง.
อย่างไรก็ตาม ฉันยังไม่ได้เรียนรู้ที่จะรับใช้พระเจ้า ฉันจึงไม่รู้จะหมายพึ่งใคร. ฉันจมอยู่ในภาวะซึมเศร้า. ฉันอธิษฐานขอพระเจ้าโปรดช่วยให้ฉันมั่นใจว่าตัวเองมีค่า ไม่ใช่เพราะการมีพรสวรรค์หรือมีชื่อเสียงโด่งดัง. ฉันเลิกคบหากับเพื่อนฝูงทั้งหมดและไม่ทำกิจกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น.
เส้นทางสู่ความสำเร็จแท้
ในช่วงที่ฉันสับสน ฉันนึกขึ้นได้ว่าน้าชายเคยชวนฉันไปร่วมการประชุมภาค. ฉันจึงโทรศัพท์หาน้า และเขาได้พาฉันไปที่สนามกีฬา. สิ่งที่ได้พบเห็นที่นั่นดึงดูดใจฉันมาก. ฉันเห็นผู้คนเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่พูดหยาบคาย, ไม่สูบบุหรี่, และไม่ทำตัวเป็นจุดเด่น. สิ่งที่ได้ฟังจากคัมภีร์ไบเบิลทำให้ฉันนึกถึงเรื่องที่เคยอ่านในหนังสือเล่มเล็กชื่อพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเป็นพระวจนะของพระเจ้าจริง ๆ หรือ? * ซึ่งฉันเจอในบ้านหลังจากพ่อเสียชีวิตไปได้ไม่นาน.
ประมาณช่วงเวลานี้ ฉันได้รับข้อเสนอให้เล่นเป็นดารานำในละครชุดอีกครั้ง. ฉันชอบบทบาทนี้ เพราะดูเหมือนเชิดชูค่านิยมที่พระเจ้าพอพระทัยตามที่ฉันได้เรียนรู้จากการประชุมภาค. เมื่อพิจารณาดูแล้ว ฉันตกลงรับแสดงบทนี้. อีกด้านหนึ่ง ทัศนะของพระคัมภีร์ยังคงวนเวียนอยู่ในใจฉันที่บอกว่า “อย่าเข้าเทียมแอกด้วยกันกับคนที่ไม่เชื่อ. เพราะว่า . . . ความสว่างจะเข้าสนิทกันกับความมืดได้อย่างไร?”—2 โกรินโธ 6:14.
ความปรารถนาอย่างจริงใจที่อยากจะทำให้พระเจ้าพอพระทัยเพิ่มพูนขึ้นภายในหัวใจฉัน. ฉันอยากเข้าร่วมการประชุมที่หอประชุมกับน้าชายและน้าสาว. การเดินทางจากบ้านไปยังประชาคมที่พวกเขาสมทบอยู่ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่ฉันก็ได้ไปสามอาทิตย์ติดต่อกัน. น้าชายตัดสินใจพาฉันไปยังประชาคมที่อยู่ใกล้บ้าน. เมื่อไปถึง การประชุมก็เลิกพอดี และตอนนั้นแหละฉันได้พบอิซาเบล หญิงสาววัยเดียวกัน. เธอเป็นคนซื่อ ๆ ไม่โอ้อวดและใจดี. เมื่อน้าชายแนะนำเธอให้รู้จักฉันโดยเอ่ยชื่อโรซาเลีย บัลเดส เธอไม่สนใจชื่อของฉันแม้แต่น้อย. ฉันชอบคนแบบนี้แหละ. เธอเสนอจะไปนำการศึกษาพระคัมภีร์กับฉันที่บ้าน.
เราเริ่มศึกษาโดยใช้หนังสือความจริงซึ่งนำไปสู่ชีวิตถาวร. * อิซาเบลยินดีและเต็มใจปรับเปลี่ยนเวลาให้เหมาะกับตารางเวลาของฉัน. บางครั้งเธอต้องรอจนดึกดื่นกว่าฉันจะเสร็จงานถ่ายละคร. ฉันรู้สึกอบอุ่นจริง ๆ ที่มีคนหนึ่งให้ความสนใจ เพียงเพราะฉันต้องการศึกษาพระคัมภีร์! อิซาเบลเป็นคนจริงใจซื่อสัตย์และสุภาพเรียบร้อย ฉันเคยคิดว่าเพื่อจะมีคุณสมบัติเหล่านี้ได้ต้องเรียนปรัชญาและศิลปะเท่านั้น. เราใช้เวลาศึกษาหลายชั่วโมง บางทีก็หลายครั้งในหนึ่งสัปดาห์.
ตอนเริ่มต้น ฉันรู้สึกว่ายากที่จะขจัดแนวบทเพลงสรรเสริญ 37:10, 11) อนึ่ง ในเวลาเดียวกัน ความหวังที่จะได้พบพ่อของฉันอีกในอุทยานเริ่มเป็นจริงมากขึ้น. บ่อยครั้ง ฉันมักคิดถึงคำตรัสของพระเยซูที่ว่า “ท่านทั้งหลายอย่าประหลาดใจในข้อนี้เลย เพราะเวลาจะมาเมื่อบรรดาคนที่อยู่ในอุโมงค์ฝังศพจะได้ยินสำเนียงของพระองค์, และจะได้เป็นขึ้นมา ผู้ที่ได้ประพฤติดีจะเป็นขึ้นมาสู่ชีวิต, แต่ผู้ที่ได้ประพฤติชั่วจะเป็นขึ้นมาสู่การพิพากษา.”—โยฮัน 5:28, 29.
คิดผิด ๆ ของตัวเอง แต่ความจริงของคัมภีร์ไบเบิลค่อย ๆ ซึมซาบเข้ามาแทนแนวคิดผิด ๆ เหล่านั้น. ฉันจำได้ว่าตัวเองรู้สึกเบิกบานยินดีสักเพียงไรเนื่องด้วยคำสัญญาของพระเจ้าที่ว่า “เพราะว่ายังอีกหน่อยหนึ่ง, คนชั่วจะไม่มี: ท่านจงเพ่งตาหาที่ของเขา, แต่ไม่มีแล้ว. แต่คนทั้งหลายที่มีใจถ่อมลงจะได้แผ่นดินเป็นมฤดก, และเขาจะชื่นชมยินดีด้วยความสงบสุขอันบริบูรณ์.” (พอฉันเสร็จงานถ่ายละครชุดแล้ว มีการเสนอให้ฉันแสดงเรื่องอื่นทันที. ถึงแม้โครงการเหล่านั้นดูเหมือนจะสร้างชื่อเสียงให้ฉันมากขึ้น แต่ถ้าฉันมีส่วนร่วม นั่นแสดงนัยว่าฉันเห็นดีเห็นงามกับการประพฤติผิดศีลธรรม, การบูชารูปเคารพ, และแนวคิดอื่น ๆ ที่ไม่ถูกต้อง. ฉันได้เรียนรู้ว่าซาตานมีอยู่จริง และมันไม่ต้องการให้เรารับใช้พระยะโฮวา. ดังนั้น ฉันจึงบอกปัดข้อเสนอนั้นแล้วเริ่มเข้าร่วมการประชุมทุกรายการ. เป็นธรรมดาที่แม่และพี่ชายของฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงได้ปล่อยให้โอกาสและเงินทองตั้งมากมายหลุดมือไป. อย่างไรก็ตาม เวลาเดียวกันเขาสังเกตว่าฉันเปลี่ยนไป จากที่เคยเป็นคนไม่มีความสุข ท้อแท้สิ้นหวังกลับกลายเป็นคนช่างพูด มีชีวิตชีวาและร่าเริง. ในที่สุด ฉันก็มีเป้าหมายในชีวิต!
ฉันอยากบอกเล่าสิ่งที่ได้เรียนรู้แก่คนอื่น ๆ และต่อมาไม่นานฉันได้เป็นผู้ประกาศข่าวสารอันน่าพอใจเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า. เมื่อไปประกาศ บางครั้งยากที่จะทำให้เจ้าของบ้านตั้งใจฟัง เพราะหลายคนจำได้ว่าฉันเป็นนักแสดง. หลายครั้ง ฉันกับเพื่อนร่วมงานมาถึงหน้าบ้านผู้คนขณะที่ละครชุดที่ฉันแสดงกำลังออกอากาศทางโทรทัศน์อยู่พอดี. เจ้าของบ้านแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าฉันกำลังยืนอยู่ที่บันไดบ้านเขา!
ฉันรับบัพติสมาเป็นสัญลักษณ์การอุทิศตัวแด่พระยะโฮวาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 1982. มาบัดนี้ ชีวิตฉันมีจุดมุ่งหมายที่แท้จริง และงานประจำชีพที่ไม่เหมือนเดิมรออยู่เบื้องหน้า. การที่อิซาเบลรับใช้อย่างกระตือรือร้นช่วยกระตุ้นฉัน. เธอรับใช้ฐานะไพโอเนียร์ประจำ ซึ่งเป็นชื่อเรียกพยานพระยะโฮวาที่รับใช้เต็มเวลา. หลังจากนั้นไม่นาน ฉันสมทบกับเธอในการศึกษาพระคัมภีร์กับคนอื่น. อิซาเบลกลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน.
แท้จริง ฉันเกือบเลิกอาชีพนักแสดงไปเลย ด้วยเหตุนี้ ฉันกับแม่จึงต้องเป็นคนสมถะและลดมาตรฐานความเป็นอยู่ของเรา. ขณะเดียวกัน ฉันได้แต่งเพลงอัดอัลบัมชุดที่สี่ ซึ่งมีเพลงต่าง ๆ เกี่ยวกับค่านิยมและความเชื่อใหม่ของฉันรวมอยู่ด้วย. ฉันแต่งเพลงหนึ่งที่แสดงให้รู้ถึงความหวังอันมั่นคงของฉันที่จะพบกับพ่ออีก. ฉันให้ชื่อเพลงนั้นว่า “ตามที่จารึกนั้น ฉันจะได้พบพ่อ.” ทีแรกฉันร้องเพลงนี้ให้แม่ฟัง แม่ซาบซึ้งมาก. ท่านเข้าใจความรู้สึกเชื่อมั่นที่แท้จริงของฉัน. ฉันดีใจมากเมื่อแม่ต้องการศึกษาพระคัมภีร์. สองปีต่อมา ท่านก็ได้รับบัพติสมาเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวาเช่นกัน. ท่านยังคงขยันขันแข็งในงานรับใช้ตราบจนทุกวันนี้.
เมื่อเวลาผ่านไป ฉันรู้สึกว่าง่ายขึ้นเมื่อต้องบอกปัดข้อเสนอต่าง ๆ เกี่ยวกับงานแสดง. และเมื่อเผชิญความยากลำบากและการล่อใจ การนึกภาพว่ามีพ่ออยู่กับพวกเราในอุทยานอันสวยงาม ช่วยเสริมความเชื่อมั่นของฉันให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นและทำให้ฉันตั้งใจจะรับใช้พระยะโฮวาต่อ ๆ ไป.
วันหนึ่ง มีคนมาติดต่อขอให้ฉันแสดงในรายการทีวีเพื่อเด็ก เรื่องเซซามี สตรีต ภาคภาษาสเปน. ฉันพิจารณาและเห็นว่าไม่อาจแสดงได้ จึงชี้แจงให้ผู้อำนวยการผลิตทราบว่าฉันยึดมั่นกับหลักการในคัมภีร์ไบเบิลซึ่งทำให้ฉันไม่อาจส่งเสริมวันนักขัตฤกษ์และวันเกิด. ผู้อำนวยการผลิตตอบว่าถ้าฉันยอมแสดง เขาจะนับถือความเชื่อของฉัน และจะเซ็นสัญญาที่อธิบายจุดยืนของฉันอย่างละเอียด. ดังนั้น ฉันตอบตกลงและได้ถ่ายรายการนี้ไว้ 200 ตอน. นั่นเป็นงานชิ้นสุดท้ายที่ฉันทำในฐานะนักแสดง.
ฉันยังค้างสัญญาอีกฉบับหนึ่งกับบริษัทเพลง ดังนั้น ฉันจึงนำเอาสิบเพลงที่ฉันเรียบเรียงเองมาอัด รวมทั้งเพลงที่ฉันแต่งเกี่ยวกับพ่อและการกลับเป็นขึ้นจากตาย. ฉันมีโอกาสได้ร้องเพลงนั้นออกทีวีและในงานโชว์ตัว ซึ่งระหว่าง
นั้นฉันมักจะอ้างถึงความเชื่อของฉันเสมอ. อย่างไรก็ดี บริษัทเพลงเริ่มกดดันฉันให้แต่งตัวดูยั่วยวนมากขึ้น. ฉันจึงยื่นใบลาออก.มีความสุขในงานรับใช้พระเจ้า
เดือนธันวาคม 1983 ฉันกับอิซาเบลได้ไปเยี่ยมชมอาคารสำนักงานและโรงพิมพ์ของพยานพระยะโฮวาในบรุกลิน นิวยอร์ก. ที่นั่น ฉันพบรัสเซลล์ ฟิลลิปส์ ชายซึ่งกลายเป็นสามีของฉันในเวลาต่อมา. เราติดต่อกันทางจดหมายนานเกือบสองปี. ฉันยังจำวันนั้นได้ดี คือวันที่ฉันเริ่มรับใช้เป็นไพโอเนียร์ประจำ เป็นวันที่รัสเซลล์ส่งช่อกุหลาบจากนิวยอร์กมาให้กำลังใจฉัน!
ฉันร่วมงานไพโอเนียร์กับอิซาเบลประมาณหนึ่งปี. ครั้นแล้วเธอตอบรับคำเชิญไปรับใช้ที่สำนักงานสาขาแห่งพยานพระยะโฮวาในเม็กซิโก. สิ่งที่เธอพูดคุยเรื่องงานมอบหมายใหม่ได้จุดประกายความปรารถนาของฉันให้อยากขยายงานรับใช้ออกไปอีก และหากเป็นพระทัยประสงค์ของพระยะโฮวา ฉันอยากรับใช้ที่สำนักงานเบเธลด้วย.
รัสเซลล์เป็นพระพรอีกอย่างหนึ่งในชีวิตของฉัน. เนื่องจากเขารักพระยะโฮวาและรักองค์การของพระองค์ ฉันจึงได้เรียนรู้ที่จะยึดมั่นกับงานรับใช้เต็มเวลา. เขารักเบเธลและทำงานรับใช้สามปีในเบเธลบรุกลิน. หลังจากเราแต่งงาน เรารับใช้ด้วยกันฐานะไพโอเนียร์ประจำที่รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา. ต่อมา เราได้รับเชิญให้เข้าร่วมในโครงการก่อสร้างนานาชาติ เพื่อไปสร้างอาคารสาขาแห่งใหม่ในประเทศอื่น. เราประหลาดใจและตื่นเต้นมากเพียงใดเมื่อรู้ว่าเราได้รับมอบหมายให้ไปทำงานที่เม็กซิโก! เดือนเมษายน 1990 เราตอบรับสิทธิพิเศษที่ได้เป็นสมาชิกครอบครัวเบเธลในเม็กซิโก. แบบอย่างของรัสเซลล์ช่วยชูกำลังใจฉันอย่างมาก. ฉันชื่นชอบเขาที่มีน้ำใจเสียสละ เขายอมจากบ้านเกิดและครอบครัวเพื่อมาส่งเสริมผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักรในประเทศเม็กซิโกนี้.
ฉันกับรัสเซลล์ยินดีมากที่ได้รับสิทธิพิเศษทำงานในสาขาเม็กซิโก. แต่แล้วสิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปทันทีเมื่อฉันตั้งครรภ์. ข่าวนี้ทำให้เราตกใจมาก. แต่กระนั้น เรามักนึกชมบิดามารดาเหล่านั้นเสมอที่ได้อบรมเลี้ยงดูบุตรของเขาในทางแห่งความจริง เราจึงรับเอาหน้าที่ใหม่นี้ด้วยความรู้สึกขอบคุณ. อีวานเกิดในเดือนตุลาคม 1993 และต่อมาอีกสองปีครึ่ง จีอันนาก็เกิด. แม้ว่าการเลี้ยงลูกต้องพากเพียรตลอดเวลา แต่เรารู้สึกว่าคุ้มค่าทุกครั้งที่เห็นลูกของเราวัยสิบเอ็ดขวบและแปดขวบพูดถึงความเชื่อของเขาขณะที่ร่วมงานประกาศ.
ปัจจุบัน รัสเซลล์รับใช้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการก่อสร้างหอประชุมภูมิภาค ส่วนฉันเพิ่งกลับไปรับใช้เต็มเวลาฐานะไพโอเนียร์อีก. ตลอดเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ฉันสามารถช่วยสมาชิกครอบครัว 12 คน และคนอื่นอีก 8 คนให้เรียนความจริงในคัมภีร์ไบเบิลและเข้ามารับใช้พระยะโฮวา.
เมื่อลูก ๆ ถามฉันว่า “ยากไหมที่แม่หันหลังให้วงการบันเทิง?” ฉันอ้างถึงคำพูดของอัครสาวกเปาโลที่ว่า “แท้จริง ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งสารพัตรเป็นที่ไร้ประโยชน์เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์เจ้าของข้าพเจ้า. เพราะเหตุพระองค์นั้นข้าพเจ้าได้ยอมสละสิ่งสารพัตร, และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์.” (ฟิลิปปอย 3:8) ฉันรู้สึกขอบคุณพระยะโฮวาจริง ๆ ที่พระองค์นำชีวิตฉันให้พ้นจากความเปล่าประโยชน์ และช่วยฉันจนได้มาเป็นส่วนหนึ่งของประชาชนที่น่าพิศวงของพระองค์! ฉันไม่เคยอ่อนระอาที่จะขอบคุณพระองค์สำหรับพระพรมากมายที่ทรงจัดเตรียมผ่านทางพระเยซูคริสต์. บ่อยครั้ง ฉันเปล่งเสียงร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดี เพลงที่ฉันแต่งเนื้อร้องพูดถึงพ่อ. ฉันเชื่อมั่นว่าฉันจะพบกับพ่ออีก.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 21 จัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา แต่ปัจจุบันนี้งดพิมพ์แล้ว.
^ วรรค 24 จัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา แต่ปัจจุบันนี้งดพิมพ์แล้ว.
[ภาพหน้า 10]
กับพ่อแม่และพี่ชาย ตอนที่ฉันอายุหนึ่งขวบ
[ภาพหน้า 12, 13]
ร้องเพลงกับวงอาร์ทูโร คาสโตร แอนด์ ฮิส คาสโตร 76
[ที่มาของภาพ]
Angel Otero
[ภาพหน้า 14]
กับครอบครัวของฉันในปัจจุบัน
[ที่มาของภาพหน้า 10]
Activa, 1979