ขจัดช่องว่าง—วิธีแก้ที่แท้จริง
ขจัดช่องว่าง—วิธีแก้ที่แท้จริง
ผู้คนนับไม่ถ้วนพยายามดิ้นรนเพื่อจะอยู่รอดไปวัน ๆ เนื่องจากความยากจนข้นแค้น. เห็นได้ชัดว่ามนุษยชาติต้องการรัฐบาลที่ซื่อตรงและไม่มีวันทุจริต และเป็นรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขความไม่ยุติธรรมนี้อย่างจริงจัง. รัฐบาลเช่นนั้นต้องมีอำนาจมากพอที่จะดำเนินการให้บรรลุผลตามความตั้งใจที่ดีนั้น. เราคาดหมายได้ไหมว่ามนุษย์จะจัดตั้งรัฐบาลที่ดีเช่นนั้นขึ้นมาได้จริง ๆ?
ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เราเห็นความเป็นจริงของคำเตือนในคัมภีร์ไบเบิลที่ว่า “ท่านทั้งหลายอย่าวางใจในพวกเจ้านาย, หรือในเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ช่วยให้รอดไม่ได้.” (บทเพลงสรรเสริญ 146:3) คุณเคยประสบไหมว่าการไว้ใจรัฐบาลหรือผู้นำที่เป็นมนุษย์บ่อยครั้งทำให้ผิดหวัง? อย่างไรก็ตาม เราจะหันไปพึ่งใครได้?
ที่จริงแล้ว ผู้คนมากมายได้อธิษฐานขอให้มีรัฐบาลที่ชอบธรรมซึ่งจะมาเปลี่ยนแปลงสภาพการณ์ที่ไม่ยุติธรรม. บางทีคุณเองอาจเคยกล่าวคำอธิษฐานแบบอย่างที่พระเยซูสอนที่ว่า “โอพระบิดาแห่งข้าพเจ้าทั้งหลายผู้สถิตในสวรรค์. ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์. ขอให้แผ่นดิน [“ราชอาณาจักร,” ล.ม.] ของพระองค์มาตั้งอยู่. พระทัยของพระองค์สำเร็จในสวรรค์อย่างไร, ก็ให้สำเร็จในแผ่นดินโลกเหมือนกัน. ขอทรงโปรดประทานอาหารเลี้ยงข้าพเจ้าทั้งหลายในกาลวันนี้. และขอทรงโปรดยกหนี้ของข้าพเจ้าเหมือนข้าพเจ้ายกหนี้ของผู้ที่เป็นหนี้ข้าพเจ้านั้น. และขออย่านำข้าพเจ้าเข้าไปในการทดลอง, แต่ขอให้พ้นจากซึ่งชั่วร้าย.”—มัดธาย 6:9-13.
ราชอาณาจักรนี้คือรัฐบาลที่เราต้องการไหม? ราชอาณาจักรนี้ซื่อตรงและไม่มีวันทุจริตไหม? ราชอาณาจักรนี้มีอำนาจมากพอที่จะดำเนินการให้บรรลุผลตามความตั้งใจดีนั้นไหม? เป็นเช่นนั้นแน่นอน! พระเจ้าผู้ก่อตั้งรัฐบาลนี้ “พระบิดาแห่งข้าพเจ้าทั้งหลายผู้สถิตในสวรรค์” ทรง “เป็นพระเจ้าผู้ชอบธรรมและช่วยให้รอด” ผู้ทรง “แสดงความสัตย์ธรรมให้ปรากฏอยู่ในบรรดาพระราชกิจที่ทรงประกอบ.” (ยะซายา 45:21; ดานิเอล 9:14) มีการกล่าวถึงพระองค์ว่า “พระเนตรของพระองค์บริสุทธิ์เกินที่จะทอดพระเนตรการชั่ว” ดังนั้น เรามั่นใจได้ว่ารัฐบาลของพระองค์จะไม่มีวันทุจริต. (ฮะบาฆูค 1:13, ฉบับแปลใหม่) และเนื่องจาก “พระเจ้าไม่ทรงเลือกหน้าผู้ใด แต่ชาวชนในประเทศใด ๆ ที่เกรงกลัวพระองค์และประพฤติในทางชอบธรรมก็เป็นที่ชอบพระทัยพระองค์” เราจึงรู้ว่าพระองค์สนพระทัยสวัสดิภาพของคนทุกคนในโลกนี้โดยไม่เลือกหน้าลำเอียง.—กิจการ 10:34, 35; โรม 2:11.
สถาปนาและดำเนินงานแล้ว!
แม้ว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นรัฐบาลฝ่ายสวรรค์ แต่ราชอาณาจักรนี้จะควบคุมดูแลเรื่องต่าง ๆ บนแผ่นดินโลกอย่างเต็มที่เพื่อทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จ. นี่รวมถึงการนำรัฐบาลที่สมบูรณ์พร้อมของพระเจ้ามาแทนรัฐบาลที่ไม่สมบูรณ์ของมนุษย์. ที่ดานิเอล 2:44 มีคำสัญญาว่า “ในสมัยเมื่อกษัตริย์เหล่านั้นกำลังเสวยราชย์อยู่, พระเจ้าแห่งสรวงสวรรค์จะทรงตั้งอาณาจักรอันหนึ่งขึ้น, ซึ่งจะไม่มีวันทำลายเสียได้, หรือผู้ใดจะชิงเอาอาณาจักรนี้ไปก็หาได้ไม่; แต่อาณาจักรนี้จะทำลายอาณาจักรอื่น ๆ ลงให้ย่อยยับและเผาผลาญเสียสิ้น, และอาณาจักรนี้จะดำรงอยู่เป็นนิจ.”
ภายใต้การนำของราชอาณาจักรนี้ ในที่สุดพระทัยประสงค์ของพระเจ้าจะสำเร็จทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก. ช่างน่าอุ่นใจสักเพียงไรที่รู้ว่ารัฐบาลนี้จะสามารถขจัดร่องรอยทุกอย่างของความไม่เสมอภาคกัน ซึ่งในอดีตมีส่วนทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมากระหว่างคนรวยและคนจน! จะไม่มีคนเพียงไม่กี่คนที่ร่ำรวยและมีคนมากมายที่ยากจนอีกต่อไป.
น่ายินดีจริง ๆ ที่ได้รู้ว่ารัฐบาลฝ่ายสวรรค์ของพระเจ้าได้รับการก่อตั้งขึ้นแล้วเพื่อจะขจัดปัญหาเหล่านี้ให้หมดสิ้นไปตลอดกาล! การลำดับเวลาตามคัมภีร์ไบเบิลและเหตุการณ์ต่าง ๆ ของโลกชี้ชัดว่าปี 1914 เป็นเวลาที่พระเจ้าได้ก่อตั้งรัฐบาลของพระองค์ขึ้นในสวรรค์. * ด้วยเหตุนี้ เป็นเวลาเกือบหนึ่งศตวรรษแล้วที่รัฐบาลนี้กำลังวางรากฐานสำหรับโลกใหม่แห่งความชอบธรรม.
คนที่ยอมรับว่าราชอาณาจักรนี้ก่อตั้งขึ้นแล้ว และเชื่อฟังการชี้นำจากราชอาณาจักรนี้เป็นผู้ที่ไม่เลือกหน้าลำเอียง. พยานพระยะโฮวาทำงานประกาศในเกือบทุกประเทศ. พลเมืองของประเทศเหล่านั้น ทั้งคนรวยคนจน ต่างก็ได้รับโอกาสเรียนรู้วิธีที่จะได้รับชีวิตนิรันดร์. (โยฮัน 17:3) พยานฯ ไม่ยอมให้ความแตกต่างทางเศรษฐกิจมาเป็นตัวกำหนดตำแหน่งหรือสถานะของคนในประชาคม. พยานฯ ไม่วัดค่าของผู้คนโดยอาศัยทรัพย์สมบัติที่เขามี. แทนที่จะทำอย่างนั้น คนใดคนหนึ่งได้รับความนับถือก็เนื่องจากคุณลักษณะของเขา. มีการให้ความสำคัญกับค่านิยมฝ่ายวิญญาณมากกว่าฝ่ายวัตถุ.
คุณอยากรู้ไหมว่าคุณต้องทำอะไรเพื่อจะมีชีวิตอยู่ภายใต้รัฐบาลที่ชอบธรรมนี้? ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มตรวจสอบตอนนี้เลย. เชิญมาเรียนรู้ว่าคุณต้องทำอย่างไรเพื่อมีความหวังจะได้รับความชื่นชมยินดีในการดำรงชีวิตอยู่ เมื่อโลกจะไม่ได้ถูกแบ่งแยกด้วยความมั่งมีอีกต่อไป.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 9 ดูหน้า 95-107 ในหนังสือความรู้ซึ่งนำไปสู่ชีวิตนิรันดร์ จัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา.
[กรอบ/ภาพหน้า 8, 9]
ทุกคนเป็นพี่น้องกัน ไม่ว่ารวยหรือจน
▪ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง พยานพระยะโฮวาหลายคนในยุโรปและเอเชียขาดแคลนอาหาร, เสื้อผ้า, และที่อยู่อาศัย. พยานฯ ในประเทศอื่น ๆ ส่งเสื้อผ้าและอาหารหลายตันไปให้พี่น้องร่วมความเชื่อของตนในยุโรป, ฟิลิปปินส์, และญี่ปุ่น. พยานฯ ในสหรัฐและแคนาดาบริจาคเงินซื้อสิ่งของบรรเทาทุกข์ส่งไปยังกรีซ, เชโกสโลวะเกีย (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐเช็กและสโลวาเกีย), เบลเยียม, โปแลนด์, ฝรั่งเศส, ฟินแลนด์, เยอรมนี, โรมาเนีย, ออสเตรีย, อังกฤษ, อิตาลี, ฮอลแลนด์, และฮังการี.
[รูปภาพ]
สหรัฐ
สวิตเซอร์แลนด์
เยอรมนี
▪ ไม่กี่ปีมานี้ ในฤดูร้อนปี 1994 ทีมอาสาสมัครที่เป็นพยานฯ จากยุโรปรีบไปช่วยเหลือพี่น้องคริสเตียนในแอฟริกา. มีการตั้งค่ายที่ได้รับการจัดระเบียบอย่างดีและหน่วยพยาบาลเพื่อช่วยผู้ลี้ภัยชาวรวันดา. เสื้อผ้า, ผ้าห่ม, อาหาร, และหนังสือเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลจำนวนมากถูกส่งไปช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัย 7,000 กว่าคน หรือเกือบสามเท่าของจำนวนพยานพระยะโฮวาในรวันดาในตอนนั้น.
▪ สองปีต่อมา ในปี 1996 เกิดสงครามขึ้นที่ภาคตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก. พืชผลได้รับความเสียหาย, อาหารที่มีการเก็บสำรองไว้ถูกปล้นชิง, และเส้นทางที่ใช้ในการจัดส่งสิ่งจำเป็นถูกตัดขาด. คนส่วนมากได้กินอาหารแค่วันละมื้อ ทำให้เกิดภาวะทุโภชนาการและโรคต่าง ๆ. พยานพระยะโฮวาในยุโรปดำเนินการทันที. ทีมบรรเทาทุกข์ที่เป็นพยานฯ รวมทั้งนายแพทย์ ขึ้นเครื่องบินพร้อมกับยาและเงิน. พอถึงเดือนมิถุนายน 1997 พยานฯ ในเบลเยียม, ฝรั่งเศส, และสวิตเซอร์แลนด์ได้บริจาคยา 500 กิโลกรัม, ขนมปังกรอบที่มีโปรตีนสูง 10 ตัน, อาหารอื่น ๆ 20 ตัน, เสื้อผ้า 90 ตัน, รองเท้า 18,500 คู่, และผ้าห่ม 1,000 ผืน—ซึ่งมีมูลค่าเกือบ 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ.
▪ นอกจากการช่วยเหลือทางวัตถุแล้ว พยานพระยะโฮวาสนใจที่จะช่วยเหลือผู้คนทางฝ่ายวิญญาณมากกว่า. นี่ทำให้พวกเขาต้องการสร้างหอประชุมเพื่อใช้เป็นศูนย์กลางการศึกษาพระคัมภีร์. ในปี 1997 มีการรายงานว่า “ด้วยความช่วยเหลือจากพี่น้องในประเทศอื่น สมาคม [ว็อชเทาเวอร์] จึงสามารถช่วยสร้างหอประชุมใหม่ 413 หลังและปรับปรุงหอประชุมอื่น ๆ อีก 727 หลังภายในเวลาสี่เดือนใน 75 ประเทศ.” ปี 2003 มีการรายงานว่า “ประเทศหนึ่งในยุโรปซึ่งได้รับประโยชน์จากการช่วยก่อสร้างหอประชุมในดินแดนที่มีทรัพยากรจำกัดก็คือประเทศโรมาเนีย ซึ่งมีการสร้างหอประชุมไปแล้ว 124 หลังตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2000. ยูเครนได้สร้างหอประชุม 61 หลังในปี 2001 และอีก 76 หลังในปี 2002 โดยใช้แบบแปลนมาตรฐานในการสร้างหอประชุมเกือบทุกแห่ง. ด้วยความช่วยเหลือจากเงินบริจาคสำหรับกองทุนหอประชุมราชอาณาจักร หอประชุมหลายร้อยหลังจึงถูกสร้างขึ้นในโครเอเชีย, เซอร์เบียและมอนเตเนโกร, บัลแกเรีย, มอลโดวา, มาซิโดเนีย, และรัสเซีย.”
[รูปภาพ]
โครเอเชีย
บัลแกเรีย
โรมาเนีย
[ภาพหน้า 7]
อาสาสมัครคนหนึ่งช่วยดูแลเด็กกำพร้าสองคนที่ต้องลี้ภัย
[ที่มาของภาพ]
© Liba Taylor/Panos Pictures
[ภาพหน้า 10]
พยานพระยะโฮวากำลังเผยแพร่ข่าวแห่งความหวัง
[ภาพหน้า 10]
ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะขจัดความยากจนออกไป