ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

กำเนิดอุตสาหกรรมเพชรยุคใหม่

กำเนิดอุตสาหกรรมเพชรยุคใหม่

กำเนิด​อุตสาหกรรม​เพชร​ยุค​ใหม่

โดย​ผู้​เขียน​ตื่นเถิด! ใน​แอฟริกา​ใต้

เหตุ​การณ์​เกิด​ขึ้น​เมื่อ​เดือน​มกราคม​ปี 1871. อาเดรียน ฟอน เวก ชาว​ไร่​ผู้​รัก​คัมภีร์​ไบเบิล​คน​หนึ่ง อาศัย​อยู่​กับ​ครอบครัว​ของ​เขา​ใน​เขต​กึ่ง​ทะเล​ทราย​ซึ่ง​เรียก​กัน​ว่า กริควาแลนด์เวสต์ ประเทศ​แอฟริกา​ใต้. แต่​ความ​สงบ​สุข​ของ​เขา​สิ้น​สุด​ลง​เมื่อ​คน​แปลก​หน้า​หลั่งไหล​กัน​เข้า​มา​ตั้ง​แคมป์​ใน​ฟาร์ม​ของ​เขา. ฟอน เวก​ไม่​อยาก​เชื่อ​ว่า​สิ่ง​นี้​จะ​เกิด​ขึ้น​ขณะ​ที่​เขา​นั่ง​มอง​คน​เหล่า​นั้น​จาก​ระเบียง​บ้าน!

ภาย​ใน​ไม่​กี่​วัน มี​คน​เป็น​พัน ๆ คน​มา​อยู่​ใน​ที่​ดิน​ของ​เขา​จน​แน่น​ขนัด มอง​เห็น​ผู้​คน​ไป​ได้​ไกล​สุด​สายตา​ของ​เขา! บาง​คน​ถึง​กับ​เข้า​มา​อยู่​ใน​สวน​หน้า​บ้าน​ของ​เขา แล้ว​ปัก​เขต​อ้าง​ว่า​เป็น​ของ​ตัว​เอง​โดย​ไม่​ได้​ขอ​อนุญาต​เขา และ​ไม่​ได้​ทักทาย​เขา​ด้วย​ซ้ำ! เกิด​อะไร​ขึ้น​หรือ? ทำไม​ผู้​คน​แตก​ตื่น​กัน​ขนาด​นั้น? พวก​เขา​หลั่งไหล​กัน​มา​เพราะ​มี​คำ​ร่ำ​ลือ​แพร่​ออก​ไป​ว่า มี​เพชร​อยู่​มาก​มาย​ใน​ฟาร์ม​ของ​ฟอน เวก.

อะไร​ทำ​ให้​เกิด​ยุค​ตื่น​เพชร?

ประมาณ 12 ปี​ก่อน​หน้า​นั้น มี​การ​พบ​เพชร​หนัก​ห้า​กะรัต​ใกล้​กับ​แม่น้ำ​ฟาล ห่าง​จาก​ฟาร์ม​ของ​ฟอน เวก ขึ้น​ไป​ทาง​เหนือ​ประมาณ 70 กิโลเมตร. คน​ที่​พบ​เพชร​เม็ด​นั้น​ได้​ขาย​ให้​กับ​บาทหลวง​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​ดู​แล​สมาคม​มิชชัน​เบอร์ลิน​ใน​ราคา​ห้า​ปอนด์. ไม่​มี​บันทึก​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​ราว​ของ​การ​ค้น​พบ​เพชร​เม็ด​แรก​นั้น​อีก. แต่​เมื่อ​ข่าว​นี้​แพร่​ออก​ไป ผู้​คน​ก็​เริ่ม​สอบ​ถาม​กัน.

เรื่อง​ราว​ของ​เรา​ผ่าน​มา​เก้า​ปี ที่​ฟาร์ม​ของ​ชอล์ก ฟอน นีเคิร์ก ซึ่ง​อยู่​ริม​ฝั่ง​แม่น้ำ​ออเรนจ์ ห่าง​จาก​จุด​ที่​แม่น้ำ​สาย​นี้​บรรจบ​กับ​แม่น้ำ​ฟาล​ลง​ไป​ทาง​ใต้​ไม่​กี่​กิโลเมตร. ครอบครัว​ยาคอบส์​อาศัย​อยู่​ใน​ฟาร์ม​ของ​ฟอน นีเคิร์ก. ลูก ๆ ของ​ครอบครัว​ยาคอบส์​ชอบ​เล่น​เกม​ที่​พวก​เด็ก ๆ เรียก​ว่า หิน​ห้า​ก้อน. ใน​บรรดา​หิน​ของ​พวก​เด็ก ๆ มี​หิน​ที่​แวว​วาว​ก้อน​หนึ่ง​ซึ่ง​พี่​ชาย​คน​โต​ชื่อ​อีราสมัส​เป็น​ผู้​เก็บ​ได้.

วัน​หนึ่ง​ช่วง​ต้น​ปี 1867 ฟอน นีเคิร์ก​ไป​เยี่ยม​ครอบครัว​ยาคอบส์. ผู้​เป็น​แม่​รู้​ว่า​เขา​สนใจ​เรื่อง​เพชร​พลอย เธอ​จึง​เล่า​เรื่อง​หิน​ที่​มี​แสง​แวว​วาว​ที่​ลูก ๆ ของ​เธอ​เล่น​อยู่​ให้​เขา​ฟัง. เธอ​บอก​ว่า “ตอน​กลางคืน เมื่อ​อยู่​ใต้​แสง​เทียน มัน​ส่อง​ประกาย​แวว​วาว​น่า​ทึ่ง​มาก​ค่ะ.” หลัง​จาก​ฟอน นีเคิร์ก​พินิจ​พิเคราะห์​หิน​ก้อน​นั้น​แล้ว ความ​คิด​ที่​น่า​ตื่นเต้น​ก็​แวบ​ขึ้น​มา. “ผม​รู้สึก​ว่า​มัน​เป็น​เพชร​นะ!” เขา​ร้อง​ขึ้น. เขา​จำ​ได้​ว่า​เคย​อ่าน​เรื่อง​วิธี​ทดสอบ​หิน​เพื่อ​ดู​ว่า​เป็น​เพชร​หรือ​ไม่. เขา​จึง​เอา​หิน​ก้อน​นั้น​ไป​ขีด​กับ​กระจก​หน้าต่าง​ที่​อยู่​ข้าง​หลัง​บ้าน​เก่า ๆ หลัง​นั้น. เขา​ตกใจ​เมื่อ​กระจก​เป็น​รอย​ลึก และ​ขอ​โทษ​ที่​ทำ​ให้​กระจก​เสียหาย. * ผู้​เป็น​แม่​ของ​ครอบครัว​ยาคอบส์​ยินดี​มอบ​หิน​ก้อน​นั้น​ให้​ฟอน นีเคิร์ก และ​ไม่​ยอม​รับ​ค่า​ตอบ​แทน​ใด ๆ.

ครั้ง​ถัด​ไป​ที่​เขา​เดิน​ทาง​ไป​เมือง​โฮป​ทาวน์​ซึ่ง​อยู่​ไม่​ไกล​นัก ฟอน นีเคิร์ก เอา​หิน​ก้อน​นั้น​ไป​ให้​เพื่อน ๆ ดู แต่​ไม่​มี​ใคร​ยืน​ยัน​ได้​ว่า​เป็น​เพชร​จริง ๆ หรือ​ไม่. หิน​ก้อน​นั้น​ถูก​ส่ง​ต่อ​ไป​ให้​คน​ที่​ไว้​ใจ​กัน​เป็น​ทอด ๆ แล้ว​ก็​ถูก​ส่ง​ทาง​ไปรษณีย์​ไป​จน​ถึง​มือ​ของ​นาย​แพทย์​เอเทอร์สโตน แห่ง​เมือง​แกรมส์ทาวน์. เขา​ขอ​ให้​ครู​ใหญ่​ใน​โรง​เรียน​แห่ง​หนึ่ง​ช่วย. ใน​ห้อง​ปฏิบัติการ​ของ​โรง​เรียน มี​การ​ทดสอบ​เพื่อ​หา​ความ​ถ่วง​จำเพาะ​ของ​หิน​ก้อน​นั้น แล้ว​ก็​พบ​ว่า​มัน​มี​ค่า​เท่า​กับ​ความ​ถ่วง​จำเพาะ​ของ​เพชร. จาก​นั้น หิน​ก้อน​นั้น​ก็​ถูก​ส่ง​ไป​ให้​ช่าง​ทำ​อัญมณี​ใน​ท้องถิ่น ซึ่ง​พยายาม​จะ​ใช้​เหล็ก​จาร​ขีด​หิน แต่​หิน​ก็​ไม่​เป็น​รอย. มี​การ​ปรึกษา​คน​อื่น ๆ อีก และ​ทุก​คน​ก็​ลง​ความ​เห็น​เหมือน​กับ​ฟอน นีเคิร์ก. นาย​แพทย์​เอเทอร์สโตน​จึง​ยืน​ยัน​โดย​ทาง​จดหมาย​ว่า​หิน​ก้อน​นั้น​เป็น​เพชร​หนัก 21.25 กะรัต. ฟอน นีเคิร์ก ได้​รับ​เงิน 350 ปอนด์​สำหรับ​เพชร​เม็ด​นั้น และ​เขา​แบ่ง​เงิน​นั้น​ให้​กับ​ครอบครัว​ยาคอบส์​ทันที. นับ​ว่า​เหมาะ​ที่​เพชร​เม็ด​นั้น​ถูก​ตั้ง​ชื่อ​ว่า ยูเรกา ซึ่ง​เป็น​คำ​ที่​แสดง​ถึง “การ​ฉลอง​การ​ค้น​พบ.”

คน​เลี้ยง​แกะ​กับ​ชาว​ไร่​ผู้​ซื่อ​สัตย์

เรื่อง​ราว​ของ​เรา​ผ่าน​มา​อีก​สอง​ปี ใน​พื้น​ที่​ทาง​ใต้​ของ​จุด​ที่​แม่น้ำ​ออเรนจ์​กับ​แม่น้ำ​ฟาล​มา​บรรจบ​กัน. ที่​นั่น คน​เลี้ยง​แกะ​ชาว​แอฟริกา​ชื่อ​บู​อี​กำลัง​ต้อน​แกะ​ไป​กิน​หญ้า​แล้ว​เขา​ก็​เห็น​อะไร​บาง​อย่าง​ส่อง​แสง​แวว​วาว​อยู่​บน​พื้น. เขา​คุกเข่า​ลง​และ​หยิบ​หิน​รูป​วอลนัต​ที่​มี​แสง​ระยิบระยับ​ขึ้น​มา แล้ว​ก็​หย่อน​ลง​ไป​ใน​กระเป๋า​ของ​เขา. เขา​เคย​ได้​ยิน​ว่า​มี​คน​สนใจ​หิน​บาง​ชนิด​ใน​แถบ​นั้น ดัง​นั้น ใน​ระหว่าง​ที่​เขา​เที่ยว​ออก​หา​งาน​ทำ เขา​เอา​หิน​ก้อน​นั้น​ให้​ชาว​ไร่​คน​หนึ่ง​และ​พ่อค้า​คน​หนึ่ง​ดู. ทั้ง​สอง​คน​บอก​ให้​เขา​ไป​ที่​ฟาร์ม​ของ​ฟอน นีเคิร์ก.

ใน​ที่​สุด บู​อี​ก็​มา​ถึง​ฟาร์ม​ของ​ฟอน นีเคิร์ก และ​เอา​หิน​ให้​เขา​ดู. ทันใด​นั้น ฟอน นีเคิร์ก​ก็​รู้สึก​ว่า​เป็น​ไป​ได้​ที่​เขา​กำลัง​ดู​เพชร​เม็ด​ใหญ่​กว่า​และ​มี​ค่า​มาก​กว่า​เพชร​ที่​ครอบครัว​ยาคอบส์​เคย​มอบ​ให้​เขา​เสีย​อีก. เขา​ถาม​คน​เลี้ยง​แกะ​ผู้​ต่ำต้อย​ว่า​ต้องการ​อะไร​เพื่อ​แลก​เปลี่ยน​กับ​หิน​ก้อน​นั้น. บู​อี​ตอบ​ด้วย​ความ​เคารพ​ว่า “นาย​ครับ นาย​จะ​ให้​อะไร​ก็​ได้​ตาม​ที่​เห็น​ว่า​เหมาะ.” โดย​ไม่​ลังเล​ใจ ฟอน นีเคิร์ก มอบ​เกือบ​ทุก​สิ่ง​ที่​เขา​มี​อยู่—แกะ​พันธุ์​หาง​อ้วน 500 ตัว, วัว 10 ตัว, รถ​ม้า​ที่​เขา​ใช้​บรรทุก​พืช​ผล​ไป​ใน​เมือง, และ​แม้​กระทั่ง​ม้า​ผูก​อาน​ตัว​ที่​เขา​ขี่! สำหรับ​บู​อี ไม่​ต้อง​สงสัย​ว่า​เขา​คง​คิด​ว่า​ตัว​เอง​เป็น​เศรษฐี​แล้ว ของ​ทั้ง​หมด​นี้​แลก​กับ​หิน​ที่​แวว​วาว​รูป​วอลนัต​เท่า​นั้น​เอง!

ฟอน นีเคิร์ก รีบ​ไป​ที่​เมือง​โฮป​ทาวน์​เพื่อ​ขาย​เพชร​ของ​เขา. ที่​นั่น นัก​ธุรกิจ​ที่​ตกตะลึง​ยอม​จ่าย​เงิน​ให้​เขา 11,300 ปอนด์​สำหรับ​เพชร​หนัก 83.5 กะรัต​เม็ด​นั้น. ใน​ที่​สุด เพชร​เม็ด​นั้น​ก็​ถูก​ตั้ง​ชื่อ​ว่า​สตาร์​ออฟ​เซาท์​แอฟริกา. * เพชร​นี้​เมื่อ​เจียระไน​และ​ขัด​เงา​แล้ว​ได้​กลาย​เป็น​เพชร​เม็ด​หลัก​ของ​สร้อย​คอ​ที่​สวย​งาม​ที่​เห็น​ใน​หน้า​นี้. เมื่อ​ข่าว​เรื่อง​เพชร​เม็ด​นี้​แพร่​ไป​ถึง​โลก​ภาย​นอก ความ​ไม่​แน่​ใจ​ก็​หมด​ไป และ​คน​นับ​พัน​นับ​หมื่น​คน​จาก​ที่​ต่าง ๆ เช่น อเมริกา​เหนือ​และ​ใต้, อังกฤษ, ยุโรป, และ​ออสเตรเลีย​ก็​หลั่งไหล​มา​ที่​แอฟริกา​ใต้​โดย​หวัง​จะ​รวย.

ยุค​ตื่น​เพชร​เริ่ม​ขึ้น

ตอน​แรก ผู้​คน​ขุด​หา​เพชร​กัน​ตาม​ริม​ฝั่ง​แม่น้ำ​ออเรนจ์​และ​แม่น้ำ​ฟาล. จาก​นั้น ใน​ปี 1870 มี​ข่าว​เล่า​ลือ​ว่า​มี​คน​พบ​เพชร​มาก​มาย​ใน​ฟาร์ม​ซึ่ง​อยู่​ลึก​เข้า​ไป​ใน​พื้น​ที่​ระหว่าง​แม่น้ำ​สอง​สาย​นี้. ด้วย​เหตุ​นี้ คน​ที่​ขุด​หา​เพชร​อยู่​ตาม​แม่น้ำ​ก็​เริ่ม​แห่​เข้า​ไป​ใน​พื้น​ที่​ที่​ฟาร์ม​ของ​ฟอน เวก​ตั้ง​อยู่. ฟอน เวก​กับ​เพื่อน​บ้าน​ของ​เขา​ไม่​รู้​ว่า​ฟาร์ม​ของ​ตน​ตั้ง​อยู่​บน​ภูเขา​ไฟ​ที่​สงบ​แล้ว. มี​การ​ค้น​พบ​เพชร​ใน​ชั้น​ดิน​ที่​เรียก​ว่า​ชั้น​สี​น้ำเงิน ซึ่ง​อยู่​ใน​ปล่อง​ภูเขา​ไฟ​โบราณ.

ใน​ขณะ​เดียว​กัน หมู่​บ้าน​ที่​เป็น​เต็นท์​ซึ่ง​สร้าง​กัน​อย่าง​เร่ง​รีบ​ก็​ผุด​ขึ้น​มา และ​ต่อ​มา​ก็​เป็น​บ้าน​หลังคา​เหล็ก​ลูก​ฟูก. เนื่อง​จาก​มี​น้ำ​ไม่​เพียง​พอ​และ​ไม่​มี​ระบบ​สาธารณูปโภค หมู่​บ้าน​เหล่า​นี้​จึง​เป็น​แบบ​เรียบ​ง่าย หรือ​อยู่​ค่อนข้าง​ลำบาก. คน​ที่​มา​ใหม่​ต้อง​ทน​กับ​ฝุ่น​ที่​ลอย​ฟุ้ง​อยู่​ใน​อากาศ, ฝูง​แมลงวัน, ฤดู​ร้อน​ซึ่ง​ตอน​กลางวัน​อาจ​มี​อุณหภูมิ​สูง​ถึง 40 องศา​เซลเซียส และ​ฤดู​หนาว​ซึ่ง​บาง​คืน​อุณหภูมิ​ต่ำ​กว่า​จุด​เยือก​แข็ง. พวก​เขา​อด​ทน​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​นี้​เนื่อง​จาก​หวัง​ว่า​จะ​รวย.

แล้ว​เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​อาเดรียน ฟอน เวก เมื่อ​พวก​นัก​ขุด​เพชร​บุกรุก​เข้า​มา​ใน​ฟาร์ม​ของ​เขา? ตอน​แรก​เขา​อนุญาต​ให้​พวก​นัก​ขุด​เพชร​ขุด​พื้น​ที่​ส่วน​หนึ่ง​ใน​ฟาร์ม​เขา​โดย​ให้​จ่าย​ค่า​ธรรมเนียม​เล็ก​น้อย​เป็น​ราย​เดือน. แต่​เมื่อ​นัก​ขุด​เพชร​บุกรุก​เข้า​มา​ใน​ฟาร์ม​ของ​เขา​มาก​ขึ้น​เรื่อย ๆ สถานการณ์​เริ่ม​วุ่นวาย​จน​เกิน​กว่า​ที่​ฟอน เวก จะ​ควบคุม​ได้. เมื่อ​บริษัท​เหมือง​แห่ง​หนึ่ง​ยื่น​ข้อ​เสนอ​ว่า​จะ​ซื้อ​ฟาร์ม​ของ​เขา​ใน​ราคา 2,000 ปอนด์ เขา​ก็​ยินดี​ขาย, ลง​ราย​มือ​ชื่อ​ใน​เอกสาร, แล้ว​ก็​ออก​ไป​หา​ฟาร์ม​ที่​สงบ​เงียบ​กว่า.

ไม่​ไกล​จาก​ฟาร์ม​ของ​ฟอน เวก มี​ฟาร์ม​อีก​แห่ง​หนึ่ง ซึ่ง​เป็น​ของ​สอง​พี่​น้อง​ตระกูล​เดอ เบียร์. นามสกุล​ของ​พวก​เขา​ถูก​ใช้​เพื่อ​จด​ทะเบียน​บริษัท​ใน​เครือ​เหมือง​เดอ เบียรส์ ซึ่ง​ปัจจุบัน​นี้​ยัง​คง​ดำเนิน​กิจการ​อยู่​และ​เป็น​ผู้​ผลิต​เพชร​ราย​ใหญ่​ที่​สุด​ของ​โลก. เมือง​คิม​เบอร์ลีย์​ครอบ​คลุม​พื้น​ที่​ที่​เคย​เป็น​ฟาร์ม​ธรรมดา ๆ เหล่า​นั้น. การ​ขุด​หา​เพชร​ใน​ฟาร์ม​ของ​พี่​น้อง​เดอ เบียร์ นั้น​ทำ​กัน​อย่าง​เอา​จริง​เอา​จัง​มาก​เสีย​จน​มี​การ​ขุด​หลุม​ลึก​และ​กว้าง​ถึง​ขนาด​ที่​มี​การ​เรียก​กัน​ว่า หลุม​ยักษ์.

ก่อน​ที่​จะ​มี​การ​ค้น​พบ​เพชร​ใน​แอฟริกา​ใต้​ช่วง​แรก ๆ นั้น มี​การ​ทำ​เหมือง​รัตนชาติ​ชนิด​นี้​ใน​อินเดีย​และ​บราซิล. แต่​เพชร​ที่​หา​ได้​ไม่​เพียง​พอ​ต่อ​ความ​ต้องการ​ของ​ตลาด​โลก. เมื่อ​มี​การ​ค้น​พบ​เพชร​ปริมาณ​มาก​มาย​ใน​แอฟริกา​ใต้ อุตสาหกรรม​เพชร​ยุค​ใหม่​จึง​ถือ​กำเนิด​ขึ้น.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 8 กว่า​หนึ่ง​ร้อย​ปี​ต่อ​มา หน้าต่าง​บาน​นั้น​ที่​มี​รอย​ขีด​ลึก​ก็​ยัง​คง​จัด​แสดง​อยู่​ที่​พิพิธภัณฑสถาน​โคลส์​เบิร์ก​ของ​แอฟริกา​ใต้.

^ วรรค 13 บาง​ครั้ง​ชื่อ​ของ​เพชร​นี้​สับสน​กับ​เพชร​อีก​เม็ด​หนึ่ง​ที่​ชื่อ​ว่า​สตาร์​ออฟ​แอฟริกา.—ดู​กรอบ “เหมือง​พรีเมียร์” ที่​หน้า 16.

[กรอบ/ภาพ​หน้า 16, 17]

เหมือง​พรีเมียร์

ใน​ปี 1903 มี​เหมือง​เพชร​แห่ง​หนึ่ง​เริ่ม​ดำเนิน​กิจการ. เหมือง​นี้​ตั้ง​อยู่​ห่าง​ออก​ไป​ประมาณ 30 กิโลเมตร​ทาง​ตะวัน​ออก​ของ​เมือง​พริทอเรีย แอฟริกา​ใต้. เหมือง​นี้​ถูก​ตั้ง​ชื่อ​อย่าง​เหมาะ​สม​ว่า​เหมือง​พรีเมียร์ ซึ่ง​หมาย​ความ​ว่า​ที่​หนึ่ง. สอง​ปี​ต่อ​มา เมื่อ​หลุม​เหมือง​ถูก​ขุด​จน​ลึก​ถึง 10 เมตร คน​งาน​คน​หนึ่ง​ชี้​ไป​ที่​วัตถุ​สะท้อน​แสง​บน​ผนัง​หิน. ผู้​จัด​การ​ของ​เขา​ค่อย ๆ ปีน​ลง​ไป​และ​ใช้​มีด​พก​แงะ​วัตถุ​นั้น​ออก​มา. ตอน​นั้น​เขา​กำลัง​ถือ​เพชร​ดิบ​ที่​ใหญ่​ที่​สุด​ใน​โลก มัน​มี​ขนาด​พอ ๆ กับ​กำปั้น​คน. เพชร​ขนาด​ยักษ์​ซึ่ง​หนัก​ถึง 3,106 กะรัต​นี้​ถูก​ตั้ง​ชื่อ​ตาม​ผู้​ค้น​พบ​เหมือง​คือ โทมัส คัลลินัน. เมื่อ​เจียระไน​เพชร​คัลลินัน​แล้ว ก็​ได้​เพชร​ขนาด​ใหญ่​เก้า​เม็ด​และ​เพชร​เล็ก ๆ อีก 96 เม็ด. เพชร​เม็ด​หนึ่ง​ชื่อ​คัลลินัน 1 หรือ​เพชร​สตาร์​ออฟ​แอฟริกา เป็น​เพชร​ที่​เจียระไน​แล้ว​ที่​ใหญ่​ที่​สุด​ใน​โลก. เพชร​เม็ด​นี้​ประดับ​อยู่​บน​คทา​ของ​ราชวงศ์​อังกฤษ ดัง​ที่​เห็น​ใน​หน้า​นี้. แม้​เวลา​ผ่าน​ไป​หนึ่ง​ร้อย​ปี​แล้ว เหมือง​พรีเมียร์​ก็​ยัง​ดำเนิน​งาน​สม​กับ​ชื่อ​ของ​มัน​โดย​ได้​ผลิต​เพชร​ขนาด​ใหญ่​คุณภาพ​สูง​เป็น​จำนวน​มาก.

[รูปภาพ]

คทา​ของ​ราชวงศ์​อังกฤษ

เพชร​คัลลินัน​ที่​ยัง​ไม่​ได้​เจียระไน มี​ขนาด​พอ ๆ กับ​กำปั้น​ของ​คน

[กรอบ/ภาพ​หน้า 17]

ข้อ​เท็จ​จริง​เรื่อง​เพชร

◆ เพชร​เป็น​สาร​ธรรมชาติ​ที่​แข็ง​ที่​สุด​เท่า​ที่​มนุษย์​รู้​จัก.

◆ เพชร​เกิด​จาก​ธาตุ​คาร์บอน เช่น​เดียว​กับ​ไส้​ดินสอ​ดำ หรือ​แกรไฟต์. แต่​ทำไม​เพชร​จึง​แข็ง​แต่​ไส้​ดินสอ​จึง​อ่อน? ก็​เนื่อง​จาก​อะตอม​ของ​คาร์บอน​มี​การ​จัด​เรียง​ตัว​ไม่​เหมือน​กัน.

◆ มี​การ​วัด​น้ำหนัก​ของ​เพชร​เป็น​กะรัต. หนึ่ง​กะรัต​เท่า​กับ​หนึ่ง​ใน​ห้า​กรัม หรือ 200 มิลลิ​กรัม.

◆ บ่อย​ครั้ง ต้อง​ขุด​ร่อน​หิน, กรวด, และ​ทราย​ประมาณ 400 ตัน​เพื่อ​จะ​ได้​เพชร​หนึ่ง​กะรัต.

[กรอบ/ภาพ​หน้า 18]

หลุม​ยักษ์​ที่​คิมเบอร์ลี

ใน​ช่วง​สี่​ปี​ตั้ง​แต่ 1869 ถึง 1873 ประชากร​ที่​อาศัย​อยู่​รอบ ๆ เมือง​ซึ่ง​ปัจจุบัน​คือ​เมือง​คิมเบอร์ลี​ได้​เพิ่ม​ขึ้น​จาก​ที่​มี​ชาว​ไร่​ไม่​กี่​คน​เป็น 50,000 คน. หลาย​คน​เป็น​พวก​หวัง​รวย ซึ่ง​เดิน​ทาง​มา​จาก​ทุก​มุม​โลก. หลาย​พัน​คน​เดิน​เท้า​จาก​ท่า​เรือ​เมือง​เคปทาวน์​ซึ่ง​อยู่​ไกล​ออก​ไป​ถึง 1,000 กิโลเมตร. โดย​ใช้​อีเต้อ​และ​พลั่ว พวก​เขา​ขุด​จน​ภูเขา​กลาย​เป็น​หลุม​ที่​ใหญ่​ที่​สุด​เท่า​ที่​เคย​ขุด​ด้วย​มือ​มนุษย์. เมื่อ​เลิก​ขุด หลุม​นี้​ลึก​ถึง 240 เมตร. การ​ทำ​เหมือง​ใต้​ดิน​มี​ต่อ​ไป​ถึง​ระดับ​ความ​ลึก 1,097 เมตร. สารานุกรม​ฉบับ​มาตรฐาน​แห่ง​แอฟริกา​ใต้ (ภาษา​อังกฤษ) กล่าว​ว่า พอ​ถึง​ปี 1914 เมื่อ​การ​ทำ​เหมือง​ยุติ​ลง​ทั้ง​หมด​แล้ว มี​การ​ขน​ดิน​ออก​ไป​ถึง “25 ล้าน​ตัน.” สารานุกรม​นี้​ยัง​บอก​ด้วย​ว่า จาก​หิน​และ​ดิน​ทั้ง​หมด​นั้น มี​การ​ค้น​พบ​เพชร​สาม​ตัน ซึ่ง​มี​มูลค่า​กว่า 47,000,000 ปอนด์.

[ภาพ​หน้า 17]

นาย​แพทย์​เอเทอร์สโตน

[ภาพ​หน้า 17]

ชอล์ก ฟอน นีเคิร์ก

[ภาพ​หน้า 17]

เพชร​ยูเรกา

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

De Beers Consolidated Mines Ltd.

[ภาพ​หน้า 18]

เพชร​สตาร์​ออฟ​เซาท์​แอฟริกา

[ภาพ​หน้า 18, 19]

หลุม​ยักษ์​ใน​ปี 1875. ผู้​อ้าง​สิทธิ​หลาย​ร้อย​ราย​ใช้​เชือก​หย่อน​คน​งาน​ลง​ไป​ใน​หลุม​และ​ขน​ดิน​ที่​มี​เพชร​อยู่​ขึ้น​ไป

[ภาพ​หน้า 19]

การ​ตื่น​เพชร​ทำ​ให้​เกิด​ค่าย​พัก​คน​งาน​เหมือง​ซึ่ง​รีบ​เร่ง​สร้าง​กัน​ขึ้น​มา

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 16]

Crown ©/The Royal Collection © 2005, Her Majesty Queen Elizabeth II; Photo: www.comstock.com

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 16]

Photo by Fox Photos/Getty Images

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 17]

Portraits: From the book The Grand Old Days of the Diamond Fields by George Beet

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 18]

Photos: De Beers Consolidated Mines Ltd.

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 19]

Photos: De Beers Consolidated Mines Ltd.