ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ผมจะ “เต้นได้ดุจดังอีเก้ง”

ผมจะ “เต้นได้ดุจดังอีเก้ง”

ผม​จะ “เต้น​ได้​ดุจ​ดัง​อีเก้ง”

เล่า​โดย​ฟรานเชสโก อับบาเตมาร์โก

“ทำไม​พระเจ้า​จึง​ปล่อย​ให้​เรื่อง​นี้​เกิด​ขึ้น? ทำไม​ต้อง​เป็น​ผม?” ผม​ถาม​คำ​ถาม​เหล่า​นี้​มา ไม่​รู้​สัก​กี่​ครั้ง​แล้ว! ผม​รับ​ไม่​ได้​เมื่อ​คิด​ว่า จะ​ต้อง​นั่ง​เก้าอี้​ล้อ​ไป​ชั่ว​ชีวิต​โดย​ไม่​อาจ ใช้​แขน​หรือ​ขา​ได้​เลย.

ใน​ปี 1962 ที่​เมือง​เล็ก ๆ เขต​บาซิลิกาตา​ของ​อิตาลี ชีวิต​ของ​ผม​เกือบ​จะ​สิ้น​สุด​ลง​ตั้ง​แต่​วัน​แรก​ที่​ผม​ลืม​ตา​ดู​โลก. คุณ​แม่​คลอด​ผม​ด้วย​ความ​ยาก​ลำบาก และ​คุณ​หมอ​ได้​ฉีด​ยา​ที่​มี​ผล​ข้าง​เคียง​อย่าง​แรง​ให้​ผม. สาม​วัน​ต่อ​มา ร่าง​น้อย ๆ ของ​ผม​ก็​ชัก​กระตุก​อย่าง​แรง. แขน​และ​ขา​ของ​ผม​เป็น​อัมพาต​และ​กล่อง​เสียง​ได้​รับ​ความ​เสียหาย.

เมื่อ​ผม​โต​ขึ้น ความ​ข้องขัดใจ​กับ​สภาพ​ร่าง​กาย​ของ​ตัว​เอง​ทำ​ให้​ผม​จม​อยู่​ใน​ความ​ทุกข์. ผม​กลาย​เป็น​คน​โมโห​ง่าย​และ​มัก​จะ​ตะคอก​ใส่​คน​ที่​อยู่​ใกล้ ๆ. ผม​รู้สึก​เหมือน​ถูก​ตัด​ขาด​จาก​คน​ทั้ง​โลก​และ​ชีวิต​ของ​ผม​ไร้​ความ​หมาย. พอ​อายุ 25 ปี ผม​รู้สึก​หมด​อาลัย​ตาย​อยาก​ใน​ชีวิต. เนื่อง​จาก​ไม่​เข้าใจ​เลย​ว่า​เหตุ​ใด​พระเจ้า​จึง​ปล่อย​ให้​ผม​ทน​ทุกข์​แสน​สาหัส​ถึง​เพียง​นี้ ผม​จึง​ได้​ข้อ​สรุป​ที่​ดู​มี​เหตุ​ผล​ว่า พระเจ้า​ไม่​มี​จริง.

ทัศนะ​ที่​เปลี่ยน​ไป

เช้า​วัน​หนึ่ง​ช่วง​ปลาย​ปี 1987 ขณะ​ที่​ผม​กำลัง​นั่ง​อยู่​นอก​บ้าน​บน​เก้าอี้​ล้อ​ของ​ผม มี​ชาย​หนุ่ม​สอง​คน​แต่ง​กาย​เรียบร้อย​เดิน​เข้า​มา​หา​ผม. ผม​คิด​ว่า​เขา​คง​อยาก​คุย​กับ​พี่​ชาย ผม​จึง​พยายาม​บอก​พวก​เขา​ด้วย​ความ​ยาก​ลำบาก​ว่า​พี่​ชาย​ไม่​อยู่​บ้าน. พวก​เขา​ตอบ​ว่า “แต่​เรา​อยาก​คุย​กับ​คุณ.” นั่น​ทำ​ให้​ผม​แปลก​ใจ​เพราะ​แทบ​ไม่​มี​ใคร​อยาก​คุย​กับ​ผม.

พวก​เขา​ถาม​ว่า “คุณ​เชื่อ​ว่า​มี​พระเจ้า​ไหม?” ผม​ตอบ​ห้วน ๆ ว่า “ผม​เป็น​แบบ​นี้​แล้ว​ยัง​จะ​ให้​ผม​เชื่อ​อีก​หรือ?” เรา​เริ่ม​สนทนา​กัน และ​ผม​ได้​มา​รู้​ว่า​พวก​เขา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา. พวก​เขา​เสนอ​หนังสือ​ชีวิต​เกิด​ขึ้น​มา​อย่าง​ไร—โดย​วิวัฒนาการ​หรือ​มี​ผู้​สร้าง? * ซึ่ง​ผม​ก็​รับ​ไว้​อย่าง​เสีย​ไม่​ได้. พวก​เขา​บอก​ว่า​จะ​กลับ​มา​อีก. ผม​หวัง​ว่า​เขา​จะ​ไม่​ทำ​อย่าง​ที่​พูด.

พยาน​ฯ สอง​คน​กลับ​มา​เยี่ยม​ผม​ตาม​ที่​สัญญา​ไว้ และ​เรา​ก็​คุย​กัน​อีก. ผม​จำ​ข้อ​คัมภีร์​ที่​พวก​เขา​อ่าน​ให้​ฟัง​ได้ ข้อ​นั้น​อยู่​ที่​ยะซายา 35:5, 6 ซึ่ง​บอก​ว่า “ขณะ​นั้น​ตา​ของ​คน​ตา​บอด​จะ​เห็น​ได้, และ​หู​ของ​คน​หู​หนวก​จะ​ยิน​ได้. แล้ว​คน​ง่อย​จะ​เต้น​ได้​ดุจ​ดัง​อีเก้ง, และ​ลิ้น​ของ​คน​ใบ้​จะ​ร้อง​เพลง.” ถ้อย​คำ​เหล่า​นี้​ฟัง​ดู​ดี​มาก​แต่​ก็​ต่าง​จาก​ชีวิต​จริง​ของ​ผม​อย่าง​สิ้นเชิง. อย่า​ว่า​แต่​จะ​กระโดด​โลด​เต้น​เหมือน​อีเก้ง​เลย แค่​ยืน​ผม​ก็​ยืน​ไม่​ได้​ด้วย​ซ้ำ. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ผม​ตก​ลง​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พวก​เขา แต่​ผม​ไม่​เชื่อ​ว่า​คัมภีร์​ไบเบิล​จะ​ช่วย​แก้​ปัญหา​ของ​ผม​ใน​ตอน​นั้น​ได้. ความ​คิด​ที่​ว่า​ผม​จะ​หาย​พิการ​ใน​วัน​ข้าง​หน้า​เป็น​ความ​หวัง​ที่​ดู​เหมือน​ไม่​มี​วัน​เป็น​จริง​ได้​เลย.

หลัง​จาก​นั้น​สัก​ระยะ​หนึ่ง พยาน​ฯ ชวน​ผม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ที่​หอ​ประชุม​ของ​พวก​เขา. ผม​จำ​คำ​บรรยาย​เกี่ยว​กับ​พระ​คัมภีร์​ไม่​ได้ แต่​ผม​จะ​ไม่​มี​วัน​ลืม​ความ​อบอุ่น​และ​ความ​รัก​ที่​พยาน​ฯ มี​ต่อ​ผม​เลย. แทน​ที่​จะ​แสดง​ท่า​ว่า​รู้สึก​สงสาร​ผม​เหลือ​เกิน พวก​เขา​กลับ​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​ว่า​ได้​รับ​การ​ต้อนรับ​จริง ๆ. วัน​อาทิตย์​นั้น​เอง​ที่​ผม​รู้​ว่า หอ​ประชุม​นี่​แหละ​เป็น​ที่​สำหรับ​ผม​อย่าง​แท้​จริง และ​ผม​เริ่ม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ต่าง ๆ เป็น​ประจำ.

อุปสรรค​ที่​ต้อง​เอา​ชนะ

การ​ศึกษา​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ส่ง​ผล​กระทบ​ต่อ​หัวใจ​ของ​ผม​อย่าง​มาก. พระ​คำ​ของ​พระองค์​เปรียบ​เหมือน​น้ำ​เลี้ยง​ซึ่ง​เริ่ม​หล่อ​เลี้ยง​ต้น​ไม้​ที่​เหี่ยว​เฉา​อีก​ครั้ง. ความ​รู้สึก​ที่​ผม​คิด​ว่า​คง​หาย​ไป​ตลอด​กาล​นั้น​ก็​กลับ​มา​อีก. ช่าง​วิเศษ​จริง ๆ ที่​ผม​กลับ​มา​มี​ชีวิต​ชีวา​อีก​ครั้ง! ผม​รู้สึก​อยาก​บอก​คน​อื่น​เรื่อง​ความ​หวัง​อัน​ยอด​เยี่ยม​ของ​ตัว​ผม​เอง. (มัดธาย 24:14) แต่​ผม​จะ​เริ่ม​ประกาศ​อย่าง​ไร​ล่ะ? ผม​อธิษฐาน​อย่าง​จริงจัง​เกี่ยว​กับ​ความ​ปรารถนา​ใน​เรื่อง​นี้ ทูล​ขอ​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ช่วย​ชี้​ทาง​ให้​ผม.

ใน​เดือน​กันยายน​ปี 1991 ไพโอเนียร์​คน​หนึ่ง (ผู้​เผยแพร่​เต็ม​เวลา) ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​มา​รับใช้​ที่​ประชาคม​ของ​เรา. วัน​หนึ่ง​ขณะ​อยู่​ที่​บ้าน​ของ​ไพโอเนียร์​คน​นั้น ผม​เล่า​ให้​เขา​ฟัง​ว่า​ผม​อยาก​ออก​ไป​ประกาศ. ผม​ไม่​สามารถ​พูด​ได้​เหมือน​คน​ปกติ ดัง​นั้น​เรา​จึง​คุย​กัน​ถึง​เรื่อง​ที่​จะ​ใช้​เครื่อง​พิมพ์ดีด​เพื่อ​เขียน​จดหมาย. แต่​อุปสรรค​ก็​คือ​แขน​ของ​ผม​เป็น​อัมพาต. ผม​จึง​พยายาม​หลาย​วิธี​โดย​ได้​รับ​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​ไพโอเนียร์​คน​นั้น. ผม​ลอง​ใช้​ปาก​คาบ​ดินสอ​และ​กด​ที่​แป้น​พิมพ์ดีด. ต่อ​มา ผม​ลอง​เอา​ไม้​มัด​ติด​กับ​หมวก​นิรภัย​และ​ขยับ​ศีรษะ​เพื่อ​จะ​เคาะ​แป้น​พิมพ์. แต่​ดู​เหมือน​ไม่​ได้​ผล​เลย.

ต่อ​มา ขณะ​ที่​เรา​กำลัง​คุย​กัน​เกี่ยว​กับ​ปัญหา​นี้ ไพโอเนียร์​คน​เดียว​กัน​ก็​พูด​อย่าง​ติด​ตลก​ว่า “จมูก​คุณ​สวย​มาก​นะ.” ผม​ก็​ลอง​เอา​จมูก​เคาะ​แป้น​พิมพ์​ทันที​แล้ว​ก็​รู้สึก​ว่า​ได้​ผล. ใน​ที่​สุด ผม​ก็​เขียน​จดหมาย​ได้. ลอง​นึก​ดู​สิ​ว่า​ผม​ต้อง​พยายาม​มาก​แค่​ไหน​เพื่อ​จะ​ใช้​จมูก​แก้​คำ​ที่​สะกด​ผิด! ไม่​ช้า​เรา​ก็​เห็น​ว่า​การ​ใช้​คอมพิวเตอร์​คง​จะ​ง่าย​กว่า​มาก. แต่​ผม​จะ​หา​เงิน​จาก​ที่​ไหน​มา​ซื้อ​ล่ะ? ผม​คอย​จน​ได้​โอกาส​เหมาะ​และ​พูด​เรื่อง​นี้​กับ​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่. ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น ผม​จึง​ใช้​คอมพิวเตอร์​เขียน​จดหมาย.

ความ​ปรารถนา​ของ​ผม​บรรลุ​ผล

ที​แรก ผม​เขียน​ถึง​เพื่อน​และ​ญาติ จาก​นั้น​ก็​เขียน​ถึง​ผู้​คน​ใน​เมือง​ที่​ผม​อยู่​และ​เมือง​ใกล้​เคียง. ไม่​นาน ผม​ก็​เขียน​จดหมาย​โต้​ตอบ​กับ​ผู้​คน​ทั่ว​อิตาลี. ผม​บรรยาย​ไม่​ถูก​เลย​ว่า​ทุก​ครั้ง​ที่​ได้​รับ​จดหมาย​ตอบ​กลับ​มา​ผม​มี​ความ​สุข​มาก​แค่​ไหน. เดือน​ธันวาคม​ปี 1991 ผม​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​เป็น​ผู้​ประกาศ​ข่าว​ดี​ที่​ยัง​ไม่​รับ​บัพติสมา. ผม​ยัง​สมัคร​เป็น​นัก​เรียน​ใน​โรง​เรียน​การ​รับใช้​ตาม​ระบอบ​ของ​พระเจ้า ซึ่ง​จัด​ขึ้น​ทุก​สัปดาห์​ใน​ประชาคม​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. เมื่อ​ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ขึ้น​บรรยาย ผม​เตรียม​ตัว​อย่าง​ดี​โดย​ใช้​คอมพิวเตอร์​ที่​บ้าน. ณ การ​ประชุม เพื่อน​คน​หนึ่ง​จะ​ขึ้น​ไป​บน​เวที​และ​อ่าน​เนื้อหา​ที่​ผม​เตรียม​ไว้.

ผม​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​เสมอ​ที่​พระองค์​ทรง​แสดง​ความ​รัก​ต่อ​ผม ผม​รู้​ว่า​ขั้น​ต่อ​ไป​ที่​จะ​ก้าว​หน้า​ฝ่าย​วิญญาณ​คือ​การ​อุทิศ​ชีวิต​ของ​ผม​แด่​พระเจ้า​และ​รับ​บัพติสมา. ผม​รวบ​รวม​ความ​กล้า​และ​บอก​ให้​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​ทราบ​เรื่อง​การ​ตัดสิน​ใจ​ของ​ผม. พวก​ท่าน​ไม่​ค่อย​พอ​ใจ​เท่า​ไร​นัก แต่​ความ​ปรารถนา​ของ​ผม​ที่​จะ​รับ​บัพติสมา​นั้น​แรง​กล้า​กว่า​ความ​กลัว. ด้วย​การ​ช่วยเหลือ​จาก​พระ​ยะโฮวา​และ​เพื่อน ๆ พยาน​ฯ ผม​จึง​รับ​บัพติสมา​ใน​เดือน​สิงหาคม​ปี 1992. ช่าง​น่า​ยินดี​สัก​เพียง​ไร​ที่​พี่​ชาย​และ​พี่​สะใภ้​มา​ร่วม​ประชุม​ใน​วัน​ที่​ผม​รับ​บัพติสมา​ด้วย!

ความ​คิด​ของ​ผม​เปลี่ยน​ไป

เมื่อ​ผม​ค่อย ๆ เข้าใจ​หลักการ​ต่าง ๆ ที่​มี​อยู่​ใน​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​มาก​ขึ้น ผม​ก็​เห็น​ว่า​ผม​จำเป็น​ต้อง​เปลี่ยน​นิสัย​ที่​ไม่​ดี​ของ​ผม. ผม​ตระหนัก​ว่า​เนื่อง​จาก​มี​สภาพ​ร่าง​กาย​เช่น​นี้ ผม​จึง​กลาย​เป็น​คน​ใจ​แคบ​และ​เห็น​แก่​ตัว. ผม​ต้อง​พยายาม​อย่าง​มาก​ที่​จะ​ขจัด​นิสัย​ที่​ไม่​ดี​เหล่า​นี้. ผม​ต้อง​มี​ความ​ถ่อม​ใจ​และ​พยายาม​เอา​ชนะ​ความ​ข้องขัดใจ​ที่​มี​อยู่​เรื่อย​มา​เนื่อง​จาก​ผม​ต้อง​พึ่ง​พา​คน​อื่น​มา​ตลอด.

นอก​จาก​นี้ ผม​ยัง​ต้อง​พยายาม​เลิก​สงสาร​ตัว​เอง​และ​เลิก​คิด​ว่า​ผม​เป็น​คน​ที่​โชค​ร้าย. ผม​เริ่ม​มี​อารมณ์​ขัน​กับ​บาง​เรื่อง. วัน​หนึ่ง​ขณะ​ที่​ผม​ประกาศ​ตาม​บ้าน เด็ก​ผู้​หญิง​ตัว​น้อย ๆ คน​หนึ่ง​มา​เปิด​ประตู. พยาน​ฯ คน​หนึ่ง​ที่​มา​กับ​ผม​ถาม​เด็ก​คน​นั้น​ว่า​พ่อ​แม่​ของ​เธอ​อยู่​บ้าน​ไหม. เด็ก​หญิง​ตะโกน​ออก​มา​ว่า “แม่​คะ มี​ผู้​ชาย​สอง​คน​กับ​คน​ป่วย​หนึ่ง​คน​มา​หา​ที่​หน้า​ประตู​บ้าน​ค่ะ.” เมื่อ​เห็น​ผม ผู้​เป็น​แม่​รู้สึก​อาย​มาก​จน​ไม่​รู้​ว่า​จะ​พูด​อะไร. เพื่อน​คน​หนึ่ง​ของ​ผม​จึง​พูด​ว่า “จริง ๆ แล้ว เรา​คือ​ผู้​ชาย​สอง​คน​ที่​ป่วย​ส่วน​อีก​คน​หนึ่ง​แข็งแรง​ดี​ครับ.” เรา​ทุก​คน​ยิ้ม​ออก​มา​ได้​และ​มี​โอกาส​สนทนา​กัน​เป็น​อย่าง​ดี.

ความ​ปรารถนา​ที่​จะ​รับใช้​มาก​ขึ้น

หลัง​จาก​รับ​บัพติสมา​ผม​ก็​เป็น​ไพโอเนียร์​สมทบ​ได้​เก้า​เดือน​โดย​ใช้​เวลา​ประกาศ​เดือน​ละ 60 ชั่วโมง. แต่​ผม​อยาก​ทำ​มาก​กว่า​นั้น​อีก. ไม่​นาน ผม​ก็​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ​โดย​อุทิศ​เวลา​มาก​ขึ้น​อีก​ใน​งาน​ประกาศ. การ​เป็น​ไพโอเนียร์​ใน​ช่วง​สอง​สาม​เดือน​แรก​ไม่​ใช่​เรื่อง​ง่าย​เลย. หลาย​คน​คิด​ว่า​ผม​มา​ที่​หน้า​ประตู​บ้าน​เพื่อ​ขอ​เงิน และ​นี่​ทำ​ให้​ผม​และ​พยาน​ฯ ที่​ไป​ด้วย​รู้สึก​อาย.

นอก​จาก​นี้ หลาย​คน​ใน​ประชาคม​ยัง​ไม่​ค่อย​เข้าใจ​ใน​สิ่ง​ที่​ผม​พูด​และ​ไม่​แน่​ใจ​ว่า​ควร​ช่วย​ผม​อย่าง​ไร​ถึง​จะ​ดี​ที่​สุด. แต่​ด้วย​การ​ช่วยเหลือ​จาก​พระ​ยะโฮวา​และ​การ​สนับสนุน​อย่าง​ไม่​เห็น​แก่​ตัว​ของ​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​ฝ่าย​วิญญาณ ไม่​นาน​สถานการณ์​ก็​ดี​ขึ้น. ตอน​นี้ ผู้​คน​ไม่​ได้​คิด​ว่า​ผม​เป็น​ชาย​พิการ​ที่​นั่ง​เก้าอี้​ล้อ​เท่า​นั้น แต่​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​พยายาม​ช่วย​คน​อื่น ๆ เรียน​รู้​พระ​ประสงค์​ของ​พระเจ้า.

ใน​เดือน​กรกฎาคม​ปี 1994 ผม​ได้​เข้า​โรง​เรียน​ไพโอเนียร์​ซึ่ง​เป็น​หลัก​สูตร​อบรม​พิเศษ​สอง​สัปดาห์. ที่​นั่น เรา​เรียน​หลักการ​ต่าง ๆ ใน​พระ​คัมภีร์​ที่​ชี้​แนะ​เรื่อง​การ​ประกาศ​และ​งาน​ทำ​ให้​คน​เป็น​สาวก. เรา​ยัง​ได้​ฝึก​ทำ​งาน​รับใช้​ใน​ภาค​ปฏิบัติ​ด้วย. ผม​ต้อง​เอา​ชนะ​อุปสรรค​เพื่อ​จะ​เข้า​ร่วม​ใน​โรง​เรียน​นี้ เนื่อง​จาก​สถาน​ที่​ที่​จัด​ชั้น​เรียน​อยู่​ห่าง​จาก​บ้าน​ผม​ประมาณ 60 กิโลเมตร. เป็น​เรื่อง​ที่​เป็น​ไป​ไม่​ได้​เลย​ที่​ผม​จะ​นอน​ค้าง​คืน​ที่​อื่น ดัง​นั้น​พยาน​ฯ จึง​ผลัด​กัน​มา​พา​ผม​ไป​โรง​เรียน​ตอน​เช้า​และ​มา​ส่ง​ที่​บ้าน​ตอน​เย็น. ใน​ช่วง​พัก​เที่ยง​จะ​มี​คน​หนึ่ง​อุ้ม​ผม​ขึ้น​ไป​บน​ชั้น​สอง​ซึ่ง​เรา​ทุก​คน​จะ​รับประทาน​อาหาร​ร่วม​กัน.

หน้า​ที่​รับผิดชอบ​ที่​ใหญ่​หลวง

ใน​เดือน​มีนาคม​ปี 2003 ผม​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​เป็น​ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม. หน้า​ที่​มอบหมาย​เช่น​นั้น​เรียก​ร้อง​ให้​ผม​ต้อง​ทำ​งาน​หนัก​เพื่อ​คน​อื่น ๆ. ตอน​นี้​ผม​เข้าใจ​อย่าง​ถ่องแท้​ว่า​พระ​เยซู​หมาย​ถึง​อะไร​เมื่อ​พระองค์​ตรัส​ว่า “การ​ให้​เป็น​เหตุ​ให้​มี​ความ​สุข​ยิ่ง​กว่า​การ​รับ.” (กิจการ 20:35) ผม​ทำ​งาน​ร่วม​กับ​คณะ​ผู้​ปกครอง​ที่​ดี​เยี่ยม และ​พวก​เขา​ช่วย​ผม​ปรับ​ตัว​เพื่อ​รับ​เอา​หน้า​ที่​ผู้​ปกครอง. พี่​น้อง​ทุก​คน​ใน​ประชาคม​หยั่ง​รู้​ค่า​ผม โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​หนุ่ม​สาว​ใน​ประชาคม และ​พวก​เขา​มัก​จะ​ชวน​ผม​ไป​ร่วม​ทำ​กิจกรรม​ต่าง ๆ ด้วย​กัน. พวก​เขา​เห็น​วิธี​ที่​ผม​เอา​ชนะ​อุปสรรค​ต่าง ๆ เพื่อ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา และ​หลาย​คน​ขอ​ให้​ผม​ช่วย​พวก​เขา​ใน​การ​รับมือ​กับ​ปัญหา​ของ​ตน.

ผม​ได้​เรียน​รู้​ว่า​สภาพ​ร่าง​กาย​ของ​คน​เรา​ไม่​ใช่​ปัจจัย​สำคัญ​ที่​ทำ​ให้​คน​เรา​มี​ความ​สุข. ที่​จริง การ​ได้​รับ​ความ​พอ​พระทัย​จาก​พระ​ยะโฮวา​และ​การ​ทำ​ตาม​พระทัย​ประสงค์​ของ​พระองค์​ต่าง​หาก​คือ​สิ่ง​สำคัญ. ผม​ขอบคุณ​พระองค์​โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​สำหรับ​ความ​หวัง​อัน​ยอด​เยี่ยม​ที่​ว่า ใน​ไม่​ช้า​ผม​จะ​ไม่​ต้อง​ใช้​เก้าอี้​ล้อ​อีก​ต่อ​ไป. ใช่​แล้ว ผม​คอย​ท่า​ที่​จะ “เต้น​ได้​ดุจ​ดัง​อีเก้ง” และ​รับใช้​พระเจ้า​เที่ยง​แท้​ตลอด​ไป.—ยะซายา 35:5, 6.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 8 จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

[ภาพ​หน้า 22]

ตอน​นี้ ผู้​คน​ไม่​ได้​คิด​ว่า​ผม​เป็น​ชาย​พิการ​ที่​นั่ง​เก้าอี้​ล้อ​เท่า​นั้น แต่​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​พยายาม​ช่วย​คน​อื่น ๆ ให้​เรียน​รู้​พระ​ประสงค์​ของ​พระเจ้า

[ภาพ​หน้า 21]

ผม​เตรียม​ตัว​สำหรับ​การ​ประชุม​ประชาคม​โดย​ใช้​จมูก​พิมพ์