ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ผมได้รับการช่วยให้พ้นจากความทุกข์ยากทั้งสิ้น

ผมได้รับการช่วยให้พ้นจากความทุกข์ยากทั้งสิ้น

ผม​ได้​รับ​การ​ช่วย​ให้​พ้น​จาก​ความ​ทุกข์​ยาก​ทั้ง​สิ้น

เล่า​โดย ชอง-โคลด ฟรองซัว

เนื่อง​จาก​ผม​ทำ​ตาม​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ที่​ได้​รับ​การ​ฝึกฝน​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล ผม​จึง​ต้อง​ทน​ถูก​จำ​คุก​ถึง​เจ็ด​ปี​ใน​เรือน​จำ​มาก​กว่า​สิบ​แห่ง. ทั้ง ๆ ที่​ผม​ต้อง​อด​ทน​กับ​ความ​ทุกข์​ลำบาก​มาก​มาย แต่​ผม​ก็​ยัง​คิด​ว่า​พระเจ้า​ทรง​อวย​พร​ผม. ให้​ผม​เล่า​ว่า​เป็น​เพราะ​อะไร.

ผม​เกิด​ที่​กรุง​แอลเจียร์ ประเทศ​แอลจีเรีย เมื่อ​วัน​ที่ 9 มกราคม 1937. ตอน​นั้น​ฝรั่งเศส​ปกครอง​ประเทศ​แอลจีเรีย​อยู่ และ​พ่อ​ของ​ผม​ก็​เป็น​นาย​ทหาร​ใน​กองทัพ​บก​ฝรั่งเศส. งาน​ของ​พ่อ​ทำ​ให้​ท่าน​ต้อง​เดิน​ทาง​ไป​อียิปต์, อิรัก, เลบานอน, และ​ซีเรีย​ครั้ง​ละ​หลาย​เดือน และ​แทบ​ไม่​มี​เวลา​ให้​กับ​ลูก ๆ ห้า​คน​ของ​ท่าน​เลย.

ผม​ชอบ​ไป​โรง​เรียน​และ​มี​ผล​การ​เรียน​ที่​ดี. แต่​ผม​สับสน​กับ​คำ​ถาม​ต่าง ๆ อย่าง​เช่น ทำไม​คน​เรา​จึง​ตาย และ​จะ​มี​ความ​ชั่ว​ได้​อย่าง​ไร​ถ้า​พระเจ้า​มี​อำนาจ​สูง​สุด​และ​ดี​ยอด​เยี่ยม? ผม​ไม่​ได้​รับ​คำ​ตอบ​ที่​น่า​พอ​ใจ. ผม​ยัง​อยาก​รู้​ด้วย​ว่า​ชีวิต​เกิด​ขึ้น​มา​อย่าง​ไร. ทฤษฎี​วิวัฒนาการ​ของ​ดาร์วิน​ดู​เหมือน​เป็น​คำ​อธิบาย​เพียง​อย่าง​เดียว​ที่​มี​เหตุ​ผล​ที่​สุด ดัง​นั้น ต่อ​มา​ผม​จึง​กลาย​เป็น​คน​ที่​ไม่​เชื่อ​ว่า​มี​พระเจ้า.

ได้​รับ​คำ​ตอบ​ใน​ที่​สุด!

ใน​ปี 1954 เพื่อน​คน​หนึ่ง​ชื่อ ชอช ซึ่ง​ตอน​นั้น​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​แล้ว ได้​ให้​หนังสือ​เล่ม​เล็ก​เล่ม​หนึ่ง​แก่​ผม​ซึ่ง​มี​ชื่อ​ว่า วิวัฒนาการ​ปะทะ​โลก​ใหม่. * ผม​อ่าน​หนังสือ​เล่ม​นั้น​อย่าง​เอา​จริง​เอา​จัง. นอก​จาก​จะ​เผย​ให้​เห็น​ข้อ​บกพร่อง​ของ​ทฤษฎี​วิวัฒนาการ หนังสือ​นั้น​ยัง​เผย​ด้วย​ว่า​หลักฐาน​ทาง​ฟอสซิล​ยืน​ยัน​ว่า​เรื่อง​ราว​ใน​พระ​ธรรม​เยเนซิศ​เป็น​ความ​จริง ซึ่ง​บอก​ว่า​พระเจ้า​สร้าง​สิ่ง​มี​ชีวิต​ทุก​อย่าง “ตาม​ชนิด​ของ​มัน.” (เยเนซิศ 1:12, 25) แต่​คำ​ถาม​เรื่อง​ความ​ชั่ว​ยัง​ค้าง​คา​ใจ​ผม​อยู่.

ชอช​เป็น​ไพโอเนียร์ หรือ​ผู้​เผยแพร่​เต็ม​เวลา และ​อุทิศ​เวลา​มาก​ที​เดียว​ใน​การ​สอน​คน​อื่น​เรื่อง​คัมภีร์​ไบเบิล หนังสือ​ซึ่ง​ผม​ยัง​ไม่​เคย​ได้​อ่าน​เลย. เขา​จะ​ตอบ​คำ​ถาม​ของ​ผม​ได้​ไหม? ผม​ไป​หา​เขา​ที่​อพาร์ตเมนต์​เล็ก ๆ ที่​เขา​แบ่ง​กัน​อยู่​กับ​ไพโอเนียร์​คน​อื่น ๆ แล้ว​ผม​ก็​ได้​รับ​คำ​ตอบ​จาก​พระ​คัมภีร์​สำหรับ​คำ​ถาม​หลาย​ข้อ. หลัง​จาก​นั้น ผม​ก็​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​อย่าง​เป็น​ระบบ ซึ่ง​ทำ​ให้​ผม​มี​ความ​สุข​มาก. ตั้ง​แต่​นั้น​มา ผม​ไม่​เคย​เบื่อ​ที่​จะ​ค้นคว้า​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​เพื่อ​เสาะ​แสวง​หา​ทรัพย์​อัน​ล้ำ​ค่า​ที่​ทำ​ให้​ความ​เชื่อ​เข้มแข็ง​ขึ้น.—สุภาษิต 2:1-5.

ผม​ยัง​เริ่ม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​คริสเตียน​อีก​ด้วย ซึ่ง​จัด​ขึ้น​ที่​ชั้น​ใต้​ดิน​ของ​ร้าน​อาหาร​แห่ง​หนึ่ง​ใจ​กลาง​กรุง​แอลเจียร์. พวก​พยาน​ฯ ต้อนรับ​ผม​ด้วย​ความ​อบอุ่น และ​ไม่​นาน​ผม​ก็​เริ่ม​มา​ร่วม​ประชุม​เป็น​ประจำ. เมื่อ​มี​คำ​ประกาศ​ว่า​จะ​มี​การ​ประชุม​ที่​ถนน​สาย​หนึ่ง ผม​ก็​ตัดสิน​ใจ​ไป​ร่วม​ด้วย. เมื่อ​ไป​ถึง ผม​ก็​ได้​รู้​ว่า​พยาน​ฯ ประชุม​กัน​ที่​นั่น​เพื่อ​ไป​ประกาศ​ตาม​บ้าน. (กิจการ 20:20) ถึง​กระนั้น​ผม​ก็​อยู่​ต่อ และ​ผม​ก็​ได้​มา​รู้​จัก​งาน​เผยแพร่​ตาม​บ้าน​ด้วย​วิธี​นั้น​เอง.

เมื่อ​ผม​ออก​ไป​ให้​คำ​พยาน​เป็น​ครั้ง​ที่​สาม ผม​ก็​ได้​พูด​กับ​เจ้าของ​บ้าน​ด้วย​ตัว​เอง. ที่​หน้า​ประตู​บ้าน​หลัง​หนึ่ง ผม​หา​ข้อ​คัมภีร์​ที่​ผม​อ้าง​ถึง​ไม่​พบ. เจ้าของ​บ้าน​จึง​บอก​ว่า “หนุ่ม​น้อย รอ​ให้​เธอ​เก่ง​กว่า​นี้​แล้ว​ค่อย​มา​สอน​คน​อื่น​เถอะ.” แล้ว​เขา​ก็​ปิด​ประตู. ด้วย​ความ​ข้องขัดใจ ผม​นั่ง​ลง​ที่​ม้า​นั่ง​และ​หา​ข้อ​คัมภีร์​ที่​ผม​หา​ไม่​เจอ. เมื่อ​ผม​พบ​ข้อ​นั้น​ใน​อีก​ไม่​กี่​นาที​ต่อ​มา ผม​ก็​กลับ​ไป​และ​เปิด​ให้​ชาย​คน​นั้น​ดู.

ผม​รับ​บัพติสมา​เพื่อ​เป็น​สัญลักษณ์​แห่ง​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระเจ้า​เมื่อ​วัน​ที่ 4 มีนาคม 1956. หก​เดือน​ต่อ​มา​ผม​ต้อง​ทำ​การ​ตัดสิน​ใจ​ครั้ง​สำคัญ. ผม​จะ​รับใช้​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ หรือ​ผม​จะ​รับ​งาน​เป็น​ครู​ใน​โรง​เรียน​แห่ง​หนึ่ง​ใน​แถบ​ชนบท​ของ​แอลจีเรีย​และ​ใช้​เวลา​ให้​น้อย​ลง​ใน​งาน​รับใช้? ผม​ตัดสิน​ใจ​เลือก​เป็น​ไพโอเนียร์.

พ่อ​ผม​โกรธ​มาก​ที่​ผม​ตัดสิน​ใจ​อย่าง​นั้น และ​เอา​มีด​จ่อ​ที่​คอ​ผม สั่ง​ให้​ผม​กลับ​บ้าน​ทุก​คืน. ท่าน​ยัง​บอก​ด้วย​ว่า ผม​อย่า​คิด​ว่า​จะ​ได้​กิน​อาหาร​ที่​บ้าน​อีก​ต่อ​ไป แม้​ว่า​ผม​ตั้งใจ​ไว้​แล้ว​ว่า​จะ​ออก​ค่า​ใช้​จ่าย​ของ​ผม​เอง​ทั้ง​หมด. ด้วย​เหตุ​นี้ ใน​ช่วง​นั้น​ผม​จึง​ต้อง​ออก​จาก​บ้าน​ใน​ตอน​เช้า​โดย​ที่​ไม่​ได้​กิน​อาหาร​ใด ๆ, กิน​อาหาร​เที่ยง​กับ​พวก​ไพโอเนียร์, แล้ว​กิน​แซนด์วิช​ใน​ตอน​เย็น​ก่อน​กลับ​บ้าน.

หลบ​ลูก​ระเบิด​และ​ลูก​กระสุน

ใน​ตอน​นั้น แอลจีเรีย​กำลัง​ทำ​สงคราม​เพื่อ​จะ​ได้​เอกราช​จาก​ฝรั่งเศส และ​กรุง​แอลเจียร์​ก็​ถูก​โจมตี​ด้วย​การ​ทิ้ง​ระเบิด​และ​การ​ตอบ​โต้​อย่าง​ดุเดือด. มี​อยู่​เดือน​หนึ่ง​ซึ่ง​มี​เหตุ​ระเบิด​เกิด​ขึ้น​มาก​กว่า 100 ครั้ง. มี​การ​วาง​ระเบิด​ใน​รถ​ประจำ​ทาง, บาร์, และ​สนาม​กีฬา. งาน​เผยแพร่​ทำ​ได้​ยาก​มาก. ผู้​คน​ไม่​กล้า​เปิด​ประตู​บ้าน และ​บ่อย​ครั้ง​ที​เดียว​ที่​มี​การ​ห้าม​ออก​นอก​เคหสถาน​เวลา​ค่ำ​คืน, มี​การ​ตรวจ​บัตร​ประจำ​ตัว, และ​มี​การ​ค้น​ตัว​บ่อย ๆ.

ใน​วัน​อาทิตย์​ที่ 30 กันยายน 1956 ขณะ​ที่​ผม​กับ​ไพโอเนียร์​คน​อื่น ๆ กำลัง​จัด​ห้อง​ประชุม​ของ​เรา เกิด​ระเบิด​ขึ้น​ที่​ร้าน​อาหาร​ชั้น​บน ทำ​ให้​หลาย​สิบ​คน​เสีย​ชีวิต​และ​แขน​ขา​ขาด. น่า​ดีใจ พวก​เรา​ที่​อยู่​ข้าง​ล่าง​ไม่​มี​ใคร​ได้​รับ​บาดเจ็บ. ใน​เดือน​ธันวาคม ผม​กับ​พี่​น้อง​หญิง​คน​หนึ่ง​กำลัง​ประกาศ​อยู่​บน​ถนน​ที่​พลุกพล่าน แต่​แล้ว​ก็​มี​รถยนต์​คัน​หนึ่ง​ขับ​เข้า​มา​โดย​เร็ว​และ​มี​คน​ใช้​ปืน​กราด​ยิง​ออก​มา​จาก​หน้าต่าง​รถ​เข้า​ใส่​ฝูง​คน. เรา​รีบ​วิ่ง​ไป​ที่​ช่อง​ทาง​เข้า​ของ​อาคาร​หลัง​หนึ่ง ผม​ผลัก​พี่​น้อง​หญิง​คน​นั้น​ให้​หมอบ​ลง​บน​พื้น​แล้ว​ตัว​ผม​เอง​ก็​หมอบ​ลง​ด้วย. ลูก​กระสุน​เฉี่ยว​ไป​มา​เหนือ​หัว​เรา. หลัง​จาก​นั้น เรา​ทุก​คน​ก็​ระวัง​ตัว​มาก​ขึ้น​เมื่อ​ให้​คำ​พยาน.

ผม​ไม่​ยอม​จับ​อาวุธ

ใน​วัน​ที่ 1 มีนาคม 1957 ผม​ถูก​เรียก​ตัว​ไป​เกณฑ์​ทหาร. เนื่อง​จาก​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​แบบ​คริสเตียน​ไม่​ยอม​ให้​ผม​จับ​อาวุธ ผม​จึง​อธิษฐาน​ขอ​กำลัง​เพื่อ​จะ​รับมือ​กับ​พวก​เจ้าหน้าที่​ได้. ผม​ยัง​ขอ​ด้วย​ว่า​อย่า​ให้​ผม​ต้อง​เผชิญ​หน้า​กับ​พ่อ​เลย. ผม​โล่ง​ใจ​มาก​เมื่อ​ผม​ได้​รับ​แจ้ง​ให้​ไป​รายงาน​ตัว​ที่​เมือง​ลิลล์ ประเทศ​ฝรั่งเศส ซึ่ง​อยู่​ห่าง​ไกล​จาก​บ้าน.

หก​วัน​ต่อ​มา​ผม​ไป​ถึง​ป้อม​แห่ง​เมือง​ลิลล์ ซึ่ง​สร้าง​ขึ้น​ใน​สมัย​พระเจ้า​หลุยส์​ที่ 14 แห่ง​ศตวรรษ​ที่ 17. โดย​ใช้​คัมภีร์​ไบเบิล ผม​อธิบาย​ฐานะ​ความ​เป็น​กลาง​ของ​ผม​แก่​เจ้าหน้าที่​ของ​กองทัพ แต่​แล้ว​เขา​ก็​จับ​ผม​ขัง​คุก. เช้า​วัน​หนึ่ง ผู้​คุม​ลาก​ตัว​ผม​ออก​มา​จาก​ห้อง​ขัง ค้น​ตัว​ผม และ​พบ​คัมภีร์​ไบเบิล​เล่ม​เล็ก ๆ. จาก​นั้น​เขา​ก็​บังคับ​ให้​ผม​นอน​คว่ำ​ลง​บน​พื้น​ที่​มี​หิมะ, เหวี่ยง​คัมภีร์​ไบเบิล​ลง​บน​หิมะ​ข้าง ๆ ผม, เอา​ด้าม​ปืน​ยาว​กด​ท้าย​ทอย​ของ​ผม, และ​บังคับ​ให้​ผม​นอน​อยู่​ใน​ท่า​นั้น​ราว ๆ 30 นาที. หลัง​จาก​นั้น ผม​ดีใจ​มาก​ที่​ทหาร​ยาม​ยอม​ให้​ผม​เก็บ​คัมภีร์​ไบเบิล​ไว้​ได้ และ​คัมภีร์​ไบเบิล​เล่ม​นั้น​ยัง​คง​อยู่​บน​ชั้น​หนังสือ​ของ​ผม​จวบ​จน​ทุก​วัน​นี้. อย่าง​ไร​ก็​ตาม การ​ถูก​ทรมาน​ครั้ง​นั้น​ทำ​ให้​ผม​มี​อาการ​ปวด​ท้อง​อย่าง​รุนแรง​อยู่​หลาย​ปี.

สอง​สาม​วัน​ต่อ​มา ผู้​บัญชา​การ​อ่าน​จดหมาย​ที่​เขา​ได้​รับ​จาก​พ่อ​ของ​ผม​ให้​ผม​ฟัง. จดหมาย​ฉบับ​นั้น​บอก​ว่า “ต้อง​บังคับ​ให้​เขา​ยอม. ทำลาย​กำลังใจ​ของ​เขา​ได้​เลย​ถ้า​ท่าน​จำเป็น​ต้อง​ทำ.” เนื่อง​จาก​ผม​ไม่​ยอม​อะลุ่มอล่วย เจ้าหน้าที่​จึง​ขัง​ผม​ใน​ห้อง​ขัง​มืด ๆ ซึ่ง​ผม​ต้อง​นอน​บน​ไม้​กระดาน​และ​ใช้​ผ้า​ห่ม​ผืน​เล็ก ๆ คลุม​ตัว. เนื่อง​จาก​ไม่​มี​ห้อง​ส้วม ผม​ต้อง​ขับ​ถ่าย​ที่​มุม​หนึ่ง​ของ​ห้อง​นั้น. ผม​อาบ​น้ำ​ไม่​ได้, แปรง​ฟัน​ไม่​ได้, ล้าง​จาน​อาหาร​ของ​ผม​ก็​ไม่​ได้. สอง​สัปดาห์​ต่อ​มา ผม​ถูก​ส่ง​ไป​ที่​เรือน​จำ​เฟรน​ใน​กรุง​ปารีส.

ใน​ช่วง​หก​ปี​ต่อ​จาก​นั้น ผม​ถูก​ตัดสิน​จำ​คุก​สี่​ครั้ง​และ​อยู่​ใน​เรือน​จำ 14 แห่ง. ใน​ฤดู​หนาว​ปี​หนึ่ง ผม​ถูก​คุม​ขัง​อยู่​ที่​ฟองเตโวร ซึ่ง​เป็น​อาราม​สมัย​ศตวรรษ​ที่ 12 ใน​หุบเขา​ลัวร์ ซึ่ง​ตอน​นั้น​ถูก​ใช้​เป็น​เรือน​จำ. เมื่อ​ผม​ไป​ถึง ทรัพย์​สิน​ที่​ติด​ตัว​ผม​ถูก​ยึด​ไป​หมด. เนื่อง​จาก​ผม​ร้อง​ขอ​คัมภีร์​ไบเบิล​ของ​ผม​อยู่​เรื่อย ๆ ผู้​คุม​จึง​จับ​ผม​ขัง​เดี่ยว​เป็น​เวลา​หนึ่ง​เดือน. ที่​นั่น ความ​หนาว​เย็น​ซึ่ง​เป็น​ศัตรู​อีก​อย่าง​หนึ่ง​ของ​ผม​ก็​กลับ​มา​แก้แค้น และ​ผม​เริ่ม​ไอ​ออก​มา​เป็น​เลือด.

แล้ว​ผม​ก็​ถูก​ย้าย​ไป​ยัง​เรือน​จำ​ที่​มี​สภาพ​ความ​เป็น​อยู่​ที่​ดี​ขึ้น คือ​ที่​ชาโตเดอเตอร์กอง ใกล้​กับ​โซเมอร์ ที่​ซึ่ง​นัก​โทษ​ทำ​งาน​บ้าน​ให้​กับ​เจ้าหน้าที่​ที่​เกษียณ​อายุ​แล้ว. ที่​นั่น​มี​นัก​โทษ​คน​หนึ่ง​ชื่อ​อาเหม็ด เบน เบลลา ซึ่ง​ต่อ​มา​ได้​เป็น​ประธานาธิบดี​แห่ง​สาธารณรัฐ​แอลจีเรีย. ผม​ให้​คำ​พยาน​แก่​เขา​เป็น​เวลา​หลาย​เดือน. เขา​เคย​บอก​ผม​ว่า “คุณ​เป็น​ชาว​แอลเจียร์​โดย​กำเนิด และ​คุณ​ต้อง​มา​อยู่​ที่​นี่​เพราะ​คุณ​ไม่​ยอม​จับ​อาวุธ​เข่น​ฆ่า​ชาว​แอลจีเรีย​ด้วย​กัน.” เขา​ให้​ความ​นับถือ​ผม​เนื่อง​จาก​จุด​ยืน​ของ​ผม.

ได้​รับ​การ​เสริม​กำลัง​เพื่อ​ทน​การ​ทดลอง​ต่อ​ไป

สุขภาพ​ของ​ผม​ทรุดโทรม​ลง​เรื่อย ๆ และ​แพทย์​วินิจฉัย​ว่า​ผม​เป็น​วัณโรค ผม​จึง​ถูก​ส่ง​ตัว​ไป​ยัง​สถาน​พยาบาล​แห่ง​หนึ่ง​ทาง​ใต้​ของ​ฝรั่งเศส ซึ่ง​ผม​ต้อง​นอน​ซม​อยู่​บน​เตียง​หลาย​เดือน. แพทย์​ที่​รักษา​ผม​แนะ​นำ​ให้​ผ่าตัด​เพื่อ​ตัด​ปอด​ข้าง​ที่​ติด​เชื้อ​ออก​ไป และ​ผม​เอง​ก็​ยอม​ให้​ผ่าตัด​โดย​มี​ข้อ​แม้​ว่า​ผม​ต้อง ‘ละ​เว้น​จาก​เลือด.’ (กิจการ 15:29, ล.ม.) แพทย์​คน​นั้น​โกรธ​และ​ไม่​ยอม​ผ่าตัด​ให้​ผม. ตอน​นั้น​เป็น​ปี​ที่​หก​แล้ว​ที่​ผม​ถูก​จำ​คุก.

ผม​ต้อง​ออก​จาก​สถาน​พยาบาล​เมื่อ​ถึง​กลาง​ฤดู​หนาว ผม​มี​แค่​เสื้อ​ผ้า​ที่​สวม​ติด​ตัว​อยู่​เท่า​นั้น. แต่​ก็​เช่น​เดียว​กับ​ที่​พระ​ยะโฮวา​ส่ง​โอเนซิโฟโร​ไป​ช่วย​เปาโล ตอน​นั้น​พระองค์​ก็​ส่ง​คน​หนึ่ง​มา​ช่วย​ผม นั่น​คือ​บราเดอร์​อะดอล์ฟ การาโตนี ซึ่ง​รับ​ผม​ไป​อยู่​ใน​บ้าน​ของ​เขา และ​เป็น “ผู้​ช่วย​เสริม​กำลัง” ของ​ผม. (โกโลซาย 4:11, ล.ม.; 2 ติโมเธียว 1:16-18) ด้วย​ความ​ช่วยเหลือ​ของ​เขา​และ​แพทย์​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​อยู่​ทาง​ใต้​ของ​ฝรั่งเศส สุขภาพ​ของ​ผม​จึง​ค่อย ๆ ดี​ขึ้น.

ใน​ช่วง​นี้​เอง ผม​มี​ค่า​ใช้​จ่าย​มาก​และ​จำเป็น​ต้อง​ใช้​เงิน. ผม​ไม่​แน่​ใจ​ว่า​จะ​ทำ​อย่าง​ไร​ดี. แต่​แล้ว​วัน​หนึ่ง​ก็​มี​คน​แปลก​หน้า​มา​หา​ผม. เธอ​บอก​ว่า “ดิฉัน​เป็น​ทนาย​ความ. คุณ​เบน เบลลา ประธานาธิบดี​แห่ง​แอลจีเรีย ส่ง​ดิฉัน​มา​เพื่อ​มอบ​สิ่ง​นี้​ให้​คุณ.” เธอ​ยื่น​ซอง​ให้​ผม​ซึ่ง​มี​เงิน​มาก​พอ​สำหรับ​ค่า​ใช้​จ่าย​ทั้ง​หมด. ผม​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา “ผู้​สดับ​คำ​อธิษฐาน” อย่าง​สุด​หัวใจ.—บทเพลง​สรรเสริญ 65:2.

สิทธิ​พิเศษ​อัน​ยอด​เยี่ยม​และ​คู่​ชีวิต​ที่​น่า​รัก

เมื่อ​ผม​ถูก​ปล่อย​ตัว​จาก​เรือน​จำ​แล้ว ผม​ก็​เริ่ม​งาน​เผยแพร่​เต็ม​เวลา​อีก​ครั้ง​หนึ่ง. ใน​ประชาคม​เมเลิง ใกล้​กรุง​ปารีส ผม​พบ​แม่​ม่าย​สาว​วัย 35 ปี​คน​หนึ่ง​ชื่อ​อองเดร โมเรล. สามี​คน​แรก​ของ​เธอ​ก็​เป็น​พยาน​ฯ ด้วย แต่​เสีย​ชีวิต​ไป​เนื่อง​จาก​อุบัติเหตุ​ทาง​รถยนต์. เรา​แต่งงาน​กัน​เมื่อ​วัน​ที่ 26 กันยายน 1964. ใน​วัน​ที่ 1 สิงหาคม 1965 เรา​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ. แม้​ว่า​อองเดร​มี​สุขภาพ​ไม่​ค่อย​ดี แต่​เธอ​ก็​ทำ​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา​นาน​ถึง 28 ปี!

ใน​ปี 1967 ผม​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด ซึ่ง​เป็น​ผู้​รับใช้​ที่​เดิน​ทาง​ไป​เยี่ยม​และ​ให้​กำลังใจ​ตาม​ประชาคม​ต่าง ๆ ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. เรา​รับใช้​ทาง​ภาค​ใต้​ของ​ฝรั่งเศส​จาก​เมือง​บอร์โดซ์​ถึง​โมนาโก และ​อีก​หนึ่ง​ปี​ที่​ปารีส. เนื่อง​จาก​เรา​มี​สุขภาพ​ไม่​ค่อย​ดี งาน​ที่​ต้อง​เดิน​ทาง​จึง​ไม่​ง่าย แต่​ด้วย​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​พระ​ยะโฮวา เรา​ได้​รับใช้​พี่​น้อง​เป็น​เวลา 20 ปี​จน​ถึง​ปี 1986 แล้ว​เรา​ก็​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ​อีก​ครั้ง.

ชีวิต​ของ​ผม​ใน​ทุก​วัน​นี้

ตอน​นี้​ผม​มี​อายุ​เกือบ 70 ปี​แล้ว และ​ได้​เรียน​รู้​ครั้ง​แล้ว​ครั้ง​เล่า​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ให้​กำลัง​แก่​ผู้​รับใช้​ของ​พระองค์​เสมอ​เพื่อ​จะ​อด​ทน​การ​ทดลอง​ได้. แน่นอน กำลัง​นั้น​ส่วน​หนึ่ง​มา​จาก​การ​ศึกษา​พระ​คำ​ที่​มี​ขึ้น​โดย​การ​ดล​ใจ​จาก​พระองค์ ซึ่ง​ผม​พยายาม​อ่าน​ตั้ง​แต่​ต้น​จน​จบ​ทุก ๆ ปี.—ยะซายา 40:28-31; โรม 15:4; 2 ติโมเธียว 3:16.

ผม​กับ​อองเดร​ได้​รับ​กำลังใจ​เมื่อ​เรา​เห็น​ผู้​คน​ตอบรับ​ข่าว​ดี​และ​อุทิศ​ชีวิต​แด่​พระ​ยะโฮวา. ที่​จริง ตลอด​หลาย​ปี​มา​นี้ เรา​ได้​เห็น​นัก​ศึกษา​ของ​เรา​ราว ๆ 70 คน​ทำ​อย่าง​นั้น​ที​เดียว ซึ่ง​ทำ​ให้​เรา​มี​ความ​ยินดี​อย่าง​หา​ที่​เปรียบ​มิ​ได้​และ​ยัง​ยั่งยืน​อีก​ด้วย. เมื่อ​มอง​ย้อน​ดู​ชีวิต​ของ​เรา ผม​รู้สึก​ว่า​ผู้​ประพันธ์​เพลง​สรรเสริญ​พรรณนา​ความ​รู้สึก​ของ​เรา​ทั้ง​สอง​คน​ออก​มา​เมื่อ​ท่าน​เขียน​ว่า “คน​อนาถา​ผู้​นี้​ได้​ร้อง​ทูล​ต่อ​พระ​ยะโฮวา, และ​พระองค์​ก็​ได้​ทรง​สดับ​ฟัง, และ​ได้​ช่วย​เขา​ให้​พ้น​จาก​บรรดา​ความ​ทุกข์​ยาก​นั้น.”—บทเพลง​สรรเสริญ 34:6.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 7 จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา​แต่​เดี๋ยว​นี้​งด​พิมพ์​แล้ว.

[ภาพ​หน้า 21]

ใน​เรือน​จำ​ที่​ชาโตเดอเตอร์กอง ใกล้​โซเมอร์

[ภาพ​หน้า 23]

กับ​ภรรยา​ของ​ผม​ใน​ปี 1967 และ​ปัจจุบัน