ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

มารู้จักผู้คนในติมอร์ตะวันออก

มารู้จักผู้คนในติมอร์ตะวันออก

มา​รู้​จัก​ผู้​คน​ใน​ติมอร์​ตะวัน​ออก

โดย​ผู้​เขียน​ตื่นเถิด! ใน​ออสเตรเลีย

ติมอร์​ตะวัน​ออก หรือ​ติมอร์-เลสเต เป็น​ประเทศ​เล็ก ๆ ที่​อยู่​ครึ่ง​ฝั่ง​ตะวัน​ออก​ของ​เกาะ​ติมอร์. ทั้ง​คำ​ว่า “ติมอร์” ซึ่ง​เป็น​คำ​ที่​มา​จาก​ภาษา​มาเลย์​และ​คำ​ว่า​เลสเต จาก​ภาษา​โปรตุเกส​ต่าง​ก็​มี​ความ​หมาย​ว่า “ตะวัน​ออก.” คน​ไทย​โดย​ทั่ว​ไป​เรียก​ประเทศ​นี้​ว่า​ติมอร์​ตะวัน​ออก. ชื่อ​นี้​นับ​ว่า​เหมาะ​เพราะ​เกาะ​นี้​ตั้ง​อยู่​ริม​สุด​ทาง​ตะวัน​ออก​ของ​หมู่​เกาะ​อินโดนีเซีย.

ติมอร์​ตะวัน​ออก​มี​พื้น​ที่​ประมาณ 14,800 ตาราง​กิโลเมตร ซึ่ง​เมื่อ​เทียบ​กัน​แล้ว​ก็​มี​ขนาด​เล็ก​กว่า​จังหวัด​อุบลราชธานี​เล็ก​น้อย. แม้​มี​ขนาด​เล็ก แต่​เกาะ​นี้​ก็​มี​สภาพ​แวด​ล้อม​ทาง​ธรรมชาติ​ที่​ผสมผสาน​กัน​ระหว่าง​เอเชีย​และ​ออสเตรเลีย. เกาะ​นี้​มี​ป่า​เขต​ร้อน​ที่​อุดม​สมบูรณ์ รวม​ทั้ง​มี​ป่า​ยูคาลิปตัส​และ​ทุ่ง​หญ้า​ที่​แห้ง​แล้ง. มี​สัตว์​ป่า​ชนิด​ต่าง ๆ ทั้ง​ที่​พบ​ได้​ใน​ออสเตรเลีย​และ​เอเชีย. ตัว​อย่าง​เช่น สัตว์​มี​กระเป๋า​หน้า​ท้อง​และ​นก​พันธุ์​ต่าง ๆ ของ​ออสเตรเลีย​อาศัย​อยู่​ร่วม​กับ​ลิง​พันธุ์​ต่าง ๆ ของ​เอเชีย​และ​จระเข้​น้ำ​เค็ม​เขต​ร้อน. แล้ว​ผู้​คน​ใน​ติมอร์​ตะวัน​ออก​ล่ะ? คุณ​อยาก​รู้​จัก​พวก​เขา​ไหม?

ความ​ทรง​จำ​ใน​ยุค​อาณานิคม

นัก​เดิน​เรือ​ชาว​โปรตุเกส​อาจ​มา​ถึง​ติมอร์​ตะวัน​ออก​ครั้ง​แรก​ประมาณ​ปี 1514. ใน​เวลา​นั้น บริเวณ​ไหล่​เขา​ถูก​ปก​คลุม​ไป​ด้วย​ป่า​ไม้​จันทน์​อัน​กว้าง​ใหญ่. การ​ค้า​ไม้​จันทน์​ให้​ผล​กำไร​ดี​มาก และ​แค่​ไม้​ชนิด​นี้​เพียง​อย่าง​เดียว​ก็​ทำ​ให้​โปรตุเกส​มี​เหตุ​ผล​พอ​ที่​จะ​ตั้ง​เมือง​หน้า​ด่าน​เพื่อ​ทำ​การ​ค้า​ขึ้น​บน​เกาะ​นี้. คริสตจักร​คาทอลิก​ก็​ให้​ความ​สนใจ​ดินแดน​นี้​เช่น​กัน​และ​ต้องการ​ส่ง​มิชชันนารี​เพื่อ​มา​เปลี่ยน​ศาสนา​ของ​ชน​พื้นเมือง. ด้วย​แรง​กระตุ้น​จาก​สอง​ปัจจัย​นี้ ชาว​โปรตุเกส​จึง​เริ่ม​ยึด​ดินแดน​นี้​เป็น​อาณานิคม​ใน​ปี 1556.

อย่าง​ไร​ก็​ดี ติมอร์​ตะวัน​ออก​ยัง​คง​เป็น​อาณานิคม​หน้า​ด่าน​ที่​อยู่​ห่าง​ไกล​และ​ไม่​ได้​รับ​ความ​สนใจ​มาก​นัก. เมื่อ​ชาว​ดัตช์​ยึด​ฝั่ง​ตะวัน​ตก​ของ​เกาะ​ติมอร์​ไว้​ได้​ใน​ปี 1656 ชาว​โปรตุเกส​จึง​ถอน​กำลัง​ไป​อยู่​ฝั่ง​ตะวัน​ออก​ของ​เกาะ. ใน​ที่​สุด หลัง​จาก​เป็น​เมือง​ขึ้น​มา​กว่า 400 ปี โปรตุเกส​ก็​ถอน​ตัว​ออก​ไป​อย่าง​สิ้นเชิง​ใน​ปี 1975.

ปี​เดียว​กัน​นั้น​เอง​ได้​เกิด​สงคราม​กลาง​เมือง​ขึ้น. ใน​ช่วง 24 ปี​ต่อ​มา ชาว​ติมอร์​ตะวัน​ออก​ประมาณ 200,000 คน หรือ​ประมาณ​หนึ่ง​ใน​สาม​ของ​ประชากร​เสีย​ชีวิต​เนื่อง​จาก​การ​สู้​รบ. ใน​ปี 1999 คลื่น​แห่ง​ความ​รุนแรง​แผ่​ลาม​ไป​ทั่ว​ประเทศ บ้าน​เรือน​มาก​ถึง 85 เปอร์เซ็นต์​ถูก​ทำลาย​และ​ระบบ​สาธารณูปโภค​เสียหาย​อย่าง​หนัก. ประชาชน​หลาย​แสน​คน​หนี​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา. ใน​ที่​สุด องค์การ​สหประชาชาติ​ก็​เข้า​แทรกแซง​เพื่อ​หยุด​ยั้ง​ความ​หายนะ​และ​สร้าง​ความ​มั่นคง​ให้​กับ​ประเทศ.

นับ​แต่​นั้น​มา ชาว​ติมอร์​พยายาม​กอบ​กู้​ชีวิต​ที่​พัง​ทลาย​ไป​แล้ว​ขึ้น​มา​ใหม่. ใน​เดือน​พฤษภาคม 2002 ติมอร์​ตะวัน​ออก​หรือ​สาธารณรัฐ​ประชาธิปไตย​ติมอร์-เลสเต ได้​รับ​การ​ยอม​รับ​อย่าง​เป็น​ทาง​การ​และ​กลาย​เป็น​ประเทศ​ใหม่.

ชุม​ทาง​แห่ง​วัฒนธรรม

การ​ค้า​ที่​ทำ​มา​นาน​หลาย​ศตวรรษ, การ​อพยพ​เข้า​มา​ของ​ประชาชน​จาก​ทวีป​เอเชีย​และ​ทวีป​ออสเตรเลีย, และ​การ​ตั้ง​อาณานิคม​ของ​ชาว​ยุโรป​ทำ​ให้​เกิด​การ​ผสมผสาน​ทาง​วัฒนธรรม​และ​ภาษา​ทั่ว​ติมอร์​ตะวัน​ออก. ขณะ​ที่​ยัง​คง​มี​การ​ใช้​ภาษา​โปรตุเกส​ใน​แวดวง​ธุรกิจ​และ​ราชการ แต่​ประชากร 80 เปอร์เซ็นต์​ใช้​ภาษา​กลาง​ที่​เรียก​ว่า​เตตุม ซึ่ง​ยืม​คำ​ศัพท์​โปรตุเกส​มา​ใช้​หลาย​คำ. ชน​กลุ่ม​น้อย​หลาย​กลุ่ม​ที่​กระจาย​อยู่​ทั่ว​ประเทศ​ใช้​ภาษา​พูด​อื่น ๆ อีก​อย่าง​น้อย 22 ภาษา.

ใน​เขต​ชนบท ราชา​ของ​ชน​กลุ่ม​น้อย​แต่​ละ​กลุ่ม​ยัง​คง​มี​บทบาท​สำคัญ​ใน​วิถี​ชีวิต​ของ​คน​ใน​หมู่​บ้าน. พวก​เขา​นำ​หน้า​ใน​พิธีกรรม, แบ่ง​สรร​ปัน​ส่วน​ที่​ดิน, และ​ธรรมเนียม​ประเพณี​อื่น ๆ ขณะ​ที่​หัวหน้า​หมู่​บ้าน​ที่​ได้​รับ​การ​เลือก​ตั้ง​จะ​ดู​แล​ด้าน​การ​บริหาร.

ศาสนา​ที่​นับถือ​กัน​ใน​ประเทศ​เป็น​การ​ผสมผสาน​ระหว่าง​การ​นับถือ​วิญญาณ​ใน​ธรรมชาติ​ที่​สืบ​ทอด​กัน​มา​กับ​ศาสนา​คาทอลิก​ที่​ถูก​นำ​เข้า​มา. การ​นมัสการ​บรรพบุรุษ, เวทมนตร์​คาถา, และ​การ​ถือ​ผี​แทรกซึม​อยู่​ใน​ทุก​แง่​มุม​ของ​ชีวิต. ผู้​ที่​ไป​โบสถ์​เป็น​ประจำ​มัก​ขอ​คำ​แนะ​นำ​จาก​มาทันโดอ็อก หรือ​หมอ​ผี​ประจำ​ท้องถิ่น เพื่อ​ทำนาย​อนาคต, รักษา​โรค, หรือ​ป้องกัน​วิญญาณ​ร้าย.

ผู้​คน​ที่​อยาก​รู้​อยาก​เห็น​และ​มี​น้ำใจ​รับรอง​แขก

ชาว​ติมอร์​ตะวัน​ออก​มี​นิสัย​ร่าเริง, อยาก​รู้​อยาก​เห็น, และ​มี​น้ำใจ​รับรอง​แขก. ประธานาธิบดี​เคย์ ราลา ซานานา กุสเมา กล่าว​ว่า “เรา​ชอบ​เรียน​รู้, พูด​คุย, คบหา, และ​พบ​ปะ​สนทนา​แม้​แต่​กับ​คน​แปลก​หน้า.”

แขก​ที่​ได้​รับ​เชิญ​ให้​มา​ร่วม​รับประทาน​อาหาร​เย็น​กับ​ครอบครัว​ชาว​ติมอร์ มัก​จะ​ได้​ทาน​อาหาร​กับ​หัวหน้า​ครอบครัว. ส่วน​ภรรยา​และ​ลูก ๆ ของ​ครอบครัว​นั้น​จะ​ทำ​หน้า​ที่​เสิร์ฟ​อาหาร​แล้ว​จึง​ค่อย​รับประทาน​ที​หลัง. การ​ตัก​อาหาร​แต่​น้อย​ใน​ตอน​แรก​ถือ​เป็น​การ​กระทำ​ที่​สุภาพ. จาก​นั้น แขก​ก็​จะ​สามารถ​ให้​เกียรติ​ผู้​ทำ​อาหาร​โดย​ขอ​เติม​อาหาร​เป็น​ครั้ง​ที่​สอง.

อาหาร​ส่วน​ใหญ่​ของ​ชาว​ติมอร์​ก็​มี​ข้าว, ข้าว​โพด, หรือ​มัน​สำปะหลัง​โดย​รับประทาน​กับ​ผัก​ใบ​เขียว​และ​ผัก​ชนิด​อื่น ๆ. อาหาร​พิเศษ​ชนิด​หนึ่ง​ของ​ชาว​ติมอร์​คือ​ซาโบโก เป็น​อาหาร​รส​เลิศ​ซึ่ง​ทำ​จาก​ปลา​ซาร์ดีน​คลุก​เคล้า​กับ​น้ำ​มะขาม​เปียก​และ​เครื่องเทศ แล้ว​นำ​ไป​ห่อ​ด้วย​ใบ​ปาล์ม. แต่​เนื้อ​สัตว์​มี​ราคา​แพง​มาก.

เสียง​เจี๊ยวจ๊าว​ของ​เด็ก ๆ

ติมอร์​ตะวัน​ออก​เป็น​ประเทศ​ที่​มี​เด็ก ๆ เป็น​จำนวน​มาก. เกือบ​ครึ่ง​หนึ่ง​ของ​ประชากร​เป็น​เด็ก และ​หลาย​ครอบครัว​มี​ลูก 10 ถึง 12 คน​อาศัย​อยู่​ใน​บ้าน.

เมื่อ​ไป​โรง​เรียน บ่อย​ครั้ง​เด็ก ๆ จะ​เดิน​จับ​มือ​กัน—เด็ก​ผู้​ชาย​จับ​มือ​กับ​เด็ก​ผู้​ชาย​และ​เด็ก​ผู้​หญิง​จับ​มือ​กับ​เด็ก​ผู้​หญิง—หัวเราะ​และ​ร้อง​เพลง​ไป​ด้วย​กัน. สิ่ง​ที่​สอน​ใน​โรง​เรียน​ไม่​ได้​มี​แค่​วิชา​ความ​รู้​เท่า​นั้น แต่​ยัง​สอน​เรื่อง​วิธี​ใช้​ชีวิต​และ​ความ​ประพฤติ​ที่​ถูก​ต้อง​ด้วย.

เด็ก ๆ ชาว​ติมอร์​ไม่​เคย​เล่น​คน​เดียว​หรือ​เล่น​เงียบ ๆ เด็ก ๆ ที่​อยู่​ละแวก​เดียว​กัน​จะ​มา​เล่น​ด้วย​กัน​ทุก​คน! เกม​ที่​นิยม​เล่น​กัน​ก็​คือ​ดูดูคาร์เรตา หรือ​เกม​ดัน​รถ. วง​ล้อ​ของ​จักรยาน​ถูก​สมมุติ​ให้​เป็น​รถยนต์. เด็ก ๆ จะ​ใช้​กิ่ง​ไม้​บังคับ​และ​ตี​หรือ​ดัน​วง​ล้อ​จักรยาน​ให้​กลิ้ง​ไป​ตาม​ถนน​พร้อม​กับ​วิ่ง​ตาม​ไป​หัวเราะ​ไป.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม ชีวิต​ของ​เด็ก ๆ ชาว​ติมอร์​ไม่​ได้​มี​แต่​การ​เล่น​สนุก​ตลอด​เวลา. ตัว​อย่าง​เช่น พวก​เขา​อาจ​ต้อง​ทำ​งาน​บด​เมล็ด​ข้าว​โพด​โดย​ใช้​แท่ง​เหล็ก​หนัก ๆ. กระนั้น พวก​เขา​ก็​ทำ​งาน​อย่าง​มี​ความ​สุข​และ​ดู​เหมือน​ไม่​รู้​ตัว​เลย​ว่า​จริง ๆ แล้ว พวก​เขา​เกิด​มา​ใน​ประเทศ​ที่​อยู่​ใน​หนึ่ง​ใน​สิบ​ของ​ประเทศ​ที่​ยาก​จน​ที่​สุด​ของ​โลก.

ความ​สับสน​วุ่นวาย​เมื่อ​กลาย​เป็น​ชาติ​ใหม่

ความ​ยาก​จน​ข้นแค้น​ส่ง​ผล​ให้​ชาว​ติมอร์​มี​ชีวิต​ที่​ไม่​มั่นคง. สี่​สิบ​เปอร์เซ็นต์​ของ​ประชากร​ดำรง​ชีวิต​อยู่​ด้วย​เงิน​น้อย​กว่า 55 บาท​ต่อ​วัน—ซึ่ง​เป็น​จำนวน​เงิน​ขั้น​ต่ำ​สุด​ที่​ซื้อ​ได้​แค่​อาหาร​พื้น ๆ และ​ของ​จำเป็น​ใน​บ้าน. ระบบ​สาธารณูปโภค​ขาด​แคลน. รายงาน​ฉบับ​หนึ่ง​ของ​รัฐบาล​กล่าว​ว่า “ประชาชน​สาม​ใน​สี่​ของ​ประเทศ​ไม่​มี​ไฟฟ้า​ใช้ ประชาชน​สาม​ใน​ห้า​ไม่​มี​การ​สุขา​ภิบาล​ที่​ปลอด​ภัย​และ​ครึ่ง​หนึ่ง​ของ​ประชากร​ไม่​มี​น้ำ​ดื่ม​ที่​สะอาด.”

เนื่อง​จาก​สภาพการณ์​เช่น​นี้ ปัญหา​สุขภาพ​จึง​ขยาย​วง​กว้าง​ออก​ไป. ภาวะ​ทุโภชนาการ, มาลาเรีย, วัณโรค, และ​โรค​อื่น ๆ ทำ​ให้​อายุ​ขัย​เฉลี่ย​ของ​ประชากร​อยู่​ที่ 50 ปี. เด็ก ๆ ประมาณ 1 ใน 10 คน​ตาย​ก่อน​อายุ​ห้า​ขวบ. ช่วง​ปี 2004 มี​แพทย์​ไม่​ถึง 50 คน​ที่​ดู​แล​รักษา​ประชากร​ประมาณ 800,000 คน.

ตอน​นี้​รัฐบาล​จาก​หลาย​ชาติ​กำลัง​ร่วม​มือ​กับ​สหประชาชาติ​เพื่อ​ช่วยเหลือ​ชาว​ติมอร์​ใน​การ​ฟื้นฟู​ประเทศ​ที่​ได้​รับ​ความ​เสียหาย. เนื่อง​จาก​มี​น้ำมัน​และ​ก๊าซ​ธรรมชาติ​มาก​มาย​ใน​ทะเล​ติมอร์ จึง​ยัง​คง​มี​ความ​หวัง​ที่​สถานการณ์​ความ​ยาก​จน​ใน​ติมอร์​จะ​ดี​ขึ้น. อย่าง​ไร​ก็​ดี สิ่ง​ที่​มี​ค่า​ที่​สุด​ใน​ติมอร์​ตะวัน​ออก​คือ​ประชาชน​ที่​ไม่​ย่อท้อ​และ​ถ่อม​ใจ. หญิง​ชาว​ติมอร์​คน​หนึ่ง​บอก​กับ​ตื่นเถิด! ว่า “เรา​ยาก​จน​ก็​จริง​แต่​ไม่​เคย​ย่อท้อ!”

“ข่าว​ดี​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​ดี​กว่า”

ช่วง​ไม่​กี่​ปี​มา​นี้​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ได้​นำ “ข่าว​ดี​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​ดี​กว่า” ไป​บอก​ชาว​ติมอร์​ตะวัน​ออก. (ยะซายา 52:7, ล.ม.; โรม 10:14, 15) ใน​ปี 2005 ประชาคม​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ประชาคม​เดียว​ใน​ติมอร์​ตะวัน​ออก​ได้​ใช้​เวลา​เกือบ 30,000 ชั่วโมง​ใน​การ​บอก​คน​อื่น ๆ เกี่ยว​กับ​คำ​สัญญา​อัน​ยอด​เยี่ยม​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​เรื่อง​อุทยาน​บน​แผ่นดิน​โลก​ที่​ใกล้​เข้า​มา.—บทเพลง​สรรเสริญ 37:10, 11; 2 เปโตร 3:13.

การ​เรียน​รู้​ความ​จริง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​ช่วย​ให้​บาง​คน​หลุด​พ้น​จาก​แอก​ที่​กดขี่​ของ​ลัทธิ​ภูตผี​ปิศาจ. ตัว​อย่าง​เช่น เจคอบ ชาย​ที่​รัก​ครอบครัว​ซึ่ง​มี​ลูก​ห้า​คน ปฏิบัติ​ตาม​พิธีกรรม​ของ​ลัทธิ​ภูตผี​ปิศาจ​ที่​สืบ​ทอด​กัน​มา​นาน​อย่าง​เคร่งครัด. เขา​ถวาย​สัตว์​เพื่อ​เซ่น​ไหว้​วิญญาณ​คน​ตาย​เป็น​ประจำ. พิธีกรรม​นี้​ทำ​ให้​ครอบครัว​ของ​เขา​ต้อง​แบก​รับ​ค่า​ใช้​จ่าย​จำนวน​มาก. ไก่​สำหรับ​เซ่น​ไหว้​ตัว​หนึ่ง​มี​ราคา​เกือบ​เท่า​ค่า​จ้าง​หนึ่ง​วัน ส่วน​การ​เซ่น​ไหว้​แพะ​หรือ​หมู​ใน​โอกาส​พิเศษ​ต้อง​เสีย​ค่า​ใช้​จ่าย​เท่า​กับ​ค่า​จ้าง​หลาย​สัปดาห์.

ต่อ​มา ฟรานซิสกา ภรรยา​ของ​เจคอบ​เริ่ม​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. เธอ​ได้​ให้​เจคอบ​ดู​ข้อ​คัมภีร์​ที่​พิสูจน์​ว่า​คน​ตาย​ไม่​รับ​รู้​อะไร​และ​ไม่​สามารถ​ทำ​อันตราย​คน​ที่​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่​ได้. (ท่าน​ผู้​ประกาศ 9:5, 10; ยะเอศเคล 18:4) โดย​ยอม​รับ​สิ่ง​ที่​คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว ทั้ง​สอง​ตัดสิน​ใจ​เลิก​พิธีกรรม​เหล่า​นั้น. ผล​ก็​คือ ด้วย​ความ​โกรธ ญาติ​พี่​น้อง​ประกาศ​ตัด​ขาด​จาก​พวก​เขา​และ​บอก​ว่า​อีก​ไม่​ช้า​วิญญาณ​จะ​มา​ฆ่า​พวก​เขา​เป็น​การ​แก้แค้น. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เจคอบ​และ​ฟรานซิสกา​ยืนหยัด​มั่นคง​โดย​กล่าว​ว่า “พระ​ยะโฮวา​จะ​คุ้มครอง​เรา.”

ขณะ​เดียว​กัน เจคอบ​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​คริสเตียน​กับ​ครอบครัว. นี่​ส่ง​ผล​ให้​เขา​เปลี่ยน​แปลง​ชีวิต​ไป​ใน​ทาง​ที่​ดี​ขึ้น. แม้​เขา​เคย​สูบ​บุหรี่​วัน​ละ​ซอง​มา​นาน​หลาย​ปี แต่​เขา​ก็​เลิก​สูบ. นอก​จาก​นี้ เขา​ยัง​หัด​อ่าน​และ​เขียน​ด้วย. ใน​ช่วง​เดียว​กัน ฟรานซิสกา​ก็​เลิก​เคี้ยว​หมาก. ที่​สุด ใน​ปี 2005 เจคอบ​และ​ฟรานซิสกา​ได้​รับ​บัพติสมา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ทุก​วัน​นี้ พวก​เขา​ใช้​เงิน​อย่าง​สุขุม​ใน​การ​ให้​ลูก ๆ ได้​เรียน​หนังสือ​และ​จ่าย​ค่า​รักษา​พยาบาล​ที่​จำเป็น.

จริง​ที​เดียว ดัง​ที่​พระ​เยซู​ได้​บอก​ไว้​ล่วง​หน้า ข่าว​ดี​เกี่ยว​กับ​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​กำลัง​ได้​รับ​การ​ประกาศ “จน​ถึง​ที่​สุด​ปลาย​แผ่นดิน​โลก” แม้​แต่​กับ​ผู้​คน​ที่​มี​ใจ​เอื้อเฟื้อ, มี​น้ำใจ​ต้อนรับ​แขก, และ​อยาก​รู้​อยาก​เห็น​ซึ่ง​อาศัย​อยู่​ใน​ประเทศ​เล็ก ๆ เช่น​ติมอร์​ตะวัน​ออก​แห่ง​นี้.—กิจการ 1:8; มัดธาย 24:14.

[กรอบ/ภาพ​หน้า 17]

“ได้​เส้น​ด้าย​กับ​กระสวย”

“ได้​เส้น​ด้าย​กับ​กระสวย” เป็น​สำนวน​ที่​ชาว​ติมอร์​เคย​ใช้​เพื่อ​แจ้ง​ให้​รู้​ว่า​เด็ก​ที่​เกิด​มา​เป็น​เด็ก​ผู้​หญิง. นี่​เป็น​การ​พรรณนา​บทบาท​ของ​สตรี​ชาว​ติมอร์​ฐานะ​ช่าง​ทอ​ไทส์ หรือ​ผ้า​ทอ​ผืน​ยาว​ที่​ใช้​ใน​การ​ประดับ​ตกแต่ง. มี​การ​นำ​ไทส์ มา​ทำ​เป็น​ชุด​ที่​สวย​งาม​สำหรับ​งาน​พิธีกรรม, ผ้า​ห่ม, และ​มรดก​ประจำ​ตระกูล. ผู้​หญิง​สูง​อายุ​จะ​สอน​ลูก ๆ หลาน ๆ ที่​เป็น​ผู้​หญิง​ให้​ปลูก, เก็บ​เกี่ยว, ปั่น, ย้อม, และ​ทอ​ฝ้าย​ให้​เป็น​ผืน​ผ้า​ที่​มี​ลวด​ลาย​สี​สัน​สวย​งาม. ไทส์​ผืน​เดียว​อาจ​ใช้​เวลา​ทำ​หนึ่ง​ปี​หรือ​นาน​กว่า​นั้น ขึ้น​อยู่​กับ​ความ​ซับซ้อน​ของ​การ​ทอ​ผ้า. เนื่อง​จาก​แต่​ละ​ภูมิภาค​มี​ลวด​ลาย​เฉพาะ​ของ​ตน ผู้​เชี่ยวชาญ​จึง​สามารถ​บอก​ได้​ทันที​ว่า​ไทส์​ผืน​นั้น​ทำ​มา​จาก​ที่​ไหน.

[แผนที่​หน้า 14]

(ราย​ละเอียด​ดู​จาก​วารสาร)

ปาปัวนิวกินี

อินโดนีเซีย

ติมอร์​ตะวัน​ออก

ออสเตรเลีย

[ภาพ​หน้า 15]

บ้าน​หลังคา​ทรง​กรวย​ตาม​แบบ​ดั้งเดิม

[ภาพ​หน้า 16]

“ดูดูคาร์เรตา”—เกม​ที่​เด็ก ๆ ชื่น​ชอบ

[ภาพ​หน้า 16, 17]

เจคอบ​และ​ครอบครัว