ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ความรักที่ผมมีต่อดนตรี ชีวิต และคัมภีร์ไบเบิล

ความรักที่ผมมีต่อดนตรี ชีวิต และคัมภีร์ไบเบิล

ความ​รัก​ที่​ผม​มี​ต่อ​ดนตรี ชีวิต และ​คัมภีร์​ไบเบิล

เล่า​โดย​บอริส เอ็น. กูเลเชฟสกี

ลอง​นึก​ภาพ​ชาย​ตา​บอด​อายุ 60 กว่า​ปี​ซึ่ง​เคย​มี​อาการ​หัวใจ​ขาด​เลือด​เฉียบ​พลัน​อย่าง​รุนแรง​มา​สอง​ครั้ง​แล้ว. เขา​หลั่ง​น้ำตา​ด้วย​ความ​ขอบคุณ​ที่​พระเจ้า​ทรง​เปิด​เผย​ให้​เขา​รู้​จัก​พระองค์. นั่น​เป็น​เหตุ​การณ์​ที่​เกิด​ขึ้น​กับ​ผม​เมื่อ 11 ปี​มา​แล้ว.

ผม​เกิด​ปี 1930 ใน​หมู่​บ้าน​ซิบูลเยฟ เขต​เชียร์คาสซี ประเทศ​ยูเครน. ใน​ปี 1937 เป็น​ช่วง​เวลา​ที่​มี​การ​ปราบ​ปราม​โดย​พวก​นิยม​แนว​ความ​คิด​สตาลิน คุณ​พ่อ​ของ​ผม​ถูก​จับ​กุม​และ​ถูก​ตัดสิน​ว่า​มี​ความ​ผิด​ฐาน​เป็น “ศัตรู​ของ​รัฐ.” อพาร์ตเมนต์​ของ​เรา​ถูก​ยึด และ​คน​ที่​รู้​จัก​เรา​ส่วน​ใหญ่​พา​กัน​หลบ​ลี้​หนี​หน้า. ไม่​นาน หลาย​คน​ใน​พวก​เขา​ก็​ถูก​จับ​กุม​ด้วย. ยุค​นั้น​เป็น​ยุค​ที่​ความ​ไม่​ไว้​วางใจ, การ​ทรยศ​หัก​หลัง, และ​ความ​หวาด​กลัว​แพร่​สะพัด​ไป​ทั่ว.

สอง​เดือน​หลัง​จาก​คุณ​พ่อ​ถูก​จับ​กุม เลนา​น้อง​สาว​ของ​ผม​ก็​เกิด​มา. ใน​ช่วง​ฤดู​หนาว คุณ​แม่, เลนา, นิโคไล​พี่​ชาย​ของ​ผม, และ​ตัว​ผม​อาศัย​อยู่​ใน​ห้อง​เล็ก ๆ ที่​ไม่​มี​ทั้ง​หน้าต่าง​และ​เตา​ผิง. หลัง​จาก​นั้น เรา​ได้​ย้าย​ไป​อยู่​ที่​บ้าน​คุณ​ปู่. นิโคไล​และ​ผม​ทำ​งาน​บ้าน, ผ่า​ฟืน, และ​ซ่อมแซม​ข้าวของ. ผม​ชอบ​ทำ​งาน​ที่​ทำ​ด้วย​มือ. ผม​ทำ​รอง​เท้า​และ​งาน​ไม้. นอก​จาก​นี้​ผม​ยัง​รัก​ดนตรี​ด้วย ดัง​นั้น​ผม​จึง​ทำ​บาลาไลกา (เครื่อง​ดนตรี​ชนิด​หนึ่ง​เหมือน​กีตาร์) จาก​ไม้​อัด​และ​ฝึก​เล่น​เครื่อง​ดนตรี​ชนิด​นี้. ต่อ​มา ผม​ฝึก​เล่น​กีตาร์​และ​แมนโดลิน (เครื่อง​ดนตรี​ประเภท​เครื่อง​สาย).

ก่อน​หน้า​นั้น ผม​ได้​รับ​บัพติสมา​ใน​คริสตจักร​คาทอลิก. แต่​เนื่อง​จาก​ผม​ไม่​เข้าใจ​คำ​สอน​หรือ​ธรรมเนียม​ของ​คริสตจักร แนว​คิด​แบบ​อเทวนิยม​จึง​ดู​เหมือน​มี​เหตุ​ผล​สำหรับ​ผม. หลัง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 ผม​เข้า​เป็น​สมาชิก​คอมโซมอล (องค์กร​ยุวชน​คอมมิวนิสต์) และ​เมื่อ​มี​โอกาส สมาชิก​คน​อื่น ๆ รวม​ทั้ง​ตัว​ผม​จะ​ถกเถียง​กับ​พวก​ที่​เชื่อ​ว่า​มี​พระเจ้า เพื่อ​พยายาม​พิสูจน์​ว่า​พระเจ้า​ไม่​มี​จริง.

เมื่อ​ผม​ตา​บอด

หลัง​จาก​ที่​เยอรมนี​โจมตี​สหภาพ​โซเวียต​ใน​ปี 1941 กอง​กำลัง​แนว​หน้า​ได้​เคลื่อน​ผ่าน​หมู่​บ้าน​ของ​เรา​หลาย​ครั้ง​ระหว่าง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง. ใน​วัน​ที่ 16 มีนาคม 1944 ผม​ได้​รับ​บาดเจ็บ​ระหว่าง​ที่​มี​การ​ทิ้ง​ระเบิด​และ​นั่น​ทำ​ให้​ตา​บอด. ผม​เริ่ม​รู้สึก​ท้อ​แท้​สิ้น​หวัง และ​รู้สึก​เจ็บ​ปวด.

เมื่อ​พวก​ทหาร​แนว​หน้า​เคลื่อน​พล​ไป​ทาง​ตะวัน​ตก​และ​ทหาร​เยอรมัน​ต้อง​ถอย​ทัพ ผม​เริ่ม​กลับ​มา​เดิน​เล่น​ใน​สวน​และ​ฟัง​เสียง​นก​ร้อง​เพลง. ด้วย​ความ​สงสาร คุณ​แม่​เอา​เหล้า​วอดก้า​ให้​ผม​ดื่ม และ​เพื่อน​บ้าน​เชิญ​ผม​ไป​งาน​เลี้ยง​ซึ่ง​ผม​จะ​เป็น​คน​เล่น​ดนตรี​ที่​นั่น. ผม​สูบ​บุหรี่​และ​ดื่ม​เหล้า​เพื่อ​จะ​ไม่​จมปลัก​อยู่​กับ​ความ​สิ้น​หวัง. ไม่​ช้า ผม​ก็​ตระหนัก​ว่า​การ​ทำ​เช่น​นี้​ไม่​ได้​ช่วย​แก้​ปัญหา​ใด ๆ เลย.

คุณ​น้า​ของ​ผม​ซึ่ง​เป็น​ครู ท่าน​รู้​ว่า​มี​โรง​เรียน​สอน​คน​ตา​บอด​และ​ได้​แนะ​คุณ​แม่​ให้​พา​ผม​ไป​สมัคร​เรียน. ใน​ปี 1946 ผม​เริ่ม​เข้า​เรียน​ใน​โรง​เรียน​ซึ่ง​ตั้ง​อยู่​ใน​ที่​ซึ่ง​ปัจจุบัน​มี​ชื่อ​ว่า​คัมยอเน็ต-พอดิลสกี ซึ่ง​ผม​ตั้งใจ​เรียน​อย่าง​จริงจัง. ผม​หัด​อ่าน​และ​หัด​พิมพ์ดีด​อักษร​เบรลล์. ผม​ยัง​เรียน​ดนตรี​ต่อ​อีก โดย​ใช้​เวลา​หลาย​ชั่วโมง​ฝึก​เล่น​หีบ​เพลง​ชัก​จน​ชำนาญ. เนื่อง​จาก​เห็น​ความ​พยายาม​ของ​ผม ผู้​ช่วย​ครู​ใหญ่​จึง​อนุญาต​ให้​ผม​เล่น​หีบ​เพลง​ชัก​ของ​เขา. นอก​จาก​นั้น ผม​เรียน​เล่น​เปียโน​ด้วย.

บ้าน​ของ​ผม​เอง

ใน​ปี 1948 ผม​แต่งงาน​กับ​ครู​คน​หนึ่ง​ใน​โรง​เรียน​ซึ่ง​ได้​ช่วย​สอน​หนังสือ​ให้​ผม. สามี​ของ​เธอ​เสีย​ชีวิต​ระหว่าง​สงคราม ทิ้ง​เธอ​ไว้​กับ​ลูก​สาว​เล็ก ๆ สอง​คน. หลัง​จาก​ที่​ผม​เรียน​จบ ผม​ย้าย​ไป​อยู่​ที่​บ้าน​ของ​เธอ. ผม​พยายาม​อย่าง​ดี​ที่​สุด​ที่​จะ​เป็น​สามี​และ​พ่อ​ที่​ดี และ​หา​เลี้ยง​ชีพ​ด้วย​การ​เล่น​ดนตรี. ต่อ​มา​ใน​ปี 1952 เรา​มี​ลูก​ชาย​ด้วย​กัน​หนึ่ง​คน.

ผม​วาง​แผน​จะ​สร้าง​บ้าน​เพื่อ​ครอบครัว​ของ​เรา โดย​ว่า​จ้าง​คน​มา​ทำ​ฐาน​ราก​และ​กำแพง​ด้าน​นอก แต่​ผม​ทำ​งาน​หลาย​อย่าง​ด้วย​ตัว​เอง. การ​สัมผัส​และ​การ​จินตนาการ​ช่วย​ชดเชย​ตา​ที่​มอง​ไม่​เห็น. ผม​จะ​ถือ​ไม้​ชิ้น​หนึ่ง​ไว้, คลำ​ดู, และ​นึก​ภาพ​ไว้​ใน​ใจ. หลัง​จาก​นั้น​ผม​นำ​ไม้​ชิ้น​นั้น​มา​ทำ​เป็น​ข้าวของ​เครื่อง​ใช้ รวม​ถึง​เครื่อง​มือ​ที่​ทำ​ด้วย​ไม้. ผม​สั่ง​ทำ​เครื่อง​มือ​ที่​เป็น​เหล็ก​จาก​โรง​งาน. ผม​ก่อ​เตา​ด้วย​อิฐ, ทำ​เครื่อง​เรือน, และ​ทำ​งาน​อื่น ๆ ได้​อีก​หลาย​อย่าง.

วง​ออร์เคสตรา​ขลุ่ย

ผม​เข้า​รับ​การ​ฝึก​อบรม​ด้าน​ดนตรี​เพิ่ม​เติม​และ​กลาย​เป็น​นัก​ดนตรี​อาชีพ. หลัง​จาก​เล่น​เครื่อง​ดนตรี​หลาย​ชนิด​จน​ชำนาญ ผม​ก็​หัน​มา​หัด​เล่น​ขลุ่ย. ครั้ง​หนึ่ง ผม​ซ่อมแซม​ขลุ่ย​เล็ก ๆ ที่​ทำ​จาก​ไม้​ไผ่. ต่อ​มา ผม​หัด​ทำ​ขลุ่ย​ด้วย​ตัว​เอง. ใน​เวลา​นั้น ผู้​เชี่ยวชาญ​ทั้ง​หลาย​ไม่​คิด​ว่า​จะ​ประดิษฐ์​ขลุ่ย​ที่​มี​เสียง​ทุ้ม​ได้ เนื่อง​จาก​ถ้า​เป็น​ขลุ่ย​อัน​ใหญ่​เสียง​จะ​เบา​มาก. นั่น​เป็น​เหตุ​ผล​ที่​ไม่​มี​วง​ออร์เคสตรา​ขลุ่ย.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม ผม​ได้​ประดิษฐ์​ขลุ่ย​ที่​มี​ห้อง​เสียง​ก้อง​กังวาน​เป็น​พิเศษ​ซึ่ง​ช่วย​ทำ​ให้​เสียง​ดัง​ขึ้น. นี่​หมาย​ความ​ว่า​ผม​สามารถ​ทำ​ให้​ขลุ่ย​มี​เสียง​ทุ้ม​ได้​โดย​ความ​ดัง​ของ​เสียง​ไม่​ลด​ลง. ใน​ที่​สุด ผม​เริ่ม​ผลิต​ขลุ่ย​หลาย​ชุด​ที่​สามารถ​เล่น​ประสาน​เสียง​กัน​ได้.

ก่อน​หน้า​นี้ ผม​เคย​ตั้ง​วง​ออร์เคสตรา​ซึ่ง​มี​เครื่อง​ดนตรี​แบบ​ที่​ใช้​กัน​มา​แต่​ดั้งเดิม. วง​ออร์เคสตรา​ของ​ผม​วง​หนึ่ง​มี​แต่​นัก​ดนตรี​ที่​เป็น​คน​ตา​บอด. ต่อ​มา​ใน​ปี 1960 ผม​ได้​ตั้ง​วง​ออร์เคสตรา​ที่​มี​แต่​ขลุ่ย​เท่า​นั้น วง​ดนตรี​แบบ​นี้​มี​อยู่​วง​เดียว​ใน​สหภาพ​โซเวียต​และ​อาจ​เป็น​วง​เดียว​ใน​โลก.

ค้น​พบ​และ​สงสัย

ใน​ปี 1960 ผม​ได้​นำ​เครื่อง​ดนตรี​บาง​ชิ้น​ไป​ซ่อม​กับ​ช่าง​ซ่อม​เครื่อง​ดนตรี​ที่​เชี่ยวชาญ​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​เริ่ม​คุย​กับ​ผม​เรื่อง​ศาสนา. ผม​โต้​แย้ง​กับ​เขา​ตาม​เคย โดย​ยืน​ยัน​ว่า​ไม่​มี​พระเจ้า. เขา​แนะ​ว่า​ขอ​แค่​ให้​ผม​ฟัง​สิ่ง​ที่​เขา​จะ​อ่าน​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​เท่า​นั้น. เนื่อง​จาก​ผม​ไม่​เคย​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล ผม​จึง​ตัดสิน​ใจ​ว่า​จะ​ฟัง.

ผม​รู้สึก​ประทับใจ​จริง ๆ กับ​เรื่อง​ราว​ของ​ยาโคบ​ที่​ทำ​งาน​หนัก​เพื่อ​หา​เลี้ยง​ครอบครัว. การ​ได้​ฟัง​เรื่อง​ที่​พี่​ชาย​ของ​โยเซฟ​ขาย​ท่าน​ไป​เป็น​ทาส​และ​ต้อง​ตก​ระกำ​ลำบาก​รวม​ถึง​ใน​ภาย​หลัง​ที่​ท่าน​ได้​ให้​อภัย​พวก​พี่​ชาย​ของ​ท่าน​อย่าง​ไร​นั้น​ทำ​ให้​ผม​ถึง​กับ​ร้องไห้. (เยเนซิศ บท 37, 39-45) นอก​จาก​นี้ ผม​ยัง​ชอบ​กฎ​ทอง​มาก​จริง ๆ ซึ่ง​ข้อ​นั้น​กล่าว​ถึง​การ​ปฏิบัติ​ต่อ​คน​อื่น​อย่าง​ที่​เรา​อยาก​ให้​เขา​ปฏิบัติ​ต่อ​เรา. (มัดธาย 7:12) ด้วย​เหตุ​นั้น ผม​จึง​ได้​มา​คุ้น​เคย​และ​เริ่ม​รัก​คัมภีร์​ไบเบิล.

ผม​เริ่ม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ของ​พวก​แบพติสต์​กับ​เพื่อน​ของ​ผม และ​ได้​รับ “คัมภีร์​ภาค​พันธสัญญา​ใหม่” ใน​อักษร​เบรลล์​ซึ่ง​ผม​เริ่ม​อ่าน​อย่าง​ละเอียด. อย่าง​ไร​ก็​ดี ผม​สังเกต​เห็น​ความ​ขัด​แย้ง​ระหว่าง​สิ่ง​ที่​กล่าว​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​คำ​สอน​ของ​พวก​แบพติสต์. ตัว​อย่าง​เช่น ดัง​ที่​กล่าว​ไว้​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล พระเจ้า​และ​พระ​เยซู​เป็น​สอง​บุคคล​ที่​ต่าง​กัน และ​พระเจ้า​ยิ่ง​ใหญ่​กว่า​พระ​เยซู. (มัดธาย 3:16, 17; โยฮัน 14:28; กิจการ 2:32) กระนั้น พวก​แบพติสต์​ยืนกราน​ว่า​พระเจ้า​และ​พระ​เยซู​เท่า​เทียม​กัน​และ​เป็น​ส่วน​ของ​ตรีเอกานุภาพ. ผม​อ่าน “คัมภีร์​ภาค​พันธสัญญา​ใหม่” หลาย​ครั้ง, สัมผัส​ทุก​ตัว​อักษร, และ​แน่​ใจ​ว่า​คำ​สอน​เช่น​นั้น​ไม่​มี​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล.

ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ฉบับ​ที่​เรา​ใช้​อยู่ มี​การ​ใช้​คำ​ว่า “นรก.” ผม​พยายาม​นึก​ภาพ​นรก​อย่าง​ที่​พวก​แบพติสต์​สอน ซึ่ง​ก็​คือ​สถาน​ที่​ทรมาน​ด้วย​ไฟ​ชั่วนิรันดร์. นั่น​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​กลัว! คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​ว่า​พระเจ้า​เป็น​ความ​รัก ผม​นึก​ไม่​ออก​เลย​ว่า​พระองค์​จะ​สร้าง​สถาน​ที่​เช่น​นั้น​ได้​อย่าง​ไร. (1 โยฮัน 4:8) เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป ผม​รู้สึก​สงสัย​คำ​สอน​เรื่อง​นรก รวม​ทั้ง​คำ​สอน​อื่น ๆ ของ​พวก​แบพติสต์​มาก​ขึ้น​เรื่อย ๆ.

การ​เปลี่ยน​แปลง​ครั้ง​ใหญ่

พอ​ถึง​ปี 1968 ลูก​เลี้ยง​ของ​ผม​ทั้ง​สอง​คน​แต่งงาน​แล้ว​และ​มี​ลูก​ของ​พวก​เขา​เอง. ใน​ตอน​นั้น ภรรยา​ของ​ผม​และ​ผม​เริ่ม​มี​ความ​ขัด​แย้ง​กัน​อย่าง​รุนแรง. เมื่อ​นึก​ย้อน​ถึง​วัน​คืน​ที่​ผ่าน​มา ผม​รู้สึก​เสียใจ​ที่​เรา​ไม่​ได้​แสดง​ความ​รัก​และ​ความ​อด​ทน​ต่อ​กัน​มาก​พอ. เรา​หย่า​กัน และ​การ​แต่งงาน​ของ​ผม​อีก​สอง​ครั้ง​หลัง​จาก​นั้น​ก็​ลงเอย​ด้วย​การ​หย่าร้าง​เช่น​กัน.

ใน​ปี 1981 ผม​ย้าย​จาก​คัมยอเน็ต-พอดิลสกี​ซึ่ง​อยู่​มา​นาน​ถึง 35 ปี ไป​อยู่​ที่​ยอชคาร์-โอลา ซึ่ง​อยู่​ห่าง​จาก​กรุง​มอสโก​ไป​ทาง​ตะวัน​ออก​ประมาณ 600 กิโลเมตร. ที่​นั่น​ผม​ยัง​ทำ​งาน​ที่​ใช้​ความ​คิด​สร้าง​สรรค์​ต่อ​ไป. วง​ออร์เคสตรา​วง​หนึ่ง​ของ​ผม​มี​สมาชิก 45 คน​ซึ่ง​เล่น​ขลุ่ย​หลาย​แบบ. ขลุ่ย​ที่​ใช้​มี​ตั้ง​แต่​ขลุ่ย​ที่​ยาว​แปด​นิ้ว​และ​มี​เส้น​ผ่า​ศูนย์กลาง​ไม่​ถึง​ครึ่ง​นิ้ว ไป​จน​ถึง​ขลุ่ย​ดับเบิล​เบส​ที่​ยาว​กว่า​เก้า​ฟุต​และ​มี​เส้น​ผ่า​ศูนย์กลาง​แปด​นิ้ว. คอนเสิร์ต​ของ​เรา​กระจาย​เสียง​และ​ออก​อากาศ​ทาง​สถานี​วิทยุ​โทรทัศน์ และ​เรา​เล่น​คอนเสิร์ต​ทั่ว​ประเทศ.

ใน​การ​ประกวด​วง​ดนตรี​ปี 1986 ซึ่ง​มี​วง​ต่าง ๆ ทั่ว​สหภาพ​โซเวียต​มา​ร่วม​ด้วย ผม​ได้​รับ​เกียรติ​บัตร​และ​เหรียญ​รางวัล​สำหรับ​การ​พัฒนา​ศิลปะ​และ​การ​แสดง​ประเภท​ขลุ่ย. หลาย​ปี​ต่อ​มา มี​การ​สร้าง​ภาพยนตร์​สารคดี​ที่​ชื่อ​ขลุ่ย​เดี่ยว หรือ​ตำนาน​ของ​นัก​เป่า​ขลุ่ย. หนังสือ​พิมพ์​มารีอิสกายา ปราฟดา รายงาน​ว่า “บอริส นิโคเลวิช กูลาเชฟสกี ผู้​ซึ่ง​เป็น​ตัว​ละคร​เอก​ใน​ภาพยนตร์​สารคดี​นี้ ได้​รับ​เกียรติ​บัตร​พิเศษ​เนื่อง​จาก​เป็น​ผู้​ริเริ่ม​วง​ออร์เคสตรา​ขลุ่ย​ซึ่ง​วง​ดนตรี​แบบ​นี้​มี​เพียง​วง​เดียว​เท่า​นั้น​ใน​รัสเซีย.”

ค้น​หา​ความ​จริง

เมื่อ​ผม​ย้าย​มา​ที่​ยอชคาร์-โอลา ผม​ลง​ทะเบียน​ขอ​ใช้​ห้อง​สมุด ซึ่ง​มี​หนังสือ​มาก​มาย​สำหรับ​คน​ตา​บอด. ผม​ได้​มา​คุ้น​เคย​กับ​คำ​สอน​ของ​คาทอลิก, เพนเตคอส, และ​เมทอดิสต์. ผม​ยัง​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​ที่​คริสตจักร​ออร์โทด็อกซ์​ด้วย. ผม​รู้สึก​แปลก​ใจ​อย่าง​ยิ่ง​ที่​พบ​ว่า​พวก​เขา​สอน​คำ​สอน​เหมือน​กับ​ที่​ผม​เคย​ได้​ยิน​จาก​โบสถ์​แบพติสต์ ซึ่ง​ผม​รู้​อยู่​แล้ว​ว่า​ไม่​ได้​อาศัย​คัมภีร์​ไบเบิล.

งาน​เขียน​ของ​บาทหลวง​ออร์โทด็อกซ์​ที่​ชื่อ​อะเล็กซานเดอร์ เมน กล่าว​ว่า​พระเจ้า​มี​พระ​นาม​เฉพาะ​ว่า​ยาห์เวห์. เขา​ยัง​บอก​ด้วย​ว่า​ชาว​ยิว​เคย​มี​การ​นมัสการ​แท้ ซึ่ง​ต่อ​มา​การ​นมัสการ​แท้​ได้​เสื่อม​ลง​เพราะ​คำ​สอน​นอก​รีต​และ​การ​ไหว้​รูป​เคารพ. งาน​เขียน​ของ​เขา​ประทับใจ​ผม​อย่าง​ยิ่ง​และ​ทำ​ให้​ผม​ยิ่ง​ปรารถนา​ที่​จะ​แสวง​หา​ความ​จริง.

ตั้งใจ​แน่วแน่​มาก​ขึ้น

ใน​วง​ออร์เคสตรา​วง​หนึ่ง​ของ​ผม มี​นัก​ดนตรี​ชื่อ​ลิซา เธอ​มี​ปัญหา​เรื่อง​การ​มอง​เห็น​ซึ่ง​ทาง​กฎหมาย​ถือ​ว่า​เป็น​คน​ตา​บอด. เรา​แต่งงาน​กัน​ใน​ปี 1990 และ​เธอ​ก็​สนใจ​เรื่อง​ศาสนา​ด้วย​เช่น​กัน. ใน​ปี​เดียว​กัน​นั้น​เอง ผม​ไป​เยี่ยม​คุณ​แม่​ซึ่ง​อาศัย​อยู่​กับ​เลนา​น้อง​สาว​ใน​เมือง​บาราโนวิชี ประเทศ​เบลารุส. ผม​ไป​โบสถ์​คาทอลิก​ตาม​ที่​คุณ​แม่​ขอร้อง และ​ก็​รับ​ศีล​มหา​สนิท​ที่​นั่น. ช่วง​เวลา​นั้น​เป็น​ยุค​ของ​การ​ปฏิรูป​ทาง​สังคม​และ​การ​เมือง​ใน​สหภาพ​โซเวียต และ​เรื่อง​ที่​บาทหลวง​เทศนา​ส่วน​ใหญ่​ก็​เป็น​เรื่อง​การ​เปลี่ยน​แปลง​ทาง​การ​เมือง. อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ที่​ผม​รู้สึก​แน่​ใจ​ว่า​นี่​ไม่​ใช่​สิ่ง​ที่​ผม​ต้องการ.

ใน​ปี 1994 ผม​มี​อาการ​หัวใจ​ขาด​เลือด​เฉียบ​พลัน​สอง​ครั้ง​และ​ป่วย​หนัก. ใน​ปี​เดียว​กัน​นั้น​เอง คุณ​แม่​ของ​ผม​เสีย​ชีวิต. แม้​เผชิญ​เรื่อง​ต่าง ๆ เหล่า​นี้ ผม​ก็​ยัง​คง​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ต่อ​ไป. ผม​อ่าน “คัมภีร์​ภาค​พันธสัญญา​ใหม่” จบ​ไป 25 รอบ​แล้ว และ​หลัง​จาก​นั้น​ผม​ก็​ไม่​ได้​นับ​อีก. แต่​ผม​อ่าน​ต่อ​ไป​เรื่อย ๆ และ​มี​คำ​ถาม​มาก​ขึ้น​อีก. ผม​แน่​ใจ​ว่า​ผม​ไม่​สามารถ​เข้าใจ​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​ด้วย​ตัว​เอง.

ความ​เข้าใจ​ที่​ชัดเจน​ยิ่ง​ขึ้น

ใน​ปี 1996 พยาน​พระ​ยะโฮวา​ได้​มา​เคาะ​ที่​ประตู​บ้าน​ของ​เรา​ใน​ยอชคาร์-โอลา. ผม​ไม่​ไว้​ใจ​พวก​เขา​เนื่อง​จาก​หนังสือ​พิมพ์​บอก​ว่า​พวก​เขา​เป็น​ลัทธิ​อันตราย. แต่​แล้ว​ผม​ก็​คิด​ว่า ‘พวก​เขา​จะ​ทำ​อันตราย​อะไร​ผม​ได้?’ สิ่ง​แรก​ที่​ผม​ถาม​ก็​คือ​พวก​เขา​คิด​อย่าง​ไร​ใน​เรื่อง​ตรีเอกานุภาพ. พวก​เขา​ตอบ​ว่า​คำ​นี้​อีก​ทั้ง​ความ​คิด​เช่น​นั้น​ไม่​มี​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. ผม​รู้สึก​ดีใจ​เนื่อง​จาก​ผม​ก็​ลง​ความ​เห็น​อย่าง​เดียว​กัน.

เมื่อ​ผม​อ่าน​เอ็กโซโด 6:3 จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​ฉบับ​สภา​สงฆ์​ภาษา​รัสเซีย​ซึ่ง​มี​พระ​นาม​ของ​พระเจ้า พระ​ยะโฮวา ปรากฏ​อยู่ หัวใจ​ผม​เต้น​แรง​มาก. ผม​รู้สึก​ประหลาด​ใจ​ที่​ศาสนา​หลอก​ลวง​ประชาชน​โดย​ปิด​ปัง​ไม่​ให้​ประชาชน​รู้​จัก​พระ​นาม​นั้น. และ​ที่​น่า​คิด​ก็​คือ พยาน​ฯ ถูก​เรียก​ตาม​พระ​นาม​ของ​พระ​ผู้​สร้าง​และ​ยัง​บอก​ให้​คน​อื่น ๆ รู้​จัก​พระ​นาม​นั้น!—ยะซายา 43:10.

ผม​ถาม​พยาน​ฯ ด้วย​คำ​ถาม​ต่าง ๆ มาก​มาย. ตัว​อย่าง​เช่น “เหตุ​ใด​คัมภีร์​ไบเบิล​พูด​ถึง​นรก? เหตุ​ใด​คัมภีร์​ไบเบิล​ฉบับ​สภา​สงฆ์​ภาษา​รัสเซีย​ที่​คน​ทั่ว​ไป​ใช้​จึง​บอก​ว่า​แผ่นดิน​โลก​จะ​ถูก​เผา?” ผม​ถาม​คำ​ถาม​แล้ว​คำ​ถาม​เล่า แต่​เมื่อ​ได้​รับ​คำ​ตอบ​จาก​พระ​คัมภีร์ ผม​ตระหนัก​ว่า​ผม​พบ​ศาสนา​ที่​ผม​ใฝ่​หา​มา​นาน​หลาย​ปี​แล้ว. ด้วย​น้ำตา​แห่ง​ความ​ยินดี ผม​คุกเข่า​ลง​ขอบคุณ​พระเจ้า.

ไม่​นาน พยาน​ฯ ก็​เริ่ม​พา​ผม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม และ​ผม​รู้สึก​ประทับใจ​ที่​ผู้​ฟัง​ตั้งใจ​ฟัง​และ​ได้​ยิน​เสียง​พลิก​หน้า​กระดาษ​เมื่อ​ผู้​บรรยาย​พูด​บน​เวที. เมื่อ​ผู้​บรรยาย​บอก​ข้อ​พระ​คัมภีร์ ผู้​ฟัง​ก็​เปิด​ดู​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​ของ​เขา​เอง. ผม​ไม่​เคย​เจอ​อย่าง​นี้​มา​ก่อน. ที่​การ​ประชุม พยาน​ฯ ร้อง​เพลง​ที่​อาศัย​พระ​ธรรม​ยะซายา 35:5 ซึ่ง​เริ่ม​ต้น​ด้วย​ประโยค​ที่​ว่า “เมื่อ​สายตา​ของ​คน​บอด​สว่าง.”

ผม​เริ่ม​มี​ความ​สุข​อย่าง​ยิ่ง​ที่​ได้​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​พยาน​ฯ ถึง​สี่​ครั้ง​ต่อ​สัปดาห์. ไม่​ช้า ผม​ก็​ได้​เรียน​รู้​ว่า​เหตุ​ใด​พระเจ้า​จึง​ยอม​ให้​มี​ความ​ทุกข์​และ​สงคราม รวม​ถึง​วิธี​ที่​พระองค์​จะ​จัด​การ​กับ​ผล​พวง​ของ​ความ​ทุกข์​ยาก​เช่น​นั้น. ผม​รู้สึก​ประทับใจ​เป็น​พิเศษ​เมื่อ​ได้​เรียน​รู้​เกี่ยว​กับ​คำ​สัญญา​อัน​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก​ของ​พระเจ้า​เรื่อง​ราชอาณาจักร และ​โดย​ทาง​ราชอาณาจักร​นี้​เอง พระ​ประสงค์​ของ​พระองค์​ที่​จะ​ให้​มนุษยชาติ​ที่​เชื่อ​ฟัง​มี​ชีวิต​อยู่​ตลอด​ไป​ใน​อุทยาน​บน​แผ่นดิน​โลก​จะ​สำเร็จ​เป็น​จริง. (เยเนซิศ 1:28; ยะซายา 65:17-25; วิวรณ์ 21:1-5) สำหรับ​ผม​แล้ว ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​กระจ่าง​แจ้ง​ยิ่ง​กว่า​ที่​ผ่าน​มา และ​ใน​วัน​ที่ 16 พฤศจิกายน 1997 ผม​ได้​รับ​บัพติสมา​ซึ่ง​เป็น​สัญลักษณ์​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระเจ้า.

เป็น​เอกภาพ​ใน​การ​รับใช้​พระเจ้า

ไม่​นาน​หลัง​จาก​ผม​รับ​บัพติสมา ลิซา​ก็​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ด้วย. แม้​จะ​เป็น​อัมพาต แต่​เธอ​ก็​ทำ​ความ​ก้าว​หน้า​อย่าง​รวด​เร็ว​และ​รับ​บัพติสมา​ใน​ปี 1998. แม้​ต้อง​มี​คน​อุ้ม​เธอ​ไป​ที่​สระ​บัพติสมา แต่​เธอ​ก็​ตั้งใจ​แน่วแน่​ว่า​จะ​รับใช้​พระเจ้า​สิ้น​สุด​จิตวิญญาณ. เรา​จ้าง​นัก​บำบัด​โรค​ด้วย​การ​นวด และ​ลิซา​ก็​บริหาร​ร่าง​กาย​เอง. ใน​ที่​สุด เธอ​ก็​หาย​จาก​อาการ​อัมพาต. ตอน​นี้ เธอ​ไม่​เพียง​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ทุก​รายการ​เท่า​นั้น แต่​เธอ​ยัง​เข้า​ร่วม​ใน​การ​ประกาศ​ตาม​บ้าน​และ​เดิน​ทาง​ไป​ประกาศ​ยัง​เขต​ไกล ๆ ได้​ด้วย.

ทุก​ครั้ง​ที่​ผม​ไป​ประกาศ ผม​จะ​อธิษฐาน​ขอ​ความ​กล้า. หลัง​จาก​อธิษฐาน​แล้ว ผม​หยิบ​ไม้เท้า, เดิน​ออก​จาก​บ้าน, และ​มุ่ง​หน้า​ไป​ที่​ป้าย​รถ​ไฟฟ้า​โดยสาร​ซึ่ง​เป็น​เส้น​ทาง​ที่​ผม​รู้​จัก​ดี. เมื่อ​ผม​ได้​ยิน​เสียง​คน​เดิน​เข้า​มา​ใกล้ ผม​จะ​เริ่ม​สนทนา​เรื่อง​คัมภีร์​ไบเบิล. เมื่อ​ขึ้น​ไป​นั่ง​บน​รถ​ไฟฟ้า​โดยสาร ผม​จะ​นั่ง​ประมาณ​ตรง​กลาง, พูด​คุย​กับ​ผู้​คน​เรื่อง​คัมภีร์​ไบเบิล, และ​ให้​วารสาร. ถ้า​บาง​คน​แสดง​ความ​สนใจ เรา​จะ​แลก​เบอร์​โทรศัพท์​กัน.

ไม่​นาน​มา​นี้ ผม​มี​โอกาส​คุย​กับ​ครู​สอน​ดนตรี​ที่​สถาน​พยาบาล​แห่ง​หนึ่ง. เขา​รู้สึก​ทึ่ง​กับ​สติ​ปัญญา​ที่​พบ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. เมื่อ​ชาย​คน​นี้​กลับ​บ้าน เขา​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ที่​สถาน​พยาบาล​เดียว​กัน​นั้น ผม​ได้​พบ​กรรมการ​บริษัท​ของ​โรง​งาน​แห่ง​หนึ่ง​ใน​ย่าน​นั้น​ซึ่ง​มี​ลูก​ชาย​ตา​บอด. ผม​บอก​เขา​ถึง​เรื่อง​ความ​หวัง​ที่​ผม​มี และ​เขา​ก็​เริ่ม​สนใจ​และ​หยั่ง​รู้​ค่า​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​เขา​ได้​ยิน.

นับ​ตั้ง​แต่​ผม​รับ​บัพติสมา ผม​ได้​ช่วย​แปด​คน​ให้​มา​เป็น​เพื่อน​ผู้​ประกาศ​ราชอาณาจักร​และ​ได้​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​อีก​หลาย​คน. พระ​ยะโฮวา​ยัง​คง​เกื้อ​หนุน​ผม​และ​ภรรยา​อย่าง​มาก​โดย​ทาง​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​คริสเตียน. พวก​เขา​อ่าน​หนังสือ​ให้​เรา​ฟัง และ​สนทนา​เกี่ยว​กับ​หนังสือ​ที่​อาศัย​พระ​คัมภีร์​ด้วย​กัน​กับ​เรา. พวก​เขา​ยัง​บันทึก​เสียง​คำ​บรรยาย​การ​ประชุม​ภาค​และ​การ​ประชุม​ประชาคม​ให้​เรา​ด้วย. การ​ช่วยเหลือ​ทั้ง​หมด​นี้​ช่วย​เรา​ให้​จารึก​ความ​จริง​จาก​พระ​คัมภีร์​ลง​ใน​หัวใจ​ของ​เรา​และ​ช่วย​เรา​แบ่ง​ปัน​ความ​จริง​แก่​คน​อื่น ๆ. ด้วย​เหตุ​นั้น ประชาคม​จึง​กลาย​เป็น “ผู้​ช่วย​เสริม​กำลัง” ของ​เรา.—โกโลซาย 4:11, ล.ม.

ผม​อุทิศ​ชีวิต​ให้​กับ​ดนตรี​มา​นาน​หลาย​ปี และ​ตอน​นี้​ผม​รู้สึก​ชื่นชม​ยินดี​ที่​จะ​ร้อง​เพลง​ราชอาณาจักร. ผม​ท่อง​จำ​เพลง​ส่วน​ใหญ่​ใน​หนังสือ​จง​ร้อง​เพลง​สรรเสริญ​พระ​ยะโฮวา ภาษา​รัสเซีย​ได้. ผม​เชื่อ​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​พบ​ผม​ใน​โลก​แห่ง​ความ​ชั่ว​นี้​และ​ช่วย​ผม​ให้​พบ​ทาง​ที่​จะ​ออก​จาก​โลก​แห่ง​ความ​มืด​ฝ่าย​วิญญาณ. นั่น​เป็น​เหตุ​ที่​ผม​มั่น​ใจ​ว่า สัก​วัน​หนึ่ง​พระองค์​จะ​ช่วย​ผม​หลุด​พ้น​จาก​ความ​มืด​มิด​จริง ๆ เช่น​กัน.

[ภาพ​หน้า 19]

เล่น​ขลุ่ย ซี เมเจอร์ โทน​เสียง​ทุ้ม

[ภาพ​หน้า 20]

เล่น​หีบ​เพลง​ชัก ปี 1960

[ภาพ​หน้า 20, 21]

วง​ออร์เคสตรา​ขลุ่ย

[ภาพ​หน้า 23]

กับ​ลิซา​ใน​ปัจจุบัน