การเพ่งดูโลก
การเพ่งดูโลก
▪ ในปี 2006 “มีนักข่าวและทีมงาน เช่น คนขับรถหรือล่าม 167 คนเสียชีวิตขณะพยายามจะรายงานข่าว.” ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่กำลังรายงานข่าวเกี่ยวกับอาชญากรรม, การทุจริตคดโกง, หรือความขัดแย้งในท้องถิ่น. มีถึง 133 คนที่ถูกฆ่า.—สถาบันความปลอดภัยด้านข่าวระหว่างประเทศ, เบลเยียม.
▪ ทุก ๆ ปีมีการผลิตกระสุนปืนประมาณ 10 ถึง 14 พันล้านนัด “ซึ่งมากพอที่จะสังหารทุกคนบนโลกนี้ได้ถึงสองครั้ง.”—สถาบันเทคโนโลยีรอยัลเมลเบิร์น, ออสเตรเลีย.
แผ่นดินไหวเกิดจากน้ำมือมนุษย์หรือ?
รายงานหนึ่งในหนังสือพิมพ์ดี ไซท์ ของเยอรมนีกล่าวว่า นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา กิจกรรมของมนุษย์ทำให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มาแล้วมากกว่า 200 ครั้ง. ครึ่งหนึ่งของแผ่นดินไหวเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะถูกกระตุ้นจากการทำเหมือง. สาเหตุอื่น ๆ ดูเหมือนจะได้แก่ การแยกก๊าซธรรมชาติ, น้ำมัน, และน้ำ; การฉีดอัดของเหลวสู่ใต้ดิน; และการสร้างอ่างเก็บน้ำ. แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1989 ที่เมืองนิวคาสเซิลของออสเตรเลีย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คิดกันว่ามีสาเหตุมาจากการทำเหมืองถ่านหินใต้ดิน ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คน บาดเจ็บ 165 คน รวมมูลค่าความเสียหาย 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ. เมื่อคำนวณดูแล้วความเสียหายที่เกิดจากแผ่นดินไหวในครั้งนั้นมีมูลค่ามากกว่ารายได้ทั้งหมดของเหมืองแห่งนี้นับตั้งแต่เปิดกิจการเมื่อสองร้อยปีที่แล้วเสียอีก.
สภาพการณ์ของโรมันคาทอลิกในฝรั่งเศส
ในปี 1994 ประชาชนในฝรั่งเศส 67 เปอร์เซ็นต์บอกว่าพวกเขาเป็นคาทอลิก. ปัจจุบันตัวเลขดังกล่าวคือ 51 เปอร์เซ็นต์ ตามรายงานในวารสารเลอ มงด์ เดส์ เรอลีชอง. การสำรวจครั้งหนึ่งเผยให้เห็นว่าครึ่งหนึ่งของชาวคาทอลิกในฝรั่งเศสไปโบสถ์เฉพาะเมื่อมีโอกาสพิเศษเท่านั้น เช่น งานแต่งงาน. แม้จะมี 88 เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าพวกเขาจำบทสวดข้าแต่พระบิดาได้จนขึ้นใจ แต่ 30 เปอร์เซ็นต์ไม่เคยอธิษฐานเลย. เกือบครึ่งหนึ่งของครอบครัวคาทอลิกมีคัมภีร์ไบเบิลที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะอ่านพระคัมภีร์.
ปัญหาการพูดในหมู่เด็ก
วารสารวพรอสต์ ของโปแลนด์กล่าวว่า “เด็ก ๆ จำนวนมากขึ้นเริ่มพูดช้าลงและใช้คำศัพท์น้อยลงทุกที เพราะผู้ใหญ่ไม่พูดกับพวกเขา.” โดยเฉลี่ยแล้ว บรรดาคุณแม่ใช้เวลาพูดคุยกับลูกวันละ 30 นาที ส่วนคุณพ่อใช้เวลา “เพียงเจ็ดนาที.” ผลคือ เด็กเกือบ 1 ใน 5 “มีปัญหาบางอย่างด้านพัฒนาการในการพูดซึ่งเป็นผลมาจากการถูกพ่อแม่ละเลยเพียงสาเหตุเดียวเท่านั้น.” มีแคล บิทนียอก นักบำบัดด้านการพูดและนักภาษาศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยซิเลเซีย เตือนว่า “ถ้าเด็กเหล่านี้ไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ และถูกละเลยต่อไป ปัญหาด้านการพูดที่มีอยู่อาจทำให้พวกเขาต้องประสบความยุ่งยากเมื่อเข้าโรงเรียนและเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่.”
การใช้ประโยชน์จากความเชื่อเรื่องโชคลางในญี่ปุ่น
การทิ้งขยะอย่างผิดกฎหมายในเขตเทศบาลเป็นปัญหาที่น่าปวดหัวในญี่ปุ่น. แม้จะมีเวรยามคอยตรวจตราในเวลากลางวันก็ยังไม่สามารถป้องกันได้. ประชาชนพากันนำขยะมาทิ้งในตอนกลางคืน. ตอนนี้ฝ่ายบริหารท้องถิ่นกำลังใช้ความเชื่อเรื่องโชคลางมาเป็นมาตรการป้องกัน โดยตั้งโทะริอิ หรือประตูไม้สีแดงที่ออกแบบให้ดูเหมือนทางเข้าศาลเจ้าชินโตไว้หลายแห่ง. หนังสือพิมพ์ไอเอชที อาซาฮี ชิมบุน อธิบายว่า “แนวคิดนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน. ผู้คนทั่วไปถือว่าโทะริอิเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น การนำขยะมาทิ้งไว้ใกล้ ๆ ย่อมจะนำความโชคร้ายมาให้.” และก็เป็นอย่างที่คาด ไม่มีใครนำขยะมาทิ้งใกล้ ๆ โทะริอิอีกเลย. “แต่ถัดไปไม่ไกลนักกลับเป็นคนละเรื่องเลยทีเดียว.” หนังสือพิมพ์กล่าว.