วิธีสร้างชีวิตสมรสให้ประสบความสำเร็จ
วิธีสร้างชีวิตสมรสให้ประสบความสำเร็จ
การสมรสอาจเปรียบได้กับการเดินทางอันยาวไกลซึ่งต้องพบสิ่งแปลก ๆ มากมายตลอดเส้นทาง ซึ่งบางอย่างก็น่ายินดี แต่บางอย่างก็ทำให้เจ็บปวด. สภาพการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดล่วงหน้าอาจเป็นอุปสรรคที่ไม่ได้คาดหมาย ซึ่งบางอย่างอาจดูเหมือนจะไม่มีทางฝ่าฟันไปได้. อย่างไรก็ตาม หลายคนก็เดินทางไปถึงที่หมายได้อย่างมีความสุข โดยประสบเพียงปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น. ที่จริง ชีวิตสมรสที่ประสบความสำเร็จไม่ได้วัดตรงที่ว่าคู่สมรสเจอกับปัญหาหนักหนาสาหัสแค่ไหน แต่อยู่ที่ว่าพวกเขาฝ่าฟันปัญหาไปได้ดีเพียงไร.
คุณคิดว่าอะไรอาจช่วยให้การเดินทางในชีวิตสมรสประสบความสำเร็จและมีความสุขมากขึ้น? หลายคู่คิดว่าพวกเขาจำต้องมี ‘แผนที่ชีวิตคู่’ เพื่อชี้นำพวกเขาไปตลอดทาง. “แผนที่” ที่น่าเชื่อถือและน่าไว้ใจที่สุดสำหรับชีวิตสมรสก็คือ “แผนที่” ที่พระยะโฮวาพระเจ้า ผู้ริเริ่มการสมรสได้จัดเตรียมไว้ให้. แต่คัมภีร์ไบเบิลบริสุทธิ์ พระคำที่มีขึ้นโดยการดลใจของพระองค์หาใช่เครื่องรางของขลัง. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น คัมภีร์ไบเบิลมีคำแนะนำสั่งสอนที่ใช้การได้ซึ่งคู่สมรสจำเป็นต้องปฏิบัติตามเพื่อจะประสบความสำเร็จในชีวิตสมรส.—บทเพลงสรรเสริญ 119:105; เอเฟโซส์ 5:21-33; 2 ติโมเธียว 3:16.
ให้เรามาพิจารณาคำแนะนำในพระคัมภีร์บางข้อที่เป็นเสมือนป้ายบอกทาง ซึ่งก็คือหลักการสำคัญ ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลที่จะช่วยชี้แนะคุณให้เดินทางไปบนเส้นทางของชีวิตสมรสได้อย่างราบรื่นและมีความสุข.
▸ ถือว่าการสมรสเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์. “ที่พระเจ้าทรงผูกมัดไว้ด้วยกันแล้วนั้นอย่าให้มนุษย์ทำให้แยกจากกันเลย.” (มัดธาย 19:6) พระผู้สร้างทรงก่อตั้งการสมรสขึ้นคราวที่พระองค์แนะนำอาดาม มนุษย์คนแรก ให้รู้จักฮาวาภรรยาของเขา. (เยเนซิศ 2:21-24) พระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นประจักษ์พยานในการสมรสครั้งแรกก่อนที่พระองค์จะมาประสูติเป็นมนุษย์ก็ได้ยืนยันว่า พระเจ้าทรงมุ่งหมายที่จะให้สายสมรสของอาดามกับฮาวาเป็นการเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่จะคงอยู่ตลอดไป. พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “พวกเจ้าไม่ได้อ่านหรือว่าพระองค์ผู้ทรงสร้างมนุษย์ในตอนเริ่มต้นนั้นได้สร้างให้เป็นชายและหญิง แล้วตรัสว่า ‘ด้วยเหตุนี้ผู้ชายจะจากบิดามารดาไปผูกพันใกล้ชิดกับภรรยา และทั้งสองจะเป็นเนื้อหนังเดียวกัน’? พวกเขาจึงไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อหนังเดียวกัน. ฉะนั้น ที่พระเจ้าทรงผูกมัดไว้ด้วยกันแล้วนั้นอย่าให้มนุษย์ทำให้แยกจากกันเลย.”—มัดธาย 19:4-6.
ถ้อยคำที่ว่า “ที่พระเจ้าทรงผูกมัดไว้ด้วยกัน” พระเยซูไม่ได้บอกว่ามีการจัดการสมรสในสวรรค์. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พระเยซูทรงยืนยันว่า พระเจ้าเองเป็นผู้ก่อตั้งความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา และด้วยเหตุนี้จึงควรถือว่าการสมรสเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์. *
แน่ล่ะ สามีและภรรยาคงไม่ต้องการที่จะถูก “ผูกมัดไว้ด้วยกัน” แบบที่สิ้นไร้ความรักและเย็นชาต่อกัน. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขาต้องการมีชีวิตสมรสที่น่าพอใจแบบที่จะทำให้คนทั้งสองมีความสุข. พวกเขาจะถูก “ผูกมัดไว้ด้วยกัน” อย่างมีความสุขได้ หากพวกเขานำคำแนะนำที่ใช้ได้จริงของพระผู้สร้างที่มีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้.
เนื่องจากเราทุกคนไม่สมบูรณ์ การเข้าใจผิดและข้อขัดแย้งต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้. แต่บ่อยครั้งชีวิตสมรสที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาเข้ากันได้มากแค่ไหน แต่ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจัดการกับความเข้ากันไม่ได้นั้นอย่างไร. ฉะนั้น ทักษะที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตสมรสก็คือ ความสามารถในการแก้ไขข้อขัดแย้งต่าง ๆ ด้วยวิธีที่เปี่ยมด้วยความรัก เพราะความรัก “ผูกพันทุกสิ่งไว้อย่างสมบูรณ์.”—โกโลซาย 3:14, ฉบับแปล 2002.
สุภาษิต 12:18) นักวิจัยพบว่า ส่วนใหญ่แล้วการสนทนาจบลงแบบเดียวกับตอนที่มันเริ่มขึ้น. ด้วยเหตุนี้ ถ้าการสนทนาเริ่มด้วยความนับถือ ส่วนใหญ่แล้วก็จะจบลงแบบเดียวกัน. ในทางกลับกัน คุณรู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนเมื่อคนที่คุณรักพูดกับคุณแบบไม่คำนึงถึงความรู้สึก. ดังนั้น คุณควรพยายามทูลขอเรื่องนี้ในคำอธิษฐานและตั้งใจที่จะพูดจากันแบบที่คำนึงถึงศักดิ์ศรี, ให้ความนับถือ, และแสดงความรัก. (เอเฟโซส์ 4:31) ฮารูโกะ * ภรรยาชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่แต่งงานมา 44 ปีแล้วอธิบายว่า “แม้เราจะเห็นข้ออ่อนแอของกันและกัน แต่เราก็พยายามพูดคุยและแสดงความนับถือต่อกันและกัน. นั่นช่วยเราให้ประสบความสำเร็จในชีวิตสมรส.”
▸ พูดด้วยความนับถือ. “คำพูดพล่อย ๆ ของคนบางจำพวกเหมือนการแทงของกระบี่; แต่ลิ้นของคนมีปัญญาย่อมรักษาแผลให้หาย.” (▸ ปลูกฝังความกรุณาและเห็นอกเห็นใจกัน. “จงกรุณาต่อกัน แสดงความเห็นใจกัน.” (เอเฟโซส์ 4:32) เมื่อมีข้อขัดแย้งกันอย่างรุนแรง เป็นเรื่องง่ายมากที่ฝ่ายที่กำลังโมโหจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกโมโหขึ้นมาด้วย. ในเยอรมนี อันเนทเท หญิงที่แต่งงานอย่างมีความสุขมา 34 ปียอมรับว่า “ไม่ง่ายหรอกที่จะสงบใจเอาไว้ภายใต้สถานการณ์ที่ตึงเครียด คุณมักจะพูดอะไรที่ทำให้คู่ของคุณอารมณ์เสีย ซึ่งมีแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลง.” อย่างไรก็ตาม โดยพยายามเป็นคนที่มีความกรุณาและเห็นอกเห็นใจ คุณก็ช่วยได้มากทีเดียวในการประคับประคองชีวิตสมรสให้ดำเนินไปได้อย่างสงบราบรื่น.
▸ แสดงความถ่อมใจ. “ไม่ทำอะไรด้วยน้ำใจชิงดีชิงเด่นหรือด้วยความถือดี แต่ให้ถ่อมใจถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว.” (ฟิลิปปอย 2:3) เรื่องระหองระแหงหลายเรื่องเกิดขึ้นเพราะคู่สมรสที่ถือดีพยายามจะตำหนิคู่ของตนเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ แทนที่จะช่วยกันหาวิธีแก้ปัญหาด้วยความถ่อมใจเพื่อทำให้อะไร ๆ ดีขึ้น. ความถ่อมใจอาจช่วยระงับความรู้สึกที่ต้องการยืนกรานว่าคุณเป็นฝ่ายถูกในเรื่องที่ถกเถียงกันนั้น.
▸ อย่าด่วนโกรธเคือง. “อย่าให้ใจของเจ้าโกรธเร็ว.” (ท่านผู้ประกาศ 7:9) พยายามหลีกเลี่ยงแนวโน้มที่ชอบบอกปัดความคิดเห็นของคู่ของคุณ หรือรีบแก้ตัวทันทีเมื่อคู่ของคุณถามอะไรบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่คุณพูดหรือทำ. แทนที่จะทำเช่นนั้น จงฟังและยอมรับสิ่งที่คู่ของคุณพูด. จงคิดให้ดีก่อนตอบ. สำหรับหลายคู่ กว่าจะรู้ว่าการชนะใจเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่าการเถียงชนะอีกฝ่ายหนึ่งก็สายไปเสียแล้ว.
▸ รู้ว่าเมื่อไรควรเงียบ. “ทุกคนต้องไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ.” (ยาโกโบ 1:19) ไม่ต้องสงสัยว่า การสื่อความที่ดีเป็นเสมือนป้ายบอกทางที่สำคัญที่สุดป้ายหนึ่งบนเส้นทางชีวิตสมรสที่มีความสุข. แล้วทำไมคัมภีร์ไบเบิลจึงบอกว่า มีเวลาสำหรับการ “นิ่งเงียบ” ล่ะ? (ท่านผู้ประกาศ 3:7, ล.ม.) นี่ควรเป็นเวลาที่ต้องตั้งใจฟังและพยายามเข้าใจคู่ของคุณ. การฟังแบบนี้เป็นส่วนที่สำคัญอย่างหนึ่งในการสื่อความ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพยายามสังเกตให้ออกว่าคู่ของคุณรู้สึกอย่างไรจริง ๆ และทำไมเขาหรือเธอจึงรู้สึกอย่างนั้น.
โรม 12:15) การคำนึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นสิ่งที่จะขาดเสียไม่ได้ในการสื่อความ เพราะสิ่งนี้จะช่วยคุณให้เข้าใจความรู้สึกส่วนลึกของคู่สมรสของคุณ. นั่นจะช่วยทำให้เกิดบรรยากาศแบบที่ต่างฝ่ายต่างก็คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกและความคิดเห็นของกันและกัน. ในบราซิล เนลลา ที่แต่งงานมา 32 ปีแล้วบอกว่า “เมื่อพูดถึงปัญหาต่าง ๆ ของเรา ฉันมักจะตั้งใจฟังให้ดีเสมอ เพื่อฉันจะเข้าใจความคิดและความรู้สึกของมานูเอล.” เมื่อคู่ของคุณกำลังพูด นั่นเป็นเวลาที่คุณต้อง “นิ่งเงียบ” และฟังแบบที่ร่วมความรู้สึก.
▸ ฟังแบบที่ร่วมความรู้สึก. “จงชื่นชมยินดีกับผู้ที่ชื่นชมยินดี จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้.” (▸ แสดงความหยั่งรู้ค่าเป็นประจำ. “จงแสดงความขอบพระคุณ.” (โกโลซาย 3:15) ลักษณะที่เห็นได้ชัดของสายสมรสที่เหนียวแน่นก็คือ สามีและภรรยาทำให้แน่ใจว่าคู่ของตนรู้สึกว่าเขาเป็นที่หยั่งรู้ค่า. อย่างไรก็ตาม ในกิจวัตรประจำวันของชีวิตสมรส คู่สมรสบางคู่ไม่ได้ใส่ใจกับแง่มุมที่สำคัญของการสื่อความในแง่นี้ และเพียงแต่คิดเอาเองว่าอีกฝ่ายหนึ่งรู้แล้วว่าตนรู้สึกหยั่งรู้ค่า. แพทย์หญิงเอลเลน วากเทล กล่าวว่า “คู่สมรสส่วนใหญ่สามารถ ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าตนเป็นที่หยั่งรู้ค่าได้ ถ้าพวกเขาเพียงแต่คิดที่จะทำเช่นนั้น.”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภรรยาต้องการการยืนยันด้วยความรักและการพูดที่แสดงความหยั่งรู้ค่าจากสามี. สามีทั้งหลาย คุณจะช่วยได้มากทีเดียวในการปรับปรุงชีวิตสมรสของคุณให้ดีขึ้น รวมทั้งสวัสดิภาพของภรรยาและของตัวคุณเองด้วย โดยให้ความสำคัญกับการบอกให้ภรรยารู้ว่าคุณรู้สึกหยั่งรู้ค่าการกระทำที่ดี ๆ และคุณลักษณะที่ดีของเธอ.
การยืนยันทั้งโดยทางคำพูดและการแสดงออกเป็นสิ่งที่สำคัญมาก. เมื่อสามีจูบภรรยาอย่างนุ่มนวล, สัมผัสเบา ๆ, และยิ้มให้เธออย่างหวานชื่น นั่นก็ดังยิ่งกว่าแค่คำพูดที่ว่า “ผมรักคุณ.” สิ่งนี้ทำให้เธอแน่ใจว่า เธอเป็นคนพิเศษสำหรับคุณและคุณก็ต้องการเธอ. โทรศัพท์ไปหาเธอหรือส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือหรือทางอีเมลให้เธอ และบอกเธอว่า “ผมคิดถึงคุณจังเลย” หรือ “วันนี้คุณเป็นยังไงบ้าง?” ถ้าคุณไม่ค่อยได้พูดเช่นนั้นกันอีกนับตั้งแต่สมัยที่คุณติดต่อฝากรักกัน ก็นับว่าดีที่จะเริ่มทำเช่นนั้นใหม่. จงเรียนรู้ต่อ ๆ ไปว่าอะไรทำให้คู่ของคุณรู้สึกประทับใจ.
ถ้อยคำที่พระมารดาของกษัตริย์ละมูเอลในสมัยอิสราเอลโบราณกล่าวนั้นนับว่าเหมาะสมมากทีเดียวที่ว่า “สามีของเธอก็สรรเสริญเธอว่า ‘สตรีเป็นอันมากทำอย่างดีเลิศแต่เธอเลิศยิ่งกว่าเขาทั้งหมด.’ ” (สุภาษิต 31:1, 28, 29, ฉบับแปลใหม่) คุณชมเชยภรรยาของคุณครั้งสุดท้ายเมื่อไร? หรือถ้าคุณเป็นภรรยา คุณชมเชยสามีของคุณครั้งสุดท้ายเมื่อไร?
▸ ว่องไวในการให้อภัย. “อย่าโกรธจนถึงดวงอาทิตย์ตก.” (เอเฟโซส์ 4:26) ในชีวิตสมรส ทั้งตัวคุณและภรรยาของคุณต่างก็ทำสิ่งที่ผิดพลาดได้. ด้วยเหตุนั้น ความเต็มใจที่จะให้อภัยนับว่าจำเป็นมาก. ไคลฟกับโมนิกาในแอฟริกาใต้ ซึ่งแต่งงานมา 43 ปีแล้วได้พบว่าคำแนะนำนี้ในคัมภีร์ ไบเบิลเป็นประโยชน์มาก. ไคลฟอธิบายว่า “เราพยายามจะนำเอาหลักการที่มีอยู่ในเอเฟโซส์ 4:26 มาใช้ และเราพยายามที่จะว่องไวในการให้อภัยกัน เนื่องจากเรารู้ว่านั่นจะทำให้พระเจ้าพอพระทัย. แล้วเราก็รู้สึกสบายใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น, เข้านอนโดยไม่รู้สึกผิดอะไร, และหลับสบาย.”
สุภาษิตโบราณให้ข้อสังเกตที่ฉลาดสุขุมว่า ‘การมองข้ามการล่วงละเมิดเป็นความงดงาม.’ (สุภาษิต 19:11, ล.ม.) อันเนทเท ที่กล่าวถึงก่อนหน้านั้นเห็นด้วยกับข้อนี้ และกล่าวเพิ่มเติมว่า “เป็นไปไม่ได้ที่ชีวิตสมรสจะมีความสุข หากไม่อภัยให้กัน.” เธออธิบายเหตุผลดังนี้: “ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วความขุ่นเคืองและความไม่เชื่อใจกันก็จะค่อย ๆ เกิดขึ้น แล้วมันก็จะค่อย ๆ ทำลายสายสมรส. โดยการให้อภัยกัน สายสมรสจะเหนียวแน่นยิ่งขึ้น และคุณก็จะยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้น.”
ถ้าคุณทำให้คู่ของคุณรู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจ อย่าเพียงแต่นึกเอาเองว่าเดี๋ยวเขาหรือเธอคงจะให้อภัยแล้วก็ลืมเสีย. เพื่อจะคืนดีกัน บ่อยครั้งสิ่งหนึ่งที่นับว่ายากมากที่จำเป็นต้องทำก็คือ การยอมรับว่าคุณได้ทำอะไรผิดไป. อย่างไรก็ตาม จงหาวิธีที่จะพูดอย่างถ่อมใจทำนองนี้ว่า “ที่รัก ผม (ฉัน) ขอโทษ. ผม (ฉัน) ผิดเอง.” การขอโทษอย่างถ่อมใจจะทำให้คุณได้รับความนับถือ, ช่วยสร้างความสัมพันธ์แบบที่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน, และทำให้ตัวคุณเองมีใจสงบมากขึ้น.
▸ ซื่อสัตย์กับคู่ชีวิตและการสมรสของคุณ. “พวกเขา [สามีและภรรยา] จึงไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อหนังเดียวกัน. ฉะนั้น ที่พระเจ้าทรงผูกมัดไว้ด้วยกันแล้วนั้นอย่าให้มนุษย์ทำให้แยกจากกันเลย.” (มัดธาย 19:6) คุณได้ปฏิญาณต่อพระพักตร์พระเจ้าและคนอื่น ๆ รวมทั้งต่อกันและกันว่าจะใช้ชีวิตร่วมกัน แม้ว่าอาจมีปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้น. * อย่างไรก็ตาม คำสัญญาไม่เพียงแต่มีผลในทางกฎหมายเท่านั้น. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น คำสัญญาเกิดจากความรักที่จริงจังและจริงใจ ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็นับถือและให้เกียรติกัน รวมทั้งนับถือและให้เกียรติพระเจ้าด้วย. ดังนั้น อย่าบ่อนทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของสายสมรสด้วยการเกี้ยวพานคนอื่น; จงให้ความสนใจและแสดงความรักใคร่ต่อคู่ของคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น.—มัดธาย 5:28.
▸ สร้างความผูกพันให้แน่นแฟ้นด้วยการเสียสละตัวเอง. “ไม่ห่วงแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้น แต่ห่วงเรื่องของคนอื่นด้วย.” (ฟิลิปปอย 2:4) การถือเอาความต้องการและความพอใจของคู่สมรสมาก่อนของตัวเองนั้นเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยสร้างความผูกพันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น. เปรมจิ ที่แต่งงานมา 20 ปีแล้ว ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือภรรยาของเขาที่ทำงานอาชีพเต็มเวลา โดยช่วยเธอทำงานบ้าน. เขาบอกว่า “ผมช่วยริตาทำอาหารและทำความสะอาดรวมทั้งงานอื่น ๆ เพื่อเธอจะมีเวลาและมีแรงไปทำอะไรอย่างอื่นที่เธอชอบ.”
ความพยายามนำไปสู่บำเหน็จ
บางครั้ง การสร้างชีวิตสมรสให้มีความสุขต้องอาศัยความพยายามอย่างหนักจนอาจทำให้บางคนรู้สึกท้อใจและอยากจะเลิกล้มความพยายามทั้งสิ้น. อย่างไรก็ตาม อย่าปล่อยให้ปัญหาต่าง ๆ มาเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณยอมละทิ้งข้อผูกมัดของคุณหรือสละทุกสิ่งที่คุณได้ทุ่มเทให้กับชีวิตสมรส ซึ่งก็คือการเดินทางอันยาวไกลที่คุณสองคนได้ฝ่าฟันมาด้วยกันแล้ว.
ซิด ที่แต่งงานอย่างมีความสุขมา 33 ปีแล้วแนะว่า “หากคุณบากบั่นพยายามด้วยความจริงใจและแสดงให้เห็นว่าคุณต้องการที่จะทำให้ชีวิตสมรสของคุณประสบความสำเร็จ คุณจะได้รับพระพรจากพระยะโฮวา.” การสนับสนุนกันและกันด้วยความภักดีตลอดช่วงเวลาที่ยากลำบาก และการที่คุณทั้งสองมีความชื่นชมยินดีร่วมกันในช่วงเวลาที่ดี ๆ นั้นจะช่วยประคับประคองคุณให้เดินทางไปบนเส้นทางที่น่าพึงพอใจของชีวิตสมรสได้อย่างประสบความสำเร็จ.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 6 พระเยซูตรัสว่ามูลเหตุเพียงอย่างเดียวที่จะทำให้ชีวิตสมรสสิ้นสุดลง และมีอิสระที่จะสมรสใหม่ได้ก็คือการผิดประเวณี หรือการมีเพศสัมพันธ์นอกสายสมรส.—มัดธาย 19:9.
^ วรรค 9 บางชื่อในบทความนี้เป็นนามสมมุติ.
^ วรรค 22 คัมภีร์ไบเบิลอนุญาตให้ฝ่ายที่ไม่ผิดมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าเขาจะหย่าขาดจากคู่ของตนหรือไม่หากอีกฝ่ายหนึ่งเล่นชู้. (มัดธาย 19:9) ดูบทความเรื่อง “ทัศนะของคัมภีร์ไบเบิล: การเล่นชู้—จะให้อภัยหรือไม่ให้อภัย?” ในตื่นเถิด! ฉบับ 8 สิงหาคม 1995.
[คำโปรยหน้า 6]
คัมภีร์ไบเบิลเป็นเหมือนแผนที่สำหรับการเดินทางบนเส้นทางของชีวิตสมรส
[กรอบ/ภาพหน้า 7]
เมื่อคุณต้องหารือกันเกี่ยวกับปัญหาหนึ่ง
▪ จัดเวลาที่คุณทั้งสองไม่เหนื่อยล้า.
▪ หลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์; มองอีกฝ่ายหนึ่งในแง่ดี.
▪ อย่าพูดแทรก; ผลัดกันฟัง ผลัดกันพูด.
▪ เข้าใจความรู้สึกของคู่สมรส.
▪ แสดงความเห็นอกเห็นใจกัน แม้ว่าคุณจะไม่เห็นพ้องกันในบางเรื่อง.
▪ มีเหตุผลและยืดหยุ่น.
▪ ขอโทษอย่างอ่อนสุภาพเมื่อคุณเข้าใจผิด.
▪ แสดงความหยั่งรู้ค่าและความรัก.
[กรอบ/ภาพหน้า 8]
เพื่อความสำเร็จในชีวิตสมรส
▪ ยึดมั่นกับความจริงของคัมภีร์ไบเบิลที่เสริมสร้างสายสมรสให้เข้มแข็ง.
▪ จัดเวลาไว้สำหรับชีวิตสมรสและคู่ครองของคุณ.
▪ ส่งเสริมให้มีความรักและความอบอุ่น.
▪ จงซื่อสัตย์และรักษาคำมั่นสัญญา.
▪ จงแสดงความกรุณาและให้ความนับถือ.
▪ ช่วยแบ่งเบาภาระที่บ้าน.
▪ ทำให้การพูดจาสนทนากันเป็นแบบที่น่าเพลิดเพลิน.
▪ เล่าเรื่องขำขันและทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายด้วยกัน.
▪ บากบั่นพยายามในการรักษาสายสมรสให้เหนียวแน่น.
[กรอบ/ภาพหน้า 9]
สำหรับการพิจารณาเป็นส่วนตัว
▪ ฉันจำเป็นต้องปรับปรุงแง่มุมใดมากที่สุดในชีวิตสมรสของฉัน?
▪ มีขั้นตอนอะไรบ้างที่ฉันจะปรับปรุงได้?