ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

พระเจ้าช่วยผมให้เอาชนะการทดลองได้

พระเจ้าช่วยผมให้เอาชนะการทดลองได้

พระเจ้า​ช่วย​ผม​ให้​เอา​ชนะ​การ​ทดลอง​ได้

เล่า​โดย​วาซีร์ อาซานอฟ

ผม​ลุก​พรวด​ลง​จาก​เตียง ผม​มัด​คัมภีร์​ไบเบิล​ติด​กับ​เอว​ของ​ผม แล้ว​ก็​รีบ​แต่ง​ตัว​อย่าง​รวด​เร็ว. ก่อน​ที่​ผม​จะ​กระโดด​ออก​ไป​ทาง​หน้าต่าง ผม​ม้วน​เสื้อ​ผ้า​กอง​ไว้​บน​เตียง​แล้ว​เอา​ผ้า​ห่ม​คลุม​ทับ​ไว้ เพื่อ​ทำ​ให้​ดู​เหมือน​กับ​ว่า​ผม​ยัง​นอน​หลับ​อยู่​บน​เตียง. แล้ว​ผม​ก็​วิ่ง​ไป​ที่​หอ​ประชุม​ราชอาณาจักร อธิษฐาน​ขอ​การ​ช่วยเหลือ​จาก​พระเจ้า. เหตุ​การณ์​นี้​เกิด​ขึ้น​ใน​ปี 1991 ตอน​นั้น​ผม​อายุ 14 ปี.

ผม​เกิด​ใน​ครอบครัว​ชาว​เคิร์ด​ใน​เมือง​หนึ่ง​ที่​อยู่​ทาง​ตอน​ใต้​ของ​ประเทศ​คาซัคสถาน​ใน​ปัจจุบัน ซึ่ง​สมัย​นั้น​เป็น​สาธารณรัฐ​หนึ่ง​ใน 15 สาธารณรัฐ​ของ​สหภาพ​โซเวียต. พ่อ​แม่​และ​ญาติ ๆ ของ​ผม​ปลูกฝัง​ผม​ให้​เชื่อ​ว่า​ใน​อนาคต​ผม​อาจ​จะ​เป็น​ผู้​นำ​และ​เป็น​ผู้​ปลด​ปล่อย​ประชาชน​ของ​ผม. ผม​บ่ม​เพาะ​ความ​รู้สึก​เกลียด​ชัง​อย่าง​รุนแรง​ต่อ​ผู้​ที่​เป็น​ศัตรู​ของ​ชาว​เคิร์ด ซึ่ง​ผม​พร้อม​ที่​จะ​ฆ่า​คน​เหล่า​นั้น​ที่​เป็น​ศัตรู​เพื่อ​ปลด​ปล่อย​ประชาชน​ของ​เรา​ให้​พ้น​จาก​การ​ข่มเหง.

ปลาย​ทศวรรษ 1980 คุณ​แม่, น้อง​ชาย, และ​ผม​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. อย่าง​ไร​ก็​ตาม คุณ​พ่อ​ห้าม​ไม่​ให้​เรา​คบหา​กับ​พวก​คริสเตียน. แต่​ผม​ก็​ยัง​ศึกษา​กับ​พยาน​ฯ ต่อ​ไป. ใน​ครอบครัว​ของ​ชาว​เคิร์ด การ​ไม่​เชื่อ​ฟัง​หัวหน้า​ครอบครัว​เป็น​สิ่ง​ที่​แทบ​จะ​ไม่​มี​ให้​เห็น​เลย. ผม​รัก​คุณ​พ่อ​ของ​ผม แต่​ผม​ก็​รัก​ความ​จริง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​ผม​กำลัง​ศึกษา​อยู่​ด้วย.

การ​ต่อ​ต้าน​ที่​บ้าน​และ​ที่​โรง​เรียน

ครั้ง​หนึ่ง ครู​เห็น​วารสาร​หอสังเกตการณ์ ฉบับ​หนึ่ง​ใน​กระเป๋า​นัก​เรียน​ของ​ผม แล้ว​ครู​ก็​บอก​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​ของ​ผม​เกี่ยว​กับ​วารสาร​ฉบับ​นั้น. ด้วย​ความ​เดือดดาล คุณ​พ่อ​ชก​หน้า​ผม​อย่าง​แรง​จน​เลือด​ไหล​ออก​จมูก. ท่าน​ตะโกน​ออก​มา​ว่า “แก​ยัง​ยุ่ง​เกี่ยว​กับ​ศาสนา​นั้น​อยู่​อีก​หรือ?”

หลัง​จาก​นั้น คุณ​พ่อ​ก็​ประกาศ​ออก​มา​ว่า​ท่าน​ไม่​ถือ​ว่า​ผม​เป็น​ลูก​ชาย​ของ​ท่าน​อีก​ต่อ​ไป. ผม​เจ็บ​ปวด​เหลือ​เกิน​ที่​ได้​ยิน​เช่น​นั้น! ใน​ขณะ​เดียว​กัน เพื่อน​หลาย​คน​ใน​ชั้น​เรียน​ก็​เริ่ม​หลบ​เลี่ยง​ไม่​คบหา​กับ​ผม และ​บาง​คน​ก็​ด่า​ว่า​ผม​ต่อ​หน้า​คน​อื่น. ครู​ให้​ผม​ได้​เกรด​ต่ำ​ลง​และ​มัก​จะ​เยาะเย้ย​ความ​เชื่อ​ของ​ผม​ระหว่าง​ที่​กำลัง​สอน​อยู่ โดย​พยายาม​จะ​โน้ม​น้าว​ผม​ให้​เชื่อ​เรื่อง​อเทวนิยม​เหมือน​อย่าง​ที่​ครู​เชื่อ.

ทั้ง ๆ ที่​เผชิญ​การ​ต่อ​ต้าน​เช่น​นั้น ผม​ก็​ยัง​พยายาม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​คริสเตียน​และ​แบ่ง​ปัน​ความ​เชื่อ​ที่​ผม​เพิ่ง​ได้​เรียน​รู้​ให้​แก่​คน​อื่น ๆ. หลัง​จาก​นั้น​สัก​ระยะ​หนึ่ง คุณ​พ่อ​ก็​รู้​ว่า​ผม​ยัง​คบหา​กับ​พยาน​ฯ และ​ยัง​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ด้วย. วัน​อาทิตย์​วัน​หนึ่ง ผม​เริ่ม​คิด​หา​ข้อ​อ้าง​เพื่อ​จะ​ออก​จาก​บ้าน​และ​ไป​ร่วม​การ​ประชุม. ใน​ทันใด​นั้น​เอง คุณ​พ่อ​ก็​สั่ง​ผม​ให้​ไป​นอน. ท่าน​พูด​อย่าง​หนักแน่น​ว่า “ต่อ​ไป​นี้ ทุก​วัน​อาทิตย์​เวลา​นี้ แก​ต้อง​เข้า​นอน.” ท่าน​ขู่​ว่า​จะ​ทำ​โทษ​ผม​อย่าง​หนัก​หาก​ผม​ไม่​เชื่อ​ฟัง และ​ผม​ก็​เชื่อ​ว่า​ท่าน​จะ​ทำ​อย่าง​นั้น​จริง ๆ.

ผม​ร้องไห้​ขณะ​ที่​วิงวอน​ต่อ​พระ​ยะโฮวา พระเจ้า​องค์​เที่ยง​แท้ เพื่อ​ขอ​ให้​คุณ​พ่อ​ใจ​อ่อน​ลง แต่​ท่าน​ก็​ไม่​เคย​เปลี่ยน​เลย. ผม​นึก​ถึง​การ​กดขี่​ข่มเหง​ชาว​อิสราเอล​ใน​ประเทศ​อียิปต์. การ​กระทำ​ของ​คุณ​พ่อ​ทำ​ให้​ผม​นึก​ถึง​ฟาโรห์ ซึ่ง​ไม่​ยอม​ปล่อย​ชาว​อิสราเอล​ไป​นมัสการ​พระ​ยะโฮวา.—เอ็กโซโด 5:1, 2.

ตัดสิน​ใจ

วัน​อาทิตย์​วัน​หนึ่ง ผม​ตัดสิน​ใจ​ไป​ประชุม. หัวใจ​ของ​ผม​เต้น​รัว​ด้วย​ความ​กระวนกระวาย​ขณะ​ที่​ผม​นอน​อยู่​บน​เตียง​และ​อธิษฐาน​ถึง​พระ​ยะโฮวา​อยู่​ใน​ใจ. เมื่อ​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​เข้า​มา​ใน​ห้อง​ของ​ผม ผม​ก็​แกล้ง​หลับ. คุณ​พ่อ​พูด​อย่าง​ภาคภูมิ​ใจ​ว่า “ดู​สิ ฉัน​มี​ลูก​ชาย​ที่​ว่า​นอน​สอน​ง่าย​จริง ๆ.” ท่าน​จูบ​ผม และ​ท่าน​ทั้ง​สอง​ก็​ออก​ไป​อย่าง​เงียบ ๆ. ผม​ยัง​อธิษฐาน​อย่าง​จริงจัง​ต่อ​ไป.

หลัง​จาก​ที่​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​ออก​จาก​ห้อง​ได้​สัก​พัก​หนึ่ง ดัง​ที่​ผม​เล่า​ไว้​ใน​ตอน​ต้น ผม​รีบ​ลุก​ขึ้น หยิบ​รอง​เท้า​ใต้​เตียง แล้ว​กระโดด​ออก​ทาง​หน้าต่าง. การ​ประชุม​สอง​ชั่วโมง​ผ่าน​ไป​อย่าง​รวด​เร็ว และ​ผม​ก็​นึก​สงสัย​ว่า​จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น​เมื่อ​ผม​กลับ​ถึง​บ้าน. น่า​ดีใจ​ที่​คุณ​แม่​ไม่​ได้​พูด​อะไร​กับ​คุณ​พ่อ ทั้ง ๆ ที่​ท่าน​เห็น​ว่า​สิ่ง​ที่​อยู่​บน​เตียง​คือ​เสื้อ​ผ้า ไม่​ใช่​ตัว​ผม. แต่​ท่าน​ก็​เตือน​ผม​ว่า​ท่าน​จะ​ไม่​ปิด​บัง​คุณ​พ่อ​อีก​หาก​ผม​ยัง​แอบ​ทำ​เช่น​นั้น.

ใน​ปี 1992 ผม​บอก​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​ว่า​เพื่อน​คน​หนึ่ง​ของ​ผม​จะ​ไป​ร่วม​งาน​เลี้ยง​ฉลอง​พิเศษ และ​เขา​ชวน​ผม​ไป​ด้วย​กัน​กับ​เขา. ที่​จริง งาน​เลี้ยง​พิเศษ​ที่​ผม​วาง​แผน​จะ​ไป​เข้า​ร่วม​ด้วย​ก็​คือ​การ​ประชุม​หมวด​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​จัด​ขึ้น​ใน​เมือง​ตาราซ ซึ่ง​อยู่​ไกล​จาก​บ้าน​ของ​เรา​ใน​เมือง​คาราตาอู​ประมาณ 100 กิโลเมตร. ผม​จะ​รับ​บัพติสมา​เป็น​เครื่องหมาย​แสดง​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระ​ยะโฮวา​ที่​การ​ประชุม​นั้น. ผม​ถาม​คุณ​แม่​ว่า​ผม​จะ​ขอ​เมล็ด​ทานตะวัน​สัก​ถัง​หนึ่ง​จาก​ยุ้ง​ได้​ไหม. ผม​ทอด​เมล็ด​ทานตะวัน​แล้ว​เอา​ไป​ขาย​ที่​ตลาด และ​โดย​วิธี​นี้​ผม​จึง​สามารถ​หา​เงิน​ได้​พอ​ที่​จะ​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​ภาค​ครั้ง​นั้น.

เมื่อ​ผม​กลับ​ถึง​บ้าน คุณ​พ่อ​ถาม​ว่า​ผม​ไป​งาน​เลี้ยง​กับ​เพื่อน​สนุก​ไหม. ผม​บอก​กับ​ท่าน​ว่า​ผม​สนุก​จริง ๆ. ผม​รู้สึก​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ช่วยเหลือ​ผม เพราะ​คุณ​พ่อ​ไม่​ได้​ถาม​อะไร​อีก. ผม​นึก​ถึง​ถ้อย​คำ​ใน​สุภาษิต 3:5, 6 ที่​ว่า “จง​วางใจ​ใน​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​สุด​ใจ​ของ​เจ้า, อย่า​พึ่ง​ใน​ความ​เข้าใจ​ของ​ตน​เอง: จง​รับ​พระองค์​ให้​เข้า​ส่วน​ใน​ทาง​ทั้ง​หลาย​ของ​เจ้า, และ​พระองค์​จะ​ชี้​ทาง​เดิน​ของ​เจ้า​ให้​แจ่ม​แจ้ง.”

ความ​เชื่อ​ของ​ผม​อ่อน​ลง

การ​ต่อ​ต้าน​ของ​คุณ​พ่อ​ไม่​ได้​ยุติ​ลง​เมื่อ​ผม​รับ​บัพติสมา. เมื่อ​ผม​ยัง​คบหา​สมาคม​กับ​พยาน​ฯ ต่อ​ไป คุณ​พ่อ​ก็​เฆี่ยน​ตี​ผม​อย่าง​รุนแรง ทั้ง​ใน​เวลา​ที่​อยู่​ต่อ​หน้า​คน​อื่น ๆ และ​ตอน​ที่​อยู่​ด้วย​กัน​ตาม​ลำพัง. ผม​ถูก​ทำ​ให้​อับอาย​ขายหน้า​และ​ถูก​กดดัน​แทบ​ทุก​วัน และ​ผม​มัก​จะ​ร้องไห้​บ่อย ๆ. ตอน​นั้น คาซัคสถาน​เพิ่ง​จะ​ได้​รับ​เอกราช​จาก​สหภาพ​โซเวียต และ​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​รวม​ทั้ง​ญาติ ๆ พยายาม​เกลี้ยกล่อม​ผม​ให้​มุ่ง​ติด​ตาม​เป้าหมาย​ที่​ดี ๆ อย่าง​เช่น การ​เป็น​นัก​การ​เมือง. พวก​ท่าน​คิด​ว่า​ผม​กำลัง​พลาด​โอกาส​ที่​ดี​ไป.

พี่​ชาย​ผม​ประสบ​ความ​สำเร็จ​ใน​ด้าน​กีฬา และ​คุณ​พ่อ​ก็​มัก​จะ​สนับสนุน​ผม​ให้​ทำ​ตาม​แบบ​อย่าง​ของ​พี่​ชาย. ตอน​ปลาย​ปี 1994 ผม​ก็​ได้​เข้า​ไป​ยุ่ง​เกี่ยว​กับ​วงการ​กีฬา​เช่น​กัน. ด้วย​พรสวรรค์​ที่​ผม​มี​มา​แต่​กำเนิด ไม่​นาน​ผม​ก็​ชนะ​รางวัล​ต่าง ๆ และ​ได้​รับ​การ​ยกย่อง​ว่า​เป็น​นัก​ฟุตบอล​และ​นัก​ยิมนาสติก​ที่​เก่ง​มาก. นอก​จาก​นี้ ผม​ยัง​เริ่ม​ศึกษา​วิชา​กฎหมาย เพื่อ​ผม​จะ​อยู่​ใน​ฐานะ​ที่​จะ​ช่วย​ปก​ป้อง​ผล​ประโยชน์​ของ​ชาว​เคิร์ด​ได้. ผม​ถึง​กับ​หัน​ไป​สนใจ​การ​เมือง​และ​คิด​ที่​จะ​ก่อ​ตั้ง​พรรค​หนุ่ม​สาว​ชาว​เคิร์ด. ตอน​นี้​คุณ​พ่อ​ก็​เริ่ม​ชื่นชม​ผม.

“พ่อ​ชนะ​ครับ”

ความ​เชื่อ​ของ​ผม​เริ่ม​อ่อน​ลง และ​ผม​เลิก​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​เลิก​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ผม​คิด​ปลอบ​ใจ​ตัว​เอง​ว่า​ผม​จะ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​อีก​เมื่อ​ผม​โต​เป็น​ผู้​ใหญ่​แล้ว. ครั้ง​หนึ่ง คุณ​พ่อ​ถาม​ว่า​ผม​ยัง​คบหา​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​อยู่​หรือ​ไม่. ผม​ตอบ​ว่า “ไม่​แล้ว พ่อ​ชนะ​ครับ. ตอน​นี้​พ่อ​มี​ความ​สุข​แล้ว​ใช่​ไหม?” เมื่อ​ได้​ยิน​เช่น​นี้ คุณ​พ่อ​ก็​มี​ความ​สุข​มาก. ท่าน​พูด​ออก​มา​อย่าง​ภาคภูมิ​ใจ​ว่า “ใน​ที่​สุด ตอน​นี้​เจ้า​ก็​เป็น​ลูก​ของ​พ่อ!”

เป็น​เวลา​สอง​ปี​ที่​ผม​ไม่​ได้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม แม้​ว่า​บาง​ครั้ง​ผม​รู้สึก​อยาก​จะ​ไป. แต่​ความ​อาย​ก็​ฉุด​รั้ง​ผม​ไม่​ให้​ทำ​ตาม​ความ​ตั้งใจ​ที่​จะ​ไป​ร่วม​การ​ประชุม. ผม​คิด​ว่า​คน​เหล่า​นั้น​ที่​อยู่​ใน​ประชาคม​คง​จะ​ไม่​เข้าใจ​สภาพการณ์​ของ​ผม.

แต่​ใน​ขณะ​เดียว​กัน ผม​ก็​มั่น​ใจ​ว่า​ไม่​มี​อะไร​ดี​ยิ่ง​ไป​กว่า​การ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา. ผม​มัก​จะ​บอก​ตัว​เอง​เสมอ​ว่า ‘ที่​จริง ผม​รัก​พระ​ยะโฮวา!’ แล้ว​คุณ​พ่อ​ก็​เริ่ม​กดดัน​ผม​ให้​ศึกษา​ต่อ​ใน​มหาวิทยาลัย. ผม​ยอม​ทำ​ตาม​ใจ​ท่าน​และ​ถึง​กับ​สัญญา​ว่า​จะ​สำเร็จ​การ​ศึกษา​ด้วย​คะแนน​เกียรติ​นิยม. แต่​ผม​ก็​หวัง​อยู่​ใน​ใจ​ว่า เมื่อ​ผม​เข้า​มหาวิทยาลัย​ใน​อัลมาตี เมือง​ที่​ใหญ่​โต​และ​ทัน​สมัย​ทาง​ใต้​ของ​คาซัคสถาน ผม​คง​จะ​ได้​พบ​พวก​พยาน​ฯ.

สถานการณ์​เปลี่ยน​ไป​ใน​ทาง​ที่​น่า​ยินดี

ไม่​นาน​หลัง​จาก​ที่​ผม​เริ่ม​มา​ศึกษา​ที่​มหาวิทยาลัย ผม​ได้​พบ​พยาน​ฯ สอง​คน ขณะ​ที่​พวก​เขา​กำลัง​ทำ​งาน​เผยแพร่​บน​ถนน​สาย​หนึ่ง​ใน​เมือง​อัลมาตี. พวก​เขา​เดิน​เข้า​มา​ถาม​ผม​ว่า “คุณ​คิด​ว่า​ใคร​เป็น​ผู้​ครอง​โลก?”

ผม​ตอบ​ว่า “ซาตาน ศัตรู​ของ​พระ​ยะโฮวา​และ​มวล​มนุษย์​ทุก​คน.” (2 โครินท์ 4:3, 4) ผม​อธิบาย​ว่า​ผม​รับ​บัพติสมา​แล้ว แต่​ผม​เลิก​ทำ​งาน​เผยแพร่.

ตอน​ปลาย​ปี 1996 ผม​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​ฯ อีก​ครั้ง​หนึ่ง. หลัง​จาก​ที่​ผม​ศึกษา​ได้​สอง​สาม​ครั้ง ความ​ปรารถนา​ที่​จะ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ก็​กลับ​ลุก​โชน​ด้วย​พลัง​แรง​กล้า และ​ผม​เริ่ม​ทำ​กิจกรรม​ทุก​อย่าง​ร่วม​กับ​พยาน​ฯ ใน​อัลมาตี. ใน​เดือน​กันยายน​ปี 1997 ผม​เริ่ม​รับใช้​เป็น​ไพโอเนียร์ หรือ​ผู้​รับใช้​เต็ม​เวลา.

หลัง​จาก​นั้น​ปี​หนึ่ง คุณ​พ่อ​ก็​มา​เยี่ยม​ผม. ผม​วิ่ง​ไป​หา​ท่าน และ​เรา​ก็​สวมกอด​กัน. ท่าน​ขอ​อภัย​ใน​สิ่ง​ที่​ท่าน​เคย​ทำ​ต่อ​ผม​ตลอด​หลาย​ปี​ก่อน​หน้า​นั้น. ท่าน​บอก​ว่า ท่าน​เข้าใจ​ผิด​ทั้ง​ที่​เกี่ยว​กับ​ตัว​ผม​และ​ความ​เชื่อ​ของ​ผม. ผม​พูด​ว่า “พ่อ​ครับ ผม​รัก​พ่อ​มาก.”

ผม​รู้สึก​ดีใจ​เหลือ​เกิน​เมื่อ​คุณ​พ่อ​รับ​สรรพหนังสือ​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​ขอ​คัมภีร์​ไบเบิล​เล่ม​หนึ่ง ทั้ง​ยัง​บอก​ว่า​ท่าน​ต้องการ​อ่าน​ตั้ง​แต่​ต้น​จน​จบ! หนึ่ง​ปี​ต่อ​มา ท่าน​มา​เยี่ยม​ผม​อีก และ​คราว​นี้​ท่าน​พา​คุณ​แม่​มา​ด้วย. ที่​หอ​ประชุม​ราชอาณาจักร พี่​น้อง​จาก​หลาย​เชื้อชาติ​ทักทาย​ท่าน​ทั้ง​สอง​อย่าง​เป็น​มิตร พวก​เขา​เดิน​เข้า​มา​หา​ท่าน​แล้ว​ก็​แนะ​นำ​ตัว​เอง. นี่​ทำ​ให้​คุณ​พ่อ​รู้สึก​ประทับใจ​มาก และ​ท่าน​ก็​เริ่ม​อ่าน​สรรพหนังสือ​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​ความ​สนใจ​เป็น​อย่าง​ยิ่ง.

พระ​พร​มาก​มาย

ใน​เดือน​กันยายน​ปี 2001 ผม​แต่งงาน​กับ​หญิง​สาว​ชาว​รัสเซีย​ที่​ดี​เยี่ยม เธอ​ชื่อ​เยเลนา. เธอ​เป็น​พยาน​ฯ ที่​รับ​บัพติสมา​ตั้ง​แต่​ปี 1997 และ​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​เดือน​พฤษภาคม​ปี 2003. สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​เรา​ยินดี​อย่าง​ยิ่ง​ก็​คือ เรา​ได้​รู้​ว่า​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​ของ​ผม​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​ฯ และ​กำลัง​สร้าง​สาย​สัมพันธ์​อัน​ดี​กับ​พระ​ยะโฮวา. ที่​จริง ผม​ไม่​อยาก​จะ​เชื่อ​ข่าว​นั้น​จน​กระทั่ง​ผม​ได้​ยิน​จาก​ปาก​ของ​คุณ​พ่อ​เอง. ท่าน​พูด​กับ​ผม​ทาง​โทรศัพท์​ว่า พระ​ยะโฮวา​เป็น​พระเจ้า​องค์​เที่ยง​แท้​องค์​เดียว!

ผม​มี​ความ​สุข​มาก​ที่​อัลมาตี เมือง​ที่​ผม​มี​โอกาส​นำ​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​ผู้​คน​จาก​ที่​ต่าง ๆ ทั้ง​จีน, อิหร่าน, ปากีสถาน, ซีเรีย, และ​ตุรกี. ไม่​นาน​มา​นี้ นัก​บวช​ชาว​อิหร่าน​ขอ​ให้​ผม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​เขา​ใน​ภาษา​เปอร์เซีย. อดีต​นาย​พล​ชาว​อัฟกานิสถาน​คน​หนึ่ง​รู้สึก​ประทับใจ​อย่าง​มาก​ใน​สิ่ง​ที่​เขา​ได้​เรียน​รู้​เกี่ยว​กับ​พระ​ยะโฮวา. นอก​จาก​นี้ ผม​ยัง​มี​ความ​สุข​ที่​ได้​นำ​การ​ศึกษา​กับ​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​มา​จาก​ซีเรีย​โดย​ใช้​ภาษา​เคิร์ด​ซึ่ง​เป็น​ภาษา​ของ​ผม ทั้ง​ยัง​ได้​นำ​การ​ศึกษา​กับ​ผู้​คน​ใน​ภาษา​คาซัค​และ​ภาษา​รัสเซีย ซึ่ง​เป็น​ภาษา​ที่​ผม​เคย​เรียน​ใน​วัย​เด็ก.

เวลา​นี้ ผม​กับ​เยเลนา​ทำ​งาน​รับใช้​ใน​ประชาคม​ที่​ใช้​ภาษา​คาซัค ซึ่ง​เป็น​ประชาคม​หนึ่ง​ใน 35 ประชาคม​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​เมือง​อัลมาตี. เมื่อ​ปี​ที่​แล้ว ผม​กับ​เยเลนา​ได้​รับ​สิทธิ​พิเศษ​ให้​ทำ​งาน​รับใช้​ชั่ว​คราว​ที่​สำนักงาน​สาขา​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​อยู่​ใกล้ ๆ กับ​เมือง​อัลมาตี ซึ่ง​เพิ่ง​จะ​สร้าง​เสร็จ​เมื่อ​ไม่​นาน​นี้.

ครั้ง​หนึ่ง ผม​เคย​ถูก​สอน​ให้​เกลียด​ชัง​ศัตรู แต่​พระ​ยะโฮวา​สอน​ให้​ผม​รัก​ผู้​คน. ผม​เชื่อ​มั่น​ว่า​เรา​ไม่​ควร​ยอม​ให้​ใคร​มา​บงการ​เรา​ให้​หัน​ไป​ทำ​สิ่ง​อื่น​ได้ แม้​แต่​ใน​ยาม​ที่​ถูก​กดดัน​จาก​ญาติ ๆ หรือ​เพื่อน​ที่​หวัง​ดี. (กาลาเทีย 6:9) เวลา​นี้ ผม​ดีใจ​มาก​ที่​ผม​กับ​ภรรยา​มี ‘งาน​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ให้​ทำ​มาก​มาย.’—1 โครินท์ 15:58.

[คำ​โปรย​หน้า 13]

คุณ​แม่​เตือน​ผม​ว่า​ท่าน​จะ​ไม่​ปิด​บัง​คุณ​พ่อ​อีก​หาก​ผม​ยัง​แอบ​ทำ​เช่น​นั้น

[ภาพ​หน้า 15]

หอ​ประชุม​ราชอาณาจักร​ใน​คาราตาอู​ที่​ผม​ไป​ร่วม​ประชุม​ตอน​เป็น​วัยรุ่น

[ภาพ​หน้า 15]

คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​ซึ่ง​ตอน​นี้​ชื่น​ชอบ​งาน​ของ​เรา

[ภาพ​หน้า 15]

ผม​กับ​เยเลนา​ใน​วัน​แต่งงาน

[ภาพ​หน้า 15]

กับ​เยเลนา​ที่​สำนักงาน​สาขา​แห่ง​ใหม่​ใกล้​เมือง​อัลมาตี