ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ตัวอย่างครอบครัวที่ประสบความสำเร็จ—ตอนที่ 1

ตัวอย่างครอบครัวที่ประสบความสำเร็จ—ตอนที่ 1

ตัว​อย่าง​ครอบครัว​ที่​ประสบ​ความ​สำเร็จ—ตอน​ที่ 1

ดัง​ที่​ตื่นเถิด! ฉบับ​พิเศษ​นี้​อธิบาย ครอบครัว​ที่​ประสบ​ความ​สำเร็จ​ใช่​ว่า​จะ​ปลอด​ปัญหา. ความ​จริง​เรื่อง​นี้​ไม่​น่า​ประหลาด​ใจ​เลย เพราะ​เรา​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​สมัย​ที่​คัมภีร์​ไบเบิล​พรรณนา​ว่า​เป็น “วิกฤตกาล​ซึ่ง​ยาก​จะ​รับมือ​ได้.” (2 ติโมเธียว 3:1) ปัญหา​ไม่​อย่าง​ใด​ก็​อย่าง​หนึ่ง​อาจ​เกิด​ขึ้น​ได้​กับ​ทุก​ครอบครัว.

แต่​จำ​ไว้​ว่า​ความ​สำเร็จ​ไม่​ได้​อยู่​ที่​การ​มี​สภาพ​แวด​ล้อม​ที่​ดี​ที่​สุด​อย่าง​ที่​หลาย​คน​คิด. ตรง​กัน​ข้าม พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “ผู้​ที่​สำนึก​ถึง​ความ​จำเป็น​ต้อง​พึ่ง​พระเจ้า​ก็​มี​ความ​สุข.” (มัดธาย 5:3, เชิงอรรถ) ครอบครัว​ที่​เห็น​ความ​จำเป็น​ต้อง​หมาย​พึ่ง​พระเจ้า​ด้วย​การ​ทำ​ตาม​หลักการ​ต่าง ๆ ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ก็​ได้​พบ​เคล็ดลับ​สู่​ความ​สำเร็จ​แม้​สภาพ​แวด​ล้อม​ไม่​อำนวย. ขอ​พิจารณา​บาง​ตัว​อย่าง.

ดู​แล​ลูก​ที่​ทุพพลภาพ. คัมภีร์​ไบเบิล​กำหนด​ว่า​การ​ดู​แล​สมาชิก​ครอบครัว​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​มาก รวม​ไป​ถึง​คน​ที่​ต้องการ​ความ​เอา​ใจ​ใส่​เป็น​พิเศษ. คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​ว่า “ถ้า​ใคร​ไม่​เลี้ยง​ดู​คน​เหล่า​นั้น​ที่​อยู่​ใน​ความ​รับผิดชอบ​ของ​เขา โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​สมาชิก​ใน​ครอบครัว​เขา คน​นั้น​ก็​ปฏิเสธ​ความ​เชื่อ​และ​เป็น​คน​เลว​ยิ่ง​กว่า​คน​ที่​ไม่​มี​ความ​เชื่อ​ด้วย​ซ้ำ.”—1 ติโมเธียว 5:8

ที่​หน้า 15 วิกเตอร์ พ่อ​คน​หนึ่ง​ใน​แอฟริกา​ใต้ ได้​เล่า​ประสบการณ์​ของ​ตัว​เอง​และ​ภรรยา​ซึ่ง​ได้​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​ลูก​ที่​ทุพพลภาพ​มา​นาน​กว่า​สี่​สิบ​ปี​แล้ว.

ได้​รับ​การ​เลี้ยง​ดู​ใน​ฐานะ​ลูก​บุญธรรม. หลักการ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​สามารถ​ช่วย​คน​เรา​มอง​เห็น​คุณค่า​ตัว​เอง​ได้​อย่าง​เหมาะ​สม แม้​จะ​ถูก​พ่อ​แม่​แท้ ๆ ทอดทิ้ง​ก็​ตาม. อัน​ที่​จริง คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​ว่า​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​เป็น “ผู้​ทรง​ช่วย” ลูก​กำพร้า.—บทเพลง​สรรเสริญ 10:14

ที่​หน้า 16 เคนยัตตา หญิง​สาว​คน​หนึ่ง​ใน​สหรัฐ​พรรณนา​วิธี​ที่​เธอ​รับมือ​กับ​ผล​กระทบ​ทาง​อารมณ์​เนื่อง​จาก​ไม่​เคย​พบ​พ่อ​แม่​ผู้​ให้​กำเนิด.

รับมือ​กับ​การ​ตาย​ของ​พ่อ​หรือ​แม่. การ​สูญ​เสีย​พ่อ​หรือ​แม่​อาจ​เป็น​แผล​ลึก​ใน​ใจ​ซึ่ง​ยาก​ที่​จะ​เยียว​ยา. คัมภีร์​ไบเบิล​ช่วย​ได้. พระ​ยะโฮวา​ผู้​ประพันธ์​พระ​คัมภีร์​เป็น “พระเจ้า​แห่ง​การ​ชู​ใจ​ทุก​อย่าง.”—2 โครินท์ 1:3

ที่​หน้า 17 แองเจลา หญิง​สาว​คน​หนึ่ง​ใน​ออสเตรเลีย อธิบาย​ว่า​สัมพันธภาพ​ระหว่าง​เธอ​กับ​พระเจ้า​ช่วย​เธอ​รับมือ​อย่าง​ไร​กับ​การ​สูญ​เสีย​อย่าง​เจ็บ​ปวด.

ทุก​ครอบครัว​มี​ปัญหา​บาง​อย่าง​ที่​ต้อง​จัด​การ. ดัง​ที่​เรื่อง​ราว​ใน​หน้า​ถัด​ไป​จะ​เป็น​ตัว​อย่าง คน​ที่​ใช้​หลักการ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​พบ​เคล็ดลับ​สำคัญ​ซึ่ง​ช่วย​พวก​เขา​แก้​ปัญหา​ได้​สำเร็จ.

[กรอบ/ภาพ​หน้า 15]

ดู​แล​ลูก​ที่​ทุพพลภาพ

เล่า​โดย​วิกเตอร์ เมนส์ แอฟริกา​ใต้

“ตั้ง​แต่​เกิด แอนดรูว์​ต้อง​พึ่ง​เรา​ใน​เรื่อง​การ​แต่ง​ตัว, อาบ​น้ำ, และ​หลาย​ครั้ง​ถึง​กับ​ต้อง​ป้อน​อาหาร. ตอน​นี้​เขา​อายุ 44 ปี​แล้ว.”

เรา​คิด​ว่า​น่า​จะ​มี​อะไร​ผิด​ปกติ​เมื่อ​แอนดรูว์​ไม่​ยอม​เดิน​หลัง​จาก​ขวบ​ปี​แรก. ประมาณ​เวลา​นั้น เขา​มี​อาการ​ชัก. เรา​รีบ​พา​แอนดรูว์​ไป​โรง​พยาบาล และ​ได้​รู้​ว่า​เขา​เป็น​โรค​ลม​ชัก. แต่​ไม่​ใช่​แค่​นั้น. การ​ตรวจ​ต่อ​มา​ยืน​ยัน​ว่า​สมอง​ของ​แอนดรูว์​ได้​รับ​ความ​เสียหาย.

หลัง​จาก​ลอง​ผิด​ลอง​ถูก เรา​ก็​สามารถ​ควบคุม​อาการ​ชัก​ของ​แอนดรูว์​ไว้​ได้. ชั่ว​ระยะ​หนึ่ง เขา​ต้อง​กิน​ยา​ถึง​สี่​ชนิด​วัน​ละ​สาม​เวลา. แน่​ละ ยา​ไม่​อาจ​ช่วย​รักษา​ความ​พิการ​ทาง​สมอง​ได้. จน​ถึง​เดี๋ยว​นี้ ทั้ง ๆ ที่​เขา​อายุ 44 ปี แอนดรูว์​ก็​มี​ความ​สามารถ​ด้าน​สติ​ปัญญา​เทียบเท่า​กับ​เด็ก​อายุ​ห้า​หรือ​หก​ขวบ​เท่า​นั้น.

พวก​แพทย์​แนะ​นำ​เรา​ให้​ฝาก​แอนดรูว์​ไว้​ที่​สถาน​ดู​แล​เด็ก แต่​เรา​ตัดสิน​ใจ​ไม่​ทำ​อย่าง​นั้น. เรา​อยู่​ใน​ฐานะ​ที่​จะ​ดู​แล​แอนดรูว์​ได้ เรา​จึง​ตัดสิน​ใจ​ให้​แอนดรูว์​อยู่​ที่​บ้าน แม้​ว่า​จะ​มี​อุปสรรค​ที่​ไม่​อาจ​เลี่ยง​ได้.

ดัง​นั้น เรา​จึง​ให้​ทุก​คน​ใน​ครอบครัว​มี​ส่วน​ร่วม​ใน​การ​ดู​แล​เขา. เรา​มี​ลูก​สาว​สอง​คน​และ​ลูก​ชาย​อีก​หนึ่ง​คน​อาศัย​อยู่​ที่​บ้าน ซึ่ง​พวก​เขา​ช่วยเหลือ​ได้​มาก และ​ผม​ก็​นึก​ขอบคุณ​พวก​เขา​จริง ๆ! อีก​ประการ​หนึ่ง ใน​ฐานะ​พยาน​พระ​ยะโฮวา เรา​ได้​รับ​การ​สนับสนุน​อย่าง​ดี​จาก​สมาชิก​ใน​ประชาคม. บาง​ครั้ง พวก​เขา​เลี้ยง​อาหาร​เรา​หรือ​ถึง​กับ​ดู​แล​แอนดรูว์​เมื่อ​เรา​ออก​ไป​เผยแพร่​หรือ​ไป​ทำ​ธุระ​เรื่อง​อื่น.

เรา​ระลึก​ถึง​ถ้อย​คำ​ใน​ยะซายา 33:24 อยู่​เสมอ​ซึ่ง​มี​คำ​สัญญา​ของ​พระเจ้า​ที่​ว่า​ใน​วัน​ข้าง​หน้า “จะ​ไม่​มี​ใคร​ที่​อาศัย​อยู่​ที่​นั่น​พูด​ว่า, ‘ข้าพเจ้า​ป่วย​อยู่.’” เรา​เชื่อ​เต็ม​ที่​ว่า​พระเจ้า​จะ​ทำ​ให้​พระ​ประสงค์​ของ​พระองค์​สำเร็จ​ลุ​ล่วง​โดย​การ​นำ​โลก​ใหม่​เข้า​มา​และ​ขจัด​ความ​เจ็บ​ป่วย​ทั้ง​สิ้น. (2 เปโตร 3:13) ดัง​นั้น เรา​จึง​รอ​จะ​เห็น​วัน​นั้น​เมื่อ​แอนดรูว์​หาย​ป่วย​เป็น​ปกติ. จน​กว่า​จะ​ถึง​วัน​นั้น เรา​เชื่อ​คำ​ตรัส​ของ​พระ​เยซู​ที่​ว่า​ถ้า​เรา​จัด​ให้​ผล​ประโยชน์​แห่ง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​มา​เป็น​อันดับ​แรก​ใน​ชีวิต เรา​ก็​จะ​ได้​รับ​สิ่ง​ต่าง ๆ ตาม​ความ​จำเป็น. (มัดธาย 6:33) เรา​ประสบ​เรื่อง​นี้​ด้วย​ตัว​เอง​เสมอ. เรา​ไม่​เคย​ขัดสน​สิ่ง​หนึ่ง​สิ่ง​ใด.

จริง​อยู่ ไม่​ใช่​ทุก​ครอบครัว​จะ​สามารถ​ดู​แล​คน​ป่วย​ที่​บ้าน​ได้. สำหรับ​คน​ที่​ทำ​เช่น​นั้น​ได้ ประการ​แรก ผม​ขอ​แนะ​นำ​ให้​อธิษฐาน​อย่าง​จริงจัง​เป็น​ประจำ. (1 เปโตร 5:6, 7) ประการ​ที่​สอง ให้​เอา​ใจ​ใส่​ลูก​มาก ๆ ด้วย​ความ​รักใคร่ และ​อย่า​ได้​คิด​ว่า​ลูก​ไม่​สามารถ​เรียน​รู้​ที่​จะ​รัก​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า. (เอเฟโซส์ 6:4) ประการ​ที่​สาม ให้​ทุก​คน​ใน​ครอบครัว​มี​ส่วน​ช่วยเหลือ. ประการ​ที่​สี่ อย่า​ลืม​ว่า​บ้าน​ของ​คุณ เป็น​ที่​ที่​ลูก​จะ​ได้​รับ​ความ​รัก​มาก​ที่​สุด. จริง​อยู่ สภาพการณ์​อาจ​ต่าง​กัน. พวก​เรา​ไม่​เคย​รู้สึก​เสียใจ​เลย​ที่​ได้​ดู​แล​แอนดรูว์​ที่​บ้าน. สำหรับ​ผม เขา​เป็น​ลูก​ที่​น่า​รัก​ที่​สุด และ​เป็น​คน น่า​รัก​ที่​สุด เท่า​ที่​ผม​รู้​จัก.

[กรอบ/ภาพ​หน้า 16]

ได้​รับ​การ​เลี้ยง​ดู​ใน​ฐานะ​ลูก​บุญธรรม

เล่า​โดย​เคนยัตตา ยัง สหรัฐ

“ถ้า​คุณ​เป็น​ลูก​ที่​ติด​พ่อ​หรือ​แม่​มา คุณ​ก็​ยัง​มี​พ่อ​หรือ​แม่​แท้ ๆ คน​หนึ่ง​อยู่​ด้วย. แต่​เพราะ​เป็น​ลูก​บุญธรรม ฉัน​จึง​ไม่​ได้​อยู่​กับ​พ่อ​แม่​แท้ ๆ เลย. ฉัน​ไม่​รู้​ด้วย​ซ้ำ​ว่า​หน้า​ตา​ของ​ฉัน​เหมือน​ใคร.”

ฉัน​ไม่​รู้​เลย​ว่า​ใคร​เป็น​พ่อ และ​ไม่​เคย​เห็น​หน้า​แม่​ผู้​ให้​กำเนิด. แม่​เป็น​คน​ดื่ม​จัด​และ​ติด​ยา​ตอน​ที่​ตั้ง​ครรภ์​ฉัน. พอ​ฉัน​เกิด​มา ฉัน​ถูก​ส่ง​ไป​ที่​สถาน​เลี้ยง​เด็ก​และ​ต้อง​ย้าย​ไป​หลาย​แห่ง​ก่อน​ถูก​รับ​เป็น​ลูก​บุญธรรม​ตอน​อายุ​ยัง​ไม่​ถึง​สอง​ขวบ.

พ่อ​บุญธรรม​ของ​ฉัน​เล่า​ว่า​เจ้าหน้าที่​ที่​ดู​แล​ได้​เอา​รูป​ฉัน​ให้​ท่าน​ดู ทันใด​นั้น ท่าน​ก็​อยาก​รับ​ฉัน​เป็น​ลูก. ฉัน​เอง​ก็​ชอบ​แม่​คน​ใหม่​ทันที. ฉัน​บอก​ว่า​ท่าน​คือ​แม่​ของ​ฉัน และ​ฉัน​ต้องการ​ไป​บ้าน​กับ​ท่าน.

แต่​ฉัน​จำ​ได้​ว่า​ตอน​เป็น​เด็ก ฉัน​กลัว​ว่า​จะ​ทำ​ผิด​และ​ถูก​ส่ง​กลับ​ไป​สถาน​เลี้ยง​เด็ก​กำพร้า. ฉัน​รู้สึก​ว่า​จะ​มี​อารมณ์​เสีย​หรือ​ป่วย​เหมือน​เด็ก​คน​อื่น ๆ ไม่​ได้. ฉัน​พยายาม​ไม่​ให้​ตัว​เอง​ติด​หวัด​ด้วย​ซ้ำ! พ่อ​แม่​รับรอง​กับ​ฉัน​เสมอ ๆ ว่า​ท่าน​รัก​ฉัน​และ​จะ​ไม่​มี​วัน​ทอดทิ้ง​ฉัน.

แม้​โต​เป็น​ผู้​ใหญ่​แล้ว บาง​ครั้ง​ฉัน​ต้อง​ต่อ​สู้​ความ​รู้สึก​ที่​ว่า​ฉัน​ไม่​มี​ค่า​เหมือน​คน​ที่​ได้​รับ​การ​เลี้ยง​ดู​จาก​พ่อ​แม่​แท้ ๆ. พอ​ฉัน​เริ่ม​เอา​ชนะ​ความ​รู้สึก​นั้น​ได้​แล้ว ก็​จะ​มี​คน​หนึ่ง​มา​พูด​กับ​ฉัน​ว่า “เธอ​น่า​จะ​ขอบคุณ​มาก ๆ นะ​ที่​มี​พ่อ​แม่​ที่​แสน​ดี​ซึ่ง​เต็ม​ใจ​รับ​เธอ​มา​เลี้ยง!” ฉัน​รู้สึก​ขอบคุณ​อยู่​แล้ว แต่​คำ​พูด​อย่าง​นี้​ทำ​ให้​ฉัน​รู้สึก​ว่า​ตัว​เอง​ไม่​ดี​และ​ต้อง​พยายาม​มาก ๆ เพื่อ​ให้​ใคร​สัก​คน​รัก​ฉัน.

มัน​ยาก​ที่​ฉัน​จะ​ยอม​รับ​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​ว่า​ฉัน​อาจ​ไม่​มี​วัน​ได้​รู้​จัก​พ่อ​แท้ ๆ ของ​ฉัน. บาง​ครั้ง ฉัน​รู้สึก​ปวด​ร้าว​ที่​แม่​ผู้​ให้​กำเนิด​ไม่​ได้​จัด​การ​กับ​ชีวิต​ของ​ท่าน​เพื่อ​สามารถ​จะ​เลี้ยง​ฉัน​ได้ ราว​กับ​ว่า​ฉัน​ไม่​มี​ค่า​พอ​ที่​แม่​จะ​พยายาม​เลิก​สิ่ง​เสพ​ติด. บาง​ครั้ง​ฉัน​ก็​รู้สึก​สงสาร​แม่. บ่อย​ครั้ง​ฉัน​คิด​ว่า​ถ้า​ฉัน​มี​โอกาส​ได้​พบ​แม่ ฉัน​อยาก​จะ​บอก​แม่​ว่า​ฉัน​ประสบ​ความ​สำเร็จ​ใน​ชีวิต​แล้ว และ​แม่​ไม่​ควร​รู้สึก​เสียใจ​ที่​ยก​ฉัน​ให้​คน​อื่น.

พ่อ​แม่​บุญธรรม​ของ​ฉัน​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา และ​ของ​ขวัญ​ที่​ดี​ที่​สุด​อย่าง​หนึ่ง​ที่​ได้​รับ​จาก​ท่าน​ก็​คือ​ความ​รู้​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล. ฉัน​พบ​ว่า​ถ้อย​คำ​ใน​บทเพลง​สรรเสริญ 27:10 ให้​การ​ชู​ใจ​เสมอ​ที่​บอก​ว่า “เมื่อ​บิดา​มารดา​ละ​ทิ้ง​ข้าพเจ้า​แล้ว, พระ​ยะโฮวา​จะ​ทรง​รับ​ข้าพเจ้า​ไว้.” เรื่อง​นี้​เป็น​ความ​จริง​กับ​ฉัน​อย่าง​แน่นอน. และ​การ​เป็น​ลูก​บุญธรรม​ก็​มี​ผล​ดี​บาง​อย่าง. ตัว​อย่าง​เช่น ฉัน​รู้สึก​ประทับใจ​ผู้​คน ได้​รู้​จัก​ภูมิหลัง​และ​วิถี​ชีวิต​ของ​เขา นั่น​อาจ​เป็น​เพราะ​ฉัน​ไม่​รู้​จัก​พื้นเพ​ของ​ตัว​เอง. ฉัน​รัก​ผู้​คน และ​นั่น​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​จริง ๆ ใน​งาน​เผยแพร่​ของ​คริสเตียน. การ​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​และ​ได้​พูด​คุย​เรื่อง​คัมภีร์​ไบเบิล​ทำ​ให้​ฉัน​รู้สึก​มี​ศักดิ์ศรี​และ​มี​จุด​มุ่ง​หมาย​ใน​ชีวิต. เมื่อ​รู้สึก​ท้อ ฉัน​จะ​ออก​ไป​และ​ช่วย​คน​อื่น ๆ. โดย​การ​สอน​คน​อื่น​เรื่อง​คัมภีร์​ไบเบิล ฉัน​ได้​สร้าง​มิตรภาพ​กับ​พวก​เขา. ทุก​คน​ต่าง​ก็​มี​เรื่อง​ราว​ชีวิต​ที่​น่า​สนใจ.

[กรอบ/ภาพ​หน้า 17]

รับมือ​กับ​การ​ตาย​ของ​พ่อ​หรือ​แม่

เล่า​โดย​แองเจลา รัตเกอส์ ออสเตรเลีย

“เมื่อ​พ่อ​เสีย ฉัน​รู้สึก​เหมือน​ขาด​ที่​พึ่ง. ต่อ​จาก​นี้​ไป​คน​ที่​รอบรู้​ทุก​สิ่ง​และ​สามารถ​ช่วยเหลือ​ใน​ทุก​สถานการณ์​ก็​ไม่​มี​อีก​แล้ว.”

พ่อ​เสีย​ชีวิต​ไป​เมื่อ​สิบ​ปี​มา​แล้ว ตอน​ที่​ฉัน​เป็น​วัยรุ่น. หก​เดือน​ก่อน​หน้า​นั้น พ่อ​เข้า​รับ​การ​ผ่าตัด และ​ระหว่าง​ที่​อยู่​ใน​ห้อง​พักฟื้น แพทย์​บอก​เรา​ว่า​ไม่​อาจ​ทำ​อะไร​ได้​มาก​กว่า​นี้​อีก​แล้ว. แม่​ก็​ยิ่ง​กระวนกระวาย​เพราะ​อยาก​รู้​ราย​ละเอียด​มาก​ขึ้น, พี่​ชาย​ของ​ฉัน​ถึง​กับ​เป็น​ลม, ส่วน​ฉัน​ก็​ตก​อยู่​ใน​ภาวะ​ที่​สับสน​ว้าวุ่น. หก​เดือน​ต่อ​มา พ่อ​ก็​ตาย.

ฉัน​ได้​ผ่าน​ช่วง​เวลา​ที่​วุ่นวาย​ใจ​อย่าง​มาก. ฉัน​อยาก​ให้​เพื่อน​เข้าใจ​ว่า​ฉัน​กำลัง​เผชิญ​อะไร แต่​ฉัน​ก็​ไม่​อยาก​จะ​ให้​เขา​สงสาร​ฉัน. ฉัน​จึง​พยายาม​ไม่​แสดง​ความ​รู้สึก​ให้​เพื่อน​เห็น. ใน​ทาง​ตรง​กัน​ข้าม ฉัน​คิด​ว่า​ที่​จะ​ปล่อย​ให้​ตัว​เอง​เพลิดเพลิน​ใน​วง​เพื่อน​ฝูง​คง​จะ​สื่อ​เป็น​นัย​ว่า​ชีวิต​ฉัน​ปกติ​สุข​ระดับ​หนึ่ง ซึ่ง​ที่​จริง​ไม่​ได้​อย่าง​นั้น มา​ตอน​นี้​ฉัน​คิด​ได้​ว่า​ตัว​ฉัน​คง​สร้าง​ความ​ลำบาก​ใจ​ให้​เพื่อน​ไม่​น้อย​ที​เดียว!

ฉัน​ทน​ทุกข์​กับ​ความ​รู้สึก​ผิด​ไหม​ใน​เรื่อง​การ​ตาย​ของ​พ่อ? แน่นอน! ฉัน​อยาก​จะ​บอก​พ่อ​ให้​บ่อย​กว่า​เดิม​ว่า “หนู​รัก​พ่อ!” ฉัน​อยาก​จะ​ได้​กอด​พ่อ​และ​ใช้​เวลา​อยู่​กับ​ท่าน​มาก​ขึ้น. ไม่​ว่า​ฉัน​จะ​บอก​ตัว​เอง​บ่อย​แค่​ไหน​ว่า ‘พ่อ​ไม่​อยาก​ให้​เรา​คิด​อย่าง​นั้น’ ฉัน​ก็​ยัง​คง​รู้สึก​ผิด​อยู่​ดี.

ใน​ฐานะ​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา ฉัน​ได้​รับ​การ​ปลอบโยน​อย่าง​มาก​เนื่อง​จาก​มี​ความ​หวัง​เรื่อง​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​ตาม​ที่​บอก​ไว้​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. (โยฮัน 5:28, 29) ฉัน​พยายาม​นึก​ภาพ​ว่า​พ่อ​แค่​ไป​ต่าง​ประเทศ และ​วัน​หนึ่ง​จะ​กลับ​มา แต่​ไม่​รู้​จะ​กลับ​วัน​ไหน​แน่. น่า​แปลก เมื่อ​มี​คน​มา​พูด​กับ​ฉัน​ว่า “พ่อ​เธอ​จะ​กลับ​มา​ใน​คราว​การ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย” เรื่อง​นี้​ไม่​ทำ​ให้​ฉัน​รู้สึก​ดี​ขึ้น​ใน​ตอน​แรก. ฉัน​คิด​ว่า ‘ฉัน​ต้องการ​ให้​พ่อ​กลับ​มา​ตอน​นี้!’ แต่​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​การ​เดิน​ทาง​ไป​ต่าง​ประเทศ​ช่วย​ฉัน​ได้. ตัว​อย่าง​นี้​แสดง​นัย​ถึง​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย ขณะ​เดียว​กัน​ก็​ช่วย​ฉัน​รับมือ​กับ​การ​สูญ​เสีย​อย่าง​กะทันหัน​ได้.

เพื่อน​คริสเตียน​ช่วย​ฉัน​ได้​มาก​จริง ๆ. ฉัน​จำ​คน​หนึ่ง​ที่​บอก​ว่า​เขา​ไม่​สบาย​ใจ​ที่​จะ​คุย​เรื่อง​การ​ตาย​ของ​พ่อ แต่​เขา​พูด​ว่า​เขา​คิด​ถึง​ฉัน​และ​ครอบครัว​ฉัน​ตลอด​เวลา. ฉัน​นึก​ถึง​คำ​พูด​ของ​เขา​เสมอ. มัน​ช่วย​ฉัน​ผ่าน​วัน​เวลา​ที่​ไม่​มี​ใคร​ให้​การ​ปลอบโยน เพราะ​ฉัน​รู้​ว่า​แม้​จะ​ไม่​มี​คำ​พูด​ใด ๆ แต่​ก็​มี​คน​คิด​ถึง​ฉัน​กับ​ครอบครัว. เรื่อง​นี้​มี​ความ​หมาย​สำหรับ​ฉัน​มาก!

สี่​เดือน​หลัง​จาก​พ่อ​ตาย แม่​เริ่ม​ทำ​งาน​เผยแพร่​มาก​ขึ้น และ​ฉัน​เห็น​ว่า​แม่​มี​ความ​สุข​มาก​จริง ๆ ใน​งาน​นั้น. ฉัน​จึง​ร่วม​งาน​กับ​แม่. เป็น​เรื่อง​น่า​ทึ่ง เมื่อ​คุณ​ช่วย​คน​อื่น คุณ​เอง​กลับ​ได้​รับ​การ​ช่วยเหลือ​ด้วย. ประสบการณ์​ของ​ฉัน​เสริม​ความ​เชื่อ​ใน​พระ​คำ​และ​คำ​สัญญา​ของ​พระ​ยะโฮวา ทั้ง​ได้​ช่วย​ฉัน​แม้​แต่​ใน​เวลา​นี้​ที่​จะ​ไม่​หมกมุ่น​อยู่​กับ​ความ​ทุกข์​ของ​ตัว​เอง.