ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ยุครุ่งเรืองสมัยราชินีเอลิซาเบทที่ 1—นิยายหรือความจริง?

ยุครุ่งเรืองสมัยราชินีเอลิซาเบทที่ 1—นิยายหรือความจริง?

ยุค​รุ่งเรือง​สมัย​ราชินี​เอลิซาเบท​ที่ 1—นิยาย​หรือ​ความ​จริง?

พระ​นาง​เป็น​ตำนาน​เล่า​ขาน​ตั้ง​แต่​สมัย​ที่​ยัง​ทรง​พระ​ชนม์​อยู่. นัก​ประพันธ์, กวี, นัก​เขียน​บท​ละคร, และ​ผู้​สร้าง​ภาพยนตร์​สมัย​ใหม่​ช่วย​ให้​ชื่อเสียง​ของ​พระ​นาง​ยืนยง. ไม่​กี่​ปี​มา​นี้​มี​การ​ออก​หนังสือ​และ​การ​จัด​นิทรรศการ​เกี่ยว​กับ​พระ​นาง​มาก​มาย. จาก​การ​สำรวจ​ความ​เห็น​ใน​หลาย​ประเทศ พระ​นาง​เป็น​หนึ่ง​ใน​สิบ​ของ​ชาว​บริเตน​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​ที่​สุด. พระ​นาง​คือ​ราชินี​เอลิซาเบท​ที่ 1 แห่ง​อังกฤษ.

เหตุ​ใด​ราชินี​องค์​นี้​ซึ่ง​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​ใน​สมัย​ของ​พระ​นาง​ว่า ราชินี​พรหมจารี​และ​กูด​ควีน​เบสส์ (Good Queen Bess) จึง​เป็น​ที่​สนใจ​ของ​ประชาชน​ได้​อย่าง​ยืน​ยาว​ถึง​เพียง​นี้? รัชสมัย​ของ​พระ​นาง​เป็น​ยุค​อัน​รุ่งเรือง​จริง ๆ หรือ?

พระ​นาง​สืบ​ทอด​ปัญหา​มาก​มาย​หลาย​อย่าง

เอลิซาเบท ทิวเดอร์​ประสูติ​ใน​ปี 1533 ซึ่ง​ทำ​ให้​ราชบิดา​คือ​เฮนรี​ที่ 8 ทรง​ผิด​หวัง​อย่าง​มาก เนื่อง​จาก​คาด​หวัง​จะ​ได้​โอรส. แอนน์ โบลีน ราชมารดา​ของ​เอลิซาเบท ซึ่ง​เป็น​ชายา​องค์​ที่​สอง​ของ​เฮนรี​ไม่​อาจ​ให้​กำเนิด​โอรส​ได้. เฮนรี​สั่ง​บั่น​ศีรษะ​พระ​นาง​ด้วย​ข้อ​หา​ที่​หลาย​คน​เชื่อ​ว่า​ถูก​กุ​ขึ้น. ตอน​นั้น​เอลิซาเบท​พระ​ชนมายุ​เพียง​สอง​พรรษา.

พอ​ถึง​ตอน​นั้น เฮนรี​ตัด​ความ​สัมพันธ์​กับ​สันตะปาปา​แห่ง​โรม​และ​ประกาศ​ตั้ง​ตน​เป็น​ประมุข​คริสตจักร​แห่ง​อังกฤษ. หลัง​จาก​เฮนรี​สิ้น​พระ​ชนม์​ใน​ปี 1547 ที่​ปรึกษา​ทาง​ศาสนา​ของ​กษัตริย์​เอดเวิร์ด​ที่ 6 โอรส​ที่​ทรง​พระ​เยาว์​ของ​พระองค์ ได้​พยายาม​จะ​เปลี่ยน​ประชาชน​ใน​อังกฤษ​ให้​หัน​มา​นับถือ​นิกาย​โปรเตสแตนต์. เอดเวิร์ด​สิ้น​พระ​ชนม์​หลัง​จาก​ครอง​ราชย์​เพียง​หก​ปี และ​ประชาชน​ก็​กลับ​ไป​นับถือ​ศาสนา​คาทอลิก​อีก​ภาย​ใต้​การ​ครอง​ราชย์​ช่วง​สั้น ๆ แต่​โหด​ร้าย​ของ​แมรี​ที่ 1 พี่​สาว​ต่าง​มารดา​ของ​เอลิซาเบท. * พอ​ถึง​เวลา​ที่​เอลิซาเบท​ขึ้น​ครอง​บัลลังก์​ใน​ปี 1558 ด้วย​พระ​ชนมายุ 25 พรรษา อังกฤษ​ไม่​เพียง​แตก​แยก​ทาง​ศาสนา​แต่​เกือบ​จะ​ล้ม​ละลาย​ด้วย. อังกฤษ​ได้​สูญ​เสีย​ดินแดน​แห่ง​สุด​ท้าย​ใน​ฝรั่งเศส และ​สเปน​ก็​ยัง​คง​เป็น​ภัย​คุกคาม​อย่าง​แท้​จริง.

เอลิซาเบท​เริ่ม​ปกครอง​โดย​ตั้ง​ที่​ปรึกษา​ที่​มี​ความ​สามารถ​หลาย​คน ซึ่ง​บาง​คน​ทำ​งาน​เกือบ​ตลอด​ช่วง​ที่​พระ​นาง​ครอง​ราชย์ 44 ปี. ปัญหา​แรก​ที่​พระ​นาง​จัด​การ​คือ​ปัญหา​ทาง​ศาสนา. พิพิธภัณฑสถาน​ทาง​ทะเล​แห่ง​ชาติ​กล่าว​ว่า พระ​นาง​เลือก “ที่​จะ​ฟื้นฟู​การ​ปฏิรูป​ศาสนา​และ​สร้าง​คริสตจักร​แห่ง​อังกฤษ​ซึ่ง​ไม่​เป็น​ทั้ง​คาทอลิก​และ​ไม่​เป็น​ทั้ง​โปรเตสแตนต์​ที่​เคร่งครัด.” แทน​ที่​จะ​เป็น​ประมุข​สูง​สุด​แห่ง​คริสตจักร พระ​นาง​กลาย​มา​เป็น​ผู้​ปกครอง​สูง​สุด​เพื่อ​ผู้​ที่​ไม่​อาจ​ยอม​รับ​ผู้​หญิง​เป็น​ประมุข​ของ​คริสตจักร​จะ​ไม่​ก่อ​ความ​วุ่นวาย. จาก​นั้น รัฐสภา​ก็​ออก​พระ​ราชบัญญัติ​ฉบับ​หนึ่ง​ซึ่ง​กำหนด​ความ​เชื่อ​และ​กิจ​ปฏิบัติ​ของ​คริสตจักร​แห่ง​อังกฤษ​ให้​เป็น​แบบ​เดียว​กัน แม้​ว่า​คง​ไว้​ซึ่ง​พิธีกรรม​แบบ​คาทอลิก​บาง​อย่าง. เลี่ยง​ไม่​ได้​ที่ “ทาง​สาย​กลาง” นี้​ไม่​น่า​พอ​ใจ​สำหรับ​ชาว​คาทอลิก​ส่วน​ใหญ่​หรือ​ชาว​พิวริตัน ซึ่ง​เป็น​โปรเตสแตนต์​ที่​เคร่ง​ศาสนา.

ยัง​มี​ปัญหา​ส่วน​ตัว​อีก​อย่าง​หนึ่ง​ใน​พระทัย​ของ​เอลิซาเบท. พระ​นาง​จะ​ได้​ความ​จงรักภักดี​และ​ความ​เคารพ​นับถือ​อย่าง​ไร​จาก​ประชาชน​ซึ่ง​ยัง​คง​บอบช้ำ​จาก​หายนะ​สมัย​แมรี​ที่ 1 ครอง​ราชย์? พระ​นาง​ตัดสิน​ใจ​ที่​จะ​ใช้​เพศ​หญิง​ของ​ตน​ให้​เป็น​ประโยชน์. นัก​ประวัติศาสตร์​คริสโตเฟอร์ เฮก​อธิบาย​ว่า “เมื่อ​ประทับ​บัลลังก์ เอลิซาเบท​เป็น​ราชินี​พรหมจารี; สำหรับ​คริสตจักร​พระ​นาง​เป็น​มารดา, สำหรับ​พวก​ขุนนาง​พระ​นาง​เป็น​คุณ​ป้า, สำหรับ​ที่​ปรึกษา​พระ​นาง​เป็น​ภรรยา​ที่​จ้ำ​จี้​จ้ำ​ไช, และ​สำหรับ​ข้าราชสำนัก​พระ​นาง​เป็น​หญิง​ที่​ใช้​วาจา​หว่าน​ล้อม​เก่ง.” เคล็ดลับ​ของ​พระ​นาง​คือ​การ​ทำ​ให้​ประชาชน​มั่น​ใจ​ว่า พระ​นาง​รัก​พวก​เขา​อย่าง​ยิ่ง. ใน​ทาง​กลับ​กัน ประชาชน​ก็​รัก​พระ​นาง​ด้วย หรือ​ไม่​พระ​นาง​ก็​พร่ำ​พูด​เสมอ​ว่า พวก​เขา​รัก​พระ​นาง ใน​ที่​สุด​ประชาชน​ก็​เชื่อ​เช่น​นั้น​ด้วย.

รัฐสภา​อยาก​ให้​เอลิซาเบท​อภิเษก​สมรส​และ​ให้​กำเนิด​รัชทายาท​เป็น​ชาว​โปรเตสแตนต์. กษัตริย์​และ​เชื้อ​พระ​วงศ์​คน​แล้ว​คน​เล่า​มา​สู่​ขอ​พระ​นาง. เอลิซาเบท​จะ​แสร้ง​ทำ​เป็น​สน​พระทัย​และ​ยืด​การ​เจรจา​ออก​ไป​นาน​นับ​เดือน บาง​ครั้ง​เป็น​ปี ๆ ก่อน​ปฏิเสธ​จะ​รับ​หมั้น​เมื่อ​สภาพ​ทาง​การ​เมือง​เอื้ออำนวย​ให้​ทำ​เช่น​นั้น​ได้.

เมื่อ​เอลิซาเบท​เดิน​ทาง “สาย​กลาง” ด้าน​ศาสนา พระ​นาง​จึง​ตก​เป็น​เป้า​ของ​การ​คบ​คิด​กบฏ. ผู้​ที่​พร้อม​จะ​เล่น​งาน​พระ​นาง​คือ​แมรี สจ๊วต​ชาว​คาทอลิก​ลูก​พี่​ลูก​น้อง​ของ​พระ​นาง ซึ่ง​ชาว​คาทอลิก​ใน​ยุโรป​มอง​ว่า​เป็น​รัชทายาท​ผู้​มี​สิทธิ​โดย​ชอบธรรม​ของ​แมรี​ที่ 1. อันตราย​จาก​แมรี สจ๊วต​และ​พรรค​พวก​มี​มาก​ขึ้น​ใน​ปี 1568 เมื่อ​แมรี​ถูก​บังคับ​ให้​สละ​บัลลังก์​แห่ง​สกอตแลนด์​และ​ได้​หนี​มา​อยู่​ที่​อังกฤษ. แม้​จะ​ถูก​กัก​บริเวณ แต่​ไม่​นาน​พระ​นาง​ก็​กลาย​เป็น​จุด​รวม​ของ​แผนการ​ที่​จะ​โค่น​ล้ม​ราชินี​ชาว​โปรเตสแตนต์ แต่​ถึง​อย่าง​ไร​เอลิซาเบท​ก็​ไม่​ยอม​ประหาร​ชีวิต​ราชินี​แมรี สจ็วต. ใน​ปี 1570 สันตะปาปา​ปิอุส​ที่ 5 ออก​กฤษฎีกา​ขับ​เอลิซาเบท​ออก​จาก​ศาสนา และ​ถือ​ว่า​ไม่​มี​ความ​ผิด​หาก​ประชาชน​จะ​ไม่​สวามิภักดิ์​ต่อ​พระ​นาง. สันตะปาปา​องค์​ถัด​มา​คือ​เกรกอรี​ที่ 13 ทำ​มาก​ยิ่ง​กว่า​นั้น​โดย​ประกาศ​ว่า​ไม่​บาป​ที่​จะ​รุกราน​อังกฤษ​และ​ใช้​กำลัง​บังคับ​ถอด​ราชินี. เรื่อง​นี้​ถึง​จุด​สุด​ยอด​เมื่อ​แผนการ​ของ​แอนโทนี บาบิงตัน​ที่​จะ​ลอบ​ปลง​พระ​ชนม์​เอลิซาเบท​ถูก​ค้น​พบ​และ​แมรี​มี​ส่วน​เกี่ยว​ข้อง​อยู่​ด้วย. ใน​ที่​สุด เอลิซาเบท​ก็​จำ​ใจ​ต้อง​ตัดสิน​คดี​แมรี และ​ด้วย​การ​เร่งเร้า​ของ​รัฐสภา พระ​นาง​จึง​เห็น​พ้อง​ให้​ประหาร​ชีวิต​แมรี​เมื่อ​ปี 1587. ชาว​คาทอลิก​ใน​ยุโรป​ต่าง​ก็​โกรธ​แค้น โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​กษัตริย์​ฟิลิป​ที่ 2 แห่ง​สเปน.

ยุทธวิธี​อัน​ห้าว​หาญ​ของ​ฟิลิป​ชาว​คาทอลิก

ฟิลิป​ซึ่ง​เป็น​ผู้​ครอบครอง​ที่​ทรง​อำนาจ​ที่​สุด​ของ​ยุโรป​ใน​สมัย​นั้น​เคย​พยายาม​ให้​อังกฤษ​เป็น​คาทอลิก​ต่อ ๆ ไป​โดย​ขอ​อภิเษก​สมรส​กับ​เอลิซาเบท​เมื่อ​พระ​นาง​ได้​เป็น​ราชินี แต่​เอลิซาเบท​ทรง​ปฏิเสธ​ข้อ​เสนอ​นี้. เป็น​เวลา​หลาย​ปี​ที่​เรือ​เอกชน​ของ​อังกฤษ​ได้​ปล้น​เรือ​และ​เมือง​ท่า​ต่าง ๆ ของ​สเปน และ​ท้าทาย​อำนาจ​ปกครอง​อาณานิคม​ของ​สเปน. ร้าย​ยิ่ง​กว่า​นั้น เอลิซาเบท​ให้​การ​สนับสนุน​ชาว​ดัตช์​ให้​ต่อ​สู้​เพื่อ​ได้​เอกราช​พ้น​อำนาจ​ปกครอง​ของ​สเปน. เมื่อ​แมรี​ถูก​ประหาร​ชีวิต ความ​อด​ทน​ของ​ฟิลิป​ก็​เป็น​อัน​สิ้น​สุด​ลง. เมื่อ​สันตะปาปา​เร่งเร้า ฟิลิป​จึง​วาง​แผน​ใช้​กอง​เรือ​อาร์มาดา​แห่ง​สเปน ซึ่ง​เป็น​กองทัพ​เรือ​มหึมา​มี​เรือ​รบ​มาก​กว่า 130 ลำ ซึ่ง​จะ​แล่น​ไป​รับ​กอง​ทหาร​ขนาด​ใหญ่​ใน​เนเธอร์แลนด์ แล้ว​ข้าม​ช่องแคบ​เข้า​ไป​บุก​โจมตี​อังกฤษ. ก่อน​ที่​กอง​เรือ​จะ​ระดม​พล​เสร็จ สาย​ลับ​ชาว​อังกฤษ​ก็​ล่วง​รู้​ถึง​แผนการ​นี้. เอลิซาเบท​ส่ง​เซอร์​ฟรานซิส เดรก​พร้อม​กับ​เรือ​รบ 30 ลำ​ไป​ยัง​เมือง​ท่า​กาดิซ​ของ​สเปน และ​ได้​ทำลาย​เรือ​ชั้น​ยอด​จำนวน​มาก​ที่​นั่น ทำ​ให้​กอง​เรือ​อาร์มาดา​ต้อง​เลื่อน​ปฏิบัติการ​ไป​หนึ่ง​ปี.

ใน​ที่​สุด​เมื่อ​กอง​เรือ​อาร์มาดา​ออก​จาก​ท่า​ใน​ปี 1588 กองทัพ​เรือ​อังกฤษ​ก็​พร้อม​รับมือ. แม้​ว่า​จะ​ถูก​โจมตี กอง​เรือ​สเปน​ก็​ผ่าน​ช่องแคบ​อังกฤษ​ไป​ได้​โดย​ไม่​ได้​รับ​ความ​เสียหาย​มาก​นัก และ​ทอด​สมอ​อยู่​นอก​เมือง​ท่า​กาเลส์​ของ​ฝรั่งเศส. คืน​ถัด​มา พวก​อังกฤษ​ส่ง​เรือ​บรรทุก​สาร​ไว​ไฟ​แปด​ลำ​เข้า​ไป​และ​จุด​ไฟ. * ด้วย​ความ​ตื่น​ตกใจ กองทัพ​เรือ​สเปน​ก็​กระจัด​กระจาย และ​หลัง​จาก​การ​ต่อ​สู้​อย่าง​ดุเดือด ลม​ตะวัน​ตก​เฉียง​ใต้​ก็​พัด​พา​กอง​เรือ​ออก​จาก​ฝั่ง​อังกฤษ​ขึ้น​เหนือ​ไป​ทาง​สกอตแลนด์. พายุ​ที่​เกิด​ขึ้น​ใกล้ ๆ สกอตแลนด์​และ​บริเวณ​ชายฝั่ง​ตะวัน​ตก​ของ​ไอร์แลนด์​พัด​กระหน่ำ​จน​กอง​เรือ​ของ​สเปน​จม​ไป​ครึ่ง​หนึ่ง ส่วน​ที่​เหลือ​ก็​เดิน​ทาง​กลับ​สเปน​ด้วย​ความ​ยาก​ลำบาก.

เริ่ม​ต้น “ยุค​รุ่งเรือง”

เมื่อ​เอลิซาเบท​เริ่ม​ครอง​ราชย์ อังกฤษ​ไม่​มี​ดินแดน​โพ้น​ทะเล​ให้​ปกครอง. ตรง​กัน​ข้าม สเปน​ได้​ทรัพย์​สมบัติ​มหาศาล​จาก​ดินแดน​อัน​กว้าง​ใหญ่​ที่​พิชิต​ได้​ใน​อเมริกา​เหนือ อเมริกา​กลาง และ​อเมริกา​ใต้. อังกฤษ​ต้องการ​ส่วน​แบ่ง​บ้าง. ดัง​นั้น เหล่า​นัก​ผจญ​ภัย​จึง​แล่น​เรือ​ข้าม​มหาสมุทร​เพื่อ​แสวง​หา​ชื่อเสียง, ทรัพย์​สมบัติ, และ​เส้น​ทาง​การ​ค้า​ใหม่ ๆ ที่​จะ​ไป​สู่​จีน​และ​ตะวัน​ออก​ไกล. เซอร์​ฟรานซิส เดรก​กลาย​เป็น​กัปตัน​เรือ​คน​แรก​ที่​ใช้​เรือ​ของ​ตน​แล่น​ไป​รอบ​โลก โดย​ปล้น​เรือ​บรรทุก​สมบัติ​ของ​สเปน​ขณะ​ที่​เขา​สำรวจ​ชายฝั่ง​ตะวัน​ตก​ของ​อเมริกา​ใต้​และ​อเมริกา​เหนือ. เซอร์​วอลเตอร์ ราลี​ท้าทาย​อำนาจ​ของ​สเปน​ใน​การ​ควบคุม​โลก​ใหม่ โดย​ที่​เขา​สนับสนุน​การ​ตั้ง​อาณานิคม​บน​ชายฝั่ง​ตะวัน​ออก​ของ​อเมริกา​เหนือ. เขา​ตั้ง​ชื่อ​ดินแดน​ที่​เขา​อ้าง​สิทธิ์​ว่า​เวอร์จิเนีย เพื่อ​เป็น​เกียรติ​แด่​ราชินี​พรหมจารี​แห่ง​อังกฤษ. ถึง​แม้​ความ​พยายาม​จะ​ตั้ง​อาณานิคม​สมัย​แรก ๆ นั้น​ไม่​ประสบ​ความ​สำเร็จ แต่​ก็​ปลุก​ความ​สนใจ​ของ​อังกฤษ​ให้​พยายาม​อีก​ใน​เวลา​ต่อ​มา. เมื่อ​อังกฤษ​พิชิต “กอง​เรือ​อาร์มาดา​ที่​ไม่​มี​วัน​พ่าย​แพ้” ได้ อังกฤษ​ก็​มั่น​ใจ​กองทัพ​เรือ​ของ​ตน​มาก​ขึ้น​และ​เอลิซาเบท​ก็​สนับสนุน​การ​เดิน​ทาง​เพื่อ​การ​ค้า​ขาย​ใน​อีก​ซีก​โลก​หนึ่ง​ทาง​เอเชีย​ตะวัน​ออก​เฉียง​ใต้. มี​การ​วาง​พื้น​ฐาน​ไว้​สำหรับ​จักรวรรดิ​อังกฤษ​ซึ่ง​ใน​ที่​สุด​ก็​ได้​แผ่​ไป​ทั่ว​โลก. *

ส่วน​เรื่อง​ภาย​ใน​ประเทศ ก็​มี​การ​สนับสนุน​การ​ศึกษา. เปิด​โรง​เรียน​ใหม่ ๆ ซึ่ง​ให้​โอกาส​นัก​เรียน​นัก​ศึกษา​ได้​สัมผัส​โลก​แห่ง​วรรณกรรม. ด้วย​ความ​กระหาย​ความ​รู้​ด้าน​วรรณคดี พร้อม​กับ​ความ​ก้าว​หน้า​ด้าน​การ​พิมพ์ ทำ​ให้​เกิด​ความ​รุ่งเรือง​ทาง​วัฒนธรรม. นั่น​คือ​ยุค​ของ​วิลเลียม เชกสเปียร์​และ​นัก​เขียน​บท​ละคร​ผู้​ยิ่ง​ใหญ่​คน​อื่น ๆ. ผู้​ชม​พา​กัน​หลั่งไหล​เข้า​ไป​ใน​โรง​ละคร​ที่​เปิด​ใหม่​เพื่อ​เพลิดเพลิน​กับ​การ​แสดง​ละคร. กวี​เขียน​บท​ร้อย​กรอง​ซอนเนต​ได้​ไพเราะ​จับ​ใจ​และ​นัก​แต่ง​เพลง​ได้​สร้าง​ดนตรี​แนว​ใหม่. ศิลปิน​ที่​มี​ทักษะ​ได้​ระบาย​สี​แต่ง​หุ่น​ราชินี​และ​ข้าราชสำนัก​อย่าง​งดงาม. คัมภีร์​ไบเบิล​ฉบับ​แปล​ใหม่ ๆ ตั้ง​โดด​เด่น​อยู่​ใน​โบสถ์​และ​ใน​บ้าน​เรือน. แต่​ยุค​รุ่งเรือง​นี้​ไม่​ยั่งยืน.

ยุค​รุ่งเรือง​สิ้น​สุด​ลง

ชีวิต​บั้น​ปลาย​ของ​เอลิซาเบท​เต็ม​ไป​ด้วย​ปัญหา. พระ​นาง​มี​ชีวิต​ยืน​ยาว​กว่า​ที่​ปรึกษา​หลาย​คน​ที่​พระ​นาง​ไว้​วางใจ และ​พระ​นาง​ได้​มอบ​อภิสิทธิ์​แก่​บุคคล​เพียง​ไม่​กี่​คน ซึ่ง​ทำ​ให้​เกิด​การ​แข่งขัน​กัน​อย่าง​รุนแรง​ใน​ราชสำนัก และ​มี​ความ​พยายาม​จะ​ก่อ​กบฏ​ด้วย​ซ้ำ​แต่​ไม่​สำเร็จ. อาณาจักร​ของ​พระ​นาง​ก็​เกิด​การ​แตก​แยก​ทาง​ศาสนา​อีก​ครั้ง​หนึ่ง. ชาว​คาทอลิก​ไม่​ยอม​ร่วม​การ​นมัสการ​ของ​ฝ่าย​โปรเตสแตนต์ และ​ถูก​ข่มเหง​มาก​ขึ้น​เรื่อย ๆ. เมื่อ​การ​ครอง​ราชย์​ของ​พระ​นาง​สิ้น​สุด​ลง บาทหลวง​และ​ฆราวาส​ราว 200 คน​ถูก​ประหาร. พวก​พิวริตัน​ได้​ถูก​จำ​คุก​และ​ถูก​ประหาร​เช่น​กัน. การ​กบฏ​ขัด​ขืน​อำนาจ​ปกครอง​ของ​อังกฤษ​ก็​เกิด​ขึ้น​ใน​ไอร์แลนด์ สงคราม​กับ​สเปน​ก็​ยัง​คง​ดำเนิน​อยู่. การ​เก็บ​เกี่ยว​ที่​ไม่​ได้​ผล​ตลอด​สี่​ปี​ต่อ​เนื่อง​กัน​จึง​เป็น​เหตุ​ให้​ไม่​มี​งาน​ทำ​และ​มี​คน​จรจัด​เพิ่ม​ขึ้น และ​ผู้​คน​ก่อ​การ​จลาจล​เพราะ​ราคา​อาหาร​สูง​ขึ้น. ผู้​คน​เริ่ม​เสื่อม​ความ​นิยม​พระ​นาง​เอลิซาเบท. อังกฤษ​สิ้น​รัก​ใน​ราชินี​พรหมจารี​ของ​ตน​เสีย​แล้ว.

เอลิซาเบท​ค่อย ๆ เริ่ม​หมด​กำลังใจ​ที่​จะ​มี​ชีวิต​อยู่ แล้ว​พระ​นาง​ซึ่ง​เป็น​ผู้​ครอบครอง​องค์​สุด​ท้าย​ของ​ราชวงศ์​ทิวเดอร์​ก็​สิ้น​พระ​ชนม์​เมื่อ​วัน​ที่ 24 มีนาคม 1603. เมื่อ​คน​ใน​ชาติ​ได้​ข่าว​ก็​ตะลึงงัน แต่​พอ​ถึง​ตอน​เย็น​พวก​เขา​ได้​เฉลิม​ฉลอง​กษัตริย์​องค์​ใหม่​ด้วย​การ​จุด​กอง​ไฟ​กลางแจ้ง​และ​จัด​งาน​รื่นเริง​ตาม​ถนน. ใน​ที่​สุด ประชาชน​ก็​ได้​กษัตริย์ นั่น​คือ​เจมส์​ที่ 6 แห่ง​สกอตแลนด์ โอรส​ชาว​โปรเตสแตนต์​ของ​แมรี สจ็วต. เมื่อ​ได้​มา​เป็น​เจมส์​ที่ 1 แห่ง​อังกฤษ พระองค์​ทำ​สิ่ง​ที่​เอลิซาเบท​ไม่​สามารถ​จะ​ทำ​ได้ นั่น​คือ​การ​รวม​สอง​อาณาจักร​ไว้​ภาย​ใต้​กษัตริย์​องค์​เดียว. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ความ​ปลื้ม​ปีติ​ใน​ตอน​แรก​ไม่​ช้า​ก็​กลาย​เป็น​ความ​ผิด​หวัง และ​ประชาชน​ก็​เริ่ม​หวน​คิด​ถึง​อดีต​สมัย​ของ​เอลิซาเบท.

ยุค​นั้น​รุ่งเรือง​จริง ๆ หรือ?

นัก​ประวัติศาสตร์​สมัย​นั้น​เขียน​ยกย่อง​สดุดี​พระ​นาง​เอลิซาเบท. หลัง​จาก​พระ​นาง​สิ้น​พระ​ชนม์​ไม่​กี่​ปี วิลเลียม แคมเดน​พรรณนา​รัชสมัย​ของ​พระ​นาง​ว่า​เป็น​ยุค​อัน​รุ่งเรือง​แห่ง​ความ​ก้าว​หน้า โดย​ที่​ราชินี​เป็น​แรง​บันดาล​ใจ​ให้​ประชาชน​ก้าว​ไป​สู่​ความ​ยิ่ง​ใหญ่. ไม่​มี​ใคร​คัดค้าน​ทัศนะ​เช่น​นี้​เป็น​เวลา​หลาย​ร้อย​ปี. ชื่อเสียง​ของ​เอลิซาเบท​ยิ่ง​โด่งดัง​มาก​ขึ้น​ใน​ช่วง​ปลาย​ศตวรรษ​ที่ 19 เมื่อ​พระ​นาง​ได้​รับ​การ​ยกย่อง​ให้​เป็น​ผู้​ก่อ​กำเนิด​จักรวรรดิ​อังกฤษ ซึ่ง​ตอน​นั้น​ครอบครอง​ดินแดน​ถึง​หนึ่ง​ใน​สี่​ของ​โลก.

นัก​ประวัติศาสตร์​สมัย​นี้​บาง​คน​ไม่​ได้​มอง​ว่า​รัชสมัย​ของ​เอลิซาเบท​น่า​ยกย่อง​ถึง​ขนาด​นั้น. หนังสือ​ประวัติศาสตร์​อังกฤษ​ประกอบ​ภาพ​โดย​ออกซฟอร์ด (ภาษา​อังกฤษ) ชี้​แจง​ว่า “ชื่อเสียง​ที่​เอลิซาเบท​ได้​รับ​หลัง​การ​สิ้น​พระ​ชนม์​แล้ว​นั้น​มาก​เกิน​กว่า​ความ​สำเร็จ​จริง ๆ ของ​พระ​นาง. เห็น​ได้​ชัด​ว่า​การ​โฆษณา​ชวน​เชื่อ​ของ​พระ​นาง​เอง, . . . พระ​ชนม์​ที่​ยืน​ยาว​ของ​พระ​นาง, การ​ประจวบ​กัน​กับ​ยุค​ของ​เชกสเปียร์, และ​การ​เอา​ชนะ​กอง​เรือ​อาร์มาดา​ได้​เพราะ​โชค​อำนวย ทำ​ให้​เรา​หลง​ร่วม​เยินยอ​พระ​นาง​และ​มอง​ข้าม​ข้อ​เท็จ​จริง​ธรรมดา​ที่​ว่า​พระ​นาง​ไม่​ดำเนิน​การ​ใด ๆ และ​ปล่อย​ให้​อังกฤษ​เสื่อม​ลง​จน​ไม่​อาจ​ควบคุม​ได้.” เฮก​ซึ่ง​กล่าว​ถึง​ข้าง​ต้น ให้​เหตุ​ผล​ที่​นัก​ประวัติศาสตร์​ได้​บันทึก​ลง​อย่าง​นั้น​ว่า “ใน​ปี 1603 เอลิซาเบท​ดู​เหมือน​เป็น​ผู้​หญิง​แก่ ๆ ที่​ขาด​สติ ขณะ​เดียว​กัน​พวก​ผู้​ชาย​ก็​คาด​หมาย​จะ​ได้​กษัตริย์​ราชวงศ์​สจ๊วต. พอ​ถึง​ปี 1630 เมื่อ​ปรากฏ​ว่า​กษัตริย์​ราชวงศ์​สจ๊วต​น่า​ผิด​หวัง​ยิ่ง​กว่า พระ​นาง​ก็​เลย​กลาย​เป็น​ผู้​ครอบครอง​ที่​ประชาชน​คิด​ว่า​น่า​ยกย่อง​ที่​สุด.”

ไม่​น่า​สงสัย​ว่า​เอลิซาเบท​เป็น​สตรี​ที่​โดด​เด่น​ใน​โลก​ของ​ผู้​ชาย. พระ​นาง​เฉลียวฉลาด​และ​มี​พระทัย​มุ่ง​มั่น เก่ง​ด้าน​ประชาสัมพันธ์​ด้วย​การ​ช่วยเหลือ​ของ​บรรดา​รัฐมนตรี ผู้​ซึ่ง​ชำนิ​ชำนาญ​ใน​การ​เขียน​สุนทรพจน์, การ​ปรากฏ​ตัว​ต่อ​สาธารณชน, การ​แต่ง​ฉลองพระองค์, และ​สาทิสลักษณ์​เพื่อ​เสริม​ภาพ​ลักษณ์​ของ​ราชินี​และ​ยุค​รุ่งเรือง​ซึ่ง​กลาย​เป็น​ตำนาน.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 6 ดู​บทความ “ยอม​รับ​แล้ว​ว่า​มี​อคติ​ทาง​ศาสนา” ใน​ตื่นเถิด! (ภาษา​อังกฤษ) ฉบับ 8 เมษายน 2000 หน้า 12-14.

^ วรรค 13 เรือ​ชนิด​นี้​คือ​เรือ​รบ​ที่​บรรทุก​วัตถุ​ระเบิด​และ​วัตถุ​ไว​ไฟ​อื่น ๆ ซึ่ง​เมื่อ​จุด​ไฟ​แล้ว​ก็​ปล่อย​ให้​ลอย​เข้า​ไป​ท่ามกลาง​กอง​เรือ​ศัตรู​เพื่อ​สร้าง​ความ​เสียหาย.

[คำ​โปรย​หน้า 22]

“ชื่อเสียง​ที่​เอลิซาเบท​ได้​รับ​หลัง​การ​สิ้น​พระ​ชนม์​แล้ว​นั้น​เกิน​ความ​สำเร็จ​ที่​แท้​จริง​ของ​พระ​นาง”

[กรอบ/ภาพ​หน้า 22]

 จอห์น ดี และ​จักรวรรดิ​อังกฤษ

เอลิซาเบท​ให้​ฉายา​จอห์น ดี (ปี 1527-1608/9) ว่า​เป็น​นัก​ปรัชญา​ส่วน​พระองค์. เขา​เป็น​นัก​คณิตศาสตร์, นัก​ภูมิศาสตร์, และ​นัก​ดาราศาสตร์​ซึ่ง​ได้​รับ​ความ​นับถือ และ​เขา​ยัง​สนใจ​อย่าง​มาก​เรื่อง​โหราศาสตร์​และ​ศาสตร์​ลี้​ลับ. เขา​ดู​ฤกษ์​ดู​ยาม​ให้​ราชินี​ว่า​ควร​จัด​พิธี​ราชาภิเษก​วัน​ใด และ​ใช้​วิทยาการ​ของ​เขา​ใน​ราชสำนัก. เขา​ได้​รับ​การ​ยกย่อง​ว่า​เป็น​ผู้​ทำ​ให้​คำ​ว่า “จักรวรรดิ​อังกฤษ” เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​มาก และ​เขา​ได้​สนับสนุน​เอลิซาเบท​ให้​มอง​ตน​เอง​เป็น​จักรพรรดินี​ของ​จักรวรรดิ​ใน​อนาคต​โดย​มี​อำนาจ​ควบคุม​มหาสมุทร​ทั้ง​หลาย​และ​ตั้ง​อาณานิคม​ใน​ดินแดน​ใหม่ ๆ. เพื่อ​วัตถุ​ประสงค์​นี้​เอง เขา​สอน​การ​เดิน​เรือ​แก่​บรรดา​นัก​สำรวจ โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง การ​ค้น​หา​เส้น​ทาง​เดิน​เรือ​ตะวัน​ออก​เฉียง​เหนือ​และ​ตะวัน​ตก​เฉียง​เหนือ​เพื่อ​ไป​ยัง​ตะวัน​ออก​ไกล และ​เขา​สนับสนุน​แผนการ​จัด​ตั้ง​อาณานิคม​ใน​ทวีป​อเมริกา​เหนือ.

[ที่​มา​ภาพ]

Photograph taken by courtesy of the British Museum

[ภาพ​หน้า 20, 21]

ก. เรือ​บรรทุก​สาร​ไว​ไฟ​ของ​อังกฤษ​ถูก​ส่ง เข้า​ไป​ใน​กอง​เรือ​อาร์​มา​ดา​ของ​สเปน ข. เซอร์​ฟรานซิส เดรก ค. ราชินี​เอลิซาเบท ง. โรง​ละคร​เดอะ โกลบ จ. วิลเลียม เชกสเปียร์

[ที่​มา​ภาพ]

ก: From the book The History of Protestantism (Vol. III); ข: ORONOZ; ค: From the book Heroes of the Reformation; ง: From the book The Comprehensive History of England (Vol. II); จ: Encyclopædia Britannica/11th Edition (1911)

[ที่​มา​ภาพ​หน้า 19]

© The Bridgeman Art Library International