ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ความเชื่อในพระเจ้ามีเหตุผลไหม?

ความเชื่อในพระเจ้ามีเหตุผลไหม?

ความ​เชื่อ​ใน​พระเจ้า​มี​เหตุ​ผล​ไหม?

คุณ​เคย​สงสัย​ไหม​ว่า​ทำไม​ทุก​สิ่ง​นับ​ตั้ง​แต่​อนุภาค​ของ​อะตอม​จน​ถึง​กาแล็กซี​อัน​กว้าง​ใหญ่​จึง​ถูก​ควบคุม​ด้วย​กฎ​ทาง​คณิตศาสตร์​ที่​แม่นยำ? คุณ​เคย​ไตร่ตรอง​ดู​ความ​หลาก​หลาย, ความ​ซับซ้อน, และ​รูป​แบบ​อัน​น่า​ทึ่ง​ของ​ชีวิต​ไหม? คน​จำนวน​มาก​เชื่อ​ว่า​เอกภพ​และ​ชีวิต​เกิด​จาก​เหตุ​บังเอิญ​ครั้ง​ใหญ่​และ​วิวัฒนาการ. ส่วน​บาง​คน​เชื่อ​ว่า​มี​พระ​ผู้​สร้าง​ที่​ทรง​เชาวน์​ปัญญา. คุณ​คิด​ว่า​แนว​คิด​ไหน​มี​เหตุ​ผล​มาก​กว่า​กัน?

แน่นอน ทั้ง​สอง​แนว​คิด​ต้อง​อาศัย​ความ​เชื่อ. การ​จะ​เชื่อ​พระเจ้า​ต้อง​อาศัย​ความ​เชื่อ. เพราะ​พระ​คัมภีร์​กล่าว​ว่า “ไม่​มี​คน​ใด​เคย​เห็น​พระเจ้า​เลย.” (โยฮัน 1:18) ทำนอง​เดียว​กัน ไม่​มี​มนุษย์​คน​ใด​ได้​เห็น​การ​ก่อ​ตัว​ของ​เอกภพ​หรือ​การ​เริ่ม​ต้น​ของ​ชีวิต. และ​ไม่​มี​ใคร​เคย​ได้​เห็น​สิ่ง​มี​ชีวิต​ชนิด​หนึ่ง​วิวัฒน์​สู่​ระดับ​ที่​สูง​ขึ้น หรือ​แม้​แต่​กลาย​เป็น​อีก​ชนิด​หนึ่ง. หลักฐาน​ฟอสซิล​แสดง​ว่า​สัตว์​กลุ่ม​หลัก ๆ ปรากฏ​ขึ้น​อย่าง​กะทันหัน​และ​แทบ​ไม่​เปลี่ยน​รูป​แบบ​เลย. * ฉะนั้น คำ​ถาม​สำคัญ​คือ: ความ​เชื่อ​แบบ​ใด​อาศัย​หลักฐาน​ที่​หนักแน่น ความ​เชื่อ​ใน​วิวัฒนาการ​หรือ​ความ​เชื่อ​ใน​พระ​ผู้​สร้าง?

ความ​เชื่อ​ของ​คุณ​อาศัย​หลักฐาน​ที่​หนักแน่น​ไหม?

คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​ว่า “ความ​เชื่อ” แท้​คือ “ความ​แน่​ใจ​โดย​มี​หลักฐาน​ชัดเจน ว่า​สิ่ง​ที่​มอง​ไม่​เห็น​นั้น​มี​จริง.” (ฮีบรู 11:1) ฉบับ​มาตรฐาน 2002 แปล​ข้อ​นี้​ว่า “ความ​เชื่อ . . . เป็น​ความ​แน่​ใจ​ใน​สิ่ง​ที่​มอง​ไม่​เห็น.” ไม่​ต้อง​สงสัย​ว่า คุณ​สามารถ​จะ​นึก​ถึง​หลาย​สิ่ง​มาก​มาย​ที่​มี​อยู่​จริง ทั้ง ๆ ที่​มอง​ไม่​เห็น แต่​คุณ​ก็​เชื่อ​มั่น​ว่า​มี​จริง.

เพื่อ​ให้​ตัว​อย่าง: นัก​ประวัติศาสตร์​หลาย​คน​ซึ่ง​เป็น​ที่​ยอม​รับ​นับถือ​เชื่อ​ว่า​อะเล็กซานเดอร์​มหาราช, จูเลียส ซีซาร์, และ​พระ​เยซู​คริสต์​เคย​มี​ชีวิต​อยู่​จริง. ความ​เชื่อ​ของ​นัก​ประวัติศาสตร์​เหล่า​นี้​อาศัย​ข้อ​เท็จ​จริง​ไหม? ใช่ เพราะ​พวก​เขา​สามารถ​ยก​หลักฐาน​ทาง​ประวัติศาสตร์​ที่​น่า​เชื่อถือ​มา​ยืน​ยัน​ได้.

เช่น​เดียว​กัน นัก​วิทยาศาสตร์​ก็​เชื่อ​สิ่ง​ที่​มี​อยู่​จริง​ซึ่ง​มอง​ไม่​เห็น เพราะ​มี “หลักฐาน​ชัดเจน” ที่​แสดง​ว่า​สิ่ง​เหล่า​นั้น​มี​จริง. ตัว​อย่าง​เช่น ดมิตรัย เมนเดเลเยฟ นัก​เคมี​ชาว​รัสเซีย​แห่ง​ศตวรรษ​ที่ 19 หลงใหล​ไป​กับ​ความ​สัมพันธ์​กัน​ระหว่าง​ธาตุ​ต่าง ๆ ซึ่ง​เป็น​องค์​ประกอบ​พื้น​ฐาน​ของ​เอกภพ. เขา​ตระหนัก​ว่า​ธาตุ​เหล่า​นั้น​มี​บาง​อย่าง​เหมือน​กัน​และ​อาจ​แยก​ออก​เป็น​กลุ่ม​ได้​ทั้ง​โดย​น้ำหนัก​เชิง​อะตอม​และ​คุณสมบัติ​ทาง​เคมี. เนื่อง​จาก​เขา​มี​ความ​เชื่อ​ใน​ลำดับ​ของ​กลุ่ม​ต่าง ๆ เขา​จึง​ร่าง​ตาราง​ธาตุ​ขึ้น​มา​และ​คาด​การณ์​ล่วง​หน้า​ได้​อย่าง​ถูก​ต้อง​ว่า​ธาตุ​บาง​อย่าง​ซึ่ง​ยัง​ไม่​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​ใน​เวลา​นั้น​มี​อยู่​จริง.

นัก​โบราณคดี​มัก​จะ​ลง​ความ​เห็น​ใน​เรื่อง​อารยธรรม​ยุค​โบราณ​โดย​อาศัย​วัตถุ​ที่​ถูก​ฝัง​มา​นาน​หลาย​พัน​ปี. ตัว​อย่าง​เช่น ลอง​นึก​ภาพ​ว่า​นัก​โบราณคดี​ได้​ขุด​พบ​หิน​ที่​ถูก​ตัด​อย่าง​ประณีต​เป็น​ก้อน​สี่​เหลี่ยม​หลาย​สิบ​ก้อน​ซึ่ง​มี​ขนาด​เท่า​กัน​พอ​ดี​และ​วาง​ซ้อน​กัน​ใน​แนว​ตรง​อย่าง​เป็น​ระเบียบ. นอก​จาก​นั้น ก้อน​หิน​เหล่า​นี้​ถูก​วาง​เรียง​กัน​เป็น​รูป​เรขาคณิต​ซึ่ง​ไม่​ได้​เกิด​ขึ้น​เอง​ตาม​ธรรมชาติ. นัก​โบราณคดี​จะ​ลง​ความ​เห็น​อย่าง​ไร? เขา​จะ​ถือ​ว่า​สิ่ง​ที่​เขา​ค้น​พบ​เกิด​ขึ้น​โดย​บังเอิญ​ไหม? เขา​คง​ไม่​คิด​เช่น​นั้น​แน่. แต่​เขา​จะ​ถือ​ว่า​มัน​เป็น​หลักฐาน​แสดง​กิจกรรม​ของ​มนุษย์​ใน​อดีต และ​นั่น​เป็น​การ​ลง​ความ​เห็น​อย่าง​สม​เหตุ​สม​ผล.

เพื่อ​จะ​ให้​เสมอ​ต้น​เสมอ​ปลาย เรา​ก็​ควร​หา​เหตุ​ผล​ใน​ทำนอง​เดียว​กัน​เมื่อ​พิจารณา​การ​ออก​แบบ​ที่​เห็น​ใน​โลก​ธรรมชาติ​มิ​ใช่​หรือ? ผู้​คน​มาก​มาย​ได้​รับ​เอา​แนว​คิด​เช่น​นั้น รวม​ทั้ง​นัก​วิทยาศาสตร์​ซึ่ง​เป็น​ที่​ยอม​รับ​นับถือ.

ความ​บังเอิญ​ที่​ปราศจาก​การ​ควบคุม​หรือ​การ​ออก​แบบ​อย่าง​มี​จุด​มุ่ง​หมาย

หลาย​ปี​ก่อน เซอร์​เจมส์ จีนส์ นัก​คณิตศาสตร์, นัก​ฟิสิกส์, และ​นัก​ดาราศาสตร์​ชาว​บริเตน เขียน​ว่า เมื่อ​คำนึง​ถึง​ความ​ก้าว​หน้า​ด้าน​ความ​รู้​ทาง​วิทยาศาสตร์ “เอกภพ​เริ่ม​จะ​ดู​คล้าย​กับ​ความ​คิด​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​มาก​กว่า​จะ​เป็น​เครื่องจักร​อัน​ยิ่ง​ใหญ่.” เขา​ยัง​กล่าว​ด้วย​ว่า “เอกภพ​ดู​เหมือน​ถูก​ออก​แบบ​โดย​นัก​คณิตศาสตร์​แท้” และ​บอก​ว่า​เอกภพ​ให้ “หลักฐาน​แสดง​พลัง​การ​ออก​แบบ​หรือ​พลัง​ที่​ควบคุม​ซึ่ง​ไม่​ต่าง​กับ​จิตใจ​ของ​พวก​เรา.”

ตั้ง​แต่​จีนส์​เขียน​ถ้อย​คำ​ข้าง​ต้น นัก​วิทยาศาสตร์​คน​อื่น ๆ ก็​ได้​ข้อ​สรุป​คล้าย ๆ กัน. พอล เดวีส์ นัก​ฟิสิกส์​เขียน​ว่า “ความ​เป็น​ระเบียบ​ของ​เอกภพ​โดย​รวม​ให้​ข้อ​คิด​แก่​นัก​ดาราศาสตร์​หลาย​คน​ใน​ปัจจุบัน​ว่า​ต้อง​มี​การ​ออก​แบบ.” อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นัก​ฟิสิกส์​และ​นัก​คณิตศาสตร์​ผู้​มี​ชื่อเสียง​ที่​สุด​คน​หนึ่ง​เขียน​ว่า “ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​ว่า​เรา​สามารถ​เข้าใจ [โลก​ธรรมชาติ] ได้​นั้น​ถือ​เป็น​เรื่อง​อัศจรรย์.” ใน​สายตา​ของ​หลาย​คน เรื่อง​อัศจรรย์​นี้​รวม​ไป​ถึง​ชีวิต ตั้ง​แต่​องค์​ประกอบ​พื้น​ฐาน​ของ​ชีวิต​จน​ถึง​สมอง​ที่​น่า​ทึ่ง​ของ​มนุษย์.

ดีเอ็นเอ​และ​สมอง​ของ​มนุษย์

ดีเอ็นเอ​เป็น​ข้อมูล​ทาง​พันธุกรรม​ของ​สิ่ง​มี​ชีวิต​ทุก​ชนิด​ที่​ประกอบ​ด้วย​เซลล์ และ​เป็น​พื้น​ฐาน​ทาง​โมเลกุล​สำหรับ​พันธุกรรม. * กรด​ที่​ซับซ้อน​นี้​ถูก​เปรียบ​เป็น​แบบ​พิมพ์​เขียว​หรือ​สูตร​ทำ​อาหาร เพราะ​ใน​ดีเอ็นเอ​อัด​แน่น​ไป​ด้วย​ข้อมูล​ซึ่ง​เข้า​รหัส​ใน​รูป​ของ​สาร​เคมี และ​ถูก​เก็บ​ไว้​ใน​ระดับ​โมเลกุล​ซึ่ง​สามารถ​ถอด​รหัส​และ​ปฏิบัติ​ตาม​คำ​สั่ง​ได้. มี​ข้อมูล​มาก​แค่​ไหน​ถูก​เก็บ​ไว้​ใน​ดีเอ็นเอ? ถ้า​หน่วย​พื้น​ฐาน​ที่​เรียก​ว่า​นิวคลีโอไทด์​ถูก​ถอด​รหัส​เป็น​ตัว​อักษร ก็​จะ “กิน​เนื้อ​ที่​ใน​หนังสือ​ขนาด​ปกติ​มาก​กว่า​หนึ่ง​ล้าน​หน้า” หนังสือ​อ้างอิง​เล่ม​หนึ่ง​กล่าว​ไว้.

ใน​สิ่ง​มี​ชีวิต​ส่วน​ใหญ่ ดีเอ็นเอ​ม้วน​พัน​กัน​เป็น​เกลียว​เหมือน​เส้น​ด้าย​เรียก​ว่า​โครโมโซม ซึ่ง​เก็บ​ไว้​อย่าง​ปลอด​ภัย​ภาย​ใน​นิวเคลียส​ของ​แต่​ละ​เซลล์. นิวเคลียส​มี​เส้น​ผ่า​ศูนย์กลาง​ประมาณ 5 ไมโคร​เมตร. * คิด​ดู​สิ ข้อมูล​ทั้ง​หมด​ที่​ก่อ​ให้​เกิด​ร่าง​กาย​ของ​คุณ​ซึ่ง​ไม่​เหมือน​ใคร สามารถ​พบ​ได้​ใน​ที่​เก็บ​ขนาด​จิ๋ว​ซึ่ง​ต้อง​ดู​ด้วย​กล้อง​จุลทรรศน์! ดัง​ที่​นัก​วิทยาศาสตร์​คน​หนึ่ง​กล่าว​ไว้​อย่าง​เหมาะ​สม สิ่ง​มี​ชีวิต​มี “ระบบ​เก็บ​และ​ค้น​คืน​ข้อมูล​ที่​เล็ก​ที่​สุด​เท่า​ที่​รู้​จัก​กัน.” เรื่อง​นี้​น่า​ทึ่ง​เมื่อ​คุณ​คิด​ถึง​หน่วย​ความ​จำ​ของ​ชิป​คอมพิวเตอร์, แผ่น​ดี​วี​ดี, และ​สิ่ง​อื่น ๆ ที่​คล้าย ๆ กัน! ยิ่ง​กว่า​นั้น ดีเอ็นเอ​ยัง​ไม่​ได้​เผย​ความ​ลับ​ทุก​อย่าง​ของ​มัน. วารสาร​นิว ไซเยนติสต์ กล่าว​ว่า “การ​ค้น​พบ​ทุก​ครั้ง​เผย​ให้​เห็น​ความ​ซับซ้อน​มาก​ขึ้น.” *

สม​เหตุ​ผล​ไหม​ที่​จะ​ถือ​ว่า​การ​ออก​แบบ​และ​ระเบียบ​ที่​สมบูรณ์​นี้​เกิด​ขึ้น​โดย​ความ​บังเอิญ​ซึ่ง​ปราศจาก​การ​ควบคุม? ถ้า​คุณ​เผอิญ​พบ​คู่มือ​เทคนิค​ที่​ซับซ้อน​หนา​หนึ่ง​ล้าน​หน้า​ซึ่ง​เขียน​เป็น​รหัส​ที่​มี​ประสิทธิภาพ​และ​เป็น​ระเบียบ​เรียบร้อย คุณ​จะ​ถือ​ว่า​หนังสือ​เล่ม​นั้น​เขียน​ขึ้น​ด้วย​ตัว​มัน​เอง​ไหม? จะ​ว่า​อย่าง​ไร​ถ้า​หนังสือ​นั้น​เล็ก​จิ๋ว​จน​ต้อง​อ่าน​ด้วย​กล้อง​จุลทรรศน์​ที่​ทรง​ประสิทธิภาพ? และ​จะ​ว่า​อย่าง​ไร​ถ้า​หนังสือ​นั้น​มี​คำ​แนะ​นำ​ที่​ถูก​ต้อง​สำหรับ​การ​ผลิต​เครื่องจักร​ที่​คิด​ได้​อย่าง​ฉลาด​ซึ่ง​สามารถ​ซ่อม​ตัว​เอง, ถอด​แบบ​ตัว​เอง, และ​มี​อะไหล่​หลาย​พัน​ล้าน​ชิ้น และ​ทุก​ส่วน​ต้อง​ประกอบ​เข้า​ด้วย​กัน​ใน​เวลา​ที่​เหมาะ​สม​และ​ใน​วิธี​ที่​ถูก​ต้อง? แน่นอน​ว่า คง​ไม่​มี​ใคร​คิด​ว่า​หนังสือ​ประเภท​นี้​จะ​เกิด​ขึ้น​เอง.

หลัง​จาก​ได้​วิเคราะห์​การ​ค้นคว้า​ใน​ปัจจุบัน​เกี่ยว​กับ​การ​ทำ​งาน​ภาย​ใน​เซลล์ แอนโทนี ฟลู นัก​ปรัชญา​ชาว​อังกฤษ ซึ่ง​เคย​สนับสนุน​อเทวนิยม​แบบ​สุด​โต่ง กล่าว​ว่า “ความ​ซับซ้อน​อย่าง​ไม่​น่า​เชื่อ​ใน​เรื่อง​การ​จัด​ระเบียบ​ซึ่ง​จำเป็น​ต่อ​การ​กำเนิด (ชีวิต) [แสดง​ว่า] ต้อง​มี​เชาวน์​ปัญญา​เข้า​มา​เกี่ยว​ข้อง​ด้วย.” ฟลู​ถือ​ว่า “ไม่​ว่า​หลักฐาน​จะ​ให้​คำ​ตอบ​อย่าง​ไร​เรา​ก็​ควร​เชื่อ​ตาม​นั้น.” ใน​กรณี​ของ​เขา นั่น​นำ​ไป​สู่​การ​เปลี่ยน​แนว​คิด​อย่าง​สิ้นเชิง จน​กระทั่ง​ตอน​นี้​เขา​มี​ความ​เชื่อ​ใน​พระเจ้า​แล้ว.

สมอง​ของ​มนุษย์​ก็​เช่น​กัน​ที่​ทำ​ให้​นัก​วิทยาศาสตร์​มาก​มาย​รู้สึก​ทึ่ง. สมอง​เป็น​ผลิตผล​ของ​ดีเอ็นเอ และ​ถูก​พรรณนา​ว่า​เป็น “สิ่ง​ซับซ้อน​ที่​สุด​ใน​เอกภพ.” แม้​แต่​ซูเปอร์​คอมพิวเตอร์​ที่​ล้ำ​หน้า​ที่​สุด​ก็​ยัง​ดู​ล้า​สมัย​มาก​เพื่อ​เทียบ​กับ​ก้อน​เซลล์​ประสาท​กับ​โครง​สร้าง​อื่น ๆ ซึ่ง​เป็น​สี​เทา​อม​ชมพู​น้ำหนัก​ราว ๆ 1.4 กิโลกรัม. ใน​ความ​คิด​ของ​นัก​ประสาท​วิทยาศาสตร์​คน​หนึ่ง ยิ่ง​นัก​วิทยาศาสตร์​เรียน​เกี่ยว​กับ​สมอง​และ​ความ​คิด​จิตใจ​มาก​เท่า​ไร “ก็​ยิ่ง​น่า​พิศวง​และ​ดู​ลึกลับ​มาก​เท่า​นั้น.”

ลอง​คิด​ดู: สมอง​ทำ​ให้​เรา​สามารถ​หายใจ, หัวเราะ, ร้องไห้, แก้​ปริศนา, สร้าง​คอมพิวเตอร์, ขี่​จักรยาน, เขียน​บท​กวี, และ​เงย​หน้า​มอง​ขึ้น​ไป​บน​ท้องฟ้า​ยาม​ค่ำ​คืน​ด้วย​ความ​รู้สึก​เกรง​ขาม. มี​เหตุ​ผล​และ​เสมอ​ต้น​เสมอ​ปลาย​ไหม​ที่​จะ​ถือ​ว่า​ความ​สามารถ​หรือ​ศักยภาพ​เหล่า​นี้​เกิด​ขึ้น​โดย​ความ​บังเอิญ​ซึ่ง​ปราศจาก​การ​ควบคุม?

ความ​เชื่อ​อาศัย​หลักฐาน

เพื่อ​จะ​เข้าใจ​ตัว​เอง​และ​ได้​คำ​ตอบ เรา​ควร​จะ​มอง​ดู​ลิง​และ​สัตว์​ชั้น​ต่ำ​อื่น ๆ อย่าง​ที่​นัก​วิวัฒนาการ​มอง หรือ​ควร​จะ​มอง​ขึ้น​ไป​โดย​หวัง​จะ​ได้​คำ​ตอบ​จาก​พระเจ้า? จริง​อยู่ เรา​มี​ลักษณะ​บาง​อย่าง​คล้าย​กับ​สัตว์. ตัว​อย่าง​เช่น เรา​ต้อง​กิน, ดื่ม, นอน​หลับ, และ​สามารถ​สืบ​พันธุ์​ได้. กระนั้น เรา​ไม่​เหมือน​สัตว์​ใน​หลาย​ทาง. ตาม​เหตุ​ผล​แล้ว ลักษณะ​เด่น​ของ​มนุษย์​น่า​จะ​มา​จาก​ผู้​ที่​เหนือ​กว่า​ตัว​เรา นั่น​คือ​จาก​พระเจ้า. คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​ถึง​ความ​คิด​นั้น​อย่าง​รวบรัด​ว่า พระเจ้า​สร้าง​มนุษยชาติ “ตาม​แบบ​พระองค์” ทั้ง​ด้าน​ศีลธรรม​และ​วิญญาณ. (เยเนซิศ 1:27, ล.ม.) คุณ​น่า​จะ​ไตร่ตรอง​ดู​ลักษณะ​ของ​พระเจ้า​ซึ่ง​มี​บันทึก​อยู่​ใน​พระ​บัญญัติ 32:4; ยาโกโบ 3:17, 18; และ 1 โยฮัน 4:7, 8.

พระ​ผู้​สร้าง​ได้​ประทาน “ความ​เข้าใจ” แก่​เรา​เพื่อ​จะ​สำรวจ​โลก​รอบ ๆ ตัว​เรา​และ​เพื่อ​จะ​พบ​คำ​ตอบ​ที่​น่า​พอ​ใจ​ที่​เรา​อยาก​รู้. (1 โยฮัน 5:20) ใน​เรื่อง​นี้ วิลเลียม ดี. ฟิลลิปส์ นัก​ฟิสิกส์​และ​ผู้​ได้​รับ​รางวัล​โนเบล เขียน​ว่า “เมื่อ​ผม​พิจารณา​ความ​เป็น​ระเบียบ, ความ​เรียบ​ง่าย​จน​เรา​สามารถ​เข้าใจ​ได้, และ​ความ​งดงาม​ของ​เอกภพ ผม​ก็​ต้อง​ลง​ความ​เห็น​ว่า​ผู้​มี​เชาวน์​ปัญญา​ที่​สูง​กว่า​ได้​ออก​แบบ​สรรพสิ่ง​ที่​ผม​เห็น. ความ​เข้าใจ​ด้าน​วิทยาศาสตร์​เกี่ยว​กับ​ความ​ต่อ​เนื่อง​กัน​และ​ความ​เรียบ​ง่าย​ทาง​กายภาพ​ที่​น่า​ชื่นชม​ได้​ทำ​ให้​ความ​เชื่อ​ของ​ผม​ใน​พระเจ้า​เข้มแข็ง​ขึ้น.”

ประมาณ​สอง​พัน​ปี​มา​แล้ว ผู้​สังเกตการณ์​ที่​ฉลาด​สุขุม​เกี่ยว​กับ​โลก​ธรรมชาติ​เขียน​ว่า “คุณลักษณะ​ของ [พระเจ้า] อัน​ไม่​ประจักษ์​แก่​ตา คือ​ฤทธิ์​อัน​ถาวร​และ​ความ​เป็น​พระเจ้า​ของ​พระองค์ ก็​เห็น​ได้​ชัด​ตั้ง​แต่​การ​สร้าง​โลก​เป็น​ต้น​มา เพราะ​คุณลักษณะ​เหล่า​นั้น​เป็น​ที่​เข้าใจ​ได้​โดย​ดู​จาก​สิ่ง​ที่​ถูก​สร้าง.” (โรม 1:20) ผู้​เขียน​คือ​คริสเตียน​อัครสาวก​เปาโล ซึ่ง​เป็น​บุรุษ​ผู้​ชาญ​ฉลาด​และ​ได้​รับ​การ​ศึกษา​สูง​ใน​ด้าน​กฎหมาย​ของ​โมเซ. ความ​เชื่อ​ที่​อาศัย​เหตุ​ผล​ของ​ท่าน​ทำ​ให้​ท่าน​เชื่อ​มั่น​ว่า​พระเจ้า​ดำรง​อยู่​จริง ส่วน​ความ​สำนึก​ใน​ความ​ยุติธรรม​กระตุ้น​ให้​ท่าน​ถวาย​พระ​เกียรติ​แด่​พระเจ้า​สำหรับ​งาน​สร้าง​สรรค์​ของ​พระองค์.

เรา​หวัง​อย่าง​จริง​ใจ​ว่า​คุณ​จะ​เห็น​ด้วย​เช่น​กัน​ว่า ไม่​ใช่​เรื่อง​ไร้​เหตุ​ผล​เสีย​เลย​ที่​จะ​เชื่อ​พระเจ้า. ที่​จริง เช่น​เดียว​กับ​เปาโล ขอ​ให้​คุณ​ทำ​มาก​กว่า​แค่​เชื่อ​ว่า​พระองค์​ดำรง​อยู่​จริง. ขอ​ให้​คุณ​ทำ​ความ​เข้าใจ​มาก​ขึ้น​อย่าง​ที่​หลาย​ล้าน​คน​เข้าใจ​ว่า​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​เป็น​องค์​วิญญาณ​ผู้​มี​คุณลักษณะ​ที่​ชวน​ให้​รักใคร่​ซึ่ง​สะท้อน​อยู่​ใน​หัวใจ​ของ​มนุษย์ และ​ดึงดูด​เรา​ให้​เข้า​ใกล้​พระองค์.—บทเพลง​สรรเสริญ 83:18; โยฮัน 6:44; ยาโกโบ 4:8

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 3 ดู​บทความ “วิวัฒนาการ​เป็น​ความ​จริง​ไหม?” ใน​ตื่นเถิด! ฉบับ​กันยายน 2006.

^ วรรค 14 ดีเอ็นเอ​ย่อ​มา​จาก​กรด​ดี​ออก​ซี​ไรโบนิวคลีอิก (deoxyribonucleic acid).

^ วรรค 15 ไมโคร​เมตร​เป็น​หน่วย​วัด​ความ​ยาว​เท่า​กับ​เศษ​หนึ่ง​ส่วน​ล้าน​ของ​เมตร.

^ วรรค 15 เมื่อ​ชาลส์ ดาร์วิน​คิด​ค้น​เรื่อง​วิวัฒนาการ เขา​ไม่​รู้​เลย​ว่า​เซลล์​ของ​สิ่ง​มี​ชีวิต​ซับซ้อน​ขนาด​ไหน.

[กรอบ​หน้า 24]

ความ​ชั่ว​ร้าย​ของ​ศาสนา​เป็น​เหตุ​อัน​ควร​ไหม​ที่​จะ​ไม่​เชื่อ​เรื่อง​พระเจ้า?

ผู้​คน​มาก​มาย​ไม่​เชื่อ​ว่า​มี​พระ​ผู้​สร้าง​เนื่อง​จาก​สิ่ง​ชั่ว​ต่าง ๆ และ​การ​ทุจริต​ซึ่ง​เป็น​ที่​รู้​กัน​ทั่ว​จน​ทำ​ให้​ประวัติ​ของ​หลาย​ศาสนา​มัวหมอง. นั่น​เป็น​เหตุ​ผล​อัน​ควร​ไหม​ที่​จะ​ไม่​เชื่อ​พระ​ผู้​สร้าง? ไม่. รอย เอบราแฮม วาร์เกเซ กล่าว​ใน​คำนำ​ของ​หนังสือ​มี​พระเจ้า (ภาษา​อังกฤษ) ที่​แอนโทนี ฟลู​เขียน​ว่า “ความ​ฟุ้ง​เฟ้อ​และ​ความ​ร้ายกาจ​ของ​ศาสนา​ใหญ่ ๆ ไม่​มี​ความ​เกี่ยว​ข้อง​กัน​เลย​กับ​ประเด็น​ที่​ว่า​พระเจ้า​มี​อยู่​จริง​หรือ​ไม่ เช่น​เดียว​กับ​ภัย​คุกคาม​จาก​การ​แพร่​กระจาย​ของ​อาวุธ​นิวเคลียร์​ก็​ไม่​มี​ความ​เกี่ยว​ข้อง​กัน​เลย​กับ​ประเด็น​ที่​ว่า​พลัง​งาน​เท่า​กับ​มวล​สาร​คูณ​ด้วย​ความ​เร็ว​ของ​แสง​ยก​กำลัง​สอง​หรือ​ไม่ (E=mc2).”

[ภาพ​หน้า 23]

ถ้า​สิ่ง​ก่อ​สร้าง​โบราณ​มี​มนุษย์​สร้าง​ขึ้น แล้ว​ใคร​ได้​สร้าง​โลก​ธรรมชาติ​ขึ้น​มา?

[ภาพ​หน้า 23]

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

[ภาพ​หน้า 24, 25]

ดีเอ็นเอ​เป็น​เสมือน​หนังสือ​ขนาด​จิ๋ว​ซึ่ง​บรรจุ​คำ​สั่ง​ที่​แม่นยำ​เพื่อ​สร้าง​ชีวิต​ที่​มี​เชาวน์​ปัญญา

[ภาพ​หน้า 25]

สมอง​มนุษย์​ถูก​พรรณนา​ว่า​เป็น “สิ่ง​ซับซ้อน​ที่​สุด​ใน​เอกภพ”

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 22]

© The Print Collector/age fotostock