การเพ่งดูโลก
การเพ่งดูโลก
“คนไม่สูบบุหรี่, คนที่ไม่ชอบอยู่เฉย, คนดื่มแอลกอฮอล์แต่พอประมาณ, และคนกินผักและผลไม้อย่างน้อยวันละห้าส่วนจะมีชีวิตยืนยาวกว่าคนที่ไม่ได้ทำเช่นนี้ถึง 14 ปีโดยเฉลี่ย.” ข้อสรุปนี้อาศัยการศึกษาคนจำนวน 20,000 คนเป็นเวลา 11 ปี.—จดหมายข่าวเวลล์เนสของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียแห่งเบิร์กลีย์, สหรัฐอเมริกา
“การอ่านหนังสือเป็นวิธีผ่อนคลายที่ดีที่สุด. . . . แม้จะใช้เวลาเพียงหกนาทีก็พอที่จะลดความเครียดได้ถึงสองในสาม.”—อินเดีย ทูเดย์ อินเตอร์แนชันแนล, อินเดีย
“ของเล่น” ที่ถูกทิ้ง
หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ กล่าวถึงสถานการณ์ในสหรัฐว่า “เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ทำให้มีเรือจำนวนมากซึ่งเจ้าของไม่ต้องการอีกต่อไป.” เจ้าของเรือใช้กระดาษทรายลบชื่อเรือ, ลบหมายเลขทะเบียน, แล้วก็ทิ้งเรือหรือไม่ก็จมเรือเสีย โดยบางครั้งก็ตั้งใจจะเรียกเอาเงินประกัน. ทำไมเขาทำอย่างนั้น? หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันกล่าวว่า “บางคน . . . ตกอยู่ในสภาพเหมือนกับเจ้าของบ้านที่หมดหนทาง นั่นคือพวกเขาต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงลิ่วไปกับทรัพย์สินที่มีมูลค่าลดลงเรื่อย ๆ และตัดสินใจจะไม่จ่ายอีกต่อไป” และยังเรียกเรือเหล่านี้ว่า “ของเล่นที่ต้องเสียค่าบำรุงรักษาแพงมากและไม่น่าสนใจอีกต่อไป.” หนังสือพิมพ์นี้ชี้แจงว่า “เจ้าของจะขายก็ขายไม่ออก เนื่องจากตลาดเรือมือสองมีเรือมากจนเกินความต้องการ. พวกเขาไม่อาจจะจ่ายเงินหลายร้อยดอลลาร์ทุกเดือนเป็นค่าเช่าที่จอดเรือและค่าบำรุงรักษา. และพวกเขาไม่มีเงินหลายพันดอลลาร์ที่ต้องจ่ายถ้าจะกำจัดมันอย่างถูกวิธี.”
ทัศนะของเด็กก่อนวัยเรียนเกี่ยวกับรูปร่าง
หนังสือพิมพ์ซันเดย์ เทเลกราฟ ของนครซิดนีย์รายงานว่า เด็กอายุเพียงสี่ขวบก็ “พยายามจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างของตนให้เข้ากับสิ่งที่สังคมถือว่าเป็นรูปลักษณ์ที่ดี.” การศึกษานิสัยการกินและการออกกำลังกายของเด็กก่อนวัยเรียนพบว่าทั้งเด็กชายและเด็กหญิงต่างก็เป็นห่วงขนาดรูปร่างของตน โดยเด็กหญิงอยากจะลดน้ำหนักและเด็กชายก็อยากจะสร้างกล้ามเนื้อ. ผู้เขียนรายงานการศึกษานี้กล่าวว่า “เด็ก ๆ ดูเหมือนได้แนวคิดเกี่ยวกับรูปร่างมาจากแม่ซึ่งโดยทั่วไปพวกเธอมักไม่พอใจกับรูปร่างของตัวเอง.”
เด็กซื้อของทางอินเทอร์เน็ต
หนังสือพิมพ์ เดอะ เดลี เทเลกราฟ รายงานว่า “หนึ่งในห้าของเด็ก [ในสหราชอาณาจักร] ซื้อของทางอินเทอร์เน็ตโดยพ่อแม่ไม่ได้อนุญาต และครึ่งหนึ่งของจำนวนนั้นจ่ายเงินโดยใช้บัตรเครดิตของพ่อแม่.” เด็กหลายคนรู้จักเว็บไซต์และรหัสผ่านที่พ่อแม่ใช้ในการซื้อของทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจทำให้เขาได้รู้จักหมายเลขบัตรเครดิตของพ่อแม่ได้อย่างง่ายดาย. มีพ่อแม่ไม่กี่คนที่คิดว่าลูกของเขาสามารถซื้อของทางอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับการยินยอมจากตน. รายงานนี้กล่าวว่า มี “ความแตกต่างอย่างน่าตกใจ” ระหว่างสิ่งที่พ่อแม่คิดว่าลูกของเขารู้และสิ่งที่เด็กรู้จริง ๆ. ประการหนึ่ง พฤติกรรมเช่นนี้ทำให้พ่อแม่เสี่ยงต่อการถูกฉ้อโกง. พ่อแม่ที่ซื้อของทางอินเทอร์เน็ตได้รับคำแนะนำว่า “อย่าเก็บข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตในอินเทอร์เน็ต,” ใช้แต่เว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง, และ “ออกจากระบบเมื่อเสร็จธุระแล้ว.”