ฉันจะทำอย่างไรให้หายเศร้า?
หนุ่มสาวถามว่า
ฉันจะทำอย่างไรให้หายเศร้า?
“พอใครสักคนมีเรื่องกลุ้มใจ ดิฉันจะคอยช่วยแก้ปัญหาและปลอบใจให้เขารู้สึกดีขึ้น. แต่หลังจากนั้น พอไม่ค่อยมีใครเห็น ดิฉันจะกลับบ้านเข้าไปในห้องแล้วร้องไห้.”—เคลลี *
“เมื่อผมรู้สึกเศร้าผมจะปลีกตัวอยู่คนเดียว. ถ้าใครชวนผมไปที่ไหนสักแห่ง ผมก็จะหาข้ออ้างที่จะไม่ไปด้วย. ผมซ่อนความรู้สึกได้เก่งโดยไม่ให้ครอบครัวรู้. พวกเขาก็เลยคิดว่าผมสบายดี.”—ริก
ความรู้สึกนึกคิดของคุณคล้ายกันกับเคลลีหรือริกบ้างไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็อย่าพึ่งด่วนสรุปว่ามีบางอย่างผิดปกติกับคุณ. ข้อเท็จจริงก็คือทุกคนเศร้าเป็นครั้งคราว. แม้แต่ผู้ซื่อสัตย์ในสมัยคัมภีร์ไบเบิลก็เคยเศร้า.
ในบางกรณี คุณอาจรู้ว่าทำไมคุณเศร้า แต่บางครั้งคุณไม่รู้. แอนนาวัย 19 ปีพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องเจอเรื่องร้ายเสียก่อนจึงจะรู้สึกเศร้า. มันเกิดขึ้นได้ทุกขณะ แม้ชีวิตของคุณจะไม่มีปัญหาใด ๆ. มันเป็นเรื่องแปลก แต่มันก็เกิดขึ้น!”
ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ๆ ก็ตาม หรือแม้ดูเหมือนไม่มีสาเหตุ คุณจะทำอย่างไรเมื่อความเศร้าเกาะกุมหัวใจ?
ข้อชี้แนะที่ 1: พูด. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวดังนี้: “มิตรแท้ย่อมรักอยู่ทุกเวลา และเป็นพี่น้องซึ่งเกิดมาเพื่อยามที่มีความทุกข์ยาก.”—สุภาษิต 17:17, ล.ม.
เคลลี: “ดิฉันรู้สึกสบายใจมากอย่างไม่น่าเชื่อหลังจากได้พูดคุยกับใครบางคน. ในที่สุด ก็มีคนรู้ว่าดิฉันประสบปัญหาอะไรบ้าง. พวกเขาสามารถจะหย่อนเชือกลงไปในบ่อและฉุดดิฉันขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย!”
คำแนะนำ: ข้างล่าง ให้เขียนชื่อ “มิตรแท้” สักคนผู้ซึ่งคุณจะระบายความในใจเมื่อคุณจมอยู่ในภาวะเศร้า.
․․․․․
ข้อชี้แนะที่ 2: เขียน. เมื่อทัศนะของคุณในเรื่องชีวิตถูกครอบงำด้วยความเศร้าหมอง คุณอาจอยากถ่ายทอดบทเพลงสรรเสริญ 6:6) การเขียนเกี่ยวกับความรู้สึกดังกล่าวอาจจะช่วยคุณ “รักษาสติปัญญาที่ใช้ได้จริงและความสามารถในการคิด.”—สุภาษิต 3:21, ล.ม.
ความคิดนึกของคุณลงบนกระดาษ. ในเพลงสรรเสริญที่มีขึ้นโดยการดลใจ หลายครั้งดาวิดแสดงออกถึงความเศร้าเสียใจอย่างมาก. (เฮเทอร์: “การเขียนช่วยดิฉันจัดความคิดอันว้าวุ่นเนื่องจากความเศร้าให้เป็นระเบียบ. เมื่อคุณระบายความรู้สึกและแยกแยะสาเหตุ ความเศร้าก็คงไม่รุนแรงนัก.”
คำแนะนำ: บางคนเลือกที่จะจดบันทึกส่วนตัว. ถ้าคุณเขียน คุณจะเขียนอะไรลงไป? เมื่อคุณเศร้า ให้เขียนพรรณนาความรู้สึกและสิ่งที่คุณคิดว่าอะไรเป็นสาเหตุให้คุณเศร้า. เมื่อเดือนหนึ่งผ่านไป ให้กลับไปอ่านที่เขียนไว้. ความรู้สึกของคุณต่อเรื่องนั้น ๆ ได้เปลี่ยนไปไหม? ถ้าคุณรู้สึกดีขึ้น ให้เขียนสิ่งที่ได้ช่วยคุณ.
ข้อชี้แนะที่ 3: อธิษฐาน. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่าถ้าคุณอธิษฐานเกี่ยวกับเรื่องที่คุณกังวล ‘สันติสุขของพระเจ้าซึ่งเหนือกว่าความคิดทุกอย่างจะปกป้องหัวใจและจิตใจคุณไว้.’—ฟิลิปปอย 4:7
เอสเทอร์: “ดิฉันพยายามนึกว่าทำไมจึงรู้สึกเศร้ามาก และคิดไม่ออก. ดิฉันทูลขอพระยะโฮวาโปรดช่วยดิฉันให้รู้สึกสบายใจ. ดิฉันเบื่อหน่ายที่ต้องเศร้าทั้งที่ไม่มีเหตุผล. ในที่สุด ดิฉันก็หายเศร้า. อย่าประเมินค่าพลังของคำอธิษฐานต่ำเกินไป!”
คำแนะนำ: ใช้บทเพลงสรรเสริญ 139:23, 24 เป็นพื้นฐานสำหรับคำอธิษฐานของคุณเองต่อพระยะโฮวา. ระบายความรู้สึกในใจของคุณ และขอพระองค์ช่วยคุณให้รู้สาเหตุของความเศร้า.
นอกจากคำแนะนำข้างต้น คุณมีเครื่องช่วยที่มีค่าในพระคำของพระองค์. (บทเพลงสรรเสริญ 119:105) จงบรรจุจิตใจของคุณให้เต็มไปด้วยความคิดที่เสริมสร้างจากคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งจะส่งผลดีต่อความคิด, ความรู้สึก, และการกระทำของคุณ. (บทเพลงสรรเสริญ 1:1-3) เรื่องราวที่ทำให้เบิกบานใจและน่าตื่นเต้นมีอยู่ในหนังสือกิจการในคัมภีร์ไบเบิล. จะพบคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการอ่านคัมภีร์ไบเบิลได้โดยพิจารณา “บุคคลแบบอย่าง” จากเก้าหน้าในหนังสือคำถามที่หนุ่มสาวถาม—คำตอบที่ได้ผล เล่ม 2 จัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา (ยังไม่มีในภาษาไทย). เรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลที่พิจารณาในหน้าเหล่านี้เป็นเรื่องของโยเซฟ, ฮิศคียาห์, ลิเดีย, และดาวิดเป็นต้น. ในหน้า 227 คุณจะเห็นว่า อัครสาวกเปาโลจัดการอย่างไรกับความรู้สึกในแง่ลบซึ่งท่านมีในบางครั้งเนื่องจากความไม่สมบูรณ์.
แต่จะทำอย่างไรถ้าคุณได้พยายามเต็มที่แล้วแต่ก็ยังรู้สึกเศร้าอยู่?
เมื่อความเศร้าไม่จางหายไป
ไรอันบอกว่า “เช้าบางวัน ผมรู้สึกอยากจะนอนอยู่บนเตียงต่อไปจะได้ไม่ต้องลุกขึ้นมาเผชิญกับวันที่ไร้จุดหมายอีกวันหนึ่ง.” ไรอันเป็นโรคซึมเศร้า และไม่ได้มีเขาคนเดียวที่เป็นโรคนี้. การวิจัยแสดงว่าวัยรุ่นประมาณ 1 ใน 4 มีภาวะซึมเศร้าบางชนิดก่อนถึงวัยผู้ใหญ่.
คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่? อาการที่ปรากฏให้เห็นได้บางอย่างคือพฤติกรรมและอารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรง, ชอบปลีกตัวอยู่ตามลำพัง, แทบไม่อยากทำอะไรเลย, นิสัยการกินและรูปแบบการนอนหลับเปลี่ยนไปอย่างมาก และรู้สึกไร้ค่าหรือรู้สึกผิดอย่างมากทั้ง ๆ ที่ไม่มีเหตุอันควร.
แน่นอน เกือบทุกคนมีอาการที่กล่าวมาบางอย่างเป็นครั้งคราว. แต่ถ้าอาการเหล่านี้ยืดเยื้อนานกว่าสองสามสัปดาห์ คุณน่าจะปรึกษาพ่อแม่เรื่องการไปพบแพทย์. แพทย์อาจช่วยวินิจฉัยได้ว่าความเศร้าของคุณเกิดจากโรคซึมเศร้าหรือไม่. *
หากคุณเป็นโรคซึมเศร้า ก็ไม่มีอะไรต้องอาย. ถ้าได้รับการรักษา หลายคนก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น หรืออาจรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาเป็นเวลานานแล้วด้วยซ้ำ! ดังนั้น ไม่ว่าความเศร้าของคุณจะเกิดจากโรคซึมเศร้าหรือไม่ ขอให้จำถ้อยคำที่บทเพลงสรรเสริญ 34:18 ไว้ที่ว่า “พระยะโฮวาทรงสถิตอยู่ใกล้ผู้ที่มีใจชอกช้ำ, และคนที่มีใจสุภาพพระองค์จะทรงช่วยให้รอด.”
ถ้าต้องการอ่านบทความชุด “หนุ่มสาวถามว่า” เพิ่มเติม ให้ดาวน์โหลดตื่นเถิด! ฉบับอื่น ๆ จากเว็บไซต์ www.pr418.com
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 3 บางชื่อในบทความนี้เป็นชื่อสมมุติ.
^ วรรค 23 เมื่อความเศร้ายืดเยื้อ วัยรุ่นบางคนคิดฆ่าตัวตาย. ถ้าคุณเคยคิดแบบนี้ ให้พูดกับผู้ใหญ่ที่คุณไว้ใจโดยไม่รอช้า.—ดูตื่นเถิด! เดือนพฤษภาคม 2008 หน้า 26-28
ข้อชวนคิด
• การหลั่งน้ำตามีประโยชน์ไหม?
“ดิฉันไม่ใช่คนร้องไห้ง่าย แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องร้องไห้เมื่อรู้สึกเศร้า. การร้องไห้อย่างเต็มที่เป็นเหมือนการกดปุ่มล้างโปรแกรม. ดิฉันเริ่มคิดอย่างมีเหตุมีผลและสามารถมองเห็นความสุขในอนาคต.”—ลีแอน
• คนอื่นจะช่วยคุณรับมือความเศร้าได้อย่างไร?
“เมื่อดิฉันเศร้า ดิฉันต้องหลีกเลี่ยงการปลีกตัวอยู่คนเดียว. จริงอยู่ ดิฉันอาจต้องอยู่คนเดียวบ้างเพื่อประมวลผลความคิดเสียใหม่ และอาจจะร้องไห้บ้าง. แต่หลังจากนั้น ดิฉันรู้ว่าต้องพบกับคนอื่น ๆ เพื่อให้ลืมเรื่องที่น่าเศร้า.”—คริสติน
[กรอบ/ภาพหน้า 21]
สิ่งที่คนรุ่นเดียวกับคุณพูด
“ปกติแล้ว ดิฉันจะรู้สึกเศร้าเมื่อคิดถึงตัวเองมากเกินไป. ดังนั้น เมื่อดิฉันช่วยคนอื่น ดิฉันก็จะไม่คิดถึงตัวเองและจึงกลับมีความสุขอีกครั้งหนึ่ง.”
“เมื่อดิฉันออกกำลังกายเป็นประจำ ดิฉันก็ไม่ค่อยมีอารมณ์เศร้ามากนัก เพราะดิฉันเริ่มรู้สึกดีกับตัวเอง. และพลังงานก็หมดไปกับการออกกำลังกาย จนดิฉันจะมัวแต่เศร้าอยู่ไม่ได้แล้ว!”
[ภาพ]
เดรเนลล์
รีเบกาห์
[ภาพหน้า 22]
ด้วยความช่วยเหลือและความบากบั่น คุณสามารถขึ้นมาจากบ่อลึกแห่งความเศร้าได้