ทัศนะของคัมภีร์ไบเบิล
เหตุใดพระเจ้าไม่กำจัดพญามาร?
หากคุณสามารถปลดเปลื้องความทุกข์ยากของผู้อื่น คุณจะทำไหม? เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์มักจะรีบไปช่วยผู้ประสบภัยธรรมชาติเพื่อช่วยชีวิตคนที่เขาไม่รู้จักเลย. ดังนั้น เราอาจถามว่า ‘ทำไมพระเจ้าไม่รีบกำจัดพญามาร เพราะมันเป็นตัวการก่อความทุกข์ลำบากมากมายแก่มนุษย์?’
เพื่อช่วยตอบคำถามนี้ คุณอาจนึกภาพการพิจารณาคดีสำคัญในศาล. ด้วยความที่อยากยับยั้งการพิจารณาคดีทุกวิถีทาง ฆาตกรอ้างว่าผู้พิพากษาดำเนินการอย่างไม่ซื่อตรงและถึงกับยืนยันว่าผู้พิพากษาติดสินบนคณะลูกขุน. ดังนั้น ศาลจึงอนุญาตให้พยานหลายคนขึ้นไปให้การ.
ผู้พิพากษาทราบดีว่าการพิจารณาอย่างครบถ้วนกระบวนความจะก่อความไม่สะดวกหลายอย่าง และเขาอยากให้คดีสิ้นสุดลงโดยไม่ชักช้า. กระนั้น เขาตระหนักว่าที่จะได้คำพิพากษาสำหรับใช้เป็นบรรทัดฐานหากเกิดกรณีคล้ายกันในภายภาคหน้า ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องมีเวลาพอเพื่อเสนอคำโต้แย้งของตน.
ที่จะได้คำพิพากษาสำหรับใช้เป็นบรรทัดฐานทางศีลธรรม ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องมีเวลาพอเพื่อเสนอคำโต้แย้งของตน
ตัวอย่างนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับการท้าทายของพญามาร—ซึ่งมีชื่ออีกว่า “พญานาค,” “งู,” และ “ซาตาน”—ที่ได้ท้าทายพระยะโฮวา “พระเจ้าใหญ่ยิ่งทรงครอบครองทั่วแผ่นดินโลก”? (วิวรณ์ 12:9; บทเพลงสรรเสริญ 83:18) จริง ๆ แล้วใครคือพญามาร? และมันกล่าวหาพระยะโฮวาพระเจ้าอย่างไร? นอกจากนั้น พระเจ้าจะกำจัดมันเมื่อไร?
จำเป็นต้องตั้งบรรทัดฐานทางศีลธรรม
เดิมที ผู้ที่กลายเป็นพญามารนั้นเคยเป็นกายวิญญาณที่สมบูรณ์ เป็นทูตสวรรค์ที่ได้รับใช้พระเจ้า. (โยบ 1:6, 7) มัน ทำตัวเองเป็นพญามารเมื่อมันเอาแต่คิดทะเยอทะยานอย่างเห็นแก่ตัว อยากได้รับการนมัสการจากมนุษย์. ดังนั้น มันจึงท้าทายสิทธิการปกครองของพระเจ้า โดยพูดเป็นนัยว่ามนุษย์ไม่ควรเชื่อฟังพระเจ้า. มันกล่าวหาว่ามนุษย์ปรนนิบัติพระเจ้าก็ต่อเมื่อได้รับพระพรเป็นสินบนจากพระเจ้า. ซาตานอ้างว่าถ้าลำบาก มนุษย์ทุกคนจะ “แช่ง” พระผู้สร้างของตน.—โยบ 1:8-11; 2:4, 5, ฉบับแปลใหม่
ข้อกล่าวหาของซาตานเช่นนั้นจะตอบโดยใช้กำลังเพียงอย่างเดียวย่อมไม่ได้. ที่จริง การทำลายพญามารทันทีอาจทำให้บางคนเข้าใจว่าพญามารเป็นฝ่ายถูก. ฉะนั้น พระเจ้าผู้ทรงอำนาจสูงสุดจึงเริ่มต้นกระบวนการตามกฎหมายเพื่อยุติประเด็นนี้ในความคิดของทุกคนที่กำลังเฝ้าดู.
เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการและความยุติธรรมที่สมบูรณ์พร้อมของพระองค์ พระยะโฮวาพระเจ้าได้ระบุว่าแต่ละฝ่ายจะหาพยานซึ่งให้การสนับสนุนฝ่ายของตัวเองในประเด็นที่ขัดแย้งกันนั้น. การปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานี้เป็นโอกาสสำหรับลูกหลานของอาดามที่จะดำรงชีวิตอยู่และเพิ่มคำให้การสนับสนุนฝ่ายพระเจ้า โดยเลือกจะรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงต่อพระองค์เนื่องด้วยความรักแม้จะเผชิญความลำบากใด ๆ.
อีกนานเท่าไร
พระยะโฮวาพระเจ้าทรงทราบเป็นอย่างดีว่า ขณะที่กระบวนการทางกฎหมายยังดำเนินอยู่ มนุษย์จะลำบากอยู่เรื่อย ๆ. แต่พระองค์ทรงตั้งพระทัยจะปิดคดีนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้. คัมภีร์ไบเบิลพรรณนาถึงพระองค์ว่า “พระบิดาแห่งความเมตตากรุณาและเป็นพระเจ้าแห่งการชูใจทุกอย่าง.” (2 โครินท์ 1:3) เห็นได้ชัดว่า “พระเจ้าแห่งการชูใจทุกอย่าง” จะไม่ยอมให้พญามารมีชีวิตอยู่นานเกินกว่าที่จำเป็น ทั้งพระองค์จะไม่ยอมให้ผลกระทบจากอิทธิพลของมันมีอยู่ต่อไป. ในอีกด้านหนึ่ง พระเจ้าจะไม่กำจัดพญามารก่อนเวลาอันควร โดยที่คดียังไม่สิ้นสุด.
เมื่อจัดการประเด็นนี้เรียบร้อยแล้ว สิทธิการปกครองของพระยะโฮวาจะได้รับการพิสูจน์อย่างครบถ้วนว่าถูกต้อง. คดีทางกฎหมายเกี่ยวกับซาตานจะเป็นบรรทัดฐานตลอดกาล. หากการท้าทายทำนองนี้เกิดขึ้นอีก ก็จะได้ชี้ไปที่กรณีของซาตานว่าเป็นคดีตัวอย่างซึ่งจะไม่ต้องเกิดขึ้นซ้ำอีก.
เมื่อถึงเวลากำหนด พระยะโฮวาพระเจ้าจะทรงบัญชาพระบุตรที่ถูกปลุกให้คืนพระชนม์เพื่อกำจัดพญามารและลบล้างการงานทุกอย่างของมัน. คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงเวลาเมื่อพระคริสต์ “มอบราชอาณาจักรแด่พระเจ้า ผู้เป็นพระเจ้าและพระบิดาของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงทำลายการปกครองทุกแบบ อีกทั้งผู้มีอำนาจและผู้มีฤทธิ์ทั้งปวงแล้ว. เพราะพระองค์ต้องเป็นกษัตริย์ปกครองอยู่จนกว่าพระเจ้าจะทรงปราบศัตรูทั้งสิ้นให้อยู่ใต้พระบาทพระองค์. ศัตรูตัวสุดท้ายที่พระองค์จะทรงทำลายคือความตาย.”—1 โครินท์ 15:24-26
น่ายินดี คัมภีร์ไบเบิลสัญญาว่าสภาพที่เป็นเหมือนอุทยานจะมีอยู่ทั่วโลก. มนุษย์จะดำรงชีวิตในอุทยานที่สงบสุขตามพระประสงค์แรกเดิมของพระเจ้า. “คนทั้งหลายที่มีใจถ่อมลงจะได้แผ่นดินเป็นมฤดก, และเขาจะชื่นชมยินดีด้วยความสงบสุขอันบริบูรณ์.” แน่นอน “คนสัตย์ธรรมจะได้แผ่นดินเป็นมฤดก, และจะอาศัยอยู่ที่นั่นต่อไปเป็นนิตย์.”—บทเพลงสรรเสริญ 37:11, 29
ขอพิจารณาความหวังอันยิ่งใหญ่สำหรับผู้รับใช้ของพระเจ้าดังที่พรรณนาไว้ในคัมภีร์ไบเบิล: “ดูเถิด! พลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์และพระองค์จะสถิตกับพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชาชนของพระองค์. พระเจ้าจะทรงอยู่กับพวกเขา. พระองค์จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาพวกเขา ความตายจะไม่มีอีกเลย ความโศกเศร้าหรือเสียงร้องไห้เสียใจหรือความเจ็บปวดจะไม่มีอีกเลย. สิ่งที่เคยมีอยู่นั้นผ่านพ้นไปแล้ว.”—วิวรณ์ 21:3, 4