คำแนะนำสำหรับครอบครัว | หนุ่มสาว
วิธีรับมือกับความเหงา
ปัญหา
“ฉันมีเพื่อนผู้หญิงสองคนที่มักจะทำอะไรหลายอย่างด้วยกันโดยไม่ชวนฉัน ฉันได้ยินว่าพวกเขาชอบไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด มีครั้งหนึ่งฉันโทรไปที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง เมื่อมีคนมารับสายฉันก็ได้ยินเสียงเพื่อนสองคนนั้นกำลังคุยกัน หัวเราะกัน พอฉันได้ยิน เสียงพวกเขาคุยกันอย่างสนุกสนานโดยที่ฉันไม่ได้ร่วมวงด้วย มันทำให้ฉันยิ่งเหงามากขึ้น ไปอีก”—มาเรีย *
คุณเคยเหงาและรู้สึกว่าตัวเองถูกมองข้ามไหม? ถ้าเคย คัมภีร์ไบเบิลมีคำแนะนำที่ช่วยคุณได้ แต่ก่อนอื่นขอเรามาพิจารณาบางสิ่งที่เราควรรู้เกี่ยวกับความเหงา
สิ่งที่คุณควรรู้
ใคร ๆ ก็เหงาได้ แม้แต่คนที่เด่นดังในสังคมก็รู้สึกเหงาเหมือนกัน ทำไมล่ะ? เพราะบ่อยครั้งความเหงาไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณของเพื่อน แต่ขึ้นอยู่กับความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างเรากับเพื่อน บางคนที่เด่นดังในสังคมมักมีผู้คนอยู่รายล้อมพวกเขาแต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังรู้สึกเหงาเพราะจริง ๆ แล้วไม่มีเพื่อนแท้
ความเหงาเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จากผลงานวิจัย 148 ครั้ง นักวิจัยสรุปว่าคนที่ไม่ค่อยติดต่อพูดคุยกับคนอื่นมีแนวโน้มจะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ซึ่งมีความเสี่ยงพอ ๆ กับ “คนที่สูบบุหรี่ 15 มวนต่อวัน” และ “ยังมีความเสี่ยงมากกว่าคนที่เป็นโรคอ้วนถึงสองเท่า”
ความเหงาอาจนำไปสู่ปัญหา ที่จริง พอคุณเหงาคุณอาจต้องการเพื่อนโดยไม่สนใจว่าจะเป็นใคร ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่ออลันบอกว่า “เมื่อคุณเหงา คุณก็อยากให้ใครสักคนมาสนใจ และอาจเริ่มคิดว่าขอแค่มีใครสักคน มาสนใจก็ดีกว่าไม่มี ใครเลย การคิดแบบนี้จะนำไปสู่ปัญหา”
เทคโนโลยีไม่ได้ช่วยให้คลายเหงา หญิงสาวคนหนึ่งชื่อนาตาลีบอกว่า “แม้วัน ๆ ฉันจะส่งข้อความหรืออีเมลไปหาคนนับร้อย แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันก็ยังเหงา” วัยรุ่นคนหนึ่งชื่อไทเลอร์บอกว่า “การส่งข้อความหากันเป็นเหมือนขนมกินเล่น ส่วนการพบปะคุยกันเป็นเหมือนอาหารหลัก ขนมกินเล่นก็อร่อยดี แต่เพื่อจะอิ่มด้วยมีความสุขด้วยก็ต้องกินอาหารหลัก”
สิ่งที่คุณทำได้
คิดบวกเข้าไว้ อย่างเช่น สมมุติว่าคุณเข้าเว็บไซต์แชร์รูปภาพเว็บหนึ่งและเห็นรูปเพื่อน ๆ สังสรรค์กันแต่เขาไม่ได้เชิญคุณ ในตอนนั้นคุณคิดได้สองอย่าง อย่างแรกคุณอาจคิดลบว่าพวกเขาตั้งใจไม่ชวนคุณ หรืออย่างที่สองคือคิดบวก ในเมื่อคุณไม่รู้เหตุผลทั้งหมด ทำไมถึงคิดในแง่ลบล่ะ? แทนที่จะคิดลบ ให้คิดบวกว่าเขาน่าจะมีเหตุผลที่ดี บางอย่างที่เขาไม่ชวนคุณ ที่แท้แล้ว สิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ทำให้คุณเหงาแต่วิธีคิด ของคุณต่างหากที่ทำให้คุณเหงา—คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล: สุภาษิต 15:15
อย่าคิดเกินจริง เมื่อคุณเหงา คุณอาจคิดว่า ‘ไม่มี ใครชวนฉันไปไหนเลย’ หรือ ‘ไม่มีใครเลย ที่อยากคุยกับฉัน’ การคิดเกินจริงแบบนี้มีแต่จะทำให้คุณเหงามากกว่าเดิมและตกเข้าสู่วังวนของความเหงาคือ รู้สึกว่าไม่มีใครอยากคบ คุณก็เลยแยกตัวอยู่ต่างหาก แล้วคุณก็เหงา แล้วก็วนกลับไปหาความรู้สึกที่ว่าไม่มีใครอยากคบอีก—คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล: สุภาษิต 18:1
พร้อมที่จะเป็นเพื่อนกับคนที่อายุมากกว่า คัมภีร์ไบเบิลเล่าว่าตอนที่ดาวิดเป็นวัยรุ่น เขาได้รู้จักกับโยนาธานที่อายุมากกว่าเขาถึง 30 ปี และถึงอายุจะต่างกัน ดาวิดกับโยนาธานก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน (1 ซามูเอล 18:1) เรื่องแบบเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับคุณได้เช่นกัน คีอาราอายุ 21 ปี บอกว่า “ฉันเพิ่งเห็นว่าการมีเพื่อนที่อายุมากกว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เพื่อนรักบางคนอายุมากกว่าฉันหลายสิบปี ฉันชอบที่พวกเขามีมุมมองแบบผู้ใหญ่และหนักแน่นมั่นคง”—คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล: โยบ 12:12
อยู่คนเดียวก็มีความสุขได้ บางคนพออยู่คนเดียวก็เหงาทันที แต่คุณไม่จำเป็นต้องเหงาเสมอไปเมื่ออยู่คนเดียว เช่นพระเยซู ท่านใช้เวลาอยู่กับคนอื่นบ่อย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็เห็นว่าบางครั้งการอยู่คนเดียวก็มีประโยชน์ (มัดธาย 14:23; มาระโก 1:35) คุณก็ทำอย่างนั้นได้เช่นกัน แทนที่จะคิดว่าอยู่คนเดียวแล้วเหงา คุณลองใช้เวลานั้นคิดถึงสิ่งดี ๆ ที่คุณได้รับ การทำอย่างนี้จะทำให้คุณเป็นที่รักของเพื่อน ๆ มากขึ้น—สุภาษิต 13:20
^ วรรค 4 บางชื่อในบทความนี้เป็นชื่อสมมุติ