คำแนะนำสำหรับครอบครัว | การเลี้ยงลูก
สอนลูกให้เชื่อฟัง
ปัญหา
คุณต้องตามใจลูกวัย 4 ขวบเสมอ ไม่ว่าเขาอยากได้อะไรหรืออยากทำอะไร
-
เวลาคุณบอกลูกให้ทำบางอย่างที่เขาไม่อยากทำ เขาก็เฉยไม่ยอมทำตาม *
-
เมื่อคุณห้าม ลูกไม่ให้ทำบางอย่างที่เขาอยาก ทำ เขาก็อาละวาดใส่คุณ
คุณอาจคิดว่า ‘เด็กวัยนี้ก็เป็นแบบนี้แหละ เดี๋ยวโตขึ้นก็จะดีเอง’
คุณสอนลูกให้เชื่อฟังได้ แต่ก่อนที่เราจะพิจารณาว่าจะสอนอย่างไร ให้เรามาดูว่าทำไมเด็กบางคนถึงไม่เชื่อฟัง
สาเหตุของปัญหา
ตอนที่ลูกเกิดมา คุณต้องคอยดูแลเอาใจใส่ลูกและประคบประหงมเขา เมื่อลูกร้องคุณก็จะรีบวิ่งไปและทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกหยุดร้อง แน่นอนว่า การทำแบบนี้เป็นเรื่องเหมาะสมและจำเป็นเพราะเด็กทารกจำเป็นต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจากพ่อแม่
หลังจากที่ได้รับการดูแลอย่างดีเป็นเวลาหลายเดือนจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กจะทำตัวเป็นเจ้านายในบ้าน ส่วนพ่อแม่ก็เป็นคนรับใช้ที่ต้องทำตามคำสั่ง แต่พออายุ 2 ขวบ เด็กไม่ค่อยจะยอมรับว่าตอนนี้เขาไม่ใช่ “เจ้านาย” อีกต่อไป พ่อแม่ไม่ตามใจเขา แล้ว ไม่ใช่แค่นั้นพ่อแม่ต้องการให้ลูก ทำตามที่พวกเขา บอกด้วย เรื่องนี้ทำให้เด็กงง บางคนถึงกับอาละวาด ส่วนบางคนก็อยากลองดูว่าพ่อแม่มีอำนาจจริงหรือไม่โดยการไม่เชื่อฟัง
ในช่วงนี้ พ่อแม่จำเป็นต้องรับบทบาทใหม่ นั่นก็คือผู้มีอำนาจที่จะสั่งลูกให้ทำตาม แต่ถ้าลูกไม่สนใจหรือไม่ยอมรับอำนาจเหมือนตัวอย่างในตอนต้น พ่อแม่ควรทำอย่างไร?
สิ่งที่คุณทำได้
ต้องเป็นผู้นำ ลูกจะไม่ยอมรับว่าคุณเป็นผู้นำถ้าบทบาทของคุณไม่ชัดเจน ดังนั้น คุณต้องใช้อำนาจอย่างสมดุล ในช่วงไม่กี่สิบปีมานี้ บางคนที่อ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทำให้คำว่า “อำนาจ” ดูเป็นเรื่องโหดร้าย มีคนหนึ่งถึงกับพูดเรื่องการใช้อำนาจของพ่อแม่ว่า “ผิดจรรยาบรรณ” และ “ผิดทำนองคลองธรรม” แต่จริง ๆ แล้ว การตามใจลูกมากเกินไปจะทำให้เด็กไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด เอาแต่ใจ และคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เหนือคนอื่น การทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยฝึกลูกให้โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบเลย—หลักการในคัมภีร์ไบเบิล: สุภาษิต 29:15
ต้องอบรมสั่งสอน พจนานุกรมเล่มหนึ่งอธิบายว่าการอบรมสั่งสอนเป็น “การฝึกอบรมเพื่อให้เกิดการเชื่อฟังหรือการควบคุมอารมณ์ รวมถึงการตั้งกฎและลงโทษถ้าไม่เชื่อฟัง” จริงอยู่ที่การอบรมสั่งสอนไม่ควรจะเป็นแบบไร้เหตุผลหรือพูดแรง ๆ แต่ก็ไม่ใช่สอนแบบคลุมเครือหรือมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะจะทำให้เด็กไม่อยากปรับปรุงตัว—หลักการในคัมภีร์ไบเบิล: สุภาษิต 23:13
ต้องชัดเจน พ่อแม่บางคนเพียงแค่ขอ ให้ลูกเชื่อฟังพวกเขา (“ลูกช่วยทำความสะอาดห้องของลูกหน่อยได้ไหม?”) พวกเขาอาจคิดว่าการทำแบบนี้เป็นการแสดงมารยาทที่ดี แต่การทำแบบนี้จะทำให้อำนาจของพ่อแม่ลดลง ทำให้เด็กคิดว่าเป็นแค่คำขอ จะทำหรือไม่ทำก็ได้ แทนที่จะขอให้ลูกทำ พ่อแม่ต้องสั่งอย่างชัดเจน—หลักการในคัมภีร์ไบเบิล: 1 โครินท์ 14:9
ต้องเด็ดเดี่ยว ถ้าคุณบอกว่าไม่ ก็ต้องเป็นไปตามนั้น พ่อแม่ต้องตกลงและเห็นพ้องกันในเรื่องนี้ ถ้าคุณบอกลูกแล้วว่าคุณจะลงโทษลูกอย่างไรเมื่อเขาทำผิดก็ให้ทำตามนั้น อย่ามัวเสียเวลากับการต่อรองหรืออธิบายว่าทำไม คุณทำแบบนั้น นี่จะช่วยให้ง่ายขึ้นทั้งคุณและลูก ถ้าคุณ “ให้คำว่า ‘ใช่’ หมายความว่าใช่และ ‘ไม่’ หมายความว่าไม่”—หลักการในคัมภีร์ไบเบิล: ยาโกโบ 5:12
ต้องแสดงความรัก ครอบครัวไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตยหรือแบบเผด็จการ พระเจ้าต้องการให้พ่อแม่สอนลูกด้วยความรักเพื่อเขาจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ และส่วนหนึ่งของขั้นตอนที่จะช่วยให้เป็นอย่างนั้นได้ ก็คือการอบรมสั่งสอนซึ่งจะช่วยลูกให้เชื่อฟังและทำให้ลูกมั่นใจว่าคุณรักเขา
^ วรรค 5 คำแนะนำในบทความนี้ใช้ได้กับทั้งลูกชายและลูกสาว