ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ชนคริสเตียนรุ่นแรกและโลก

ชนคริสเตียนรุ่นแรกและโลก

ชน​คริสเตียน​รุ่น​แรก​และ​โลก

ราว ๆ สอง​พัน​ปี​มา​แล้ว เหตุ​การณ์​อัน​น่า​พิศวง​ได้​เกิด​ขึ้น​ใน​ตะวัน​ออก​กลาง. พระเจ้า​ทรง​ส่ง​พระ​บุตร​ผู้​ได้​รับ​กำเนิด​องค์​เดียว​ของ​พระองค์​จาก​สถาน​ที่​ประทับ​ฝ่าย​สวรรค์​เพื่อ​ดำรง​ชีวิต​อยู่​ชั่ว​ระยะ​เวลา​สั้น ๆ ใน​โลก​แห่ง​มนุษยชาติ. มนุษยชาติ​ส่วน​ใหญ่​ตอบรับ​อย่าง​ไร? อัครสาวก​โยฮัน​ตอบ​ว่า “พระองค์ [พระ​เยซู] ทรง​อยู่​ใน​โลก และ​โลก​ได้​บังเกิด​มา​โดย​พระองค์ แต่​โลก​หา​ได้​รู้​จัก​พระองค์​ไม่. พระองค์​ได้​เสด็จ​มา​ยัง​บ้าน​เมือง [ยิศราเอล] ของ​พระองค์ แต่​ชน​ร่วม​ชาติ​ไม่​ได้​ต้อนรับ​พระองค์.”—โยฮัน 1:10, 11, ล.ม.

โลก​มิ​ได้​ยอม​รับ​พระ​เยซู พระ​บุตร​ของ​พระเจ้า​ที​เดียว. ทำไม​จึง​ไม่​ยอม​รับ? พระ​เยซู​ทรง​อธิบาย​เหตุ​ผล​ประการ​หนึ่ง​เมื่อ​พระองค์​ตรัส​ว่า “โลก . . . ชัง​เรา เพราะ​เรา​เป็น​พยาน​ถึง​การ​ของ​โลก​ว่า​เป็น​การ​ชั่ว.” (โยฮัน 7:7) ใน​ที่​สุด โลก​เดียว​กัน​นี้—ที่​มี​หัวหน้า​ศาสนา​ชาว​ยิว​บาง​คน, กษัตริย์​ชาว​อะโดม, และ​นัก​การ​เมือง​ชาติ​โรมัน​เป็น​ตัว​แทน​นั้น—ได้​สั่ง​ประหาร​ชีวิต​พระ​เยซู. (ลูกา 22:66–23:25; กิจการ 3:14, 15; 4:24-28) จะ​ว่า​อย่าง​ไร​เกี่ยวกับ​พวก​สาวก​ของ​พระ​เยซู? โลก​พร้อม​จะ​ยอม​รับ​พวก​เขา​ไหม? ไม่. ก่อน​การ​วาย​พระ​ชนม์​ของ​พระองค์​ไม่​นาน พระ​เยซู​ทรง​เตือน​พวก​เขา​ว่า “ถ้า​เจ้า​ทั้ง​หลาย​เป็น​ส่วน​ของ​โลก โลก​ก็​จะ​รัก​ซึ่ง​เป็น​ของ​โลก​เอง. บัด​นี้​เพราะ​เจ้า​มิ​ได้​เป็น​ส่วน​ของ​โลก แต่​เรา​ได้​เลือก​เจ้า​ออก​จาก​โลก ด้วย​เหตุ​นี้​โลก​จึง​เกลียด​ชัง​เจ้า.”—โยฮัน 15:19, ล.ม.

ใน​สมัย​ของ​พวก​อัครสาวก

คำ​ตรัส​ของ​พระ​เยซู​ปรากฏ​ว่า​เป็น​จริง. เพียง​ไม่​กี่​สัปดาห์​หลัง​จาก​การ​วาย​พระ​ชนม์​ของ​พระองค์ พวก​อัครสาวก​ของ​พระองค์​ถูก​จับ​กุม, ข่มขู่, และ​ถูก​เฆี่ยน​ตี. (กิจการ 4:1-3; 5:17, 18, 40) หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน ซะเตฟาโน​ผู้​กระตือรือร้น​ได้​ถูก​ลาก​ไป​ต่อ​หน้า​ศาล​ซันเฮดริน​ของ​พวก​ยิว และ​ต่อ​จาก​นั้น​ถูก​หิน​ขว้าง​จน​ถึง​แก่​ความ​ตาย. (กิจการ 6:8-12; 7:54, 57, 58) ต่อ​มา อัครสาวก​ยาโกโบ​ถูก​ประหาร​ชีวิต​โดย​กษัตริย์​เฮโรด อะฆะริปา​ที่ 1. (กิจการ 12:1, 2) ระหว่าง​การ​เดิน​ทาง​เป็น​มิชชันนารี​ของ​ท่าน เปาโล​ถูก​ข่มเหง​เนื่อง​ด้วย​การ​ปลุกปั่น​ยุยง​ของ​พวก​ยิว​ที่​กระจาย​อยู่​ใน​ต่าง​แดน.—กิจการ 13:50; 14:2, 19.

คริสเตียน​รุ่น​แรก​ตอบรับ​การ​ต่อ​ต้าน​ดัง​กล่าว​นั้น​อย่าง​ไร? ใน​สมัย​ต้น ๆ เมื่อ​ผู้​มี​อำนาจ​ทาง​ศาสนา​ห้าม​อัครสาวก​มิ​ให้​ประกาศ​ใน​นาม​ของ​พระ​เยซู พวก​อัครสาวก​ได้​แถลง​ว่า “พวก​ข้าพเจ้า​จำ​ต้อง​เชื่อ​ฟัง​พระเจ้า​ใน​ฐานะ​เป็น​ผู้​ครอบครอง​ยิ่ง​กว่า​มนุษย์.” (กิจการ 4:19, 20; 5:29, ล.ม.) ข้อ​นี้​ยัง​เป็น​เจตคติ​ของ​พวก​เขา​อยู่​เรื่อย​ไป​เมื่อ​ไร​ก็​ตาม​ที่​เกิด​การ​ต่อ​ต้าน​ขึ้น. ถึง​อย่าง​ไร​ก็​ตาม อัครสาวก​เปาโล​ได้​แนะ​นำ​คริสเตียน​ใน​กรุง​โรม​ให้ “ยอม​อยู่​ใต้​อำนาจ [ทาง​ด้าน​การ​ปกครอง] ที่​สูง​กว่า.” ท่าน​ยัง​ได้​แนะ​นำ​พวก​เขา​ด้วย​ว่า “เหตุ​การณ์​ซึ่ง​เกี่ยว​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย, หาก​ท่าน​จัด​ได้ จง​กระทำ​ตน​ให้​เป็น​ที่​สงบ​สุข​แก่​คน​ทั้ง​ปวง.” (โรม 12:18; 13:1, ล.ม.) เนื่อง​จาก​เหตุ​นี้ คริสเตียน​รุ่น​แรก​ต้อง​บรรลุ​ถึง​ความ​สมดุล​ที่​ยาก​ลำบาก. พวก​เขา​เชื่อ​ฟัง​พระเจ้า​ฐานะ​ผู้​ครอบครอง​อันดับ​แรก​ของ​เขา. ขณะ​เดียว​กัน พวก​เขา​ยอม​อยู่​ใต้​ผู้​มี​อำนาจ​ของ​ประเทศ​ชาติ​และ​พยายาม​จะ​ดำเนิน​ชีวิต​อย่าง​สงบ​สุข​กับ​คน​ทั้ง​ปวง.

ชน​คริสเตียน​ใน​โลก​โรมัน

ย้อน​หลัง​ไป​ใน​โลก​แห่ง​จักรวรรดิ​โรมัน​ศตวรรษ​แรก คริสเตียน​ได้​รับ​ประโยชน์​อย่าง​ไม่​ต้อง​สงสัย​จาก พักซ์ โรมานา หรือ​สันติภาพ​ของ​โรม ที่​ธำรง​รักษา​ไว้​โดย​กอง​ทหาร​โรมัน. การ​ปกครอง​ที่​มั่นคง​ด้วย​กฎหมาย​และ​ระเบียบ, ถนน​หน​ทาง​ที่​ดี, และ​การ​เดิน​ทาง​ทาง​ทะเล​ที่​ค่อนข้าง​จะ​ปลอด​ภัย ได้​ทำ​ให้​มี​สภาพ​ที่​เอื้ออำนวย​ต่อ​การ​แผ่​ขยาย​ศาสนา​คริสเตียน. ชน​คริสเตียน​รุ่น​แรก​ดู​เหมือน​จะ​สำนึก​ถึง​การ​ที่​เขา​เป็น​หนี้​สังคม และ​เอา​ใจ​ใส่​ฟัง​คำ​สั่ง​ของ​พระ​เยซู​ที่​ว่า “ของ ๆ กายะซา จง​ถวาย​แก่​กายะซา.” (มาระโก 12:17) เมื่อ​เขียน​จดหมาย​ถึง​แอนโทนินุส ปิอุส จักรพรรดิ​โรมัน (ปี​สากล​ศักราช 138-161) จัสติน มาเทอร์​ได้​อ้าง​ว่า​พวก​คริสเตียน​ชำระ​ภาษี​ของ​เขา “ด้วย​ความ​เต็ม​ใจ​ยิ่ง​กว่า​คน​ทั้ง​ปวง.” (หนังสือ​การ​ขอ​ขมา​ครั้ง​แรก, [ภาษา​อังกฤษ] บท 17) ใน​ปี​สากล​ศักราช 197 เทอร์ทูลเลียน​ได้​แจ้ง​แก่​ผู้​ครอบครอง​ชาติ​โรมัน​ว่า​ผู้​เก็บ​ภาษี​ของ​พวก​เขา “เป็น​หนี้​บุญคุณ​ชน​คริสเตียน” เนื่อง​ด้วย​พวก​เขา​เสีย​ภาษี​ตาม​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ. (หนังสือ​การ​ขอ​ขมา, บท 42) นี้​เป็น​วิธี​หนึ่ง​ที่​พวก​เขา​ดำเนิน​ตาม​คำ​แนะ​นำ​ของ​เปาโล​ที่​ว่า​พวก​เขา​ควร​ยอม​อยู่​ใต้​ผู้​มี​อำนาจ​ที่​สูง​กว่า.

ยิ่ง​กว่า​นั้น เท่า​ที่​หลักการ​คริสเตียน​ของ​พวก​เขา​อนุญาต​ให้ ชน​คริสเตียน​รุ่น​แรก​พยายาม​จะ​ดำเนิน​ชีวิต​อย่าง​สงบ​สุข​กับ​เพื่อน​บ้าน. แต่​นี้​ไม่​ใช่​เรื่อง​ง่าย. โลก​รอบ ๆ ตัว​เขา​ดำเนิน​ชีวิต​อย่าง​ผิด​ศีลธรรม​เป็น​ส่วน​ใหญ่​และ​จมปลัก​อยู่​ใน​การ​บูชา​รูป​เคารพ​ของ​กรีก-โรมัน ซึ่ง​ไม่​นาน​การ​นมัสการ​จักรพรรดิ​ได้​ถูก​เพิ่ม​เข้า​ไป​ด้วย. ศาสนา​แบบ​นอก​รีต​ของ​โรม​โดย​เนื้อ​แท้​แล้ว​เป็น​ศาสนา​ประจำ​รัฐ ดัง​นั้น การ​ปฏิเสธ​ใด ๆ ต่อ​การ​ปฏิบัติ​ศาสนา​นั้น​อาจ​ถูก​ถือ​ว่า​เป็น​ปฏิปักษ์​ต่อ​รัฐ​ได้. ผล​ต่อ​คริสเตียน​เป็น​อย่าง​ไร?

อี. จี. ฮาร์ดี ศาสตราจารย์​มหาวิทยาลัย​ออกซ์ฟอร์ดได้​เขียน​ว่า “เทอร์ทูลเลียน​แจก​แจง​หลาย​สิ่ง​ซึ่ง​เป็น​ไป​ไม่​ได้​สำหรับ​คริสเตียน​ที่​ได้​รับ​การ​ชี้​นำ​จาก​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ ว่า​เป็น​การ​พัวพัน​กับ​การ​บูชา​รูป​เคารพ: เป็น​ต้น​ว่า คำ​สาบาน​ตาม​ปกติ​ใน​ข้อ​สัญญา​ต่าง ๆ, ไฟ​ประดับ​ที่​ประตู​ใน​เทศกาล​ฉลอง​ต่าง ๆ, พิธีรีตอง​ทาง​ศาสนา​นอก​รีต​ทุก​รูป​แบบ, การ​ละ​เล่น​ต่าง ๆ และ​การ​แสดง​ละคร, อาชีพ​การ​สอน​วรรณคดี​นอก​รีต​อัน​เลื่อง​ลือ, การ​เป็น​ทหาร, ตำแหน่ง​ทาง​ราชการ.”—หนังสือ​ศาสนา​คริสเตียน​และ​รัฐบาล​โรมัน (ภาษา​อังกฤษ).

ถูก​แล้ว เป็น​เรื่อง​ยาก​ที่​จะ​ดำรง​ชีวิต​อยู่​ใน​โลก​โรมัน​โดย​ปราศจาก​การ​ทรยศ​ต่อ​ความ​เชื่อ​แบบ​คริสเตียน. เอ. อะมาง นัก​ประพันธ์​คาทอลิก​ชาว​ฝรั่งเศส​เขียน​ว่า “เป็น​ไป​ไม่​ได้​ที่​จะ​ทำ​สิ่ง​ใด​สิ่ง​หนึ่ง​โดย​ไม่​เผชิญ​กับ​พระเจ้า​องค์​ใด​องค์​หนึ่ง. จุด​ยืน​ของ​คริสเตียน​นำ​ปัญหา​มา​ให้​เขา​ทุก​วัน เขา​ดำรง​ชีวิต​อยู่​ภาย​นอก​กระแส​นิยม​ของ​สังคม . . . เขา​เผชิญ​ปัญหา​ซ้ำ​อีก​ใน​บ้าน, ตาม​ถนน, ที่​ตลาด . . . ใน​ถนน ไม่​ว่า​เป็น​พลเมือง​ชาติ​โรมัน​หรือ​ไม่​ก็​ตาม คริสเตียน​ควร​เปิด​หมวก​ของ​ตน​เมื่อ​ผ่าน​วิหาร​หรือ​รูป​ปั้น. เขา​จะ​ละ​เว้น​จาก​การ​กระทำ​เช่น​นั้น​โดย​ไม่​ก่อ​ให้​เกิด​ความ​สงสัย​ได้​อย่าง​ไร กระนั้น เขา​จะ​ทำ​ตาม​โดย​ไม่​กระทำ​การ​ที่​แสดง​ความ​จงรักภักดี​ได้​โดย​วิธี​ใด? หาก​เขา​อยู่​ใน​วง​ธุรกิจ​และ​จำเป็น​ต้อง​ยืม​เงิน เขา​ต้อง​สาบาน​ต่อ​ผู้​ให้​ยืม​เงิน​ใน​นาม​ของ​พระเจ้า​ต่าง ๆ . . . . หาก​เขา​ยอม​รับ​ตำแหน่ง​ทาง​ราชการ เขา​ถูก​คาด​หมาย​ให้​ถวาย​เครื่อง​บูชา. หาก​ถูก​เกณฑ์​ทหาร เขา​จะ​หลีก​เลี่ยง​การ​กล่าว​ปฏิญาณ​และ​เข้า​ส่วน​ใน​พิธี​ของ​การ​เป็น​ทหาร​ได้​อย่าง​ไร?”—ชีวิต​ประจำ​วัน​ใน​ท่ามกลาง​ชน​คริสเตียน​รุ่น​แรก, สากล​ศักราช 95-197, ภาษา​ฝรั่งเศส.

พลเมือง​ดี ทว่า​ถูก​ใส่​ร้าย​ป้าย​สี

ราว ๆ ปี​สากล​ศักราช 60 หรือ 61 เมื่อ​เปาโล​อยู่​ใน​กรุง​โรม​คอย​การ​พิจารณา​คดี​โดย​จักรพรรดิ​เนโร​อยู่​นั้น ชาว​ยิว​คน​สำคัญ ๆ ได้​กล่าว​เกี่ยว​กับ​ชน​คริสเตียน​รุ่น​แรก​ว่า “ข้าพเจ้า​ทั้ง​หลาย​ทราบ​ว่า​พวก​ที่​ถือ​ลัทธิ​นี้​ก็​ถูก​ติเตียน​ทุก​แห่ง.” (กิจการ 28:22) บันทึก​ทาง​ประวัติศาสตร์​ยืน​ยัน​ว่า​คริสเตียน​ถูก​ติเตียน—แต่​ถูก​ติเตียน​อย่าง​ไม่​เป็น​ธรรม. ใน​หนังสือ​ความ​เจริญ​รุ่งเรือง​ของ​ศาสนา​คริสเตียน อี. ดับเบิลยู. บาร์นส์ บรรยาย​ว่า “ใน​เอกสาร​ที่​เชื่อถือ​ได้​ตอน​ต้น ๆ นั้น ขบวนการ​คริสเตียน​ได้​รับ​การ​พรรณนา​ว่า​โดย​เนื้อ​แท้​แล้ว​มี​ศีลธรรม​และ​รักษา​กฎหมาย. สมาชิก​ของ​ขบวนการ​นั้น​ปรารถนา​จะ​เป็น​พลเมือง​ดี​และ​ประชากร​ผู้​จงรักภักดี. พวก​เขา​หลีก​เลี่ยง​ข้อ​บกพร่อง​และ​ความ​เสื่อม​ทราม​ของ​ลัทธิ​นอก​รีต. ใน​ชีวิต​ส่วน​ตัว​พวก​เขา​พยายาม​จะ​เป็น​เพื่อน​บ้าน​ที่​รัก​สันติ​และ​เป็น​เพื่อน​ที่​ไว้​ใจ​ได้. พวก​เขา​ถูก​สอน​ให้​เป็น​คน​เอา​จริง​เอา​จัง​และ​รู้​จัก​ประมาณ​ตน, ขยัน​ขันแข็ง​และ​ดำเนิน​ชีวิต​อย่าง​สะอาด. ใน​ท่ามกลาง​ความ​ทุจริต​เสื่อม​ทราม​และ​การ​ไม่​คำนึง​ถึง​กฎเกณฑ์​ที่​ดาษ​ดื่น​นั้น​พวก​เขา​ซื่อ​สัตย์​และ​พูด​ความ​จริง หาก​เขา​ยึด​มั่น​กับ​หลักการ​ของ​พวก​เขา. มาตรฐาน​ทาง​เพศ​ของ​พวก​เขา​นั้น​สูง: ความ​สัมพันธ์​ด้าน​การ​สมรส​ได้​รับ​ความ​นับถือ​และ​ชีวิต​ครอบครัว​เป็น​เรื่อง​บริสุทธิ์. คน​เรา​อาจ​คิด​ว่า พร้อม​ด้วย​คุณธรรม​ดัง​กล่าว​พวก​เขา​ไม่​น่า​เป็น​พลเมือง​ที่​ก่อ​ความ​ยุ่งยาก. กระนั้น พวก​เขา​ก็​ถูก​เหยียด​หยาม, ใส่​ร้าย​ป้าย​สี​และ​ถูก​เกลียด​ชัง​มา​เป็น​เวลา​นาน.”

เช่น​เดียว​กับ​โลก​สมัย​โบราณ​ไม่​เข้าใจ​พระ​เยซู โลก​นั้น​ก็​ไม่​เข้าใจ​คริสเตียน​และ​จึง​เกลียด​ชัง​พวก​เขา​เช่น​กัน. เนื่อง​จาก​พวก​เขา​ปฏิเสธ​การ​นมัสการ​จักรพรรดิ​และ​พระเจ้า​นอก​รีต พวก​เขา​จึง​ถูก​กล่าวหา​ใน​เรื่อง​ว่า​เป็น​อเทวนิยม. ถ้า​เกิด​ภัย​พิบัติ​ขึ้น พวก​เขา​ก็​ถูก​ตำหนิ​ว่า​ทำ​ให้​พระเจ้า​ต่าง ๆ พิโรธ. เพราะ​พวก​เขา​ไม่​เข้า​ไป​ดู​การ​เล่น​ที่​ผิด​ศีลธรรม​หรือ​การ​แสดง​การ​ต่อ​สู้​ที่​ทำ​ให้​เลือด​ตก​ยาง​ออก ก็​ถือ​ว่า​พวก​เขา​เป็น​คน​ต่อ​ต้าน​สังคม เป็น ‘ผู้​เกลียด​ชัง​เผ่า​พันธุ์​มนุษย์’ ด้วย​ซ้ำ. เหล่า​ศัตรู​ของ​พวก​เขา​อ้าง​ว่า​ครอบครัว​แตก​แยก​เนื่อง​จาก “นิกาย” คริสเตียน และ​เพราะ​ฉะนั้น นิกาย​นั้น​จึง​เป็น​อันตราย​ต่อ​ความ​มั่นคง​ของ​สังคม. เทอร์ทูลเลียน​กล่าว​ถึง​สามี​นอก​รีต​ซึ่ง​ยอม​ให้​ภรรยา​ของ​เขา​เล่นชู้​ยิ่ง​เสีย​กว่า​ที่​จะ​เข้า​มา​เป็น​คริสเตียน.

ชน​คริสเตียน​ถูก​ติเตียน​เพราะ​พวก​เขา​คัดค้าน​การ​ทำ​แท้ง ซึ่ง​มี​การ​ปฏิบัติ​กัน​อย่าง​แพร่​หลาย​ใน​สมัย​นั้น. กระนั้น เหล่า​ศัตรู​ได้​กล่าวหา​พวก​เขา​ใน​เรื่อง​การ​ฆ่า​เด็ก ๆ. มี​การ​แถลง​โดย​ไม่​มี​ข้อ​พิสูจน์​ว่า ณ การ​ประชุม​ของ​พวก​เขา เขา​ดื่ม​เลือด​ของ​เด็ก ๆ ที่​ถูก​บูชายัญ. ขณะ​เดียว​กัน พวก​ศัตรู​พยายาม​บังคับ​พวก​เขา​ให้​รับประทานไส้กรอก​เลือด โดย​รู้​อยู่​ว่า​การ​ทำ​เช่น​นี้​ขัด​กับ​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ของ​พวก​เขา. ด้วย​เหตุ​นี้ ผู้​ต่อ​ต้าน​เหล่า​นี้​จึง​หักล้าง​ข้อ​กล่าวหา​ของ​ตน​เอง.—เทอร์ทูลเลียน, หนังสือ​การ​ขอ​ขมา, บท 9.

ถูก​เหยียด​หยาม​ฐาน​เป็น​นิกาย​ใหม่

นัก​ประวัติศาสตร์​เคนอัท สกอตต์ ลาตูเรตต์ ได้​เขียน​ไว้​ว่า “ยัง​คง​มี​ข้อ​กล่าวหา​อีก​หลาย​ประการ​ที่​ทำ​ให้​ศาสนา​คริสเตียน​ได้​รับ​การ​เยาะเย้ย​เนื่อง​จาก​การ​เริ่ม​ต้น​ไม่​นาน​ของ​ศาสนา​นั้น​และ​เมื่อ​เทียบ​ศาสนา​นั้น​กับ​ความ​เก่า​แก่​ของ​ศาสนา​ที่​เป็น​คู่​แข่ง [ลัทธิ​ยูดาย​และ​ศาสนา​นอก​รีต​ของ​กรีก-โรมัน].” (หนังสือ​ประวัติ​เกี่ยว​กับ​การ​แผ่​ขยาย​ของ​ศาสนา​คริสเตียน, เล่ม 1, หน้า 131, ภาษา​อังกฤษ) ใน​ต้น​ศตวรรษ​ที่​สอง​สากล​ศักราช นัก​ประวัติศาสตร์​โรมัน​ซูโทนิอุส​เรียก​ศาสนา​คริสเตียน​ว่า “ความ​เชื่อ​โชค​ลาง​แบบ​ใหม่​และ​เป็น​อันตราย.” เทอร์ทูลเลียน​ยืน​ยัน​ว่า​ชื่อ​คริสเตียน​นั่น​ที​เดียว​แหละ​ที่​ถูก​เกลียด​ชัง และ​ชน​คริสเตียน​เป็น​นิกาย​ที่​พึง​รังเกียจ. เมื่อ​กล่าว​ถึง​ท่าที​ซึ่ง​ข้าราชการ​ใน​จักรภพ​โรมัน​มอง​ดู​คริสเตียน​ใน​ศตวรรษ​ที่​สอง​นั้น โรเบิร์ต เอ็ม. แกรนต์ เขียน​ว่า “ความ​เห็น​พื้น​ฐาน​คือ​ว่า​ศาสนา​คริสเตียน​เป็น​เพียง​ศาสนา​ที่​ไม่​จำเป็น อาจ​จะ​เป็น​อันตราย​ก็​ได้.”—หนังสือ​ศาสนา​คริสเตียน​สมัย​แรก​และ​สังคม (ภาษา​อังกฤษ).

ถูก​กล่าวหา​ใน​เรื่อง​การ​ทำ​ให้​เปลี่ยน​ศาสนา​แบบ​ก้าวร้าว

ใน​หนังสือ ลาส์ เพรมเย สยาคล์ เดอ เลกลีซ (ศตวรรษ​ต้น ๆ ของ​คริสต์​จักร, ภาษา​ฝรั่งเศส) ศาสตราจารย์ ชาง เบอร์นาร์ดี แห่ง​มหาวิทยาลัย​ซอร์บอนน์ ได้​เขียน​ไว้​ว่า “[คริสเตียน] ต้อง​ออก​ไป​และ​พูด​ทุก​หน​ทุก​แห่ง​กับ​ทุก ๆ คน. บน​ทาง​หลวง​และ​ใน​เมือง​ต่าง ๆ, ตาม​จัตุรัส​สาธารณะ​และ​ใน​บ้าน​เรือน. มี​การ​ต้อนรับ​หรือ​ไม่​ต้อนรับ. พูด​กับ​คน​จน, และ​กับ​คน​รวย​ที่​ถูก​กีด​ขวาง​เนื่อง​จาก​ทรัพย์​สมบัติ​ของ​เขา. พูด​กับ​ผู้​ต่ำต้อย​และ​ผู้​สำเร็จ​ราชการ​มณฑล​ต่าง ๆ ของ​โรม . . . พวก​เขา​ต้อง​เดิน​ทาง​บน​ถนน, ทาง​เรือ, และ​ไป​จน​ถึง​สุด​ปลาย​แห่ง​แผ่นดิน​โลก.”

พวก​เขา​ได้​ทำ​เช่น​นี้​ไหม? จาก​หลักฐาน​แล้ว​พวก​เขา​ได้​ทำ. ศาสตราจารย์​เลโอง โอโม กล่าว​ว่า คริสเตียน​รุ่น​แรก​มี​มติ​มหาชน​คัดค้าน​เนื่อง​จาก​การ​ที่​พวก​เขา “ทำ​ให้​คน​เปลี่ยน​ศาสนา​อย่าง​กระตือรือร้น.” ศาสตราจารย์​ลาตูเรตต์​แถลง​ว่า​ขณะ​ที่​พวก​ยิว​หมด​ความ​กระตือรือร้น​ใน​การ​ทำ​ให้​คน​เปลี่ยน​ศาสนา “ส่วน​พวก​คริสเตียน​เป็น​มิชชันนารี​ที่​ก้าวร้าว​และ​เพราะ​ฉะนั้น​จึง​ก่อ​ให้​เกิด​ความ​แค้น​เคือง.”

ใน​ศตวรรษ​ที่​สอง​สากล​ศักราช เซลซัส นัก​ปราชญ์​ชาว​โรมัน​ได้​ติเตียน​วิธี​การ​ประกาศ​ของ​คริสเตียน. เขา​แถลง​ว่า​ศาสนา​คริสเตียน​เหมาะ​กับ​คน​ไม่​มี​การ​ศึกษา และ​ศาสนา​นั้น​สามารถ ‘ทำ​ให้​เฉพาะ​แต่​คน​โง่, พวก​ทาส, ผู้​หญิง, และ​เด็ก​เล็ก ๆ เท่า​นั้น​เชื่อ​มั่น’ ได้. เขา​กล่าวหา​คริสเตียน​ใน​เรื่อง​การ​อบรม​สั่ง​สอน “คน​ที่​หลอก​ง่าย” โดย​ให้​พวก​เขา “เชื่อ​โดย​ปราศจาก​ความ​คิด​ที่​มี​เหตุ​ผล.” เขา​อ้าง​ว่า​พวก​เขา​บอก​เหล่า​สาวก​ใหม่​ว่า “อย่า​ถาม​คำ​ถาม เชื่อ​ก็​แล้ว​กัน.” ถึง​กระนั้น ตาม​ที่​ออริเกน​กล่าว​ไว้ เซลซัส​เอง​ได้​ยอม​รับ​ว่า “ไม่​เพียง​แต่​คน​ไม่​มี​การ​ศึกษา​และ​ชน​ชั้น​ต่ำ​เท่า​นั้น​ซึ่ง​ได้​รับ​การ​ชัก​นำ​จาก​คำ​สอน​ของ​พระ​เยซู​ให้​ยอม​รับ​ศาสนา​ของ​พระองค์.”

ไม่​มี​การ​รวม​ศาสนา​ต่าง ๆ เข้า​ด้วย​กัน

คริสเตียน​รุ่น​แรก​ถูก​ติเตียน​ต่อ​ไป​อีก​เพราะ​พวก​เขา​อ้าง​ว่า​มี​ความ​จริง​ของ​พระเจ้า​เที่ยง​แท้​องค์​เดียว. พวก​เขา​ไม่​ยอม​รับ​การ​รวม​ความ​เชื่อ. ลาตูเรตต์​เขียน​ว่า “ต่าง​จาก​ศาสนา​ส่วน​ใหญ่​ใน​สมัย​นั้น พวก​เขา [ชน​คริสเตียน] เป็น​ปฏิปักษ์​ต่อ​ศาสนา​อื่น ๆ . . . . ตรง​กัน​ข้าม​กับ​การ​ยอม​ให้​โดย​ไม่​มี​ขอบ​เขต​จำกัด​อย่าง​สิ้นเชิง​ซึ่ง​เป็น​ลักษณะ​พิเศษ​ของ​ศาสนา​อื่น ๆ แล้ว พวก​เขา​แถลง​ว่า​พวก​เขา​มี​ความ​จริง​อัน​ปฏิเสธ​ไม่​ได้.”

ใน​ปี​สากล​ศักราช 202 จักรพรรดิ​เซปตีมอีอัส เซเวรัส​ได้​ประกาศ​พระ​ราชกฤษฎีกา​ห้าม​คริสเตียน​ทำ​ให้​คนเปลี่ยน​ศาสนา. อย่าง​ไร​ก็​ดี นี้​มิ​ได้​ยับยั้ง​พวก​เขา​ไว้​จาก​การ​ให้​คำ​พยาน​ใน​เรื่อง​ความ​เชื่อ​ของ​พวก​เขา. ลาตูเรตต์​พรรณนา​ถึง​ผล​ว่า “ใน​การ​ปฏิเสธ​ที่​จะ​ประนีประนอม​กับ​ลัทธิ​นอก​รีต​ที่​แพร่​หลาย​และ​กับ​ธรรมเนียม​ทาง​สังคม​และ​กิจ​ปฏิบัติ​ทาง​ศีลธรรม​ของ​ยุค​นั้น [ศาสนา​คริสเตียน​สมัย​แรก] ได้​พัฒนาการ​เป็น​ปึก​แผ่น​และ​การ​จัด​ระเบียบ​ซึ่ง​ทำ​ให้​ศาสนา​นั้น​ทวน​กระแส​ของ​สังคม. การ​ออก​จาก​ศาสนา​เดิม​อย่าง​เด็ดขาด​เพื่อ​สมทบ​กับ​ศาสนา​นั้น​ทำ​ให้​เหล่า​สานุศิษย์​มี​ความ​เชื่อ​มั่น​ซึ่ง​ก่อ​ผล​เป็น​แหล่ง​แห่ง​พลัง​ต้าน​การ​ข่มเหง​และ​เป็น​แหล่ง​แห่ง​ความ​กระตือรือร้น​ใน​การ​ได้​คน​เปลี่ยน​ศาสนา.”

เพราะ​ฉะนั้น บันทึก​ทาง​ประวัติศาสตร์​จึง​ชัดเจน. ส่วน​ใหญ่​แล้ว คริสเตียน​รุ่น​แรก ขณะ​ที่​พยายาม​จะ​เป็น​พลเมือง​ดี​และ​ดำเนิน​ชีวิต​อย่าง​สงบ​สุข​กับ​คน​ทั้ง​ปวง​นั้น ไม่​ยอม​ที่​จะ​เป็น “ส่วน​ของ​โลก.” (โยฮัน 15:19, ล.ม.) พวก​เขา​นับถือ​ผู้​มี​อำนาจ. แต่​เมื่อ​ซีซาร์​ห้าม​พวก​เขา​ประกาศ พวก​เขา​ไม่​มี​ทาง​เลือก​อื่น​นอก​จาก​ประกาศ​ต่อ ๆ ไป. พวก​เขา​พยายาม​จะ​ดำเนิน​ชีวิต​อยู่​อย่าง​สงบ​สุข​กับ​คน​ทั้ง​ปวง​แต่​ไม่​ยอม​อะลุ้มอล่วย​ใน​เรื่อง​มาตรฐาน​ด้าน​ศีลธรรม​และ​การ​บูชา​รูป​เคารพ​แบบ​นอก​รีต. เพราะ​เหตุ​ทั้ง​หมด​นี้ พวก​เขา​ถูก​เหยียด​หยาม, ใส่​ร้าย​ป้าย​สี, เกลียด​ชัง, และ​ถูก​ข่มเหง, ดัง​ที่​พระ​คริสต์​ทรง​บอก​ล่วง​หน้า​ไว้​ว่า​พวก​เขา​จะ​ประสบ.—โยฮัน 16:33.

การ​ที่​พวก​เขา​แยก​ตัว​จาก​โลก​นั้น​ยัง​คง​ดำเนิน​อยู่​ต่อ​ไป​ไหม? หรือ​ว่า​พร้อม​กับ​เวลา​ที่​ผ่าน​ไป คน​เหล่า​นั้น​ซึ่ง​อ้าง​ว่า​ปฏิบัติ​ศาสนา​คริสเตียน​ได้​เปลี่ยน​เจตคติ​ของ​เขา​ใน​เรื่อง​นี้​ไหม?

[จุด​เด่น​หน้า 4]

“จุด​ยืน​ของ​คริสเตียน​นำ​ปัญหา​มา​ให้​เขา​ทุก​วัน เขา​ดำรง​ชีวิต​อยู่​ภาย​นอก​กระแส​นิยม​ของ​สังคม”

[จุด​เด่น​หน้า 6]

“ศาสนา​คริสเตียน​ได้​รับ​การ​เยาะเย้ย​เนื่อง​จาก​การ​เริ่ม​ต้น​ไม่​นาน​ของ​ศาสนา​นั้น​และ​เมื่อ​เทียบ​กับ . . . ความ​เก่า​แก่​ของ​ศาสนา​ที่​เป็น​คู่​แข่ง”

[รูปภาพ​หน้า 3]

เนื่อง​จาก​คริสเตียน​ปฏิเสธ​ที่​จะ​นมัสการ​จักรพรรดิ​โรมัน​และ​พระเจ้า​นอก​รีต​ทั้ง​หลาย พวก​เขา​จึง​ถูก​กล่าวหา​ใน​เรื่อง​อเทวนิยม

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Museo della Civiltà Romana, Roma

[รูปภาพ​หน้า 7]

คริสเตียน​ใน​ศตวรรษ​แรก​เป็น​ที่​รู้​จัก​ฐานะ​ผู้​ประกาศ​ข่าวสาร​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ที่​กระตือรือร้น