จงสรรเสริญพระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาล!
จงสรรเสริญพระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาล!
“พระยะโฮวาทรงเป็นพระมหากษัตริย์จนถึงเวลาไม่กำหนด กระทั่งตลอดกาล.”—บทเพลงสรรเสริญ 10:16, ล.ม.
1. เกิดคำถามอะไรขึ้นเกี่ยวกับนิรันดรกาล?
นิรันดรกาล—คุณ จะบอกว่านิรันดรกาลคืออะไร? คุณคิดว่าเวลาจะดำเนินต่อ ๆ ไปไม่รู้สิ้นสุดได้ไหม? ไม่มีข้อสงสัยว่า เวลาย้อนกลับไปในอดีตอย่างไม่รู้จบ. ดังนั้น เวลาก็น่าจะยืดไปสู่อนาคตอย่างไม่รู้จบมิใช่หรือ? แท้จริง คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ กล่าวถึงพระเจ้าในฐานะที่ได้รับการสรรเสริญ “ตั้งแต่เวลาไม่กำหนดจนกระทั่งเวลาไม่กำหนด.” (บทเพลงสรรเสริญ 41:13, ล.ม.) คำกล่าวนี้หมายความเช่นไร? เราอาจได้รับการช่วยให้เข้าใจถ้าเรากล่าวถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกัน—นั่นคือ อวกาศ.
2, 3. (ก) คำถามอะไรเกี่ยวกับอวกาศที่ช่วยเราเข้าใจเรื่องนิรันดรกาล? (ข) เพราะเหตุใดเราพึงต้องการนมัสการพระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาล?
2 อวกาศกว้างใหญ่แค่ไหน? อวกาศมีขอบเขตจำกัดไหม? จนเมื่อสี่ร้อยปีมาแล้ว เคยคิดกันว่าโลกของเราเป็นศูนย์กลางของเอกภพ. ครั้นแล้วกาลิเลโอก็ได้ประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ซึ่งทำให้มองเห็นฟ้าสวรรค์กว้างไกลขึ้นอย่างมากมาย. ทีนี้กาลิเลโอก็สามารถเห็นดวงดาวเพิ่มขึ้นอีกมากและสามารถเผยให้เห็นว่า แผ่นดินโลกและดาวเคราะห์อื่น ๆ โคจรรอบดวงอาทิตย์. ทางช้างเผือกจึงดูไม่เหมือนเส้นสีขาวอีกต่อไป แต่ปรากฏว่าเป็นกาแล็กซีแห่งดวงดาวจำนวนประมาณหนึ่งแสนล้านดวง. เราคงไม่มีวันนับดวงดาวจริง ๆ ได้มากมายขนาดนั้น แม้จะนับจนตลอดชีวิต. ต่อมา นักดาราศาสตร์ดำเนินงานต่อไปเพื่อค้นหากาแล็กซีนับพัน ๆ ล้าน. กาแล็กซีเหล่านี้แผ่ขยายออกไปไม่รู้สิ้นสุดในอวกาศ ไกลเท่าที่กล้องโทรทรรศน์ที่มีกำลังสูงสุดจะส่องถึงได้. ดูเหมือนไม่มีขอบเขตจำกัดสำหรับอวกาศ. เป็นความจริงเช่นเดียวกันกับนิรันดรกาล—ไม่มีขีดจำกัด.
3 แนวความคิดในเรื่องนิรันดรกาลดูเหมือนเกินความเข้าใจของสมองมนุษย์เราซึ่งมีขีดจำกัด. แต่ก็มีบุคคลหนึ่งที่เข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้. พระองค์ทรงสามารถนับ ใช่ แม้กระทั่งตั้งชื่อ ดาวหลายพันล้านล้านดวงอันเหลือคณานับในกาแล็กซีนับพันล้านกาแล็กซี! พระองค์ผู้นี้ตรัสว่า “จงเงยหน้ามองขึ้นไปดูท้องฟ้า, และพิจารณาดูว่า ใครได้ยะซายา 40:26, 28) ช่างเป็นพระเจ้าองค์เยี่ยมยอดจริง ๆ! แน่นอน พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่เราพึงปรารถนาจะนมัสการ!
สร้างสิ่งเหล่านี้? พระองค์ผู้ทรงนำดาวออกมาเป็นหมวดหมู่, และทรงเรียกมันออกมาตามชื่อ; ด้วยอานุภาพอันใหญ่ยิ่ง, และฤทธิ์เดชอันแรงกล้าของพระองค์ไม่มีสักดวงเดียวที่ขาดไป. เจ้าไม่ได้รู้หรือ? เจ้ายังไม่ได้ยินหรือว่า, พระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิจ, พระองค์เป็นผู้ทรงสร้างกระทั่งสุดปลายแผ่นดินโลก, พระองค์มิได้ทรงอิดโรยและอ่อนเปลี้ย. ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ถึงพระปัญญาของพระองค์ได้.” (“พระมหากษัตริย์จนถึงเวลาไม่กำหนด”
4. (ก) ดาวิดแสดงความหยั่งรู้ค่าต่อพระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาลอย่างไร? (ข) หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ลงความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับต้นกำเนิดแห่งเอกภพ?
4 ที่บทเพลงสรรเสริญ 10:16 (ล.ม.) ดาวิดกล่าวถึงพระเจ้าพระผู้สร้างองค์นี้ว่า “พระยะโฮวาทรงเป็นพระมหากษัตริย์จนถึงเวลาไม่กำหนด แม้กระทั่งตลอดกาล.” และที่บทเพลงสรรเสริญ 29:10 ท่านกล่าวซ้ำอีกดังนี้: “พระยะโฮวา . . . ประทับบนพระที่นั่งเป็นพระบรมมหากษัตริย์ชั่วนิรันดร์.” ถูกแล้ว พระยะโฮวาทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาล! นอกจากนี้ ดาวิดยังยืนยันว่า พระมหากษัตริย์ผู้ได้รับการสรรเสริญองค์นี้ทรงเป็นผู้ออกแบบและผู้สร้างสารพัดสิ่งที่เรามองเห็นในอวกาศ ดังกล่าวที่บทเพลงสรรเสริญ 19:1 (ล.ม.) ดังนี้: “ฟ้าสวรรค์ประกาศพระรัศมีของพระเจ้า; และท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาลกล่าวถึงพระหัตถกิจของพระองค์.” ราว 2,700 ปีต่อมา เซอร์ ไอแซ็ก นิวตัน นักวิทยาศาสตร์ผู้เรืองนามได้แสดงความเห็นพ้องกับดาวิด โดยเขียนว่า “ระบบอันงดงามยิ่งแห่งดวงอาทิตย์, ดาวเคราะห์และดาวหางนี้เกิดขึ้นได้เฉพาะแต่เนื่องจากพระประสงค์และอำนาจสูงสุดของพระองค์ผู้ทรงรู้แจ้งและทรงฤทธิ์.”
5. ยะซายากับเปาโลเขียนถึงแหล่งแห่งสติปัญญาไว้อย่างไร?
5 เราควรถ่อมใจสักเพียงไรที่รู้ว่า พระยะโฮวาองค์บรมมหิศรผู้ซึ่งแม้แต่ความกว้างใหญ่ไพศาลแห่ง “ฟ้าสวรรค์และฟ้าสวรรค์อันสูงที่สุดยังรับพระองค์อยู่ไม่ได้” นั้นทรงพระชนม์อยู่ชั่วนิรันดร! (1 กษัตริย์ 8:27, ฉบับแปลใหม่.) ยะซายา 45:18 (ล.ม.) พรรณนาถึงพระยะโฮวาในฐานะ “พระผู้สร้างฟ้าสวรรค์ . . . เป็นผู้ปั้นแผ่นดินโลกและผู้สร้างมัน” ทรงเป็นแหล่งแห่งสติปัญญาที่กว้างใหญ่ไพศาลเกินกว่าสมองมนุษย์จะหยั่งได้. ดังที่เน้นเด่นชัดใน 1 โกรินโธ 1:19 พระยะโฮวาตรัสว่า “เราจะทำลายปัญญาของคนมีปัญญา, และจะให้ความฉลาดของคนฉลาดศูนย์ไป.” อัครสาวกเปาโลกล่าวเสริมเรื่องนี้ในข้อ 20 ว่า “คนมีปัญญาหายไปไหนแล้ว? อาลักษณ์หายไปไหนแล้ว? นักตั้งปัญหาสมัยนี้หายไปไหนแล้ว? พระเจ้ามิได้ทรงกระทำปัญญาของโลกให้กลายเป็นการโฉดเขลาไปหรือ.” ใช่แล้ว ดังที่เปาโลกล่าวต่อไป ที่บท 3 ข้อ 19: “ปัญญาของโลกนี้เป็นอปัญญาเฉพาะพระเจ้า.”
6. ท่านผู้ประกาศ 3:11 บ่งชี้อย่างไรเกี่ยวกับ “เวลาไม่กำหนด”?
6 เทห์ฟากฟ้าทั้งหลายเป็นส่วนแห่งการทรงสร้างที่กษัตริย์ซะโลโมกล่าวถึงว่า “[พระเจ้า] ได้ทรงทำทุกสิ่งงดงามตามกาลเวลา. แม้แต่เวลาที่ไม่มีกำหนดพระองค์ก็ทรงใส่ไว้ในหัวใจของพวกเขา, เพื่อมนุษย์จะรู้ไม่จบราชกิจซึ่งพระเจ้าเที่ยงแท้ได้ทรงกระทำตั้งแต่ต้นจนปลาย.” (ท่านผู้ประกาศ 3:11, ล.ม.) จริงทีเดียว มนุษย์ถูกใส่ความปรารถนาไว้ในหัวใจให้พยายามค้นหาความหมายของ “เวลาไม่กำหนด” ซึ่งก็คือ นิรันดรกาล. แต่เขาจะมีวันได้รับความรู้นั้นไหม?
ความคาดหวังอันเยี่ยมยอดในเรื่องชีวิต
7, 8. (ก) ความคาดหวังอันเยี่ยมยอดอะไรในเรื่องชีวิตมีอยู่ตรงหน้ามนุษยชาติและจะบรรลุความหวังนี้อย่างไร? (ข) เหตุใดเราพึงปีติยินดีที่การสอนจากพระเจ้าจะดำเนินต่อไปตลอดนิรันดรกาล?
7 พระเยซูคริสต์ตรัสในคำอธิษฐานถึงพระยะโฮวาดังนี้: “นี่แหละหมายถึงชีวิตนิรันดร์ คือการที่เขารับเอาความรู้ต่อ ๆ ไปเกี่ยวกับพระองค์ ผู้เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และเกี่ยวกับผู้ที่พระองค์ทรงใช้มา คือพระเยซูคริสต์.” (โยฮัน 17:3, ล.ม.) เราจะได้รับความรู้เช่นนั้นได้อย่างไร? เราจำเป็นต้องศึกษาพระคำของพระเจ้า คัมภีร์ไบเบิลบริสุทธิ์. ด้วยวิธีนี้ เราก็สามารถได้รับความรู้ถ่องแท้เกี่ยวกับพระประสงค์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ซึ่งรวมถึงการจัดเตรียมเพื่อชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยานซึ่งดำเนินการโดยทางพระบุตรของพระองค์. นั่นแหละจะเป็น “ชีวิตแท้” ที่มีกล่าวถึงใน 1 ติโมเธียว 6:19 (ล.ม.). การจัดเตรียมนี้จะประสานกับสิ่งที่เอเฟโซ 3:11 (ล.ม.) พรรณนาว่าเป็น “พระประสงค์ชั่วนิรันดร์ที่ [พระเจ้า] ได้ทรงตั้งไว้เกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา.”
8 ใช่แล้ว พวกเราที่เป็นมนุษย์ผิดบาปอาจบรรลุชีวิตนิรันดร์โดยการสอนจากพระเจ้าและโดยความเชื่อในเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซู. การสอนนี้จะดำเนินต่อไปนานแค่ไหน? การสอนนี้จะดำเนินต่อไปตลอดนิรันดรกาลขณะที่มนุษยชาติได้รับการสั่งสอนเป็นขั้น ๆ ด้วยพระสติปัญญาแห่งพระผู้สร้างของเรา. พระสติปัญญาของพระยะโฮวาไม่มีขีดจำกัด. ด้วยตระหนักถึงเรื่องนี้ อัครสาวกเปาโลกจึงร้องออกมาว่า “โอพระปัญญาและความรู้ของพระเจ้ามีอเนกอนันต์มากเท่าใด พระดำริของพระองค์เหลือที่จะเข้าใจได้, และทางทั้งหลายของพระองค์เหลือที่จะสืบเสาะได้!” (โรม 11:33) ช่างเหมาะสมจริง ๆ ที่ 1 ติโมเธียว 1:17 (ล.ม.) เรียกพระยะโฮวาว่า “พระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาล”!
พระสติปัญญาของพระยะโฮวาในการทรงสร้าง
9, 10. (ก) พระยะโฮวาทรงทำให้ราชกิจอันยิ่งใหญ่อะไรสำเร็จในการเตรียมแผ่นดินโลกเป็นของประทานแก่มนุษยชาติ? (ข) พระสติปัญญาอันเลิศของพระเจ้ามีการแสดงให้เห็นอย่างไรในสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง? (ดูกรอบ.)
9 ขอพิจารณามรดกอันเยี่ยมยอดที่พระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาลทรงจัดเตรียมไว้ให้มนุษย์อย่างพวกเรา. บทเพลงสรรเสริญ 115:16 บอกเราดังนี้: “ฟ้าสวรรค์เป็นฟ้าสวรรค์ของพระยะโฮวา; แต่แผ่นดินโลกพระองค์ได้ประทานแก่มนุษย์.” คุณคิดว่า นั่นเป็นของประทานอันเยี่ยมยอดที่จะดูแลมิใช่หรือ? แน่นอน! และเรารู้สึกขอบพระคุณพระผู้สร้างของเราจริง ๆ ที่ทรงมองการณ์ไกลในการเตรียมแผ่นดินโลกเป็นบ้านของเรา!—บทเพลงสรรเสริญ 107:8.
10 พัฒนาการอันมหัศจรรย์เกิดขึ้นบนแผ่นดินโลกในช่วงหก “วัน” แห่งการทรงสร้างในเยเนซิศบท 1 แต่ละวันนานหลายพันปี. ในที่สุดสิ่งเหล่านี้ที่พระเจ้าทรงสร้าง จะปกคลุมแผ่นดินโลกด้วยหญ้าเขียวชอุ่มดุจพรม, ป่าไม้สูงใหญ่, และดอกไม้หลากสีสัน. แผ่นดินโลกจะเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตน่าทึ่งในทะเล, ฝูงนกน่ารัก, และสัตว์เลี้ยงกับสัตว์ป่าเป็นฝูงใหญ่ แต่ละอย่างสืบพันธุ์ “ตามชนิดของมัน.” หลังจากพรรณนาการสร้างมนุษย์ชายหญิงแล้ว เยเนซิศ 1:31 กล่าวว่า “พระเจ้าทอดพระเนตรดูสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้นั้นเห็นว่าดีนัก.” นับว่ามนุษย์คู่แรกได้อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่น่าปีติยินดีจริง ๆ! ในบรรดาสิ่งทรงสร้างนั้น เราสังเกตเห็นมิใช่หรือถึงสติปัญญา, การมองการณ์ไกล, และความใฝ่พระทัยของพระผู้สร้างองค์เปี่ยมด้วยความรัก?—ยะซายา 45:11, 12, 18.
11. ซะโลโมยกย่องพระสติปัญญาในการทรงสร้างของพระยะโฮวาอย่างไร?
11 ผู้หนึ่งที่รู้สึกทึ่งพระสติปัญญาของพระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาลก็คือซะโลโม. ท่านชักชวนซ้ำแล้วซ้ำอีกให้สนใจในพระสติปัญญาของพระผู้สร้าง. (สุภาษิต 1:1, 2; 2:1, 6; 3:13-18) ซะโลโมรับรองกับเราว่า “แผ่นดินโลกนี้ตั้งมั่นคงอยู่เป็นนิจ.” ท่านหยั่งรู้เข้าใจถึงความมหัศจรรย์หลายประการแห่งการทรงสร้าง ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติงานของเมฆฝนในการทำให้แผ่นดินโลกชุ่มชื่นด้วย. ดังนั้น ท่านจึงจารึกว่า “แม่น้ำทั้งปวงไหลลงสู่ทะเล, แต่ทะเลก็ยังไม่เต็ม; แม่น้ำทั้งหลายไหลเวียนกลับไปยังต้นน้ำแล้วเริ่มไหลลงไปอีก.” (ท่านผู้ประกาศ 1:4, 7, ฉบับแปลทูเดย์ อิงลิช) ก็เป็นไปอย่างนั้นคือ หลังจากฝนตกและแม่น้ำทั้งหลายทำให้แผ่นดินโลกชุ่มชื่น น้ำในแม่น้ำเหล่านั้นก็ถูกหมุนเวียนจากมหาสมุทรขึ้นไปเป็นเมฆอีก. แผ่นดินโลกจะเป็นเช่นไร และสภาพแวดล้อมของเราจะเป็นเช่นไร หากไม่มีการทำให้น้ำสะอาดและการนำกลับมาใช้อีก?
12, 13. เราจะแสดงความหยั่งรู้ค่าการทรงสร้างของพระเจ้าอย่างไร?
12 การที่เราหยั่งรู้ค่าความสมดุลในสิ่งทรงสร้างน่าจะมีการสนับสนุนด้วยการปฏิบัติ ดังที่กษัตริย์ซะโลโมแจ้งไว้ในคำลงท้ายของพระธรรมท่านผู้ประกาศที่ว่า “บทสรุปของเรื่อง เมื่อได้ฟังทุกสิ่งแล้ว คือ: จงเกรงกลัวพระเจ้าเที่ยงแท้และถือรักษาพระบัญชาของพระองค์. เพราะนี่คือพันธะทั้งสิ้นของมนุษย์. เพราะพระเจ้าเที่ยงแท้จะทรงนำการงานทุกประการมาสู่การพิพากษาเกี่ยวพันกับทุกสิ่งที่ซ่อนไว้ เพื่อดูว่าเป็นการดีหรือการชั่ว.” (ท่านผู้ประกาศ 12:13, 14, ล.ม.) เราควรเกรงกลัวว่าจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัย. ยิ่งกว่านั้น เราควรพยายามเชื่อฟังพระองค์ด้วยความเคารพยำเกรง.
13 แน่นอน เราพึงต้องการสรรเสริญพระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาลเนื่องด้วยผลงานสร้างอันมหัศจรรย์ของพระองค์! บทเพลงสรรเสริญ 104:24 แถลงว่า “ข้าแต่พระยะโฮวา, พระราชกิจของพระองค์มีเป็นอเนกประการจริง! พระองค์ได้ทรงกระทำการนั้นทั้งสิ้นโดยพระสติปัญญา: แผ่นดินโลกเต็มบริบูรณ์ไปด้วยทรัพย์อันมั่งคั่งของพระองค์.” ด้วยความชื่นชมยินดี ให้เราแสดงความเห็นด้วยกับข้อสุดท้ายของเพลงสรรเสริญบทนี้ด้วยการกล่าวแก่ตนเองและต่อคนอื่น ๆ ว่า “จิตต์วิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย, จงสรรเสริญพระยะโฮวา. ท่านทั้งหลาย จงสรรเสริญพระยะโฮวาเถิด.”
สิ่งทรงสร้างที่วิเศษสุดทางแผ่นดินโลก
14. มนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้างนั้นเหนือกว่าสัตว์ต่าง ๆ มากในทางใดบ้าง?
14 สิ่งทั้งปวงที่พระยะโฮวาทรงสร้างล้วนเยี่ยมยอด. แต่สิ่งทรงสร้างที่วิเศษสุดบนแผ่นดินโลกก็คือพวกเรา—มนุษยชาติ. อาดามแล้วก็ฮาวาถูกสร้างเป็นสิ่งสุดยอดของวันแห่งการทรงสร้างวันที่หก—เป็นสิ่งทรงสร้างที่เหนือกว่าปลา, นก, และสัตว์ต่าง ๆ มากนัก! ขณะที่สัตว์เหล่านั้นหลายชนิดฉลาดตามสัญชาตญาณ มนุษย์ได้รับการประสาทความสามารถในการหาเหตุผล, สติรู้สึกผิดชอบที่สามารถวินิจฉัยระหว่างสิ่งถูกและสิ่งผิด, ความสามารถวางแผนสำหรับอนาคต, และความปรารถนาจะนมัสการที่มีมาแต่เกิด. สิ่งทั้งปวงนี้เกิดขึ้นมาอย่างไร? แทนที่จะวิวัฒน์มาจากสัตว์ดุร้าย มนุษย์ถูกสร้างตามแบบพระฉายของพระเจ้า. ดังนั้น จึงมีแต่มนุษย์เท่านั้นที่สามารถสะท้อนคุณลักษณะของพระผู้สร้างของเราผู้ทรงระบุถึงพระองค์เองว่า “พระยะโฮวา พระยะโฮวา พระเจ้าผู้ทรงเมตตาและอุดมด้วยพระคุณ ช้าในการโกรธและบริบูรณ์ด้วยความรักกรุณาและความจริง.”—เอ็กโซโด 34:6, ล.ม.
15. เพราะเหตุใดเราจึงควรยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาด้วยความถ่อมใจ?
15 ให้เราสรรเสริญและขอบพระคุณพระยะโฮวาสำหรับพระบัญญัติ 12:23 กล่าว “เลือดคือจิตวิญญาณ” ซึ่งก็คือชีวิตของเรา มีค่ามากในสายพระเนตรของพระเจ้า. กระดูกที่แข็งแรง, กล้ามเนื้อที่ยืดหยุ่น, และระบบประสาทที่ตอบสนองซึ่งมีสมองเป็นส่วนบนสุดนั้นเหนือกว่าสมองสัตว์ใด ๆ อย่างลิบลับและมีสมรรถนะซึ่งคอมพิวเตอร์ขนาดเท่าตึกระฟ้าก็ไม่อาจทัดเทียมได้. เรื่องนี้ทำให้คุณรู้สึกถ่อมใจมิใช่หรือ? น่าจะเป็นเช่นนั้น. (สุภาษิต 22:4) และขอพิจารณาเรื่องนี้ด้วย: ปอด, กล่องเสียง, ลิ้น, ฟัน, และปากของเราสามารถทำงานสัมพันธ์กันเพื่อทำให้มีถ้อยคำของมนุษย์ในหลายพันภาษา. ดาวิดแต่งเพลงถวายพระยะโฮวาอย่างเหมาะเจาะ ความว่า “ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ เพราะข้าพเจ้าถูกสร้างอย่างน่าพิศวงในวิธีที่น่าเกรงขาม. พระราชกิจของพระองค์เป็นที่น่าพิศวง ดังที่จิตวิญญาณของข้าพเจ้าตระหนักทีเดียว.” (บทเพลงสรรเสริญ 139:14, ล.ม.) ให้เราร่วมกับดาวิดในการสรรเสริญขอบพระคุณพระยะโฮวา ผู้ออกแบบองค์เยี่ยมยอดและพระเจ้าของเรา!
การออกแบบร่างกายของเราอย่างเยี่ยมยอด. กระแสโลหิตของเรา ซึ่งจำเป็นยิ่งต่อชีวิต ไหลเวียนผ่านร่างกายทุก ๆ 60 วินาที. ดังที่16. เพลงอะไรที่นักดนตรีมีชื่อเสียงคนหนึ่งแต่งเพื่อสรรเสริญพระยะโฮวา และเราจะตอบรับคำเชิญที่กระตุ้นใจอะไร?
16 บทเพลงร้องประกอบดนตรีในศตวรรษที่ 18 โดยโยเซฟ ฮัยเดิน กล่าวสรรเสริญพระยะโฮวาดังนี้: “จงขอบพระคุณพระองค์เถิด พระราชกิจทั้งหลายของพระองค์ซึ่งมหัศจรรย์ยิ่ง! จงร้องเพลงเทิดพระเกียรติพระองค์ จงร้องเพลงสดุดีพระองค์ สรรเสริญและยกย่องพระนามพระองค์! คำสรรเสริญพระยะโฮวายั่งยืนนิรันดร อาเมน อาเมน!” ที่ยิ่งไพเราะกว่านั้นอีกคือถ้อยคำที่ได้รับการดลใจให้กล่าวซ้ำบ่อย ๆ เช่น คำเชิญที่เอ่ยถึงสี่ครั้งในเพลงสรรเสริญบทที่ 107 ที่ว่า “จงให้เขาขอบพระคุณพระยะโฮวาเพราะความรักกรุณาของพระองค์ และเพราะราชกิจอันอัศจรรย์ของพระองค์ที่มีต่อเหล่าบุตรมนุษย์.” คุณร่วมด้วยในการสรรเสริญนั้นไหม? คุณควรร่วมด้วย เพราะทุกสิ่งที่งดงามอย่างแท้จริงต่างมีแหล่งกำเนิดจากพระยะโฮวา พระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาล.
พระราชกิจยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก
17. ‘เพลงของโมเซและของพระเมษโปดก’ ยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาอย่างไร?
17 ในช่วงหกพันปีที่ผ่านมา พระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาลได้ทรงดำเนินราชกิจยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก. ในพระธรรมเล่มสุดท้ายของคัมภีร์ไบเบิล ที่วิวรณ์ 15:3, 4 (ล.ม.) เราอ่านเกี่ยวกับบุคคลเหล่านั้นในสวรรค์ซึ่งได้มีชัยเหนือเหล่าศัตรูผีปิศาจ ความว่า “พวกเขากำลังร้องเพลงของโมเซทาสของพระเจ้าและเพลงของพระเมษโปดก โดยกล่าวว่า ‘พระยะโฮวาพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการเจ้าข้า พระราชกิจของพระองค์ใหญ่และมหัศจรรย์. พระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาล พระมรคาของพระองค์ชอบธรรมและสัตย์จริง. พระยะโฮวา ผู้ใดเล่าจะไม่เกรงกลัวพระองค์อย่างแท้จริง และไม่เทิดทูนพระนามพระองค์ เพราะพระองค์ผู้เดียวทรงภักดี? ด้วยว่าชาติทั้งปวงจะมาและนมัสการต่อพระพักตร์พระองค์ เพราะข้อกำหนดต่าง ๆ อันชอบธรรมของพระองค์มีสำแดงให้เห็นแล้ว.’” ทำไมข้อความตอนนี้จึงเรียกว่า ‘เพลงของโมเซและของพระเมษโปดก’? ให้เรามาดูกัน.
18. พระราชกิจยิ่งใหญ่อะไรที่มีการรำลึกถึงในบทเพลงที่เอ็กโซโดบท 15?
18 ราว 3,500 ปีมาแล้ว เมื่อกองทัพอันเกรียงไกรของฟาโรห์ถูกทำลายในทะเลแดง ชาวยิศราเอลร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวาด้วยความขอบพระคุณ. เราอ่านที่เอ็กโซโด 15:1, 18 ดังนี้: “ขณะนั้นโมเซกับชนชาติยิศราเอลได้ร้องเพลงบทนี้ถวายพระยะโฮวาว่า ‘ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวา, เพราะพระองค์ทรงได้ชัยชนะอย่างสง่าผ่าเผย; พระองค์ได้ทรงผลักม้าและพลม้าลงในทะเล. พระยะโฮวาจะทรงครอบครองอยู่เป็นนิตย์ นิรันดร์.’” พระราชโองการอันชอบธรรมของพระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาลองค์นี้แสดงให้เห็นด้วยการที่ทรงพิพากษาและสำเร็จโทษเหล่าศัตรูซึ่งต่อต้านพระบรมเดชานุภาพของพระองค์.
19, 20. (ก) เพราะเหตุใดพระยะโฮวาทรงตั้งชาติยิศราเอลขึ้น? (ข) พระเมษโปดกและคนอื่น ๆ ตอบข้อท้าทายของซาตานอย่างไร?
19 ทำไมเรื่องนี้จึงจำเป็น? ในสวนเอเดนนั่นเองที่งูเจ้าเล่ห์ได้ชักนำบิดามารดาแรกเดิมของเราเข้าสู่บาป. การนี้ยังผลให้มีการถ่ายทอดความผิดบาปไม่สมบูรณ์สู่มนุษยชาติทั้งปวง. แต่ในทันทีนั้นเอง พระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาลทรงดำเนินการประสานกับพระประสงค์เดิมของพระองค์ ซึ่งจะนำไปสู่การกำจัดพวกศัตรูของพระองค์ให้สิ้นไปจากแผ่นดินโลกและการบูรณะสภาพอุทยาน. พระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาลทรงตั้งชาติยิศราเอลและให้พระบัญญัติของพระองค์เพื่อเป็นภาพล่วงหน้าถึงวิธีที่พระองค์จะทรงทำให้การนี้สำเร็จ.—ฆะลาเตีย 3:24.
20 แต่ในที่สุด ชาติยิศราเอลเองตกเข้าสู่ความไม่ซื่อสัตย์ และสภาพน่าเศร้านี้ถึงจุดสุดยอดเมื่อผู้นำของเขามอบตัวพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าแก่ชาวโรมันให้ทรมานอย่างร้ายกาจและประหาร. (กิจการ 10:39; ฟิลิปปอย 2:8) กระนั้น ความซื่อสัตย์มั่นคงของพระเยซูจนถึงสิ้นพระชนม์ในฐานะ “พระเมษโปดกของพระเจ้า” ที่เป็นเครื่องบูชา ได้ให้คำตอบด้วยวิธีโดดเด่นแก่ข้อท้าทายที่ซาตาน ศัตรูแต่ครั้งโบราณของพระเจ้าได้ตั้งขึ้นมา—ที่ว่า ไม่มีมนุษย์ในโลกคนใดสามารถรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าได้ภายใต้การทดลองอย่างสาหัส. (โยฮัน 1:29, 36; โยบ 1:9-12; 27:5) ถึงแม้ได้รับความไม่สมบูรณ์สืบทอดมาจากอาดาม มนุษย์คนอื่นหลายล้านคนที่เกรงกลัวพระเจ้าได้ติดตามรอยพระบาทของพระเยซูด้วยการรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงเมื่อเผชิญการโจมตีจากซาตาน.—1 เปโตร 1:18, 19; 2:19, 21.
21. ประสานกับกิจการ 17:29-31 จะมีการพิจารณาเรื่องอะไรต่อไป?
21 บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่พระยะโฮวาจะทรงประทานบำเหน็จแก่ผู้ซื่อสัตย์เหล่านั้นและที่จะพิพากษาบรรดาศัตรูของความจริงและความชอบธรรม. (กิจการ 17:29-31) เรื่องนี้จะเกิดขึ้นอย่างไร? บทความต่อไปจะบอกให้ทราบ.
กรอบทบทวน
▫ เพราะเหตุใดจึงเรียกพระยะโฮวาอย่างเหมาะสมว่า “พระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาล”?
▫ พระสติปัญญาของพระยะโฮวามีแสดงให้เห็นอย่างไรในสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง?
▫ ในทางใดบ้างที่มนุษยชาติเป็นผลงานชิ้นเอกแห่งการทรงสร้าง?
▫ พระราชกิจอะไรกระตุ้นใจให้ร้อง ‘เพลงของโมเซและของพระเมษโปดก’?
[เชิงอรรถ]
[กรอบหน้า 12]
พระสติปัญญาล้ำเลิศของพระยะโฮวา
พระสติปัญญาของพระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาลมีการแสดงให้เห็นในหลายแนวทางในสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างบนแผ่นดินโลกนี้. ขอสังเกตถ้อยคำของอาฆูรที่ว่า “คำโอวาทพระเจ้าได้พิสูจน์หมดแล้วทุกคำ: พระองค์ทรงเป็นโล่กำบังคนทั้งปวงที่วางใจในพระองค์.” (สุภาษิต 30:5) แล้วอาฆูรได้พาดพิงถึงสิ่งมีชีวิตหลายชนิดที่พระเจ้าได้สร้าง ทั้งใหญ่และเล็ก. ตัวอย่างเช่น ในข้อ 24 ถึง 28 (ล.ม.) ท่านพรรณนาถึง “สี่สิ่งที่เล็กที่สุดในแผ่นดินโลก แต่มีปัญญาโดยสัญชาตญาณ.” นั่นคือมด, ตุ่น, ตั๊กแตน, และตุ๊กแก.
“มีปัญญาโดยสัญชาตญาณ”—ใช่ พวกสัตว์ถูกสร้างให้เป็นอย่างนั้น. มันไม่คิดหาเหตุผลอย่างมนุษย์ แต่อาศัยปัญญาที่ติดตัวมาแต่เกิด. คุณเคยรู้สึกทึ่งในเรื่องนี้ไหม? พวกมันเป็นสิ่งถูกสร้างที่มีระเบียบจริง ๆ! ตัวอย่างเช่น มดมีการจัดเป็นพวก ๆ ซึ่งรวมไว้ด้วยมดราชินี, มดงาน, และมดทหาร. ในมดบางชนิด มดงานถึงกับจัดให้ฝูงเพลี้ยอยู่ด้วยกันในบริเวณที่มีที่กั้นล้อมรอบซึ่งพวกมันสร้างไว้. ที่นั่น พวกมันเอาน้ำหวานจากตัวเพลี้ย ขณะที่มดทหารขับไล่ศัตรูที่บุกรุก. มีคำเตือนที่สุภาษิต 6:6 ดังนี้: “ไปดูมดซิ, เจ้าขี้เกียจ; จงพิจารณาทางทั้งหลายของมัน, และจงฉลาดขึ้น.” ตัวอย่างนี้น่าจะกระตุ้นมนุษย์เราให้มี “มากมายหลายสิ่งที่จะให้ทำในงานขององค์พระผู้เป็นเจ้า” มิใช่หรือ?—1 โกรินโธ 15:58, ล.ม.
มนุษย์สร้างเครื่องบินขนาดมหึมา. แต่นกต่าง ๆ มีความคล่องตัวยิ่งกว่าสักเพียงไร ซึ่งรวมทั้งนกฮัมมิงเบิร์ดซึ่งมีน้ำหนักแค่ไม่กี่กรัม! เครื่องบินโบอิง 747 ต้องบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงถึง 180,000 ลิตร ปฏิบัติงานโดยลูกเรือที่ได้รับการฝึก, และใช้ระบบนำร่องที่ซับซ้อนเพื่อจะบินข้ามมหาสมุทร. แต่นกฮัมมิงเบิร์ดตัวกระจ้อยร่อยอาศัยเชื้อเพลิงจากไขมันแค่หนึ่งกรัมเพื่อจะบินตลอดระยะทางจากอเมริกาเหนือข้ามอ่าวเม็กซิโก และเข้าสู่อเมริกาใต้. ไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงหนักอึ้ง, ไม่มีการฝึกในเรื่องการนำร่อง, ไม่มีแผนที่หรือคอมพิวเตอร์ที่สลับซับซ้อน! ความสามารถนี้เป็นผลจากกระบวนวิวัฒนาการโดยบังเอิญไหม? ไม่มีทาง! นกตัวน้อยนี้มีปัญญาโดยสัญชาตญาณ ถูกกำหนดโปรแกรมทางชีววิทยาไว้โดยพระเจ้ายะโฮวา พระผู้สร้างตัวมัน.
[รูปภาพหน้า 10]
สิ่งทรงสร้างหลายหลากของ “พระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาล” เชิดชูพระเกียรติของพระองค์
[รูปภาพหน้า 15]
เหมือนที่โมเซกับชนยิศราเอลทั้งปวงฉลองชัยแห่งพระยะโฮวาที่ทะเลแดงจะมีความปีติยินดีมากมายหลังอาร์มาเก็ดดอน