“ท่านทั้งหลายจงสรรเสริญพระยะโฮวาเถิด!”
“ท่านทั้งหลายจงสรรเสริญพระยะโฮวาเถิด!”
“ให้สรรพสัตว์ที่มีลมหายใจสรรเสริญพระยะโฮวา.”—บทเพลงสรรเสริญ 150:6.
1, 2. (ก) ศาสนาคริสเตียนแท้เจริญรุ่งเรืองถึงขนาดไหนในศตวรรษแรก? (ข) พวกอัครสาวกให้คำเตือนอะไรไว้ล่วงหน้า? (ค) การออกหากเกิดขึ้นอย่างไร?
พระเยซูทรงจัดระเบียบเหล่าสาวกให้เป็นประชาคมคริสเตียนซึ่งเจริญรุ่งเรืองในศตวรรษแรก. ทั้ง ๆ ที่มีการต่อต้านทางศาสนาอย่างรุนแรง “กิตติคุณ . . . ได้ประกาศแล้วแก่มนุษย์ทุกคนที่อยู่ใต้ฟ้า.” (โกโลซาย 1:23) แต่ภายหลังการสิ้นชีวิตของเหล่าอัครสาวกของพระเยซูคริสต์ ซาตานได้ปลุกปั่นให้เกิดการออกหากอย่างแนบเนียน.
2 พวกอัครสาวกได้ให้คำเตือนล่วงหน้าแล้วในเรื่องนี้. ตัวอย่างเช่น เปาโลบอกพวกผู้ปกครองจากเอเฟโซดังนี้: “จงเอาใจใส่ตัวของท่านและฝูงแกะทั้งสิ้นที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงแต่งตั้งท่านไว้เป็นผู้ดูแล เพื่อบำรุงเลี้ยงประชาคมของพระเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงซื้อไว้ด้วยพระโลหิตแห่งพระบุตรของพระองค์เอง. ข้าพเจ้าทราบอยู่ว่า เมื่อข้าพเจ้าไปแล้ว ฝูงสุนัขป่าที่กดขี่จะเข้ามาปะปนในพวกท่าน และจะไม่ปฏิบัติต่อฝูงแกะด้วยความอ่อนโยน และจากท่ามกลางพวกท่านจะมีบางคนตั้งตัวขึ้นพูดบิดเบือนชักนำเหล่าสาวกให้หลงตามเขาไป.” (กิจการ 20:28-30, ล.ม.; ดู 2 เปโตร 2:1-3; 1 โยฮัน 2:18, 19 ด้วย.) ด้วยวิธีนี้เอง ในศตวรรษที่สี่ ศาสนาคริสเตียนที่ออกหากได้เริ่มร่วมมือกับจักรวรรดิโรมัน. ไม่กี่ศตวรรษต่อมา ด้วยการมีความสัมพันธ์กับโปปแห่งโรม จักรวรรดิโรมันบริสุทธิ์จึงได้ปกครองมนุษยชาติส่วนใหญ่. ต่อมา การปฏิรูปโปรเตสแตนต์ได้ขืนอำนาจต่อต้านการชั่วของคริสตจักรคาทอลิก แต่การปฏิรูปนี้ก็ไม่ได้ฟื้นหลักการคริสเตียนแท้ขึ้นมาอีก.
3. (ก) ข่าวดีได้รับการประกาศแก่ทุกชีวิตเมื่อไรและอย่างไร? (ข) การคาดหมายอะไรโดยอาศัยคัมภีร์ไบเบิลได้เป็นจริงขึ้นในปี 1914?
3 อย่างไรก็ตาม ในตอนปลาย ๆ ศตวรรษที่ 19 กลุ่มนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่จริงใจก็ได้เอาการเอางานประกาศและแพร่ ‘ความหวังแห่งข่าวดีแก่ทุกชีวิตทั่วใต้ฟ้า’ อีกครั้ง. โดยอาศัยการศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล กลุ่มนี้ได้ชี้ให้เห็นนานกว่า 30 ปีล่วงหน้าว่า ปี 1914 จะเป็นปีที่บอกตอนสิ้นสุดของ “เวลากำหนดของคนต่างประเทศ” คือระยะเวลา “เจ็ดวาระ” หรือ 2,520 ปี ซึ่งเริ่มต้นด้วยการที่ยะรูซาเลมร้างเปล่าในปี 607 ก่อนสากลศักราช. (ลูกา 21:24; ดานิเอล 4:16) เป็นจริงตามคาดหมาย ปี 1914 เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อในความเป็นไปของมนุษย์บนแผ่นดินโลก. เหตุการณ์สำคัญยิ่งได้เกิดขึ้นในสวรรค์เช่นกัน. ในเวลานั้นเองที่พระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาลทรงตั้งพระเยซูคริสต์ กษัตริย์ปกครองร่วมกับพระองค์ ให้ประทับบัลลังก์ในสวรรค์ เป็นการเตรียมการไว้เพื่อกวาดล้างความชั่วทั้งสิ้นจากแผ่นดินโลกนี้และสร้างอุทยานขึ้นใหม่อีกครั้ง.—บทเพลงสรรเสริญ 2:6, 8, 9; 110:1, 2, 5.
ดูสิ กษัตริย์มาซีฮา!
4. พระเยซูทรงปฏิบัติตามความหมายของพระนามมิคาเอลของพระองค์อย่างไร?
4 ในปี 1914 พระเยซู กษัตริย์มาซีฮาองค์นี้ทรงเริ่มปฏิบัติการ. ในคัมภีร์ไบเบิลพระองค์ทรงมีพระนามว่ามิคาเอลอีกด้วย ซึ่งหมายความว่า “ใครจะเหมือนพระเจ้า?” เนื่องจากพระองค์ทรงตั้งพระทัยจะพิสูจน์ความถูกต้องแห่งพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวา. ดังบันทึกไว้ที่วิวรณ์ 12:7-12 (ล.ม.) อัครสาวกโยฮันพรรณนาด้วยนิมิตถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นดังนี้: “เกิดสงครามขึ้นในสวรรค์: มิคาเอลกับเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ได้สู้รบกับพญานาค และพญานาคกับเหล่าทูตสวรรค์ของมันก็สู้รบ แต่มันไม่ชนะ ทั้งไม่มีที่สำหรับพวกมันอีกต่อไปในสวรรค์. แล้วพญานาคใหญ่ก็ถูกเหวี่ยงลง งูตัวแรกเดิมนั้น ผู้ถูกเรียกว่าพญามารและซาตาน ผู้ชักนำแผ่นดินโลกทั้งสิ้นที่มีคนอาศัยอยู่ให้หลง; มันถูกเหวี่ยงลงที่แผ่นดินโลก และเหล่าทูตสวรรค์ของมันก็ถูกเหวี่ยงลงพร้อมกับมัน.” เป็นการตกลงมาครั้งใหญ่จริง ๆ!
5, 6. (ก) หลังจากปี 1914 มีเสียงประกาศกึกก้องเช่นไรจากสวรรค์? (ข) มัดธาย 24:3-13 เชื่อมโยงกับเรื่องนี้อย่างไร?
5 ครั้นแล้ว มีเสียงประกาศกึกก้องในสวรรค์ว่า “บัดนี้ความรอดและฤทธิ์เดชและราชอาณาจักรของพระเจ้าของเรา และอำนาจของพระคริสต์ของพระองค์ได้มาถึงแล้ว เพราะว่าผู้กล่าวโทษพี่น้องของเราถูกเหวี่ยงลงแล้ว ผู้ซึ่งกล่าวโทษพวกเขาทั้งวันทั้งคืนต่อพระพักตร์พระเจ้าของเรา! และพวกเขา [คริสเตียนที่ซื่อสัตย์] ได้มีชัยชนะต่อมันเนื่องด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก [พระเยซูคริสต์] และเนื่องด้วยถ้อยคำแห่งการให้คำพยานของเขา และพวกเขาไม่ได้รักจิตวิญญาณของตนแม้จะเผชิญกับความตาย.” นี่หมายถึงการช่วยให้รอดสำหรับผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงที่ได้แสดงความเชื่อในเครื่องบูชาไถ่อันล้ำค่าของพระเยซู.—สุภาษิต 10:2; 2 เปโตร 2:9.
6 เสียงดังในสวรรค์นั้นประกาศต่อไปว่า “ด้วยเหตุนี้ จงยินดีเถิด สวรรค์ทั้งหลายและผู้ที่อยู่ในนั้น! วิบัติแก่แผ่นดินโลกและทะเล เพราะพญามารได้ลงมาถึงพวกเจ้าแล้ว มีความโกรธยิ่งนัก ด้วยรู้ว่ามันมีระยะเวลาอันสั้น.” “วิบัติ” สำหรับแผ่นดินโลกที่พยากรณ์ถึงด้วยวิธีนี้ได้ปรากฏให้เห็นในสงครามโลก, การขาดแคลนอาหาร, โรคระบาด, แผ่นดินไหว, และการละเลยกฎหมายซึ่งทรมานโลกในศตวรรษนี้. ดังที่มัดธาย 24:3-13 กล่าวไว้ พระเยซูทรงบอกล่วงหน้าว่า สิ่งเหล่านี้จะเป็นส่วนของ ‘สัญลักษณ์แห่งช่วงอวสานของระบบนี้.’ เป็นจริงตามคำพยากรณ์ ตั้งแต่ปี 1914 มนุษยชาติประสบวิบัติบนแผ่นดินโลกอย่างที่ไม่มีครั้งใดในประวัติศาสตร์ทั้งสิ้นของมนุษย์เทียบเท่า.
7. เหตุใดพยานพระยะโฮวาจึงประกาศด้วยความเร่งด่วน?
มัดธาย 12:21 (ฉบับแปลใหม่) กล่าวถึงพระเยซูดังนี้: “บรรดาประชาชาติจะฝากความหวังไว้กับท่าน”! สภาพการณ์ที่บอบช้ำท่ามกลางนานาชาติเป็นเครื่องหมายบอกไม่เพียง ‘สัญลักษณ์แห่งช่วงอวสานของระบบนี้’ เท่านั้น แต่บอกถึง ‘สัญลักษณ์แห่งการประทับของพระเยซู’ ในฐานะมหากษัตริย์ในสวรรค์แห่งราชอาณาจักรมาซีฮาด้วย. เกี่ยวกับราชอาณาจักรนั้น พระเยซูตรัสต่อไปดังนี้: “ข่าวดีแห่งราชอาณาจักรนี้จะได้รับการประกาศทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่ เพื่อให้คำพยานแก่ทุกชาติ; และครั้นแล้วอวสานจะมาถึง.” (มัดธาย 24:14, ล.ม.) ชนกลุ่มเดียวบนแผ่นดินโลกที่ประกาศความหวังอันเยี่ยมยอดเรื่องการปกครองของราชอาณาจักรของพระเจ้าคือใคร? ก็คือพยานพระยะโฮวา! ด้วยความเร่งด่วน พวกเขาประกาศในที่สาธารณะและตามบ้านว่า ราชอาณาจักรแห่งความชอบธรรมและสันติสุขของพระเจ้ากำลังจะเข้าควบคุมเรื่องราวบนแผ่นดินโลก. คุณร่วมในงานประกาศนี้ไหม? ไม่มีสิทธิพิเศษอื่นใดยิ่งใหญ่กว่านี้ที่คุณจะมีได้!—2 ติโมเธียว 4:2, 5.
7 ในยุคแห่งความวิบัติเนื่องจากซาตานนี้ มนุษยชาติจะหาพบความหวังสำหรับอนาคตได้ไหม? ได้สิ เพราะ“อวสาน” มาถึงอย่างไร?
8, 9. (ก) การพิพากษาเริ่มต้น “กับราชนิเวศของพระเจ้า” อย่างไร? (ข) คริสต์ศาสนจักรละเมิดพระคำของพระเจ้าอย่างไร?
8 มนุษยชาติได้เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการพิพากษา. เราได้รับแจ้งที่ 1 เปโตร 4:17 (ล.ม.) ว่า การพิพากษาเริ่มต้น “กับราชนิเวศของพระเจ้า”—คือการพิพากษาองค์การต่าง ๆ ที่ประกาศตัวเป็นคริสเตียนซึ่งปรากฏขึ้นตั้งแต่ “สมัยสุดท้าย” เริ่มต้นด้วยการเข่นฆ่าในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งระหว่างปี 1914 ถึง 1918. คริสต์ศาสนจักรเป็นไปอย่างไรในการพิพากษานี้? ขอพิจารณาฐานะของคริสตจักรต่าง ๆ ในการสนับสนุนสงครามต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 1914 ก็แล้วกัน. พวกนักเทศน์นักบวชเปรอะด้วย “โลหิตแห่งจิตวิญญาณของคนยากจนที่ปราศจากผิด” ที่พวกเขาได้เทศน์สั่งสอนให้เข้าสู่การสู้รบมิใช่หรือ?—ยิระมะยา 2:34.
9 ดังบันทึกในมัดธาย 26:52 พระเยซูตรัสว่า “บรรดาผู้ถือดาบจะต้องพินาศเพราะดาบ.” ช่างเป็นจริงสักเพียงไรในสงครามต่าง ๆ แห่งศตวรรษนี้! พวกนักเทศน์นักบวชได้เทศน์กระตุ้นคนหนุ่ม ๆ สังหารคนหนุ่มอื่น ๆ แม้กระทั่งคนที่อยู่ในศาสนาเดียวกับตน—ชาวคาทอลิกฆ่าชาวคาทอลิกและชาวโปรเตสแตนต์ฆ่าชาวโปรเตสแตนต์. ลัทธิชาตินิยมได้รับการยกย่องเหนือพระเจ้าและพระคริสต์. เมื่อเร็ว ๆ นี้เอง ในบางประเทศในแอฟริกา ความผูกพันด้านเผ่าพันธุ์ถูกจัดให้ขึ้นหน้าหลักการในคัมภีร์ไบเบิล. ในรวันดา ที่ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นคาทอลิก อย่างน้อยห้าแสนคนถูกสังหารหมู่ในความรุนแรงด้านเผ่าพันธุ์. โปปยอมรับในหนังสือพิมพ์โลแซร์วาโตเร โรมาโน ของวาติกันดังนี้: “นี่เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างแน่นอน ซึ่งนับว่าน่าเสียดายที่แม้แต่ชาวคาทอลิกก็มีส่วนร่วมด้วย.”—เทียบกับยะซายา 59:2, 3; มีคา 4:3, 5.
10. พระยะโฮวาจะทรงลงโทษตามคำพิพากษาอะไรแก่ศาสนาเท็จ?
10 พระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาลทรงถือว่าศาสนาต่าง ๆ ที่สนับสนุนผู้คนให้สังหารกันหรือที่อยู่เฉย ๆ ในขณะที่สมาชิกแห่งฝูงแกะของเขาฆ่าสมาชิกคนอื่นนั้นเป็นอย่างไร? เกี่ยวกับบาบูโลนใหญ่ ระบบศาสนาเท็จทั่วโลก วิวรณ์ 18:21, 24 (ล.ม.) บอกเราดังนี้: “ทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์องค์หนึ่งได้ยกหินก้อนหนึ่งดุจหินโม่ใหญ่ขึ้นและเหวี่ยงลงในทะเล และกล่าวว่า ‘อย่างนี้แหละ บาบูโลนเมืองใหญ่จะถูกเหวี่ยงลงโดยฉับไว และจะไม่มีใครพบอีกเลย. ถูกแล้ว ในเมืองนั้นได้พบเลือดของผู้พยากรณ์และของผู้บริสุทธิ์และของคนทั้งปวงที่ถูกฆ่าฟันบนแผ่นดินโลก.’”
11. สิ่งน่าเกลียดอะไรได้เกิดขึ้นในคริสต์ศาสนจักร?
11 ในความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล สิ่งน่าเกลียดได้เกิดขึ้นในคริสต์ศาสนจักร. (เทียบกับยิระมะยา 5:30, 31; 23:14.) ส่วนใหญ่เนื่องจากเจตคติที่ปล่อยตามใจของพวกนักเทศน์นักบวช ฝูงแกะของพวกเขาปล่อยตัวไปกับการผิดศีลธรรม. ในสหรัฐซึ่งถือกันว่าเป็นชาติคริสเตียน ราวครึ่งหนึ่งของการสมรสทั้งสิ้นจบลงด้วยการหย่าร้าง. การตั้งครรภ์ของวัยรุ่นและการรัก ร่วมเพศท่ามกลางสมาชิกโบสถ์มีมากจนเกินจะควบคุมได้. พวกบาทหลวงทำผิดทางเพศต่อเด็ก ๆ และมีหลายกรณีด้วย. กล่าวกันว่า การตกลงกันในศาลที่เกี่ยวข้องในคดีเหล่านี้อาจทำให้คริสตจักรคาทอลิกในสหรัฐต้องจ่ายนับหมื่นล้านบาทภายในหนึ่งทศวรรษ. คริสต์ศาสนจักรไม่ใส่ใจคำเตือนของอัครสาวกเปาโลใน 1 โกรินโธ 6:9, 10 (ล.ม.) ที่ว่า “อะไรกัน! ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าคนอธรรมจะไม่ได้รับราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก? อย่าให้ใครชักนำท่านให้หลง. คนผิดประเวณี หรือคนบูชารูปเคารพ หรือคนเล่นชู้ หรือชายเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ผิดธรรมชาติ หรือชายที่นอนกับชายด้วยกัน หรือขโมย, หรือคนโลภ, หรือนักเลงสุรา, หรือคนด่าประจาน, หรือคนกรรโชก จะไม่ได้รับราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก.”
12. (ก) พระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาลจะทรงลงมือปฏิบัติอย่างไรต่อบาบูโลนใหญ่? (ข) ตรงข้ามกับคริสต์ศาสนจักร ไพร่พลของพระเจ้าจะร้องประสานเสียง “ฮัลเลลูยาห์” ด้วยเหตุผลอะไร?
12 ไม่ช้า พระยะโฮวา พระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาล ซึ่งปฏิบัติการโดยทางพระเยซูคริสต์ จอมทัพของพระองค์ในสวรรค์ จะปล่อยให้ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่เกิดขึ้น. ก่อนใครอื่น คริสต์ศาสนจักรกับสาขาอื่น ๆ ทั้งสิ้นของบาบูโลนใหญ่จะได้รับการลงโทษตามคำพิพากษาของพระยะโฮวา. (วิวรณ์บท 17:16, 17) พวกเขาได้แสดงตนว่าไม่คู่ควรกับความรอดซึ่งพระยะโฮวาทรงจัดเตรียมโดยทางเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซู. พวกเขาหมิ่นประมาทพระนามบริสุทธิ์ของพระเจ้า. (เทียบกับยะเอศเคล 39:7.) ช่างน่าขันเสียจริงที่พวกเขาร้องประสานเสียง “ฮัลเลลูยาห์” ในอาคารศาสนาอันโอ่อ่าของเขา! พวกเขาลบพระนามอันเลอเลิศของพระยะโฮวาออกจากคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลต่าง ๆ ของเขา แต่ดูเหมือนลืมนึกถึงข้อเท็จจริงที่ว่า “ฮัลเลลูยาห์” หมายความว่า “จงสรรเสริญยาห์”—“ยาห์” ซึ่งเป็นคำย่อของ “ยะโฮวา.” อย่างเหมาะสม วิวรณ์บท 19:1-6 บันทึกการร้องประสานเสียง “ฮัลเลลูยาห์” ซึ่งจะมีการร้องในไม่ช้าในงานฉลองการที่พระเจ้าทรงลงโทษตามคำพิพากษาแก่บาบูโลนใหญ่.
13, 14. (ก) เหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้นต่อไป? (ข) อะไรคือผลที่น่ายินดีสำหรับมนุษย์ที่เกรงกลัวพระเจ้า?
มัดธาย 25:31-34, ล.ม.) ข้อ 46 (ล.ม.) กล่าวต่อไปว่า ชนจำพวกแพะ “จะไปสู่การตัดขาดเป็นนิตย์ แต่ผู้ชอบธรรมจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์.”
13 ลำดับต่อไปคือการที่พระเยซู “เสด็จมา” เพื่อแถลงและดำเนินการลงโทษตามคำพิพากษาแก่ชาติและชนชาติทั้งหลาย. พระองค์เองทรงพยากรณ์ไว้ดังนี้ “เมื่อบุตรมนุษย์ [พระเยซูคริสต์] เสด็จมาด้วยสง่าราศีของพระองค์ พร้อมด้วยหมู่ทูตสวรรค์ทั้งสิ้น ครั้นแล้วพระองค์จะทรงประทับลงบนราชบัลลังก์ [การพิพากษา] อันรุ่งโรจน์ของพระองค์. และชาติทั้งปวง [บนแผ่นดินโลก] จะถูกรวบรวมเข้ามาเฉพาะพระพักตร์พระองค์ และพระองค์จะทรงแยกผู้คนออกจากกันเหมือนผู้เลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ. และพระองค์จะทรงจัดแกะให้อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ ฝ่ายแพะไว้เบื้องซ้าย. แล้วกษัตริย์จะตรัสแก่พวกเหล่านั้นทางเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ว่า ‘มาเถิด เจ้าทั้งหลาย ซึ่งได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา จงมารับราชอาณาจักรเป็นมรดกซึ่งตระเตรียมไว้สำหรับพวกเจ้าตั้งแต่การวางรากฐานโลก.” (14 พระธรรมวิวรณ์พรรณนาถึงวิธีที่ ในคราวนั้น “กษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลายและเจ้านายแห่งเจ้านายทั้งหลาย” คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราในสวรรค์ จะทรงควบม้าเข้าสู่สงคราม ณ อาร์มาเก็ดดอน เพื่อทำลายองค์ประกอบทางการเมืองและการค้าแห่งระบบของซาตาน. ด้วยวิธีนี้ พระคริสต์จะทรงเท “พระพิโรธแห่งความกริ้วของพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ” ลงเหนืออาณาเขตทั้งสิ้นของซาตานบนแผ่นดินโลก. เมื่อ ‘สิ่งเหล่านั้นที่มีอยู่เดิมได้ผ่านพ้นไปแล้ว’ มนุษย์ที่เกรงกลัวพระเจ้าจะเข้าสู่โลกใหม่อันรุ่งโรจน์ ที่ซึ่งพระเจ้า “จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของพวกเขา.”—วิวรณ์ 19:11-16; 21:3-5, ล.ม.
เวลาที่จะสรรเสริญยาห์
15, 16. (ก) เหตุใดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะเอาใจใส่ถ้อยคำเชิงพยากรณ์ของพระยะโฮวา? (ข) พวกผู้พยากรณ์และเหล่าอัครสาวกบ่งว่าเราต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับความรอด และเรื่องนี้อาจหมายถึงอะไรสำหรับคนมากมายในทุกวันนี้?
15 วันแห่งการสำเร็จโทษตามคำพิพากษานั้นใกล้จะถึงแล้ว! ฉะนั้น เป็นการดีที่เราพึงเอาใจใส่ถ้อยคำเชิงพยากรณ์ของพระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาล. สำหรับคนที่ยังหลงติดอยู่ในคำสอนและธรรมเนียมของศาสนาเท็จ เสียงในสวรรค์ประกาศดังนี้: “จงออกไปจากเมืองนั้นเถิด ประชาชนของเรา ถ้าพวกเจ้าไม่อยากจะมีส่วนในบาปของเมืองนั้น และถ้าพวกเจ้าไม่อยากจะได้รับส่วนแห่งภัยพิบัติของเมืองนั้น.” แต่ผู้ที่หนีออกมานั้นต้องไปไหน? ความจริงมีได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ฉะนั้น จึงมีศาสนาแท้เพียงศาสนาเดียว. (วิวรณ์ 18:4, ล.ม.; โยฮัน 8:31, 32; 14:6; 17:3) การที่เราจะได้รับชีวิตนิรันดร์นั้นขึ้นอยู่กับการพบศาสนานั้นและเชื่อฟังพระเจ้าแห่งศาสนานั้น. คัมภีร์ไบเบิลชี้นำเรามาหาพระองค์ที่บทเพลงสรรเสริญ 83:18 ซึ่งอ่านว่า “พระองค์ผู้เดียว, ผู้ทรงพระนามว่าพระยะโฮวา เป็นพระเจ้าใหญ่ยิ่งทรงครอบครองทั่วแผ่นดินโลก.”
16 อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องทำมากกว่าเพียงรู้จักพระนามของพระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาล. เราต้องศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและเรียนรู้เกี่ยวกับคุณลักษณะและพระประสงค์อันดีเลิศของพระองค์. ครั้นแล้วเราต้องทำตามพระทัยประสงค์ของพระองค์สำหรับสมัยนี้ ดังที่บ่งไว้ในโรม 10:9-13 (ล.ม.). อัครสาวกเปาโลยกเอาคำพยากรณ์ที่มีขึ้นโดยการดลใจมากล่าวและสรุปว่า “ทุกคนที่ออกพระนามพระยะโฮวาจะรอด.” (โยเอล 2:32; ซะฟันยา 3:9) รอดหรือ? ใช่ สำหรับคนมากมายที่แสดงความเชื่อในเครื่องบูชาไถ่ซึ่งพระยะโฮวาทรงจัดเตรียมผ่านทางพระคริสต์จะได้รับการช่วยให้รอดจากความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง เมื่อมีการลงโทษตามคำพิพากษาแก่โลกที่เสื่อมทรามของซาตาน.—วิวรณ์ 7:9, 10, 14.
17. ความหวังอันเยี่ยมยอดอะไรควรกระตุ้นใจเราให้ร่วมในการร้องเพลงของโมเซและของพระเมษโปดกในขณะนี้?
17 พระทัยประสงค์ที่พระเจ้ามีสำหรับคนที่หวังจะรอดชีวิตนั้นคืออย่างไร? พระประสงค์นั้นคือว่า ให้เราร่วมในการร้องเพลงของโมเซและของพระเมษโปดกแม้แต่ในขณะนี้ สรรเสริญพระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาลด้วยความคาดหมายชัยชนะของพระองค์. เราทำเช่นนี้ด้วยการบอกคนอื่น ๆ ถึงพระประสงค์อันเลอเลิศของพระองค์. ยะซายา 65:17-19 (ล.ม.): “นี่แน่ะ เรากำลังสร้างฟ้าสวรรค์ใหม่ [ราชอาณาจักรมาซีฮาของพระเยซู] และแผ่นดินโลกใหม่ [สังคมใหม่อันชอบธรรมแห่งมนุษยชาติ]; และสิ่งก่อนนั้นจะไม่ระลึกถึงอีก ทั้งจะไม่คำนึงถึงในหัวใจ. แต่ท่านทั้งหลาย จงยินดีปรีดา และจงปีติชื่นชมตลอดไปในสิ่งที่เรากำลังสร้างอยู่นั้น.”
ขณะที่เราก้าวหน้าในความเข้าใจคัมภีร์ไบเบิล เราอุทิศชีวิตของเราแด่พระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาล. การทำเช่นนั้นจะนำไปสู่การที่เรามีชีวิตยั่งยืนนิรันดร์ภายใต้การจัดเตรียมที่พระมหากษัตริย์องค์ทรงฤทธิ์ทรงพรรณนา ดังพบได้ที่18, 19. (ก) ถ้อยคำของดาวิดในบทเพลงสรรเสริญ 145 ควรเร้าใจเราให้ทำอะไร? (ข) เราสามารถคาดหมายอะไรจากพระหัตถ์ของพระยะโฮวาด้วยความมั่นใจ?
18 ดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญพรรณนาถึงพระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาลด้วยถ้อยคำเหล่านี้: “พระยะโฮวาเป็นองค์ยิ่งใหญ่และสมควรได้รับการสรรเสริญอย่างยิ่ง และความยิ่งใหญ่ของพระองค์นั้นเหลือที่จะรู้หมดได้.” (บทเพลงสรรเสริญ 145:3, ล.ม.) ความยิ่งใหญ่ของพระองค์เหลือจะรู้หมดได้เช่นเดียวกับขอบเขตแห่งอวกาศและนิรันดรกาล! (โรม 11:33) ขณะที่เรารับความรู้ต่อ ๆ ไปเกี่ยวกับพระผู้สร้างของเราและการจัดเตรียมของพระองค์เกี่ยวกับค่าไถ่โดยทางพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์ เราพึงต้องการสรรเสริญพระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาลของเราให้มากยิ่ง ๆ ขึ้น. เราพึงปรารถนาจะทำดังที่บทเพลงสรรเสริญ 145:11-13 (ล.ม.) ชี้แจงไว้ที่ว่า “เขาทั้งหลายจะพูดถึงสง่าราศีแห่งฐานะกษัตริย์ของพระองค์ และเขาจะเล่าถึงฤทธานุภาพของพระองค์ เพื่อประกาศให้บุตรทั้งหลายของมนุษย์ทราบถึงการอิทธิฤทธิ์ของพระองค์ และสง่าราศีแห่งความสง่างามแห่งฐานะกษัตริย์ของพระองค์. ฐานะกษัตริย์ของพระองค์ดำรงอยู่ทุกสมัยไม่มีเวลากำหนด และการปกครองของพระองค์คงอยู่ตลอดทุกชั่วอายุเรียงลำดับตามกันมา.”
19 เราสามารถคาดหมายด้วยความมั่นใจได้ว่า พระเจ้าของเราจะทรงทำให้คำสัญญาของพระองค์สำเร็จเป็นจริง ที่ว่า “พระองค์ทรงแบพระหัตถ์ของพระองค์ และประทานให้แก่สรรพสัตว์จนอิ่มหนำตามความปรารถนา.” พระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาลจะทรงประคับประคองเราผ่านอวสานแห่งสมัยสุดท้ายนี้ เพราะท่านดาวิดรับรองกับเราว่า “พระยะโฮวาทรงพิทักษ์คนทั้งปวงที่รักพระองค์ แต่คนชั่วทุกคนพระองค์จะทำลายเสียสิ้น.”—บทเพลงสรรเสริญ 145:16, 20, ล.ม.
20. คุณตอบรับอย่างไรต่อคำเชิญจากพระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาล ดังที่กล่าวไว้ในเพลงสรรเสริญห้าบทสุดท้าย?
20 แต่ละบทของเพลงสรรเสริญห้าบทสุดท้ายล้วนเริ่มต้นและจบลงด้วยคำเชิญ “ฮัลเลลูยาห์.” ดังนั้น บทเพลงสรรเสริญ 146 เชิญเราดังนี้: “ท่านทั้งหลายจงสรรเสริญพระยะโฮวา, จิตต์วิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย, จงสรรเสริญพระยะโฮวา. เมื่อข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่จะสรรเสริญพระยะโฮวา: จะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าของข้าพเจ้าในเมื่อข้าพเจ้ายังมีลมหายใจ.” คุณจะตอบรับเสียงเรียกนั้นไหม? แน่นอน คุณควรปรารถนาจะสรรเสริญพระองค์! ขอให้คุณอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นซึ่งมีพรรณนาถึงในบทเพลงสรรเสริญ 148:12, 13 (ล.ม.) ที่ว่า “พวกท่านที่เป็นคนหนุ่มและทั้งหญิงสาวพรหมจารีด้วย พวกท่านที่เป็นชายแก่พร้อมกับพวกเด็กชายด้วย. จงให้พวกเขาสรรเสริญพระนามของพระยะโฮวาเถิด เพราะพระนามของพระองค์แต่พระนามเดียวสูงจนเอื้อมไม่ถึง ศักดิ์ศรีของพระองค์เหนือแผ่นดินโลกและสวรรค์.” ขอให้เราตอบรับอย่างเต็มใจต่อคำเชิญที่ว่า “ท่านทั้งหลายจงสรรเสริญพระยะโฮวา.” ให้เราสรรเสริญพระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาลร่วมกันเป็นเสียงเดียว!
คุณมีความคิดเห็นอย่างไร?
▫ เหล่าอัครสาวกของพระเยซูเตือนล่วงหน้าถึงเรื่องอะไร?
▫ เริ่มต้นในปี 1914 ได้มีปฏิบัติการเด็ดขาดอะไรเกิดขึ้น?
▫ พระยะโฮวาจวนจะลงโทษตามคำพิพากษาอะไร?
▫ เพราะเหตุใดเวลานี้จึงเป็นเวลาสำคัญที่สุดที่จะสรรเสริญพระมหากษัตริย์แห่งนิรันดรกาล?
[คำถาม]
[กรอบหน้า 19]
ยุคแห่งความสับสนอลหม่านที่เต็มไปด้วยมหันตภัย
ที่ว่ายุคแห่งความสับสันอลหม่านเริ่มในตอนต้นศตวรรษที่ 20 นั้นมีหลายคนยอมรับ. ยกตัวอย่าง ในคำนำของหนังสือแพนแดโมเนียม โดย แดเนียล แพทริก มอยนิแฮน วุฒิสมาชิกของสหรัฐ พิมพ์ในปี 1993 ความคิดเห็นเกี่ยวกับ “มหันตภัยในปี 1914” อ่านว่า “สงครามเกิดและโลกเปลี่ยนไป—อย่างสิ้นเชิง. ปัจจุบันมีเพียงแปดประเทศบนแผ่นดินโลกที่ทั้งมีอยู่ในปี 1914 และไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองด้วยวิธีรุนแรงนับตั้งแต่นั้นมา. . . . ใน 170 ประเทศหรือราว ๆ นั้นในปัจจุบัน บางประเทศเพิ่งถูกตั้งไม่นานจึงไม่ได้ประสบความสับสนอลหม่านมากมายเมื่อเร็ว ๆ นี้.” จริงทีเดียว ยุคที่นับตั้งแต่ปี 1914 ได้รู้เห็นมหันตภัยมากมายหลายครั้ง.
อีกเล่มเหนึ่งที่พิมพ์ในปี 1993 คือหนังสือเกินการควบคุม—ความสับสนอลหม่านทั่วโลกก่อนจะถึงศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด. (ภาษาอังกฤษ) ผู้ประพันธ์คือ ซูบีกเนฟ เบรซินสกี อดีตประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ. เขาเขียนว่า “ตอนเริ่มต้นศตวรรษที่ยี่สิบนั้นมีการแสดงความยินดีต้อนรับด้วยความเห็นมากมายว่าเป็นตอนเริ่มต้นของยุคแห่งการหาเหตุผลอย่างแท้จริง. . . . ตรงข้ามกับความคาดหวังอันดีนั้น ศตวรรษที่ยี่สิบกลายเป็นศตวรรษที่มีการนองเลือดมากที่สุดและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง, ศตวรรษแห่งคำสัญญาลม ๆ แล้ง ๆ ทางการเมืองและการเข่นฆ่ากันอย่างน่าสยดสยอง. การทำทารุณถูกจัดเป็นระบบถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน, มีการจัดระบบการสังหารหมู่. ความแตกต่างระหว่างศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์เพื่อสิ่งดีกับความชั่วร้ายทางการเมืองซึ่งถูกปล่อยให้ทำกันจริง ๆ นั้นเป็นที่น่าตกตะลึง. ไม่เคยมีมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ที่การเข่นฆ่ากันมีแพร่หลายทั่วทั้งโลก ไม่เคยมีมาก่อนเลยที่มันทำลายชีวิตมากมายขนาดนั้น, ไม่เคยมีมาก่อนเลยที่การมุ่งทำลายล้างมนุษย์มีการดำเนินการด้วยความมุ่งมั่นพยายามไม่ลดละเช่นนั้นเนื่องมาจากจุดมุ่งหมายอันไร้เหตุผลด้วยความเย่อหยิ่งลำพอง.” นั่นนับว่าเป็นความจริงสักเพียงไร!
[รูปภาพหน้า 17]
มิคาเอลเหวี่ยงซาตานกับกองกำลังของมันลงมายังแผ่นดินโลกในปี 1914