วิธีที่พระเยซูคริสต์ช่วยเราได้
วิธีที่พระเยซูคริสต์ช่วยเราได้
สิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงทำเพื่อช่วยเหลือผู้คนขณะทรงอยู่บนแผ่นดินโลกนั้นนับว่ายอดเยี่ยม. เรื่องนี้เป็นความจริงถึงขนาดที่ หลังจากสาธยายเหตุการณ์มากมายเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซูแล้ว ประจักษ์พยานคนหนึ่งกล่าวว่า “อันที่จริง ยังมีอีกหลายสิ่งที่พระเยซูได้ทรงทำ ซึ่งถ้าจะเขียนให้ละเอียดครบถ้วนแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าโลกนี้คงไม่พอบรรจุม้วนหนังสือเหล่านั้นได้.” (โยฮัน 21:25, ล.ม.) เนื่องจากพระเยซูทรงกระทำมากมายหลายสิ่งบนแผ่นดินโลก เราอาจถามว่า ‘พระองค์จะเป็นผู้ช่วยเหลือของเราในสวรรค์ได้โดยวิธีใด? เราสามารถได้รับประโยชน์จากความเมตตาสงสารอันอ่อนละมุนของพระเยซูในขณะนี้ไหม?’
คำตอบทำให้หัวใจอบอุ่นอย่างยิ่งและทำให้มั่นใจ. คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่าพระคริสต์เสด็จเข้าไป “ในสวรรค์นั้นเอง. และบัดนี้ทรงปรากฏจำเพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่อเราทั้งหลาย.” (เฮ็บราย 9:24) พระองค์ทรงทำอะไรเพื่อเรา? อัครสาวกเปาโลอธิบายว่า “[พระคริสต์] ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป, แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เอง, เสด็จเข้าไปในที่บริสุทธิ์นั้น [“สวรรค์นั้นเอง”] แต่เพียงครั้งเดียว, และทรงได้ความรอดนิรันดร์ไว้ [“สำหรับเรา,” ล.ม.].”—เฮ็บราย 9:12; 1 โยฮัน 2:2.
นั่นช่างเป็นข่าวดีจริง ๆ! แทนที่จะทำให้งานอันน่าพิศวงของพระเยซูเพื่อประโยชน์ของผู้คนสิ้นสุดลง การเสด็จขึ้นสวรรค์ทำให้พระองค์สามารถกระทำมากขึ้นอีกสำหรับมนุษยชาติ. นั่นเป็นเพราะพระเจ้า ด้วยความกรุณาใหญ่ยิ่งอันไม่พึงได้รับของพระองค์ ทรงแต่งตั้งพระเยซูให้รับใช้ฐานะเป็น “ผู้ปฏิบัติ [“ผู้รับใช้สาธารณะ,” ล.ม.]” คือมหาปุโรหิตซึ่ง “ประทับเบื้องขวาพระที่นั่งแห่งผู้ทรงเดชานุภาพในฟ้าสวรรค์.”—เฮ็บราย 8:1, 2.
“ผู้รับใช้สาธารณะ”
ดังนั้นแล้ว ในสวรรค์พระเยซูจะเป็นผู้รับใช้สาธารณะสำหรับมนุษยชาติ. พระองค์จะทรงทำงานเหมือนที่มหาปุโรหิตของชาติยิศราเอลทำเพื่อประโยชน์ของผู้นมัสการพระเจ้าในสมัยโบราณ. และงานนั้นคืออะไร? เปาโลอธิบายว่า“ทรงตั้งมหาปุโรหิตทุกคนขึ้นเพื่อจะให้ถวายของให้และเครื่องบูชา เหตุฉะนั้นท่านผู้นี้ [พระเยซูคริสต์ที่เสด็จขึ้นสวรรค์แล้ว] จำเป็นต้องมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดถวายด้วย.”—เฮ็บราย 8:3.
พระเยซูมีอะไรบางอย่างที่จะถวายซึ่งดีกว่าสิ่งที่มหาปุโรหิตสมัยโบราณเคยถวายนั้น. “ถ้าเลือดแพะและเลือดวัวตัวผู้” สามารถนำความสะอาดทางฝ่ายวิญญาณระดับหนึ่งมาสู่ชาติยิศราเอลโบราณแล้ว “ยิ่งกว่านั้นสักเท่าไรพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ . . . จะได้ทรงชำระใจวินิจฉัยผิดและชอบของท่านทั้งหลายให้พ้นจากการประพฤติที่ตายแล้ว, เพื่อจะได้ปฏิบัติพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่.”—เฮ็บราย 9:13, 14.
พระเยซูทรงเป็นผู้รับใช้สาธารณะที่โดดเด่นด้วย เพราะพระองค์ได้รับอมตภาพ. ในยิศราเอลโบราณ “ปุโรหิตเหล่านั้นก็ได้ทรงตั้งขึ้นไว้หลายคน, เพราะว่าความตายได้ขัดขวางไม่ให้ดำรงอยู่ในตำแหน่งเรื่อยไป.” (เฮ็บราย 7:23) แต่จะว่าอย่างไรเกี่ยวกับพระเยซู? เปาโลเขียนว่า “พระองค์ . . . ทรงดำรงตำแหน่งปุโรหิตของพระองค์โดยไม่มีผู้สืบทอดใด ๆ. ฉะนั้น พระองค์จึงทรงสามารถช่วยคนที่เข้าเฝ้าพระเจ้าโดยทางพระองค์ให้รอดได้อย่างครบถ้วนด้วย เพราะว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่เสมอเพื่อวิงวอนแทนพวกเขา.” (เฮ็บราย 7:24, 25, ล.ม.; โรม 6:9) ถูกแล้ว ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าในสวรรค์ เรามีผู้รับใช้สาธารณะผู้ ‘ทรงพระชนม์อยู่เสมอเพื่อวิงวอนแทนพวกเรา.’ คิดดูก็แล้วกันว่านั่นหมายถึงอะไรสำหรับพวกเราขณะนี้!
เมื่อพระเยซูอยู่บนแผ่นดินโลก ผู้คนแห่กันมาหาพระองค์เพื่อได้รับความช่วยเหลือ และบางครั้งพวกเขาเดินทางเป็นระยะไกลมากเพื่อได้รับการสงเคราะห์จากพระองค์. (มัดธาย 4:24, 25) ในสวรรค์ พระเยซูทรงเป็นผู้ที่ชนจากทุกชาติสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย. จากชัยภูมิทางภาคสวรรค์ พระองค์ทรงอยู่พร้อมเสมอในฐานะผู้รับใช้สาธารณะ.
พระเยซูเป็นมหาปุโรหิตแบบไหน?
คำพรรณนาเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ที่บันทึกในเรื่องราวกิตติคุณไม่ปล่อยให้เราสงสัยเรื่องการที่พระองค์ทรงชอบช่วยเหลือและมีความเมตตาสงสารอันอ่อนละมุน. พระองค์ช่างเสียสละตัวเองสักเพียงไร! มากกว่าหนึ่งครั้ง พระองค์ถูกขัดจังหวะในการอยู่ตามลำพังขณะที่พระองค์กับเหล่าสาวกพยายามจะหยุดพักซึ่งจำเป็นยิ่ง. แทนที่จะรู้สึกว่าช่วงเวลาที่สงบเงียบอันมีค่านั้นถูกแย่งไป “พระองค์ทรงรู้สึกสงสาร” ประชาชนที่แสวงหาความช่วยเหลือจากพระองค์. แม้แต่เมื่อพระเยซูทรงเหนื่อย, หิว, และกระหายน้ำ “พระองค์ทรงต้อนรับเขา [“ด้วยความกรุณา,” ล.ม.]” และเต็มพระทัยอดอาหารถ้าพระองค์สามารถช่วยคนบาปที่จริงใจได้.—มาระโก 6:31-34, ล.ม.; ลูกา 9:11-17; โยฮัน 4:4-6, 31-34.
ด้วยความรู้สึกสงสาร พระเยซูทรงดำเนินการที่ใช้ได้จริงเพื่อสนองความต้องการด้านร่างกาย, อารมณ์, และด้านวิญญาณของผู้คน. (มัดธาย 9:35-38; มาระโก 6:35-44) ยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงสอนพวกเขาให้พบการบรรเทาและการปลอบโยนแบบถาวร. (โยฮัน 4:7-30, 39-42) ตัวอย่างเช่น คำเชิญส่วนตัวของพระองค์ช่างดึงดูดใจสักเพียงไรที่ว่า “บรรดาผู้ที่ทำงานหนักและมีภาระมาก จงมาหาเรา และเราจะทำให้เจ้าทั้งหลายสดชื่น. จงรับแอกของเราไว้บนเจ้าทั้งหลายและเรียนจากเรา เพราะเรามีจิตใจอ่อนโยนและหัวใจถ่อม และเจ้าจะได้ความสดชื่นสำหรับจิตวิญญาณของเจ้า.”—มัดธาย 11:28, 29, ล.ม.
ความรักของพระเยซูต่อผู้คนมีมากจนกระทั่งในที่สุดพระองค์ทรงประทานชีวิตเพื่อมนุษยชาติที่ผิดบาป. (โรม 5:6-8) เกี่ยวด้วยเรื่องนี้ อัครสาวกเปาโลได้หาเหตุผลว่า “พระองค์ [พระยะโฮวาพระเจ้า] มิได้ทรงสงวนแม้แต่พระบุตรของพระองค์เองไว้แต่ได้ทรงประทานพระองค์นั้นเพื่อเราทั้งปวง แล้วไฉนพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งอื่นทั้งปวงแก่เราพร้อมกับพระองค์นั้นด้วยเล่า? . . . พระคริสต์เยซูทรงเป็นผู้นั้นที่สิ้นพระชนม์ ถูกแล้ว ยิ่งกว่านั้น ทรงเป็นผู้ที่ถูกปลุกจากบรรดาคนตาย, ผู้ทรงประทับเบื้องขวาพระหัตถ์พระเจ้า, ผู้ทรงทูลอ้อนวอนเพื่อเราอีกด้วย.”—โรม 8:32-34, ล.ม.
มหาปุโรหิตซึ่งสามารถร่วมรู้สึก
ในฐานะเป็นมนุษย์ พระเยซูเคยประสบความหิวโหย, กระหายน้ำ, ความเหน็ดเหนื่อย, ความเจ็บปวดรวดร้าว, ความทุกข์ทรมาน, และความตาย. ความเครียดและความกดดันที่พระองค์ทนรับเอานั้นเตรียมพระองค์ไว้พร้อมในวิธีที่ไม่มีใดเหมือนทีเดียวที่จะรับใช้ฐานะมหาปุโรหิตเพื่อมนุษยชาติที่ทนทุกข์. เปาโลเขียนว่า “[พระเยซู] จะต้องเป็นเหมือน ‘น้อง ๆ’ ของพระองค์ในทุกด้าน เพื่อว่าพระองค์จะทรงเป็นมหาปุโรหิตที่ทรงเมตตาและซื่อสัตย์ในสิ่งต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับพระเจ้า เพื่อจะเสนอเครื่องบูชาระงับพระพิโรธสำหรับบาปของประชาชน. เพราะเหตุที่พระองค์เองได้ทรงทนลำบากเมื่อถูกทดลอง พระองค์จึงทรงสามารถช่วยผู้ที่ถูกทดลอง.”—เฮ็บราย 2:17, 18, ล.ม.; 13:8.
พระเยซูแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงมีคุณสมบัติและเต็มพระทัยจะช่วยเหลือผู้คนให้เข้ามาใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้น. อย่างไรก็ตาม นี่หมายความว่า พระองค์ต้องเกลี้ยกล่อมพระเจ้าที่โหดร้ายและไม่เมตตาผู้ซึ่งไม่เต็มพระทัยจะให้อภัยไหม? เปล่าเลยทีเดียว เพราะคัมภีร์ไบเบิลรับรองกับเราว่า “พระยะโฮวา, พระองค์ทรงคุณความดีและพร้อมจะให้อภัย.” พระคัมภีร์ยังกล่าวด้วยว่า “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และชอบธรรม ก็ทรงให้อภัยเราในบาปของเรา และทรงชำระเราให้พ้นจากความอธรรมทั้งสิ้น.” (บทเพลงสรรเสริญ 86:5, ล.ม.; 1 โยฮัน 1:9, ล.ม.) ที่จริง ถ้อยคำและการกระทำที่อ่อนโยนของพระเยซูสะท้อนให้เห็นความสงสาร, ความเมตตา, และความรักของพระบิดาเอง.—โยฮัน 5:19; 8:28; 14:9, 10.
เฮ็บราย 4:14-16, ล.ม.
พระเยซูทรงนำการบรรเทามาสู่คนบาปที่กลับใจนั้นโดยวิธีใด? โดยช่วยเหลือพวกเขาให้ประสบความยินดีและความพอใจในความพยายามอย่างจริงใจของพวกเขาที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัย. เมื่อเขียนถึงเพื่อนคริสเตียนที่ถูกเจิม เปาโลสรุปสภาพการณ์โดยกล่าวว่า “ฉะนั้น เมื่อเห็นว่าเรามีมหาปุโรหิตใหญ่ผู้ได้ผ่านฟ้าสวรรค์ คือพระเยซูพระบุตรของพระเจ้า ให้เรายึดมั่นกับการที่เราประกาศการยอมรับพระองค์. ด้วยว่าเรามีผู้ที่เป็นมหาปุโรหิต มิใช่ผู้ที่ไม่สามารถร่วมรู้สึกกับความอ่อนแอของเรา แต่ผู้ที่ได้ผ่านการทดลองมาแล้วทุกประการเหมือนพวกเรา แต่ปราศจากบาป. เหตุฉะนั้น ให้เราทั้งหลายเข้าไปถึงราชบัลลังก์แห่งพระกรุณาอันไม่พึงได้รับและพูดอย่างสะดวกใจ เพื่อเราจะได้รับความเมตตาและประสบพระกรุณาอันไม่พึงได้รับมาช่วยในเวลาอันควร.”—“ช่วยในเวลาอันควร”
แต่เราอาจทำประการใดเมื่อเผชิญกับปัญหาที่รู้สึกว่าใหญ่เกินกว่าที่เราจะรับมือได้ เช่น ความเจ็บป่วยร้ายแรง, ภาระหนักอึ้งของการรู้สึกผิด, ความท้อใจจนหมดเรี่ยวแรง, และความซึมเศร้า? เราอาจใช้ประโยชน์จากการจัดเตรียมที่พระเยซูเองทรงพึ่งอาศัยเป็นประจำนั่นเอง คือสิทธิพิเศษอันล้ำค่าของการอธิษฐาน. ตัวอย่างเช่น ในคืนก่อนที่พระองค์ประทานชีวิตเพื่อพวกเรา “พระองค์จึงทรงอธิษฐานต่อไปด้วยความเร่าร้อนยิ่งขึ้น; และพระเสโทของพระองค์กลายเป็นเหมือนหยดเลือดตกลงบนพื้นดิน.” (ลูกา 22:44, ล.ม.) ถูกแล้ว พระเยซูทรงทราบว่าการอธิษฐานถึงพระเจ้าด้วยความรู้สึกแรงกล้ายิ่งนักนั้นเป็นอย่างไร. พระองค์ “ได้ถวายคำวิงวอนและคำขอร้องด้วยเสียงดังและน้ำพระเนตรไหลถึงพระองค์ผู้ซึ่งสามารถช่วยพระองค์ให้พ้นจากความตาย และพระองค์ได้รับการสดับด้วยความพอพระทัยเนื่องด้วยพระองค์เกรงกลัวพระเจ้า.”—เฮ็บราย 5:7, ล.ม.
พระเยซูทรงทราบว่าที่จะ “ได้รับการสดับด้วยความพอพระทัย” และได้รับการชูกำลังนั้นมีความหมายสักเพียงไรสำหรับมนุษย์. (ลูกา 22:43) นอกจากนี้ พระองค์ทรงสัญญาว่า “ถ้าท่านทั้งหลายจะขอสิ่งใดจากพระบิดา, พระองค์จะทรงประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่านในนามของเรา . . . จงขอและจะได้. เพื่อความยินดีของท่านจะได้บริบูรณ์.” (โยฮัน 16:23, 24) ดังนั้น เราสามารถอ้อนวอนพระเจ้าด้วยความมั่นใจว่า พระองค์จะทรงยอมให้พระบุตรใช้อำนาจที่ได้รับและคุณค่าแห่งเครื่องบูชาไถ่ของพระองค์เพื่อประโยชน์ของพวกเรา.—มัดธาย 28:18.
เราแน่ใจได้ว่า ในตำแหน่งทางภาคสวรรค์ของพระองค์ พระเยซูจะทรงจัดเตรียมความช่วยเหลือชนิดที่ถูกต้องในเวลาอันเหมาะ. ตัวอย่างเช่น ถ้าเราได้ทำบาปซึ่งเรารู้สึกเสียใจอย่างแท้จริง เราก็อาจได้รับการปลอบโยนจากคำรับรองที่ว่า “เราก็มีผู้ช่วยเหลืออยู่กับพระบิดา คือพระเยซูคริสต์ผู้ชอบธรรม.” (1 โยฮัน 2:1, 2, ล.ม.) ผู้ช่วยเหลือและผู้ปลอบโยนของเราในสวรรค์จะวิงวอนแทนเราเพื่อคำอธิษฐานของ เราในพระนามของพระองค์และที่ประสานกับพระคัมภีร์นั้นจะได้รับคำตอบ.—โยฮัน 14:13, 14; 1 โยฮัน 5:14, 15.
การแสดงความหยั่งรู้ค่าต่อความช่วยเหลือของพระคริสต์
นอกเหนือจากการอ้อนวอนพระเจ้าผ่านทางพระบุตรของพระองค์แล้ว ยังมีสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย. ด้วยคุณค่าแห่งเครื่องบูชาไถ่ ‘พระคริสต์ด้วยการไถ่’ กลายเป็นประหนึ่ง “ผู้เป็นเจ้าของที่ได้ทรงซื้อ” เผ่าพันธุ์มนุษย์. (ฆะลาเตีย 3:13; 4:5, ล.ม.; 2 เปโตร 2:1, ล.ม.) เราสามารถแสดงความรู้สึกขอบพระคุณสำหรับทุกสิ่งที่พระคริสต์ทรงกระทำเพื่อเรา โดยการยอมรับว่าพระองค์เป็นเจ้าของตัวเราและยินดีตอบรับคำเชิญของพระองค์ที่ว่า “ถ้าผู้ใดต้องการจะตามเรามา ก็ให้ผู้นั้นปฏิเสธตัวเองและรับเอาเสาทรมานของตนวันแล้ววันเล่าแล้วติดตามเราเรื่อยไป.” (ลูกา 9:23, ล.ม.) ‘การปฏิเสธตัวเอง’ ไม่ใช่เป็นเพียงการพูดแต่ปากเกี่ยวกับการเปลี่ยนตำแหน่งเจ้าของ. ที่แท้แล้ว พระคริสต์ “สิ้นพระชนม์เพื่อคนทั้งปวงเพื่อคนที่มีชีวิตจะไม่อยู่เพื่อตนเองอีกต่อไป แต่เพื่อพระองค์ผู้ได้สิ้นพระชนม์เพื่อพวกเขา.” (2 โกรินโธ 5:14, 15, ล.ม.) เพราะฉะนั้น ความหยั่งรู้ค่าต่อค่าไถ่จะมีผลกระทบลึกซึ้งต่อแง่คิด, เป้าหมาย, และรูปแบบชีวิตของเรา. การที่เราเป็นหนี้บุญคุณไม่รู้จักจบต่อ “พระคริสต์เยซู . . . ผู้ทรงประทานพระองค์เองเพื่อเรา” น่าจะกระตุ้นเราให้เรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับพระองค์และพระยะโฮวาพระเจ้า พระบิดาองค์เปี่ยมด้วยความรักของพระองค์. เราควรต้องการจะเติบโตในความเชื่อ, ดำเนินชีวิตตามมาตรฐานอันเป็นประโยชน์ของพระเจ้า, และเป็นคน “มีใจแรงกล้าเพื่อการกระทำที่ดีงาม” ด้วย.—ติโต 2:13, 14, ล.ม.; โยฮัน 17:3.
ประชาคมคริสเตียนเป็นวิถีทางที่เราได้รับอาหารฝ่ายวิญญาณ, การให้กำลังใจ, และการนำทางที่เหมาะกับเวลา. (มัดธาย 24:45-47; เฮ็บราย 10:21-25) ตัวอย่างเช่น ถ้ามีใครป่วยฝ่ายวิญญาณ เขาก็สามารถ “เชิญบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ [ผู้ปกครองที่ได้รับการแต่งตั้ง] ของประชาคมมา.” ยาโกโบเสริมด้วยคำรับรองที่ว่า “และคำอธิษฐานด้วยความเชื่อจะทำให้ผู้ที่ไม่สบายหาย และพระยะโฮวาจะทรงพยุงเขาขึ้น. และหากเขาได้ทำบาป เขาจะได้รับการอภัย.”—ยาโกโบ 5:13-15, ล.ม.
ขอยกตัวอย่าง: ชายคนหนึ่งซึ่งถูกตัดสินจำคุกในแอฟริกาใต้ได้เขียนจดหมายถึงผู้ปกครองในประชาคมแสดงความ
หยั่งรู้ค่าต่อ “พยานพระยะโฮวาทั้งหมดซึ่งกระทำการงานที่ดีที่พระเยซูคริสต์ทรงเริ่มต้นไว้เพื่อช่วยประชาชนบากบั่นสู่ราชอาณาจักรของพระเจ้า.” จากนั้นเขาเขียนว่า “ผมรู้สึกยินดีเหลือล้นที่ได้รับจดหมายจากคุณ. ความห่วงใยของคุณต่อการไถ่ผมทางฝ่ายวิญญาณนั้นทำให้ผมซาบซึ้งตรึงใจเหลือเกิน. ผมยิ่งมีเหตุผลมากขึ้นที่จะเริ่มเอาใจใส่การร้องเรียกของพระยะโฮวาพระเจ้าที่ให้กลับใจ. เป็นเวลา 27 ปีที่ผมสะดุดล้มและหลงทางอยู่ในความมืดของบาป, การหลอกลวง, เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ แบบลักลอบ, กิจปฏิบัติที่ผิดศีลธรรม, และศาสนาที่น่าสงสัย. หลังจากผมได้รับการแนะนำให้รู้จักพยานพระยะโฮวาแล้ว ผมรู้สึกว่า ในที่สุด ผมก็ได้พบทางนั้น—ทางที่ถูกต้อง! ทั้งหมดที่ผมต้องทำก็คือดำเนินตามทางนั้น.”ความช่วยเหลือมากขึ้นในอนาคตอันใกล้
สภาพการณ์ที่เสื่อมลงของโลกเป็นหลักฐานชัดเจนว่าเรากำลังมีชีวิตอยู่ในช่วงสมัยที่สำคัญก่อนการระเบิดของ “ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่.” ขณะนี้ทีเดียว ชนฝูงใหญ่ จากชาติ, ตระกูล, ชนชาติ, และภาษาทั้งปวง ‘กำลังชำระเสื้อยาวของเขาและทำให้ขาวในพระโลหิตของพระเมษโปดก.’ (วิวรณ์ 7:9, 13, 14, ล.ม.; 2 ติโมเธียว 3:1-5) โดยการแสดงความเชื่อในเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซู พวกเขาได้รับการอภัยบาปและได้รับการช่วยให้เข้ามาสู่สัมพันธภาพใกล้ชิดกับพระเจ้า ที่จริง กลายมาเป็นมิตรของพระองค์.—ยาโกโบ 2:23.
พระเยซูคริสต์พระเมษโปดก “จะบำรุงเลี้ยง [ผู้รอดชีวิตผ่านความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่] และจะทรงนำเขาไปถึงน้ำพุทั้งหลายแห่งชีวิต. และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของเขา.” (วิวรณ์ 7:17, ล.ม.) ครั้นแล้วพระคริสต์จะปฏิบัติหน้าที่ฐานะมหาปุโรหิตจนบรรลุความสำเร็จ. พระองค์จะช่วยมวลมิตรของพระเจ้าให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จาก “น้ำพุทั้งหลายแห่งชีวิต” ทั้งทางด้านวิญญาณ, ด้านร่างกาย, จิตใจ, และด้านอารมณ์. สิ่งที่พระเยซูทรงเริ่มต้นในปี ส.ศ. 33 และสิ่งที่พระองค์ทรงทำต่อไปจากสวรรค์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจะดำเนินไปจนถึงความสมบูรณ์ในตอนนั้น.
เพราะฉะนั้น อย่าเลิกราในการแสดงความหยั่งรู้ค่าอย่างลึกซึ้งต่อทุกสิ่งที่พระเจ้าและพระคริสต์ได้ทรงกระทำ และกำลังทำอยู่เพื่อเรา. อัครสาวกเปาโลกระตุ้นว่า “จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอ. . . . อย่ากระวนกระวายด้วยสิ่งใด แต่ในทุกสิ่งจงทูลขอต่อพระเจ้าโดยการอธิษฐานและการวิงวอนพร้อมด้วยการขอบพระคุณ; แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าที่เหนือกว่าความคิดทุกอย่างจะป้องกันรักษาหัวใจและความสามารถในการคิดของท่านไว้โดยพระคริสต์เยซู.”—ฟิลิปปอย 4:4, 6, 7, ล.ม.
มีวิธีสำคัญที่จะแสดงความหยั่งรู้ค่าของคุณต่อพระเยซูคริสต์ ผู้ช่วยเหลือของเราในสวรรค์. ภายหลังดวงอาทิตย์ตกในวันพุธที่ 19 เมษายน ปี 2000 พยานพระยะโฮวาตลอดทั่วโลกจะชุมนุมกันเพื่อฉลองอนุสรณ์เกี่ยวกับการวายพระชนม์ของพระคริสต์. (ลูกา 22:19) นี่จะเป็นโอกาสให้คุณแสดงความหยั่งรู้ค่าที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นต่อเครื่องบูชาไถ่ของพระคริสต์. คุณได้รับการเชิญอย่างอบอุ่นที่สุดให้เข้าร่วมและฟังดูว่าการจัดเตรียมอันน่าพิศวงของพระเจ้าเพื่อความรอดผ่านทางพระคริสต์นั้นจะเป็นประโยชน์ถาวรแก่คุณได้อย่างไร. โปรดตรวจสอบกับพยานพระยะโฮวาในท้องถิ่นเรื่องเวลาและสถานที่ที่แน่นอนของการประชุมพิเศษนี้.
[ภาพหน้า 7]
พระเยซูทรงทราบว่าการอธิษฐานถึงพระเจ้าด้วยความรู้สึกอย่างแรงกล้านั้นเป็นอย่างไร
[ภาพหน้า 8]
พระคริสต์จะช่วยเรารับมือกับปัญหาต่าง ๆ ที่ใหญ่เกินกว่าที่เราจะรับมือได้ตามลำพัง
[ภาพหน้า 9]
พระคริสต์ทรงช่วยเราโดยทางผู้ปกครองที่เปี่ยมด้วยความรัก