ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ซื่อสัตย์และกล้าหาญเมื่อถูกกดขี่โดยพวกนาซี

ซื่อสัตย์และกล้าหาญเมื่อถูกกดขี่โดยพวกนาซี

ซื่อ​สัตย์​และ​กล้า​หาญ​เมื่อ​ถูก​กดขี่​โดย​พวก​นาซี

ใน​วัน​ที่ 17 มิถุนายน 1946 ราชินี​วิล​เฮลมีนา​แห่ง​เนเธอร์แลนด์​ส่ง​สาสน์​แสดง​ความ​เสีย​พระทัย​แก่​ครอบครัว​ที่​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ครอบครัว​หนึ่ง​ใน​กรุง​อัมสเตอร์ดัม. สาสน์​นี้​มี​จุด​ประสงค์​เพื่อ​แสดง​ความ​ชื่นชม​ต่อ​บุตร​ชาย​ของ​ครอบครัว​นั้น คือ​ยาโกบ ฟอน เบนเนโกม ซึ่ง​ถูก​พวก​นาซี​สังหาร​ระหว่าง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2. ไม่​กี่​ปี​มา​นี้ สภา​เทศบาล​เมือง​ดูติเคม เมือง​เล็ก ๆ ทาง​ภาค​ตะวัน​ออก​ของ​เนเธอร์แลนด์ ตัดสิน​ว่า​จะ​ตั้ง​ชื่อ​ถนน​สาย​หนึ่ง​ตาม​ชื่อ​ของ​แบร์นาร์ด โปลมัน ซึ่ง​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​ถูก​สังหาร​ระหว่าง​สงคราม​เช่น​กัน.

ทำไม​พวก​นาซี​เป็น​ศัตรู​กับ​ยาโกบ, แบร์นาร์ด, และ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​คน​อื่น ๆ ใน​เนเธอร์แลนด์​ระหว่าง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2? และ​อะไร​ทำ​ให้​พยาน​ฯ เหล่า​นี้​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​ภาย​ใต้​การ​ข่มเหง​อัน​ทารุณ​เป็น​เวลา​หลาย​ปี​จน​ใน​ที่​สุด​ได้​รับ​ความ​นับถือ​และ​ความ​ชื่นชม​จาก​เพื่อน​ร่วม​ชาติ​และ​พระ​ราชินี? เพื่อ​จะ​รู้​ได้ ขอ​ให้​เรา​ทบทวน​เหตุ​การณ์​บาง​อย่าง​ซึ่ง​นำ​ไป​สู่​การ​เผชิญ​หน้า​กัน​แบบ​ดาวิด​กับ​ฆาละยัธ​คือ​ระหว่าง​พยาน​พระ​ยะโฮวา​กลุ่ม​เล็ก ๆ และ​กลไก​ทาง​การ​เมือง​และ​ทาง​ทหาร​ขนาด​ยักษ์​ของ​พวก​นาซี.

ถูก​ห้าม—แต่​แข็งขัน​ยิ่ง​กว่า​เดิม

ใน​วัน​ที่ 10 พฤษภาคม 1940 กองทัพ​นาซี​บุก​เข้า​มา​ใน​ประเทศ​เนเธอร์แลนด์​อย่าง​รวด​เร็ว. เนื่อง​จาก​สรรพหนังสือ​ที่​พยาน​พระ​ยะโฮวา​จ่าย​แจก​ได้​เปิดโปง​การ​กระทำ​อัน​ชั่ว​ร้าย​ของ​ลัทธิ​นาซี​และ​สนับสนุน​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า พวก​นาซี​จึง​พยายาม​หยุด​กิจการ​งาน​ของ​พวก​พยาน​ฯ ทันที. ไม่​ถึง​สาม​สัปดาห์​หลัง​จาก​พวก​นาซี​บุก​เนเธอร์แลนด์ พวก​เขา​ออก​คำ​สั่ง​แบบ​ลับ ๆ ห้าม​งาน​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ใน​วัน​ที่ 10 มีนาคม 1941 หนังสือ​พิมพ์​ลง​ข่าว​การ​สั่ง​ห้าม​นั้น​ต่อ​สาธารณชน โดย​กล่าวหา​พยาน​ฯ ว่า​ทำ​การ​รณรงค์ “ต่อ​ต้าน​สถาบัน​ของ​รัฐ​และ​ของ​คริสตจักร​ทุก​สถาบัน.” ผล​ก็​คือ การ​ไล่​ล่า​พยาน​ฯ ทวี​ความ​รุนแรง​ยิ่ง​ขึ้น.

น่า​สนใจ แม้​พวก​เกสตาโป หรือ​หน่วย​ตำรวจ​ลับ​อัน​เลว​ทราม จับตา​ดู​ทุก​คริสตจักร​อย่าง​ใกล้​ชิด แต่​พวก​เขา​ข่มเหง​องค์การ​คริสเตียน​อย่าง​รุนแรง​เพียง​องค์การ​เดียว​เท่า​นั้น. ดร. หลุยส์ เดอ ยง นัก​ประวัติศาสตร์​ชาว​เนเธอร์แลนด์ ชี้​ให้​เห็น​ว่า “การ​ข่มเหง​จน​ตาย มุ่ง​ตรง​ไป​ที่​ศาสนา​กลุ่ม​เดียว​เท่า​นั้น​คือ​พวก​พยาน​พระ​ยะโฮวา.”—ราชอาณาจักร​เนเธอร์แลนด์​ระหว่าง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง (ภาษา​ดัตช์).

พวก​เกสตาโป​ได้​รับ​ความ​ร่วม​มือ​จาก​ตำรวจ​ดัตช์​ใน​การ​เสาะ​หา​และ​จับ​กุม​พยาน​ฯ. นอก​จาก​นั้น ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​ขลาด​กลัว​และ​ได้​ออก​หาก​ไป​ให้​ข้อมูล​เกี่ยว​กับ​อดีต​เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ​ของ​เขา​แก่​พวก​นาซี. พอ​ถึง​สิ้น​เดือน​เมษายน 1941 พยาน​ฯ 113 คน​ถูก​จับ​กุม. การ​โจมตี​อัน​รุนแรง​นี้​ทำ​ให้​งาน​ประกาศ​หยุด​ไป​ไหม?

คำ​ตอบ​อยู่​ใน​รายงาน​จาก​เนเธอร์แลนด์ (ภาษา​เยอรมัน) เอกสาร​ลับ​เฉพาะ​ซึ่ง​เตรียม​โดย​พวก​ซิเคอร์ไฮต์สโพลีไซ (ตำรวจ​รักษา​ความ​ปลอด​ภัย) ของ​เยอรมนี​ใน​เดือน​เมษายน​ปี 1941. รายงาน​นั้น​กล่าว​ถึง​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ว่า “นิกาย​ต้อง​ห้าม​นี้​ดำเนิน​กิจการ​อย่าง​เอา​จริง​เอา​จัง​ตลอด​ทั่ว​ประเทศ จัด​การ​ประชุม​ที่​ผิด​กฎหมาย​และ​ติด​ใบ​ปลิว​ซึ่ง​มี​ข้อ​ความ​เช่น ‘การ​ข่มเหง​พยาน​ของ​พระเจ้า​เป็น​อาชญากรรม’ และ ‘พระ​ยะโฮวา​จะ​ทรง​ลง​โทษ​ผู้​ข่มเหง​ด้วย​การ​ทำลาย​ตลอด​กาล.’ ” สอง​สัปดาห์​ต่อ​มา แหล่ง​เดียว​กัน​นั้น​รายงาน​ว่า “แม้​ว่า​ตำรวจ​รักษา​ความ​ปลอด​ภัย​จะ​ใช้​มาตรการ​ที่​เข้มงวด​ยิ่ง​ขึ้น​เพื่อ​ยุติ​กิจการ​ของ​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ แต่​งาน​ของ​พวก​เขา​เพิ่ม​ทวี​ต่อ​ไป.” ใช่​แล้ว ทั้ง ๆ ที่​เสี่ยง​ต่อ​การ​ถูก​จับ​กุม พวก​พยาน​ฯ ยัง​คง​ทำ​งาน​ต่อ​ไป โดย​จำหน่าย​สรรพหนังสือ​ให้​กับ​ประชาชน​ทั่ว​ไป​กว่า 350,000 ชิ้น​ใน​ปี 1941 เพียง​ปี​เดียว!

อะไร​ทำ​ให้​พยาน​ฯ กลุ่ม​เล็ก ๆ จำนวน​ไม่​กี่​ร้อย​คน​นี้​ซึ่ง​กำลัง​เพิ่ม​จำนวน​ขึ้น​มี​ความ​กล้า​ที่​จะ​ต้านทาน​ศัตรู​อัน​น่า​เกรง​ขาม? เหมือน​กับ​ผู้​พยากรณ์​ยะซายา​ที่​ซื่อ​สัตย์​ใน​สมัย​โบราณ พวก​พยาน​ฯ เกรง​กลัว​พระเจ้า ไม่​ได้​กลัว​มนุษย์. ทำไม? เพราะ​ว่า​พวก​เขา​มั่น​ใจ​ใน​คำ​รับรอง​ของ​พระ​ยะโฮวา​ที่​มี​ต่อ​ยะซายา​ที่​ว่า “เรา, เรา​เอง​นะ, เป็น​ผู้​เล้าโลม​ของ​เจ้า; ทำไม​เจ้า​จะ​ไป​กลัว​มนุษย์?”—ยะซายา 51:12.

ความ​กล้า​หาญ​ได้​รับ​ความ​นับถือ

เมื่อ​ถึง​ช่วง​สิ้น​ปี 1941 จำนวน​พยาน​ฯ ที่​ถูก​จับ​กุม​เพิ่ม​ขึ้น​เป็น 241 คน. อย่าง​ไร​ก็​ตาม มี​ไม่​กี่​คน​ยอม​แพ้​เพราะ​ความ​กลัว​มนุษย์. วิลลี ลาเกส สมาชิกตำรวจ​ลับ​ผู้​มี​ชื่อเสียง​ของ​เยอรมนี​กล่าว​ว่า “90 เปอร์เซ็นต์​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ไม่​ยอม​เปิด​เผย​อะไร​เลย ขณะ​ที่​มี​เพียง​ไม่​กี่​เปอร์เซ็นต์​ใน​ศาสนา​กลุ่ม​อื่น ๆ ที่​เข้มแข็ง​พอ​ที่​จะ​ไม่​ปริปาก.” นัก​เทศน์​ชาว​ดัตช์​ชื่อ โยฮันเนส เจ. เบอสเกส ซึ่ง​ถูก​จำ​คุก​กับ​พยาน​ฯ บาง​คน ให้​ข้อ​สังเกต​ที่​ยืน​ยัน​คำ​กล่าว​ของ​ลาเกส. ใน​ปี 1951 เบอสเกส​เขียน​ดัง​นี้:

“ใน​สมัย​นั้น ผม​เกิด​ความ​นับถือ​ต่อ​พวก​เขา​มาก เนื่อง​จาก​ความ​ไว้​วางใจ​ที่​พวก​เขา​มี​ต่อ​พระเจ้า​และ​พลัง​ความ​เชื่อ​ของ​พวก​เขา. ผม​จะ​ไม่​มี​วัน​ลืม​เด็ก​หนุ่ม​คน​หนึ่ง—เขา​คง​มี​อายุ​ไม่​เกิน 19 ปี—ซึ่ง​แจก​ใบ​ปลิว​ที่​ทำนาย​การ​ล่ม​จม​ของ​ฮิตเลอร์​และ​จักรวรรดิ​ไรช์​ที่​สาม. . . . เขา​อาจ​ถูก​ปล่อย​ตัว​ภาย​ใน​ครึ่ง​ปี​ถ้า​เขา​สัญญา​ว่า​จะ​เลิก​กิจกรรม​นั้น. เรื่อง​นี้​เขา​ไม่​ยอม​ทำ​อย่าง​เด็ดขาด และ​เขา​ถูก​ตัดสิน​ให้​ใช้​แรงงาน​ใน​เยอรมนี​โดย​ไม่​มี​กำหนด. เรา​รู้​ดี​ว่า​นั่น​หมาย​ถึง​อะไร. เช้า​วัน​ต่อ​มา​เมื่อ​เขา​ถูก​พา​ตัว​ไป​และ​เรา​ร่ำ​ลา​เขา ผม​บอก​เขา​ว่า​เรา​จะ​คิด​ถึง​เขา​และ​อธิษฐาน​เพื่อ​เขา. เขา​ตอบ​แต่​เพียง​ว่า ‘อย่า​กังวล​เรื่อง​ผม​เลย​ครับ. ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​จะ​มา​แน่ ๆ.’ เรื่อง​แบบ​นี้​คุณ​ไม่​มี​วัน​ลืม แม้​ว่า​คุณ​มี​ข้อ​คัดค้าน​มาก​ขนาด​ไหน​ต่อ​คำ​สอน​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เหล่า​นี้​ก็​ตาม.”

ทั้ง ๆ ที่​ประสบ​การ​ต่อ​ต้าน​อย่าง​ทารุณ จำนวน​พยาน​ฯ ยัง​เพิ่ม​ขึ้น​เรื่อย ๆ. ขณะ​ที่​มี​ประมาณ 300 คน​ไม่​นาน​ก่อน​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง จำนวน​นั้น​ก็​ได้​เพิ่ม​ขึ้น​เป็น 1,379 คน ใน​ปี 1943. น่า​เศร้า พอ​ถึง​ตอน​สิ้น​ปี​นั้น พยาน​ฯ 54 คน​จาก​ผู้​ที่​ถูก​จับ​กุม​กว่า 350 คน​ได้​เสีย​ชีวิต​ใน​ค่าย​กัก​กัน​ต่าง ๆ. ส่วน​ใน​ปี 1944 มี​พยาน​พระ​ยะโฮวา 141 คน​จาก​เนเธอร์แลนด์​ที่​ยัง​ถูก​คุม​ขัง​อยู่​ใน​ค่าย​กัก​กัน​ต่าง ๆ.

ปี​สุด​ท้าย​ของ​การ​ข่มเหง​จาก​นาซี

หลัง​จาก​วัน ดี-เดย์ คือ​วัน​ที่ 6 มิถุนายน 1944 การ​ข่มเหง​พยาน​ฯ ก็​เข้า​สู่​ปี​สุด​ท้าย. ใน​ทาง​ทหาร พวก​นาซี​และ​พันธมิตร​ถูก​ต้อน​จน​มุม​แล้ว. คน​เรา​อาจ​คิด​ว่า​ใน​สถานการณ์​เช่น​นั้น พวก​นาซี​จะ​เลิก​ไล่​ล่า​คริสเตียน​ที่​บริสุทธิ์​เหล่า​นี้. แต่​ใน​ปี​นั้น มี​พยาน​ฯ อีก 48 คน​ถูก​จับ​กุม และ​พยาน​ฯ ที่​ถูก​กัก​ขัง​อีก 68 คน​เสีย​ชีวิต​ไป. คน​หนึ่ง​คือ​ยาโกบ ฟอน เบนเนโกม ซึ่ง​กล่าว​ถึง​ข้าง​ต้น.

ยาโกบ​วัย​สิบ​แปด​ปี​เป็น​หนึ่ง​ใน 580 คน​ที่​รับ​บัพติสมา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ปี 1941. ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น เขา​ออก​จาก​งาน​ที่​ได้​เงิน​ดี​เนื่อง​จาก​งาน​นั้น​เรียก​ร้อง​ให้​เขา​อะลุ่มอล่วย​ความ​เป็น​กลาง​แบบ​คริสเตียน. เขา​ได้​งาน​เป็น​คน​เดิน​หนังสือ​และ​เริ่ม​รับใช้​เป็น​ผู้​ประกาศ​เต็ม​เวลา. ขณะ​ที่​ขน​ส่ง​สรรพหนังสือ​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล เขา​ถูก​จับ​กุม. ใน​เดือน​สิงหาคม 1944 ยาโกบ​วัย 21 ปี​เขียน​จดหมาย​ถึง​ครอบครัว​ของ​เขา​จาก​เรือน​จำ​ใน​เมือง​รอตเทอร์ดัม​ดัง​นี้:

“ผม​สบาย​ดี​และ​มี​ความ​ยินดี​มาก. . . . ถึง​ตอน​นี้​ผม​ถูก​สอบสวน​สี่​ครั้ง​แล้ว. สอง​ครั้ง​แรก​ค่อนข้าง​หนัก และ​ผม​ถูก​เฆี่ยน​อย่าง​ทารุณ แต่​ด้วย​กำลัง​และ​พระ​กรุณา​อัน​ไม่​พึง​ได้​รับ​จาก​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า จน​ถึง​ตอน​นี้​ผม​ยัง​สามารถ​เก็บ​ความ​ลับ​ไว้​ได้. . . . ผม​สามารถ​ให้​คำ​บรรยาย​ที่​นี่​ได้​แล้ว รวม​ทั้ง​หมด​หก​ครั้ง มี​ผู้​ฟัง​ทั้ง​หมด 102 คน. บาง​คน​แสดง​ความ​สนใจ​และ​สัญญา​ว่า​เมื่อ​เขา​ถูก​ปล่อย​ตัว เขา​ยัง​จะ​สนใจ​ต่อ​ไป.”

วัน​ที่ 14 กันยายน 1944 ยาโกบ​ถูก​นำ​ตัว​ไป​ค่าย​กัก​กัน​ใน​เมือง​อาเมอร์สโฟร์ต​ใน​เนเธอร์แลนด์. ที่​นั่น เขา​ก็​ยัง​ประกาศ​ต่อ​ไป. โดย​วิธี​ใด? เพื่อน​นัก​โทษ​เล่า​ว่า “พวก​นัก​โทษ​เก็บ​ก้น​บุหรี่​ที่​ผู้​คุม​ทิ้ง​แล้ว​และ​ใช้​หน้า​กระดาษ​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​ม้วน​เป็น​บุหรี่. บาง​ครั้ง​ยาโกบ​อ่าน​สอง​สาม​คำ​จาก​หน้า​กระดาษ​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​กำลัง​จะ​ถูก​ม้วน​เป็น​บุหรี่. ตอน​นั้น​เอง เขา​จะ​ใช้​คำ​เหล่า​นั้น​เป็น​พื้น​ฐาน​ที่​จะ​ประกาศ​ให้​เรา​ฟัง. ไม่​นาน เรา​ก็​ตั้ง​ชื่อ​ยาโกบ​ว่า ‘มนุษย์​คัมภีร์.’ ”

เดือน​ตุลาคม 1944 ยาโกบ​อยู่​ใน​หมู่​นัก​โทษ​กลุ่ม​ใหญ่​ที่​ถูก​สั่ง​ให้​ขุด​หลุมพราง​ดัก​รถ​ถัง. ยาโกบ​ไม่​ยอม​ทำ​งาน​นั้น​เนื่อง​จาก​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ไม่​ยอม​ให้​เขา​สนับสนุน​การ​ทำ​สงคราม. แม้​ว่า​ถูก​พวก​ผู้​คุม​ขู่​ซ้ำ​แล้ว​ซ้ำ​อีก เขา​ก็​ไม่​ยอม​โอน​อ่อน. วัน​ที่ 13 ตุลาคม นาย​ทหาร​คน​หนึ่ง​พา​เขา​ออก​จาก​เรือน​จำ​ขัง​เดี่ยว​กลับ​ไป​ที่​สถาน​ที่​ทำ​งาน. อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ยาโกบ​ยืนหยัด​มั่นคง. ใน​ที่​สุด เขา​ก็​สั่ง​ให้​ยาโกบ​ขุด​หลุม​ฝัง​ศพ​ของ​ตัว​เอง​แล้ว​เขา​ก็​ถูก​ยิง​เสีย​ชีวิต.

การ​ไล่​ล่า​พยาน​ฯ ดำเนิน​ต่อ​ไป.

การ​ยืนหยัด​อย่าง​กล้า​หาญ​ของ​ยาโกบ​และ​คน​อื่น ๆ ทำ​ให้​พวก​นาซี​โกรธ​แค้น​และ​กระตุ้น​ให้​เกิด​การ​ไล่​ล่า​พยาน​ฯ อีก​ครั้ง. หนึ่ง​ใน​เป้าหมาย​ของ​พวก​เขา​คือ​เอแวร์ต เกตเตอลาไร วัย 18 ปี. ตอน​แรก เอแวร์ต​สามารถ​หนี​ไป​และ​ซ่อน​ตัว​ได้ แต่​ต่อ​มา​เขา​ถูก​จับ​กุม​และ​ถูก​ตี​อย่าง​หนัก​เพื่อ​จะ​บังคับ​ให้​เขา​บอก​ข้อมูล​เกี่ยว​กับ​พยาน​ฯ คน​อื่น ๆ. เขา​ปฏิเสธ​และ​ถูก​ส่ง​ไป​เยอรมนี​เพื่อ​ใช้​แรงงาน​หนัก.

ใน​เดือน​เดียว​กัน​นั้น คือ​ตุลาคม​ปี 1944 ตำรวจ​ล่า​ตัว​พี่​เขย​ของ​เอแวร์ต ชื่อ แบร์นาร์ด เลา​เม​ส. เมื่อ​ตำรวจ​พบ​เขา เขา​อยู่​กับ​เพื่อน​พยาน​ฯ อีก​สอง​คน คือ​อันโตนี เรไมเยอร์ และ​อัลแบร์ตุส บอ​ส. อัลเบอร์ตุส​เคย​อยู่​ใน​ค่าย​กักกัน​มา​แล้ว 14 เดือน. กระนั้น เมื่อ​เขา​ถูก​ปล่อย​ตัว เขา​เริ่ม​งาน​ประกาศ​อีก​ครั้ง​อย่าง​กระตือรือร้น. ตอน​แรก ชาย​สาม​คน​นี้​ถูก​ตี​อย่าง​ไร้​ความ​ปรานี​โดย​พวก​นาซี แล้ว​พวก​เขา​ก็​ถูก​ยิง​เสีย​ชีวิต. ต่อ​เมื่อ​สงคราม​ยุติ​ลง​แล้ว จึง​พบ​ศพ​ของ​พวก​เขา​และ​นำ​มา​ฝัง​ใหม่. ไม่​นาน​หลัง​สงคราม หนังสือ​พิมพ์​ท้องถิ่น​หลาย​ฉบับ​รายงาน​การ​สังหาร​ครั้ง​นี้. หนังสือ​พิมพ์​ฉบับ​หนึ่ง​เขียน​ว่า​พยาน​ฯ สาม​คน​ปฏิเสธ​อย่าง​หนักแน่น​ที่​จะ​ทำ​งาน​ใด ๆ ให้​พวก​นาซี​ซึ่ง​ขัด​กับ​กฎหมาย​ของ​พระเจ้า​และ​เสริม​ว่า “เนื่อง​จาก​เหตุ​นี้ พวก​เขา​ต้อง​ชด​ใช้​ด้วย​ชีวิต.”

ใน​ช่วง​นั้น วัน​ที่ 10 พฤศจิกายน 1944 แบร์นาร์ด โปลมัน ซึ่ง​กล่าว​ถึง​ข้าง​ต้น ถูก​จับ​กุม​และ​ส่ง​ตัว​ไป​ทำ​งาน​ใน​โครงการ​ของ​ทหาร. เขา​เป็น​พยาน​ฯ คน​เดียว​ใน​หมู่​นัก​โทษ​แรงงาน​และ​เป็น​คน​เดียว​ที่​ไม่​ยอม​ทำ​งาน​นี้. พวก​ผู้​คุม​พยายาม​ใช้​วิธี​ต่าง ๆ กัน​เพื่อ​ให้​เขา​อะลุ่มอล่วย. เขา​ไม่​ได้​รับ​อาหาร​เลย. เขา​ถูก​ตี​อย่าง​ทารุณ​ด้วย​ไม้, พลั่ว, และ​พาน​ท้าย​ปืน. นอก​จาก​นั้น เขา​ถูก​บังคับ​ให้​ลุย​น้ำ​อัน​เยือกเย็น​ที่​ลึก​ถึง​หัวเข่า แล้ว​เขา​ก็​ถูก​ขัง​ใน​ห้อง​ใต้​ดิน​ชื้น ๆ ซึ่ง​เขา​ต้อง​อยู่​ทั้ง​คืน​ใน​ชุด​ที่​เปียก​น้ำ. กระนั้น แบร์นาร์ด​ก็​ไม่​ยอม​แพ้.

ระหว่าง​นั้น พี่​สาว​สอง​คน​ของ​แบร์นาร์ด​ซึ่ง​ไม่​ได้​เป็น​พยาน​ฯ ได้​รับ​อนุญาต​ให้​มา​เยี่ยม. พวก​พี่​สาว​เร่งเร้า​เขา​ให้​เปลี่ยน​ใจ แต่​นั่น​ไม่​ทำ​ให้​เขา​หวั่นไหว​เลย. เมื่อ​ทั้ง​สอง​ถาม​แบร์นาร์ด​ว่า​พวก​เธอ​จะ​ช่วย​อะไร​ได้​บ้าง เขา​แนะ​ให้​พวก​เธอ​กลับ​บ้าน​และ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์. จาก​นั้น ผู้​ที่​ข่มเหง​เขา​ก็​อนุญาต​ให้​ภรรยา​ของ​เขา​ที่​กำลัง​ตั้ง​ครรภ์​มา​เยี่ยม โดย​หวัง​ว่า​เธอ​จะ​ล้ม​เลิก​ความ​ตั้งใจ​ของ​เขา​ได้. แต่​เมื่อ​เห็น​เธอ​และ​ได้​ยิน​ถ้อย​คำ​ที่​หนุน​ใจ​จาก​เธอ​ก็​ยิ่ง​ทำ​ให้​แบร์นาร์ด​ตั้งใจ​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​ต่อ​พระเจ้า​ต่อ​ไป. ใน​วัน​ที่ 17 พฤศจิกายน 1944 แบร์นาร์ด​ถูก​ยิง​โดย​ผู้​ทรมาน​เขา​ห้า​คน​ขณะ​ที่​คน​งาน​ทุก​คน​มอง​ดู. แม้​ว่า​แบร์นาร์ด​จะ​เสีย​ชีวิต​แล้ว ร่าง​กาย​ของ​เขา​พรุน​ไป​ด้วย​ลูก​กระสุน นาย​ทหาร​ผู้​ควบคุม​ก็​ยัง​เดือดดาล​มาก​ถึง​ขนาด​ที่​เขา​ดึง​ปืน​พก​ออก​มา​และ​ยิง​แบร์นาร์ด​ที่​ลูก​ตา​ทั้ง​สอง​ข้าง.

แม้​ว่า​การ​กระทำ​ที่​ทารุณ​โหด​เหี้ยม​ทำ​ให้​เหล่า​พยาน​ฯ ที่​รู้​เรื่อง​การ​สังหาร​นี้​ตกตะลึง แต่​พวก​เขา​ก็​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​และ​ความ​กล้า​หาญ​ไว้ และ​ดำเนิน​กิจกรรม​คริสเตียน​ของ​พวก​เขา​ต่อ​ไป. ประชาคม​เล็ก ๆ แห่ง​หนึ่ง​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา ซึ่ง​ตั้ง​อยู่​ใกล้ ๆ กับ​พื้น​ที่​ที่​แบร์นาร์ด​ถูก​สังหาร รายงาน​ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น​ว่า “เดือน​นี้ แม้​ว่า​ฝน​จะ​ตก​มาก​และ​มี​ความ​ยาก​ลำบาก​ที่​ซาตาน​วาง​ไว้​ต่อ​หน้า​เรา แต่​เรา​ก็​ยัง​สามารถ​เพิ่ม​ทวี​กิจกรรม​ของ​เรา​ได้​มาก​ที​เดียว. จำนวน​ชั่วโมง​ที่​ใช้​ใน​การ​ประกาศ​เพิ่ม​ขึ้น​จาก 429 ชั่วโมง​เป็น 765 ชั่วโมง. . . . ขณะ​กำลัง​ทำ​งาน​ประกาศ พี่​น้อง​ชาย​คน​หนึ่ง​พบ​กับ​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​เขา​สามารถ​ให้​คำ​พยาน​อย่าง​ดี. ชาย​คน​นั้น​ถาม​ว่า​นี่​เป็น​ความ​เชื่อ​แบบ​เดียว​กับ​ชาย​คน​นั้น​ที่​ถูก​ยิง​หรือ​ไม่. เมื่อ​ได้​ยิน​ว่า​ใช่ ชาย​คน​นั้น​อุทาน​ว่า ‘เขา​กล้า​อะไร​อย่าง​นี้ เขา​มี​ความ​เชื่อ​ที่​เข้มแข็ง​อะไร​ขนาด​นั้น! นี่​แหละ​ที่​ผม​เรียก​ว่า​วีรบุรุษ​แห่ง​ความ​เชื่อ!’ ”

อยู่​ใน​ความ​ทรง​จำ​ของ​พระ​ยะโฮวา

ใน​เดือน​พฤษภาคม​ปี 1945 พวก​นาซี​พ่าย​แพ้​และ​ถูก​ขับ​ออก​จาก​เนเธอร์แลนด์. ทั้ง ๆ ที่​ถูก​ข่มเหง​อย่าง​ไม่​หยุดหย่อน​ระหว่าง​สงคราม จำนวน​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ได้​เพิ่ม​ขึ้น​จาก​ไม่​กี่​ร้อย​คน​เป็น​กว่า 2,000 คน. เมื่อ​พูด​เกี่ยว​กับ​พยาน​ฯ ยุค​สงคราม​เหล่า​นี้ นัก​ประวัติศาสตร์ ดร. เดอ ยง ยอม​รับ​ว่า “พวก​เขา​ส่วน​ใหญ่​ไม่​ยอม​ปฏิเสธ​ความ​เชื่อ​แม้​จะ​ถูก​ข่มขู่​และ​ถูก​ทรมาน.”

ด้วย​เหตุ​ผล​ที่​ดี เจ้าหน้าที่​บาง​คน​จึง​ระลึก​ถึง​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เนื่อง​จาก​จุด​ยืน​อัน​กล้า​หาญ​ที่​พวก​เขา​ยึด​มั่น​ไว้​ภาย​ใต้​การ​ปกครอง​ของ​นาซี. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ที่​สำคัญ​ยิ่ง​กว่า​นั้น​คือ บันทึก​อัน​ยอด​เยี่ยม​เรื่อง​พยาน​ฯ สมัย​สงคราม​เหล่า​นี้​จะ​อยู่​ใน​ความ​ทรง​จำ​ของ​พระ​ยะโฮวา​และ​พระ​เยซู. (เฮ็บราย 6:10) ระหว่าง​รัชสมัย​พัน​ปี​ที่​คืบ​ใกล้​เข้า​มา​ของ​พระ​เยซู​คริสต์ พยาน​ฯ ที่​ซื่อ​สัตย์​และ​กล้า​หาญ​เหล่า​นี้ ผู้​ซึ่ง​ให้​ชีวิต​ของ​ตน​ใน​งาน​รับใช้​พระเจ้า​จะ​ถูก​ปลุก​ขึ้น​จาก​อุโมงค์​รำลึก ด้วย​ความ​หวัง​ที่​จะ​มี​ชีวิต​ลอด​ไป​ใน​อุทยาน​บน​แผ่นดิน​โลก!—โยฮัน 5:28, 29.

[ภาพ​หน้า 24]

ยาโกบ ฟอน เบนเนโกม

[ภาพ​หน้า 26]

ส่วน​ที่​ตัด​จาก​หนังสือ​พิมพ์​เกี่ยว​กับ​การ​สั่ง​ห้าม​พยาน​พระ​ยะโฮวา

[ภาพ​หน้า 27]

ขวา: แบร์นาร์ด เลา​เม​ส; ล่าง: อัลแบร์ตุส บอ​ส (ซ้าย) และ​อันโตนี เรไมเยอร์; ล่าง: สำนักงาน​ของ​สมาคม​ฯ ใน​ฮีมสตัด