ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

โฉมหน้าที่เปลี่ยนไปของ “ศาสนาคริสเตียน”—เป็นที่ยอมรับสำหรับพระเจ้าไหม?

โฉมหน้าที่เปลี่ยนไปของ “ศาสนาคริสเตียน”—เป็นที่ยอมรับสำหรับพระเจ้าไหม?

โฉม​หน้า​ที่​เปลี่ยน​ไป​ของ “ศาสนา​คริสเตียน”—เป็น​ที่​ยอม​รับ​สำหรับ​พระเจ้า​ไหม?

สมมุติ​ว่า​คุณ​ให้​จิตรกร​คน​หนึ่ง​วาด​ภาพ​ตัว​คุณ. เมื่อ​เขา​วาด​เสร็จ คุณ​รู้สึก​ตื่นเต้น เนื่อง​จาก​เป็น​ภาพ​ที่​เหมือน​มาก. คุณ​คิด​ถึง​ลูก หลาน เหลน​ของ​คุณ​ที่​จะ​มอง​ดู​ภาพ​วาด​นี้​ด้วย​ความ​ภูมิ​ใจ​ยิ่ง​นัก.

อย่าง​ไร​ก็​ดี หลาย​ชั่ว​อายุ​ต่อ​มา ลูก​หลาน​คน​หนึ่ง​ของ​คุณ​รู้สึก​ว่า​ศีรษะ​คุณ​เถิก​ไป​ทำ​ให้​รูป​นั้น​ไม่​น่า​ดู ดัง​นั้น​เขา​จึง​เติม​ผม​ลง​ไป. อีก​คน​หนึ่ง​ไม่​ชอบ​ลักษณะ​ของ​จมูก ดัง​นั้น เขา​จึง​เปลี่ยน​รูป​ของ​จมูก​นั้น. “การ​ปรับ​ปรุง” อื่น ๆ ติด​ตาม​มา​ใน​ชั่ว​อายุ​ต่อ ๆ มา ดัง​นั้น ใน​ที่​สุด​ภาพ​วาด​นั้น​แทบ​จะ​ไม่​เหมือน​คุณ​เลย. หาก​คุณ​ได้​รู้​ว่า​จะ​เกิด​เรื่อง​แบบ​นี้​ขึ้น คุณ​จะ​รู้สึก​อย่าง​ไร? คง​จะ​ขุ่นเคือง​ใจ​เป็น​แน่.

น่า​เศร้า​ใจ เรื่อง​ราว​เกี่ยว​กับ​ภาพ​วาด​นี้ จริง ๆ แล้ว​เป็น​ประวัติ​ของ​คริสตจักร​คริสเตียน​ใน​นาม. ประวัติศาสตร์​แสดง​ว่า​ไม่​นาน​หลัง​จาก​ความ​ตาย​ของ​เหล่า​อัครสาวก​ของ​พระ​คริสต์ โฉม​หน้า​อย่าง​เป็น​ทาง​การ​ของ “ศาสนา​คริสเตียน” เริ่ม​เปลี่ยน​ไป ดัง​ที่​คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ไว้​ล่วง​หน้า.—มัดธาย 13:24-30, 37-43; กิจการ 20:30. *

แน่นอน นับ​ว่า​เหมาะ​สม​ที​เดียว​ที่​จะ​นำ​หลักการ​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​มา​ใช้​กับ​วัฒนธรรม​หลาก​หลาย​และ​ยุค​ต่าง ๆ. แต่​เป็น​คน​ละ​เรื่อง​กัน​เลย​ที่​จะ​เปลี่ยน​คำ​สอน​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ให้​เข้า​กับ​ความ​คิด​ที่​นิยม​กัน. กระนั้น นั่น​เป็น​สิ่ง​ที่​ได้​เกิด​ขึ้น​อย่าง​แน่ชัด. เพื่อ​เป็น​ตัว​อย่าง ขอ​พิจารณา​การ​เปลี่ยน​แปลง​ที่​ได้​ดำเนิน​อยู่​ใน​ขอบ​เขต​ที่​สำคัญ​หลาย​ประการ.

คริสตจักร​รวม​ตัว​กับ​รัฐ

พระ​เยซู​คริสต์​ทรง​สอน​ว่า​การ​ปกครอง​หรือ​ราชอาณาจักร​ของ​พระองค์​เป็น​ราชอาณาจักร​ทาง​ภาค​สวรรค์​ซึ่ง​จะ​ทำลาย​การ​ปกครอง​ทั้ง​สิ้น​ของ​มนุษย์ และ​ปกครอง​เหนือ​แผ่นดิน​โลก​ทั้ง​สิ้น​ใน​เวลา​ที่​กำหนด​ไว้. (ดานิเอล 2:44; มัดธาย 6:9, 10) ราชอาณาจักร​นั้น​จะ​ไม่​ปกครอง​ผ่าน​ทาง​ระบบ​การ​เมือง​ของ​มนุษย์. พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “ราชอาณาจักร​ของ​เรา​มิ​ได้​เป็น​ส่วน​ของ​โลก​นี้.” (โยฮัน 17:16; 18:36, ล.ม.) ดัง​นั้น เหล่า​สาวก​ของ​พระ​เยซู ขณะ​ที่​ปฏิบัติ​ตาม​กฎหมาย ก็​อยู่​นอก​แวดวง​การ​เมือง.

อย่าง​ไร​ก็​ดี ระหว่าง​สมัย​ของ​คอนสแตนติน​จักรพรรดิ​โรมัน​ใน​ศตวรรษ​ที่​สี่ หลาย​คน​ที่​อ้าง​ว่า​เป็น​คริสเตียน​ไม่​ได้​อด​ใจ​รอ​การ​เสด็จ​กลับ​ของ​พระ​คริสต์​และ​การ​สถาปนา​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า. เจตคติ​ของ​เขา​ต่อ​การ​เมือง​ค่อย ๆ เปลี่ยน​ไป​ที​ละ​น้อย. หนังสือ​ยุโรป—ประวัติศาสตร์ (ภาษา​อังกฤษ) กล่าว​ว่า “ก่อน​สมัย​คอนสแตนติน คริสเตียน​มิ​ได้​แสวง​หา​ที่​จะ​ครอง​อำนาจ [ด้าน​การ​เมือง] เพื่อ​เป็น​วิถี​ทาง​ใน​การ​ส่ง​เสริม​เป้า​ประสงค์​และ​ความ​เชื่อ​ของ​พวก​เขา. ภาย​หลัง​สมัย​คอนสแตนติน ศาสนา​คริสเตียน​และ​นัก​การ​เมือง​ที่​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​สูง​ได้​ร่วม​มือ​กัน.” ศาสนา​คริสเตียน​ที่​เปลี่ยน​รูป​แบบ​ใหม่​ได้​กลาย​เป็น​ศาสนา “สากล” หรือ “คาทอลิก” ศาสนา​ประจำ​ชาติ​ของ​จักรวรรดิ​โรมัน.

สารานุกรม​ยุค​สำคัญ ๆ ของ​มนุษย์ (ภาษา​อังกฤษ) กล่าว​ว่า เนื่อง​จาก​การ​เชื่อม​ผนึก​กัน​อย่าง​แนบแน่น​ระหว่าง​คริสตจักรกับ​รัฐ​เช่น​นี้ “ช่วง​ปี ค.ศ. 385 เพียง 80 ปี​เท่า​นั้น​หลัง​จาก​คลื่น​การ​ข่มเหง​คริสเตียน​อย่าง​รุนแรง​ครั้ง​สุด​ท้าย คริสตจักร​เอง​เริ่ม​ประหาร​ชีวิต​คน​นอก​รีต และ​นัก​เทศน์​นัก​บวช​ของ​คริสตจักร​ใช้​อำนาจ​เกือบ​เท่า​กับ​อำนาจ​ของ​จักรพรรดิ.” โดย​วิธี​นี้​จึง​เริ่ม​ยุค​ที่​ดาบ​ได้​เข้า​มา​แทน​การ​จูง​ใจ​เพื่อ​ให้​เปลี่ยน​ศาสนา และ​นัก​เทศน์​นัก​บวช​ที่​ละโมบ​ตำแหน่ง​และ​อำนาจ​เข้า​มา​แทน​ผู้​ประกาศ​เผยแพร่​ที่​ถ่อม​ใน​ศตวรรษ​แรก. (มัดธาย 23:9, 10; 28:19, 20) นัก​ประวัติศาสตร์ เอช. จี. เวลส์​เขียน​เกี่ยว​กับ “ความ​แตกต่าง​อย่าง​สิ้นเชิง​ระหว่าง” ศาสนา​คริสเตียน​ใน​ศตวรรษ​ที่​สี่ “กับ​คำ​สอน​ของ​พระ​เยซู​ชาว​นาซาเร็ธ.” “ความ​แตกต่าง​อย่าง​สิ้นเชิง” เหล่า​นี้​มี​ผล​กระทบ​ต่อ​คำ​สอน​พื้น​ฐาน​เรื่อง​พระเจ้า​และ​พระ​คริสต์​ที​เดียว.

การ​เปลี่ยน​รูป​แบบ​พระเจ้า​ใหม่

พระ​คริสต์​และ​เหล่า​สาวก​ของ​พระองค์​สอน​ว่า​มี​เพียง “พระเจ้า​องค์​เดียว​คือ พระ​บิดา” เท่า​นั้น ซึ่ง​ได้​รับ​การ​แยก​ให้​เห็น​ความ​แตกต่าง​โดย​พระ​นาม​เฉพาะ​ของ​พระองค์ คือ ยะโฮวา ซึ่ง​ปรากฏ​ประมาณ 7,000 ครั้ง​ใน​ฉบับ​สำเนา​แรก ๆ ของ​คัมภีร์​ไบเบิล. (1 โกรินโธ 8:6; บทเพลง​สรรเสริญ 83:18) พระ​เยซู​ได้​รับ​การ​สร้าง​โดย​พระเจ้า คัมภีร์​ไบเบิล​ฉบับ​แปล​ดูเอย์​ของ​คาทอลิก​ที่​โกโลซาย 1:15 กล่าว​ว่า พระองค์​เป็น “บุตร​หัวปี​ใน​สรรพสิ่ง​ทรง​สร้าง.” ดัง​นั้น ใน​ฐานะ​ผู้​ที่​ถูก​สร้าง​ขึ้น พระ​เยซู​ตรัส​อย่าง​ตรง​ไป​ตรง​มา​ว่า “พระ​บิดา​เป็น​ใหญ่​กว่า​เรา.”—โยฮัน 14:28.

แต่​ระหว่าง​ศตวรรษ​ที่​สาม นัก​เทศน์​นัก​บวช​ที่​มี​อิทธิพล​บาง​คน​ได้​หลงใหล​ใน​คำ​สอน​เกี่ยว​กับ​ตรีเอกานุภาพ​ของ​เพลโต นัก​ปรัชญา​กรีก​นอก​รีต ได้​เริ่ม​เปลี่ยน​รูป​แบบ​พระเจ้า​ใหม่​เพื่อ​ให้​เหมาะ​กับ​สูตร​ของ​ผู้​ที่​เชื่อ​ตรีเอกานุภาพ. ใน​ศตวรรษ​ต่อ ๆ มา คำ​สอน​นี้​ได้​ยก​พระ​เยซู​ขึ้น​อย่าง​ไม่​ถูก​หลัก​พระ​คัมภีร์​ให้​เท่า​เทียม​กับ​พระ​ยะโฮวา​และ​ทำ​ให้​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​หรือ​พลัง​ปฏิบัติการ​ของ​พระเจ้า​เป็น​บุคคล.

เกี่ยว​กับ​การ​ที่​คริสตจักร​ยอม​รับ​แนว​คิด​นอก​รีต​ใน​เรื่อง​ตรีเอกานุภาพ​นั้น สารานุกรม​คาทอลิก​ฉบับ​ใหม่ (ภาษา​อังกฤษ) กล่าว​ว่า “คำ​สอน​เรื่อง ‘พระเจ้า​องค์​เดียว​ใน​สาม​บุคคล’ ยัง​ไม่​ได้​จัด​ตั้ง​ขึ้น​อย่าง​มั่นคง เป็น​ที่​แน่นอน​ว่า​ยัง​ไม่​ได้​เข้า​มา​อย่าง​เต็ม​ที่​ใน​ชีวิต​คริสเตียน​และ​พวก​ที่​รับ​เชื่อ​ศาสนา​นี้​ก่อน​สิ้น​ศตวรรษ​ที่ 4. แต่​เป็น​คำ​สอน​นี้​อย่าง​แน่นอน​ที่​ได้​อ้าง​เป็น​ครั้ง​แรก​ว่า​เป็น​หลัก​คำ​สอน​เรื่อง​ตรีเอกานุภาพ. ใน​หมู่​นัก​เขียน​คริสเตียน​สมัย​หลัง​พวก​อัครสาวก ไม่​มี​แนว​คิด​ที่​ใกล้​เคียง​กับ​ทัศนะ​เช่น​นั้น​เลย.”

คล้าย​กัน สารานุกรม​อเมริกานา (ภาษา​อังกฤษ) กล่าว​ว่า “การ​เชื่อ​ตรีเอกานุภาพ​ใน​ศตวรรษ​ที่​สี่​มิ​ได้​สะท้อน​อย่าง​ถูก​ต้อง​ถึง​คำ​สอน​คริสเตียน​ยุค​แรก​เกี่ยว​กับ​ลักษณะ​ของ​พระเจ้า; ตรง​กัน​ข้าม เป็น​การ​หันเห​ไป​จาก​คำ​สอน​นี้.” ดิ ออกซฟอร์ด คอมแพนยัน ทู เดอะ ไบเบิล เรียก​ตรีเอกานุภาพ​ว่า​เป็น​หนึ่ง​ใน​บรรดา “คำ​สอน​เกี่ยว​กับ​หลัก​ความ​เชื่อ​ที่​ตั้ง​ขึ้น​ภาย​หลัง” หลาย​ข้อ. กระนั้น ตรีเอกานุภาพ​ใช่​ว่า​เป็น​แนว​คิด​นอก​รีต​อย่าง​เดียว​เท่า​นั้น​ที่​ถูก​รับ​เข้า​ไว้​ใน​คริสตจักร.

การ​เปลี่ยน​รูป​แบบ​จิตวิญญาณ​เสีย​ใหม่

ทุก​วัน​นี้​มี​การ​เชื่อ​กัน​โดย​ทั่ว​ไป​ว่า​มนุษย์​มี​จิตวิญญาณ​อมตะ​ที่​มี​ชีวิต​อยู่​ต่อ​ไป​หลัง​จาก​ร่าง​กาย​ตาย​แล้ว. แต่​คุณ​ทราบ​ไหม​ว่า คำ​สอน​นี้​ของ​คริสตจักร​เป็น​การ​เพิ่ม​เข้า​มา​ใน​ภาย​หลัง​เช่น​กัน? พระ​เยซู​ทรง​ยืน​ยัน​ความ​จริง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​ว่า คน​ตาย “ไม่​รับ​รู้​อะไร​เลย” เป็น​ประหนึ่ง​ว่า เขา​นอน​หลับ​อยู่. (ท่าน​ผู้​ประกาศ 9:5, ล.ม.; โยฮัน 11:11-13) จะ​ได้​ชีวิต​กลับ​คืน​มา​โดย​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย—‘การ​ลุก​ขึ้น​อีก’ จาก​การ​นอน​หลับ​ใน​ความ​ตาย. (โยฮัน 5:28, 29) ถ้า​จิตวิญญาณ​เป็น​อมตะ​จริง ก็​คง​จะ​ไม่​จำเป็น​ต้อง​มี​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย เนื่อง​จาก​หาก​มี​สภาพ​อมตะ​ก็​ย่อม​ไม่​มี​ความ​ตาย.

พระ​เยซู​ถึง​กับ​พิสูจน์​ให้​เห็น​คำ​สอน​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​เกี่ยว​กับ​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​โดย​การ​ปลุก​คน​ให้​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย. ขอ​ยก​ตัว​อย่าง​ลาซะโร ผู้​ซึ่ง​ตาย​ไป​สี่​วัน. เมื่อ​พระ​เยซู​ทรง​ปลุก​เขา​ขึ้น​จาก​ตาย ลาซะโร​ออก​มา​จาก​อุโมงค์​ฝัง​ศพ เป็น​คน​ที่​มี​ชีวิต​และ​หายใจ​อยู่. ไม่​มี​จิตวิญญาณ​อมตะ​ที่​ย้าย​จาก​ความ​สุข​สำราญ​บน​สวรรค์​กลับ​สู่​ร่าง​กาย​ของ​ลาซะโร​เมื่อ​เขา​ตื่น​ขึ้น​จาก​ตาย. หาก​เป็น​เช่น​นั้น พระ​เยซู​คง​จะ​ไม่​ได้​แสดง​ความ​กรุณา​ต่อ​เขา​เลย​ที่​ปลุก​เขา​ขึ้น​จาก​ตาย!—โยฮัน 11:39, 43, 44.

ถ้า​เช่น​นั้น อะไร​เป็น​แหล่ง​ที่​มา​ของ​ทฤษฎี​เรื่อง​จิตวิญญาณ​อมตะ? เดอะ เวสต์มินสเตอร์ ดิกชันนารี ออฟ คริสเตียน ทีออลอจี กล่าว​ว่า​แนว​คิด​นั้น “เกิด​จาก​ปรัชญา​กรีก​ยิ่ง​กว่า​เกิด​จาก​การ​เปิด​เผย​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล.” สารานุกรม เดอะ จูวิช อธิบาย​ว่า “ความ​เชื่อ​ที่​ว่า​จิตวิญญาณ​ดำรง​อยู่​ต่อ​ไป​หลัง​จาก​ร่าง​กาย​ตาย​นั้น​เป็น​เรื่อง​การ​คาด​คะเนทาง​ปรัชญา​หรือ​ทาง​เทววิทยา​ยิ่ง​กว่า​เป็น​เรื่อง​ของ​ความ​เชื่อ​แท้ ๆ และ​ดัง​นั้น ไม่​มี​การ​สอน​อย่าง​ชัด​แจ้ง​ไม่​ว่า​ที่​ไหน​ใน​พระ​คัมภีร์​บริสุทธิ์.”

บ่อย​ครั้ง ความ​เท็จ​อย่าง​หนึ่ง​นำ​ไป​สู่​ความ​เท็จ​อีก​อย่าง​หนึ่ง และ​คำ​สอน​เรื่อง​จิตวิญญาณ​อมตะ​ก็​เป็น​เช่น​นั้น​แหละ. คำ​สอน​นั้น​เปิด​ทาง​สำหรับ​ความ​คิด​เห็น​แบบ​นอก​รีต​เกี่ยว​กับ​การ​ทรมาน​ตลอด​กาล​ใน​ไฟ​นรก. * กระนั้น คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​อย่าง​ง่าย ๆ ว่า “ค่า​จ้าง​ของ​ความ​บาป​นั้น​คือ​ความ​ตาย”—ไม่​ใช่​การ​ทรมาน​ตลอด​กาล. (โรม 6:23) ดัง​นั้น เมื่อ​พรรณนา​ถึง​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย พระ​คัมภีร์​กล่าว​ว่า “ทะเล​ก็​คืน​คน​ตาย​ทั้ง​หลาย​ที่​อยู่​ใน​ทะเล​นั้น ความ​ตาย​และ​เมือง​ผี [“นรก,” คิงเจมส์] กัก​คน​ตาย​ไว้​มาก​เท่า​ใด, ก็​ได้​คืน​ให้​เท่า​นั้น.” เช่น​เดียว​กัน คัมภีร์​ไบเบิล​ฉบับ​แปล​ดูเอย์ กล่าว​ว่า “ทะเล . . . และ​ความ​ตาย​และ​นรก​มอบ​คน​ตาย​ใน​ที่​เหล่า​นั้น​คืน​ให้.” ถูก​แล้ว กล่าว​ง่าย ๆ คน​เหล่า​นั้น​ที่​อยู่​ใน​นรก​ก็​คือ​คน​ตาย, ‘นอน​หลับ​อยู่’ ดัง​ที่​พระ​เยซู​ตรัส​นั้น.—วิวรณ์ 20:13.

คุณ​เชื่อ​จริง ๆ หรือ​ว่า คำ​สอน​เรื่อง​การ​สาป​แช่ง​ตลอด​กาล​ใน​นรก​ชัก​นำ​ผู้​คน​มา​หา​พระเจ้า? ไม่​น่า​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น. ใน​จิตใจ​ของ​คน​ยุติธรรม​และ​มี​ความ​รัก นั่น​เป็น​ความ​คิด​ที่​น่า​รังเกียจ! ใน​อีก​ด้าน​หนึ่ง คัมภีร์​ไบเบิล​สอน​ว่า “พระเจ้า​ทรง​เป็น​ความ​รัก” และ​การ​ทารุณ แม้​แต่​กับ​สัตว์​ก็​เป็น​ที่​น่า​รังเกียจ​สำหรับ​พระองค์.—1 โยฮัน 4:8; สุภาษิต 12:10; ยิระมะยา 7:31; โยนา 4:11.

การ​ทำ​ให้ “ภาพ​วาด” เสีย​โฉม​ไป​ใน​สมัย​ปัจจุบัน

การ​ทำ​ให้​โฉม​หน้า​ของ​พระเจ้า​และ​ศาสนา​คริสเตียน​ผิด​รูป​ไป​ยัง​คง​ดำเนิน​อยู่​ใน​ทุก​วัน​นี้. ศาสตราจารย์​ด้าน​ศาสนา​คน​หนึ่ง​ได้​พรรณนา​ไม่​นาน​มา​นี้​ถึง​การ​ต่อ​สู้​ใน​คริสตจักร​โปรเตสแตนต์​ของ​เขา​ว่า เป็น​การ​ต่อ​สู้ “ระหว่าง​หลักฐาน​ของ​พระ​คัมภีร์​และ​หลัก​ความ​เชื่อ​กับ​หลักฐาน​ของ​คติ​นิยม​ที่​ต่าง​กัน​และ​ที่​เป็น​แบบ​มนุษยนิยม, ระหว่าง​การ​ที่​คริสตจักร​ซื่อ​สัตย์​ต่อ​ตำแหน่ง​ของ​พระ​คริสต์​ฐานะ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กับ​การ​เปลี่ยน​และ​การ​ทำ​ให้​ศาสนา​คริสเตียน​เข้า​กัน​ได้​กับ​แนว​คิด​ของ​ยุค​สมัย. ประเด็น​ที่​สำคัญ​คือ​ดัง​นี้: ใคร​กำหนด​แนว​ทาง​ของ​คริสตจักร . . . พระ​คัมภีร์​บริสุทธิ์​หรือ​ว่า​คติ​นิยม​ที่​ครอบ​งำ​อยู่​ของ​ยุค​สมัย?”

น่า​เศร้า “คติ​นิยม​ที่​ครอบ​งำ​อยู่​ของ​ยุค​สมัย” ยัง​คง​มี​แนว​โน้ม​ที่​จะ​มี​ชัย​ชนะ. ตัว​อย่าง​เช่น เห็น​ได้​ชัด​ที่​หลาย​คริสตจักร​ได้​เปลี่ยน​จุด​ยืน​ของ​ตน​ใน​ประเด็น​ต่าง ๆ เพื่อ​จะ​ให้​ดู​เหมือน​ว่า​มี​ความ​คิด​ที่​ก้าว​หน้า​และ​มี​จิตใจ​เปิด​กว้าง. โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ใน​เรื่อง​ศีลธรรม คริสตจักร​กลับ​มี​ความ​คิด​แบบ​เสรี​ที​เดียว ดัง​ที่​กล่าว​ไว้​ใน​บทความ​แรก. กระนั้น คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​อย่าง​ชัด​แจ้ง การ​ผิด​ประเวณี, การ​เล่นชู้, และ​รัก​ร่วม​เพศ​เป็น​บาป​ที่​ร้ายแรง​ใน​สาย​พระ​เนตร​ของ​พระเจ้า และ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ทำ​บาป​ดัง​กล่าว “จะ​ไม่​ได้​รับ​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​เป็น​มรดก.”—1 โกรินโธ 6:9, 10, ล.ม.; มัดธาย 5:27-32; โรม 1:26, 27.

เมื่อ​อัครสาวก​เปาโล​เขียน​ถ้อย​คำ​ดัง​กล่าว​นี้ สังคม​โลก​กรีก-โรมัน​รอบ ๆ ตัว​ท่าน​เต็ม​ไป​ด้วย​ความ​ชั่ว​ทุก​รูป​แบบ. เปาโล​อาจ​หา​เหตุ​ผล​ก็​ได้​ว่า ‘ใช่ พระเจ้า​เคย​ทำ​ให้​เมือง​โซโดม​กับ​โกโมร์ราห์​กลาย​เป็น​เถ้า​ธุลี​เนื่อง​ด้วย​การ​ทำ​บาป​ทาง​เพศ​ที่​ร้ายแรง แต่​นั่น​เป็น​เวลา 2,000 ปี​มา​แล้ว! แน่นอน เรื่อง​นั้น​นำ​มา​ใช้​ไม่​ได้​กับ​ยุค​ที่​มี​ความ​รอบรู้​เช่น​นี้.’ อย่าง​ไร​ก็​ตาม ท่าน​มิ​ได้​หา​ข้อ​แก้​ตัว; ท่าน​ไม่​ยอม​ทำ​ให้​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​เสื่อม​เสีย​ไป.—ฆะลาเตีย 5:19-23.

มอง​ไป​ยัง “ภาพ​วาด” ดั้งเดิม

เมื่อ​พูด​กับ​พวก​ผู้​นำ​ศาสนา​ชาว​ยิว​ใน​สมัย​ของ​พระองค์ พระ​เยซู​ตรัส​ว่า​การ​นมัสการ​ของ​พวก​เขา “ไร้​ประโยชน์ เพราะ​เขา​สอน​บัญญัติ​ของ​มนุษย์​ว่า​เป็น​หลัก​คำ​สอน.” (มัดธาย 15:9, ล.ม.) ผู้​นำ​ศาสนา​เหล่า​นั้น​ทำ​อย่าง​เดียว​กัน​นั้น​เอง​กับ​พระ​บัญญัติ​ของ​พระ​ยะโฮวา​ที่​ประทาน​ผ่าน​ทาง​โมเซ​อย่าง​ที่​นัก​เทศน์​นัก​บวช​แห่ง​คริสต์​ศาสนจักร​ได้​ทำ​กับ​คำ​สอน​ของ​พระ​คริสต์ และ​ยัง​คง​ทำ​อยู่—พวก​เขา​ได้​ทำ​ให้​ความ​จริง​ของ​พระเจ้า​เปรอะ​เปื้อน​ไป​ด้วย “สี” แห่ง​ประเพณี. แต่​พระ​เยซู​ทรง​ขจัด​รอย​เปื้อน​ของ​ความ​เท็จ​ทั้ง​มวล​ออก​ไป​เพื่อ​ผล​ประโยชน์​ของ​ชน​ที่​มี​หัวใจ​สุจริต. (มาระโก 7:7-13) พระ​เยซู​ตรัส​ความ​จริง ไม่​ว่า​เรื่อง​นั้น​เป็น​ที่​นิยม​ชม​ชอบ​หรือ​ไม่. พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​เป็น​หลักฐาน​อ้างอิง​ของ​พระองค์​เสมอ.—โยฮัน 17:17.

พระ​เยซู​ทรง​แสดง​ให้​เห็น​ความ​แตกต่าง​เด่น​ชัด​อะไร​เช่น​นี้​สำหรับ​คน​ส่วน​ใหญ่​ที่​อ้าง​ว่า​เป็น​คริสเตียน! ที่​จริง คัมภีร์​ไบเบิลได้​บอก​ล่วง​หน้า​ไว้​ว่า “ผู้​คน​จะ . . . อยาก​ได้​สิ่ง​แปลก​ใหม่​และ​จะ​รวบ​รวม​ครู​ไว้​ให้​ตน​เอง​ตาม​ที่​เขา​ชอบ และ​แล้ว​เขา​จะ​หัน​ไป​หา​เทพนิยาย แทน​ที่​จะ​ฟัง​ความ​จริง.” (2 ติโมเธียว 4:3, 4, เดอะ เจรูซาเลม ไบเบิล) “เทพนิยาย” เหล่า​นี้ ซึ่ง​เรา​ได้​พิจารณา​บาง​เรื่อง​ไป​แล้ว ก่อ​ผล​เสียหาย​ทาง​ฝ่าย​วิญญาณ ใน​ขณะ​ที่​ความ​จริง​แห่ง​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​เสริม​สร้าง​ขึ้น และ​นำ​ไป​สู่​ชีวิต​นิรันดร์. นี่​เป็น​ความ​จริง​ที่​พยาน​พระ​ยะโฮวา​สนับสนุน​คุณ​ให้​ตรวจ​สอบ​ดู.—โยฮัน 4:24; 8:32; 17:3.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 4 ดัง​ที่​พระ​เยซู​ทรง​เปิด​เผย​ไว้​ใน​คำ​อุปมา​ว่า​ด้วย​ข้าว​สาลี​กับ​วัชพืช​และ​ใน​อุทาหรณ์​เรื่อง​ทาง​กว้าง​และ​ทาง​แคบ (มัดธาย 7:13, 14) มี​น้อย​คน​จะ​ปฏิบัติ​ตาม​หลักการ​คริสเตียน​แท้​เรื่อย​มา​ตลอด​ยุค​ต่าง ๆ. อย่าง​ไร​ก็​ตาม พวก​เขา​จะ​ถูก​บดบัง​ไว้​โดย​คน​ส่วน​ใหญ่​ซึ่ง​เป็น​เหมือน​วัชพืช ผู้​ซึ่ง​จะ​ส่ง​เสริม​ตัว​เอง​และ​คำ​สอน​ของ​เขา​ประหนึ่ง​เป็น​โฉม​หน้า​อัน​แท้​จริง​ของ​ศาสนา​คริสเตียน. นี่​แหละ​เป็น​โฉม​หน้า​ที่​บทความ​ของ​เรา​กล่าว​ถึง.

^ วรรค 19 “นรก” เป็น​คำ​แปล​ของ​คำ​ฮีบรู เชโอล และ​คำ​กรีก ฮาเดส ซึ่ง​ทั้ง​สอง​คำ​มี​ความหมาย​แต่​เพียง​ว่า “หลุม​ฝัง​ศพ.” ดัง​นั้น ขณะ​ที่​ผู้​แปล​ภาษา​อังกฤษ​ของ​ฉบับ​แปล​คิง เจมส์ แปล​เชโอล​ว่า “นรก” 31 ครั้ง พวก​เขา​แปล​คำ​นั้น​ว่า “หลุม​ฝัง​ศพ” 31 ครั้ง​ด้วย และ​แปล​ว่า “หลุม” 3 ครั้ง โดย​วิธี​นี้ จึง​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​คำ​เหล่า​นี้​โดย​พื้น​ฐาน​แล้ว​หมาย​ถึง​สิ่ง​เดียว​กัน.

[กรอบ/ภาพ​หน้า 7]

แหล่ง​ที่​มา​ของ​ชื่อ​คริสเตียน

เป็น​เวลา​อย่าง​น้อย​สิบ​ปี​หลัง​จาก​การ​วาย​พระ​ชนม์​ของ​พระ​เยซู เหล่า​สาวก​ของ​พระองค์​เป็น​ที่​รู้​จัก​ว่า​เป็น​สมาชิก​ของ “ทาง​นั้น.” (กิจการ 9:2; 19:9, 23; 22:4) เพราะ​เหตุ​ใด? เพราะ​แนว​ทาง​ชีวิต​ของ​พวก​เขา​มี​จุด​รวม​อยู่​ที่​ความ​เชื่อ​ใน​พระ​เยซู​คริสต์ ผู้​ซึ่ง​เป็น “ทาง​นั้น, เป็น​ความ​จริง, และ​เป็น​ชีวิต.” (โยฮัน 14:6) ครั้น​แล้ว ระหว่าง​ช่วง​ใด​ช่วง​หนึ่ง​หลัง​จาก​ปี ส.ศ. 44 ใน​เมือง​อันติโอเกีย​ของ​ซีเรีย เหล่า​สาวก​ของ​พระ​เยซู “โดย​การ​ทรง​นำ​ของ​พระเจ้า . . . ถูก​เรียก​ว่า คริสเตียน.” (กิจการ 11:26, ล.ม.) ชื่อ​นี้​กลาย​เป็น​ที่​ยอม​รับ​อย่าง​รวด​เร็ว กระทั่ง​ใน​ท่ามกลาง​เจ้าหน้าที่​ของ​รัฐบาล. (กิจการ 26:28) ชื่อ​ใหม่​นี้​มิ​ได้​เปลี่ยน​แนว​ทาง​ชีวิต​แบบ​คริสเตียน​ซึ่ง​ยัง​คง​ติด​ตาม​แบบ​อย่าง​ของ​พระ​คริสต์​อยู่​ต่อ​ไป.—1 เปโตร 2:21.

[ภาพ​หน้า 7]

โดย​งาน​เผยแพร่​ต่อ​สาธารณชน พยาน​พระ​ยะโฮวา​ชี้​นำ​ผู้​คน​ไป​ยัง​คัมภีร์​ไบเบิล พระ​คำ​ของ​พระเจ้า

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 4]

Third from left: United Nations/Photo by Saw Lwin