คุณสามารถรักษาความบริสุทธิ์ในโลกที่ไร้ศีลธรรมได้
คุณสามารถรักษาความบริสุทธิ์ในโลกที่ไร้ศีลธรรมได้
เขารูปหล่อและคมเข้ม. เธอทั้งสวยและเก่ง. ทั้งสองทำงานบริษัทเดียวกัน. เธอคอยเอาใจเขาเสมอ. เขาก็ชมชอบเธอ. ทั้งสองซื้อของขวัญให้กัน. ไม่นานทั้งสองก็รักกัน. เขาทิ้งภรรยาเพื่อมาอยู่กับเธอ. แต่ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจจะอยู่กับสามีของเธอต่อไปและยุติความสัมพันธ์กับเขาเสีย. เขาพยายามกลับไปหาภรรยาของเขา แต่ก็ไม่จริงใจเท่าใดนัก. อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่มีความสำนึกผิดอย่างแท้จริง เขาจึงไม่ประสบความสำเร็จ. ทุกคนที่เกี่ยวข้องดำเนินชีวิตต่อไป แต่ใช่ว่าจะไม่ได้รับผลเสียหาย.
ในโลกทุกวันนี้ การมีศีลธรรมทางเพศไม่ได้ถูกถือว่าเป็นเรื่องดีงามน่าสรรเสริญอีกต่อไป. การแสวงหาความเพลิดเพลินและความพึงพอใจโดยไม่มีการเหนี่ยวรั้งตนกลายเป็นเรื่องธรรมดา. สารานุกรมบริแทนนิกาฉบับใหม่ กล่าวว่า “การเล่นชู้ดูเหมือนมีอยู่ทุกแห่งและในบางแห่งก็เป็นสิ่งปกติธรรมดาเหมือนกับการสมรส.”
กระนั้น พระยะโฮวาพระเจ้าทรงปรารถนาให้การสมรส “เป็นที่น่านับถือท่ามกลางคนทั้งปวง” และให้เตียงสมรส “ปราศจากมลทิน.” (เฮ็บราย 13:4, ล.ม.) พระคัมภีร์ประกาศว่า “อย่าให้ใครชักนำท่านให้หลง. คนผิดประเวณี, หรือคนบูชารูปเคารพ, หรือคนเล่นชู้, หรือชายเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ผิดธรรมชาติ, หรือชายที่นอนกับชายด้วยกัน . . . จะไม่ได้รับราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก.” (1 โกรินโธ 6:9, 10, ล.ม.) ดังนั้น เพื่อจะได้รับความพอพระทัยจากพระเจ้า เราต้องรักษาความบริสุทธิ์ทางศีลธรรมในโลกที่ผิดศีลธรรมนี้.
เราจะปกป้องตัวเองไว้จากอิทธิพลอันเสื่อมทรามที่มีอยู่รอบตัวเราได้อย่างไร? ในบทที่ 5 ของพระธรรมสุภาษิตในคัมภีร์ไบเบิล กษัตริย์ซะโลโมแห่งชาติยิศราเอลโบราณให้คำตอบ. ให้เราตรวจสอบสิ่งที่ท่านกล่าว.
ความสามารถในการคิดจะปกป้องคุณ
กษัตริย์แห่งยิศราเอลเริ่มดังนี้: “ศิษย์ของเราเอ๋ย, จงสนใจในปัญญาของเรา; จงเงี่ยหูของเจ้าฟังความเข้าใจ [“ความสังเกตเข้าใจ,” ล.ม.] ของเรา: เพื่อเจ้าจะได้รักษาความสุขุมรอบคอบ [“ความสามารถในการคิด,” ล.ม.] ไว้, และเพื่อริมฝีปากของเจ้าจะได้สงวนความรู้.”—สุภาษิต 5:1, 2.
เพื่อจะต้านทานการล่อใจให้ทำผิดศีลธรรม เราต้องมีสติปัญญา ซึ่งก็คือความสามารถที่จะนำความรู้ในพระคัมภีร์ไปใช้ และความสังเกตเข้าใจ ซึ่งก็คือพลังที่จะแยกแยะสิ่งถูกออกจากสิ่งผิดและที่จะเลือกแนวทางที่ถูก. เราได้รับการกระตุ้นให้จดจ่อกับสติปัญญาและความสังเกตเข้าใจเพื่อจะปกป้องความสามารถในการคิดของเราไว้. เราจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? เมื่อเราศึกษาพระคำของพระเจ้า คือคัมภีร์ไบเบิล เราต้องสังเกตวิธีที่พระยะโฮวาทรงทำสิ่งต่าง ๆ และเงี่ยหูของเราฟังพระทัยประสงค์และพระประสงค์ของพระองค์. โดยการทำเช่นนี้ เราจะควบคุมความคิดของเราเข้ามาสู่แนวทางที่ถูกต้อง. ความสามารถในการคิดซึ่งได้มาโดยวิธีนี้จะสอดคล้องกับสติปัญญาและความรู้ตามแบบพระเจ้า. ความสามารถนี้จะป้องกันเราไว้จากการติดบ่วงแร้วของการล่อใจให้ทำผิดศีลธรรมถ้าเราใช้ความสามารถนี้อย่างถูกต้อง.
จงระวังปากคำที่รื่นหู
เหตุที่ความสามารถในการคิดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อจะรักษาความบริสุทธิ์ทางศีลธรรมในโลกที่ไม่สะอาดนี้ก็เนื่องจากทางของคนผิดศีลธรรมเป็นสิ่งที่ชวนตาชวนใจ. ซะโลโมเตือนว่า “ริมฝีปากหญิงชั่วนั้นย่อมหยาดน้ำผึ้ง, และปากคำของหญิงนั้นลื่นกว่าน้ำมัน; แต่ในที่สุดนางก็ขมอย่างยาพิษ, และคมดุจพระขรรค์.”—สุภาษิต 5:3, 4.
ในสุภาษิตข้อนี้ มีการพรรณนาว่าคนที่เสเพลเป็น “หญิงชั่ว”—หรือโสเภณี. * ถ้อยคำที่นางใช้ล่อลวงเหยื่อนั้นหวานดังน้ำผึ้งและลื่นกว่าน้ำมันมะกอก. การทำผิดศีลธรรมส่วนใหญ่เริ่มต้นด้วยสิ่งนี้มิใช่หรือ? ตัวอย่างเช่น ลองพิจารณาประสบการณ์ของเลขานุการสาวสวยวัย 27 ปีชื่อเอมี. เธอเล่าว่า “ผู้ชายคนนี้ในที่ทำงานของดิฉันจะเอาอกเอาใจและยกยอดิฉันมากทุกครั้งที่มีโอกาส. คนเรามักชอบที่มีคนมาสนใจ. แต่ดิฉันเห็นได้ชัดว่าเขาสนใจดิฉันเฉพาะเรื่องเพศเท่านั้น. ดิฉันไม่หลงไปกับการรุกเร้าของเขา.” ส่วนใหญ่แล้ว ถ้อยคำเยินยอจากคนปากหวานทั้งชายและหญิงจะน่าฟัง เว้นแต่เราตระหนักถึงเจตนาที่แท้จริงของผู้พูด. ด้วยเหตุนี้ เราต้องใช้ความสามารถในการคิด.
ผลที่ตามมาจากการทำผิดศีลธรรมนั้นขมเหมือนยาพิษและคมดุจดาบสองคม คือก่อทั้งความเจ็บปวดและความตาย. การถูกสติรู้สึกผิดชอบรบกวน, การตั้งครรภ์โดยไม่ต้องการ, หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มักเป็นผลพวงอันขมขื่นของความประพฤติเช่นนั้น. และลองคิดถึงความเจ็บปวดทางอารมณ์อย่างรุนแรงซึ่งคู่สมรสของคนที่นอกใจต้องประสบ. การนอกใจเพียงครั้งเดียวก็อาจก่อความทุกข์เป็นบาดแผลลึกไปตลอดชีวิตได้. ใช่แล้ว การผิดศีลธรรมก่อความปวดร้าว.
เมื่อออกความเห็นเรื่องรูปแบบชีวิตของหญิงที่เสเพล กษัตริย์ผู้ชาญฉลาดกล่าวต่อไปว่า “เท้าของนางเดินลงไปสู่ความตาย; ย่างเท้าของนางเหยียบอยู่บนหลุมฝังศพ; เหตุฉะนั้นนางจึงไม่พบทางราบรื่นแห่งชีวิต: วิถีทั้งหลายของนางก็ไม่แน่นอน, และนางก็ไม่รู้ว่าจะไปถึงไหน.” (สุภาษิต 5:5, 6) แนวทางของหญิงที่ผิดศีลธรรมนำไปสู่ความตาย ย่างก้าวของเธอนำไปสู่เชโอล หลุมฝังศพทั่วไปของมนุษยชาติ. ถ้อยคำเหล่านี้เป็นจริงสักเพียงไรเมื่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเอดส์ กำลังแพร่ระบาดไปทั่ว! ผลที่เกิดขึ้นกับนางก็เป็นแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นกับคนซึ่งร่วมกับนางในแนวทางชั่ว.
ด้วยความห่วงใยอย่างยิ่ง กษัตริย์องค์นี้เร่งเร้าว่า “ศิษย์ของเราเอ๋ย, บัดนี้จงฟังเรา, และอย่าทอดทิ้งคำทั้งหลายซึ่งออกมาจากปากของเรา. จงแยกทางเดินของเจ้าให้ไกลจากนาง, และอย่าเข้าไปใกล้ประตูเรือนของนางเลย.”—สุภาษิต 5:7, 8.
เราต้องอยู่ห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จากอิทธิพลของคนผิดศีลธรรม. ทำไมเราจึงจะเปิดรับแนวทางของคนเหล่านั้นโดยฟังดนตรีที่ทำให้ต่ำทราม, ดูการบันเทิงที่ทำให้เสื่อมทราม, หรือดูภาพลามก? (สุภาษิต 6:27; 1 โกรินโธ 15:33; เอเฟโซ 5:3-5) และนับว่าโง่เขลาเพียงไรที่จะดึงดูดความสนใจของคนประเภทนั้นโดยการให้ท่าหรือโดยการแต่งกายและประดับตัวแบบไม่สุภาพ!—1 ติโมเธียว 4:8; 1 เปโตร 3:3, 4.
ความเสียหายซึ่งมีมากเกินไป
มีเหตุผลอื่นใดอีกที่เราควรอยู่ห่างจากคนที่เสเพล? ซะโลโมตอบว่า “เกรงว่าเจ้าจะเสียสินศักดิ์ของเจ้าให้แก่คนอื่น, และปีเดือนทั้งหลายของเจ้าจะตกอยู่กับการโหดร้าย; เกรงว่าหญิงโสเภณีทั้งหลายจะอิ่มเอิบไปด้วยน้ำพักน้ำแรงของเจ้า, และการงานที่เจ้าทำนั้นจะต้องตกอยู่ในบ้านของหญิงชั่ว. และเจ้าจะต้องโทมนัสครวญคร่ำในบั้นปลายแห่งชีวิตของเจ้า, ขณะเมื่อเลือดเนื้อของเจ้าร่วงโรยไป.”—สุภาษิต 5:9-11.
โดยวิธีนี้ ซะโลโมเน้นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างมากมายจากการยอมจำนนต่อการผิดศีลธรรม. การเล่นชู้และการเสียศักดิ์ศรีหรือความนับถือตัวเองเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกัน. น่าอับอายจริง ๆ มิใช่หรือที่จะกลายเป็นเพียงสิ่งที่สนองความใคร่ที่ผิดศีลธรรมของตัวเราเองหรือของคนอื่น? นั่นเป็นการแสดงว่าเราขาดความนับถือต่อตัวเองมิใช่หรือที่จะปล่อยตัวให้มีการเกี่ยวพันทางเพศกับใครสักคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่คู่สมรสของเราเอง?
กระนั้น การ ‘ให้ปีเดือนทั้งหลายของเรา; และน้ำพักน้ำแรงของเรา, แก่หญิงโสเภณี หรือหญิงชั่ว’ หมายถึงอะไร? แหล่งอ้างอิงแหล่งหนึ่งกล่าวว่า “ความหมายของข้อเหล่านี้เห็นได้ชัด นั่นคือความเสียหายของการนอกใจอาจสูงมาก; เพราะทุกสิ่งที่เป็นเป้าหมายของเรา ไม่ว่าจะเป็นฐานะ, อำนาจ, ความรุ่งเรือง อาจสูญหายไปถ้าไม่ใช่โดยความละโมบของหญิงนั้นก็โดยการเรียกร้องการชดใช้ความเสียหายของ
ชุมชน.” ความสัมพันธ์แบบผิดศีลธรรมก่อความเสียหายได้มากจริง ๆ!เมื่อได้สูญเสียศักดิ์ศรีและใช้ทรัพยากรของตนจนหมด คนโง่เขลาก็จะคร่ำครวญว่า “อนิจจาเอ๋ยเพราะข้าฯ ได้เกลียดคำสั่งสอนนักหนา, และใจของข้าฯ ได้ดูถูกคำห้ามปราม; ข้าฯ หรือก็มิได้ฟังเสียงของครูของข้าฯ, หรือเอียงหูฟังต่อท่านเหล่านั้นที่ตักเตือนข้าฯ; ข้าฯ จวนจะถึงความพินาศในท่ามกลางชุมนุมชนและหมู่ประชุมอยู่แล้ว.”—สุภาษิต 5:12-14.
หลังจากนั้น คนบาปก็คร่ำครวญอย่างที่ผู้คงแก่เรียนคนหนึ่งเรียกว่า “รายการยาวเหยียดของคำว่า ‘ถ้าเพียงแต่’ ดังต่อไปนี้: ถ้าเพียงแต่ฉันเชื่อฟังคุณพ่อของฉัน; ถ้าเพียงแต่ฉันไม่ได้ทำตามใจตัวเอง; ถ้าเพียงแต่ฉันเชื่อคำแนะนำของคนอื่น.” อย่างไรก็ตาม การตระหนักถึงเรื่องนี้ในตอนนี้ก็สายเกินไป. ชีวิตของเขาซึ่งตอนนี้ไม่บริสุทธิ์สะอาดอีกต่อไปก็เสียหายและชื่อเสียงของเขาก็เป็นมลทินไปแล้ว. สำคัญเพียงไรที่เราจะพิจารณาความเสียหายที่เกิดขึ้นมากมายจากการทำผิดศีลธรรมก่อนที่เราจะถูกดึงดูดให้ทำเช่นนั้น!
“จงดื่มน้ำจากถังเก็บน้ำของเจ้าเอง”
คัมภีร์ไบเบิลไม่กล้าพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศเลยไหม? ไม่ใช่เช่นนั้น. อารมณ์รักและความรู้สึกดื่มด่ำทางเพศระหว่างชายและหญิงเป็นของประทานจากพระเจ้า. อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ทางเพศนี้มีไว้สำหรับคู่สมรสเท่านั้น. ด้วยเหตุนั้น ซะโลโมกล่าวกระตุ้นเตือนชายที่สมรสแล้วว่า “จงดื่มน้ำจากถังเก็บน้ำของเจ้าเอง, และน้ำอันไหลซึมที่บ่อของเจ้าเอง. ควรละหรือที่จะให้ทานน้ำของเจ้าไหลเพรื่อไปนอกบ้าน, และเป็นสายน้ำไหลออกไปตามถนน? จงสงวนไว้ให้สำหรับเจ้าแต่ผู้เดียว, และมิใช่สำหรับแขกของเจ้าด้วย.”—สุภาษิต 5:15-17.
“ถังเก็บน้ำของเจ้าเอง” และ “บ่อของเจ้าเอง” เป็นศัพท์กวีซึ่งหมายถึงภรรยาที่รัก. การประสบความเพลินเพลินทางเพศกับเธอถูกเปรียบเหมือนกับการดื่มน้ำที่สดชื่น. ไม่เหมือนน้ำในที่สาธารณะ ถังเก็บน้ำหรือบ่อน้ำถือเป็นสมบัติส่วนตัว. และผู้ชายได้รับคำแนะนำที่จะให้กำเนิดบุตรกับภรรยาที่บ้านแทนที่จะแพร่เผ่าพันธุ์ของเขาไปตามถนน นั่นคือกับผู้หญิงอื่น. เห็นได้ชัด คำแนะนำที่ให้แก่ผู้ชายคือต้องซื่อสัตย์ต่อภรรยาของตน.
บุรุษผู้ชาญฉลาดกล่าวต่อไปว่า “จงให้บ่อน้ำพุของเจ้านำความสุขสำราญมาสู่ตัวเจ้าเอง; และจงชื่นใจยินดีด้วยกันกับภรรยาซึ่งอยู่ด้วยกันมาแต่หนุ่มสาว. เหมือนอย่างนางเนื้อที่น่ารักและนางกวางที่น่าชม, จงให้ถันของภรรยาเจ้าเป็นที่หนำใจอยู่ทุกเวลา; จงรื่นเริงยินดีกับความรักของภรรยาเสมอ.”—สุภาษิต 5:18, 19.
“บ่อน้ำพุ” หมายถึงแหล่งแห่งความพึงพอใจทางเพศ. ความเพลิดเพลินทางเพศกับคู่สมรสของตนเองเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้. ด้วยเหตุนี้ มีการกระตุ้นเตือนชายให้ชื่นชมกับภรรยาของตนที่ได้มาตั้งแต่หนุ่มสาว. สำหรับเขาแล้ว เธอเป็นที่รักและสวยงามดังนางเนื้อ และมีเสน่ห์และงดงามดังนางกวาง.
ต่อไปซะโลโมตั้งคำถามเชิงวาทะศิลป์สองข้อดังนี้: “ศิษย์ของเราเอ๋ย, ด้วยเหตุประการใดเจ้าจึงไปรื่นเริงยินดีกับหญิงชั่ว, และแนบอกหญิงโสเภณีเล่า?” (สุภาษิต 5:20) ใช่แล้ว ทำไมคนที่สมรสแล้วจึงจะถูกล่อลวงให้มีเพศสัมพันธ์นอกสายสมรสกับคนที่รู้จักกันในที่ทำงาน, ที่โรงเรียน, หรือที่อื่นใดเล่า?
อัครสาวกเปาโลให้คำแนะนำแก่คริสเตียนที่สมรสแล้วดังนี้: “ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย, ข้าพเจ้าขอบอกเช่นนี้ว่า, 1 โกรินโธ 7:29) นี่เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง? ผู้ติดตามของพระเยซูคริสต์ต้อง ‘แสวงหาราชอาณาจักรก่อนเสมอไป.’ (มัดธาย 6:33, ล.ม.) ด้วยเหตุนั้น คู่สมรสไม่ควรหมกมุ่นเอาใจกันเกินไปจนพวกเขาให้ผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักรเป็นอันดับรองในชีวิต.
เวลานั้นก็ใกล้เข้ามาแล้ว ตั้งแต่นี้ไปให้คนเหล่านั้นที่มีภรรยาได้เป็นเหมือนไม่มี.” (จำเป็นต้องควบคุมตัวเอง
ความปรารถนาทางเพศสามารถควบคุมได้. คนที่ปรารถนาจะเป็นที่โปรดปรานของพระยะโฮวาต้องทำอย่างนั้น. อัครสาวกเปาโลตักเตือนว่า “นี่แหละเป็นสิ่งที่พระเจ้าประสงค์ คือการทำให้ท่านทั้งหลายบริสุทธิ์ คือให้ท่านเว้นจากการล่วงประเวณี; เพื่อท่านแต่ละคนจะรู้วิธีควบคุมภาชนะ [ร่างกาย] ของตนเองในทางที่บริสุทธิ์และมีเกียรติ.”—1 เธซะโลนิเก 4:3, 4, ล.ม.
ดังนั้น คนหนุ่มสาวไม่ควรรีบแต่งงานเมื่อพวกเขาประสบกับแรงกระตุ้นทางเพศในช่วงแรก ๆ. การสมรสเรียกร้องความรับผิดชอบ และการบรรลุหน้าที่เช่นนั้นต้องอาศัยความอาวุโส. (เยเนซิศ 2:24) คงดีกว่าที่จะรอจนกระทั่งเขา “เลยความเปล่งปลั่งแห่งวัยหนุ่มสาวไปแล้ว” คือช่วงเวลาที่ความรู้สึกทางเพศรุนแรงและอาจทำให้ดุลยพินิจของเขาบิดเบือนไป. (1 โกรินโธ 7:36, ล.ม.) และช่างเป็นการไม่ฉลาดและเป็นการบาปสักเพียงไรที่ผู้ใหญ่ซึ่งอยากแต่งงานจะทำผิดศีลธรรมเพียงเพราะไม่อาจหาคู่ที่จะสมรสด้วยได้!
“คนชั่วร้ายจะถูกดักด้วยความอสัตย์อธรรมของเขาเอง”
เหตุผลหลักที่การผิดประเวณีเป็นสิ่งผิดก็คือพระยะโฮวา ผู้ประทานชีวิตและผู้ทำให้มนุษย์มีความสามารถทางเพศ ไม่พอพระทัยการทำอย่างนั้น. ดังนั้น กษัตริย์ซะโลโมให้เหตุผลที่หนักแน่นที่สุดที่ควรจะรักษาความบริสุทธิ์ทางศีลธรรมโดยกล่าวว่า “ด้วยว่าทางประพฤติทั้งหลายของมนุษย์ย่อมประจักษ์แจ้งต่อพระเนตรของพระยะโฮวา; และพระองค์ทรงวิจารณ์วิถีทางทั้งหลายของเขา.” (สุภาษิต 5:21) ใช่แล้ว ไม่มีอะไรปิดบังไว้จากสายพระเนตรของพระเจ้า “ผู้ซึ่งเราต้องให้การนั้น.” (เฮ็บราย 4:13) การกระทำใด ๆ ทางเพศที่ไม่สะอาด ไม่ว่าจะเป็นความลับสักเพียงไรและไม่ว่าอาจจะมีผลทางกายและทางสังคมอย่างไร การกระทำนั้นก็จะสร้างความเสียหายแก่สัมพันธภาพของเรากับพระยะโฮวา. ช่างโง่เขลาเพียงไรที่จะยอมสูญเสียการมีสันติสุขกับพระเจ้าเพื่อจะได้รับความเพลิดเพลินที่ผิดทำนองคลองธรรมเพียงชั่วประเดี๋ยว!
บางคนที่ปล่อยตัวทำผิดศีลธรรมอย่างไร้ยางอายอาจดูเหมือนทำอย่างนั้นได้โดยไม่มีผลเสีย—แต่จะเป็นอย่างนั้นไม่นาน. ซะโลโมประกาศว่า “คนชั่วร้ายจะถูกดักด้วยความอสัตย์อธรรมของเขาเอง, และเชือกแห่งความบาปของเขาจะถูกมัดตัวของเขาไว้. เขาจะตายเพราะขาดคำสั่งสอน; และในอาการโง่เขลาอันมากมายของเขานั่นเองเขาจะหลงเจิ่นไป.”—สุภาษิต 5:22, 23.
ทำไมคนหนึ่งคนใดในพวกเราจะต้องหลงเจิ่นไปด้วยเล่า? ที่สำคัญ พระธรรมสุภาษิตเตือนเราไว้ล่วงหน้าถึงแนวทางอันล่อลวงของโลก. และพระธรรมนี้ก็บอกเราถึงผลเสียหายที่การทำผิดศีลธรรมทางเพศมักจะนำมาให้ ทั้งในด้านสุขภาพของเรา, ทรัพย์สินฝ่ายวัตถุ, กำลังวังชา, และศักดิ์ศรีของเรา. เมื่อมีการมองเห็นล่วงหน้าที่ชัดเจนเช่นนี้แล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องตกอยู่ในสภาพที่ต้องพูดรายการยาวเหยียดของคำว่า “ถ้าเพียงแต่.” ถูกแล้ว โดยการใช้คำแนะนำที่พระยะโฮวาทรงให้ในพระคำของพระองค์ซึ่งมีขึ้นโดยการดลใจ เราจะสามารถรักษาความบริสุทธิ์ทางศีลธรรมในโลกที่ไร้ศีลธรรมนี้ได้.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 11 คำ “ชั่ว” ใช้หมายถึงคนที่หันไปจากสิ่งที่ประสานกับพระบัญญัติและจึงเอาตัวออกห่างจากพระยะโฮวา. ดังนั้น โสเภณีจึงถูกเรียกว่า “หญิงชั่ว.”
[ภาพหน้า 30]
ผลที่ตามมาจากการผิดศีลธรรมนั้นขมเหมือนยาพิษ
[ภาพหน้า 31]
“จงชื่นใจยินดีด้วยกันกับภรรยาซึ่งอยู่ด้วยกันมาแต่หนุ่มสาว”