ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ผมได้รับใช้ที่ไหนก็ตามที่ต้องการความช่วยเหลือ

ผมได้รับใช้ที่ไหนก็ตามที่ต้องการความช่วยเหลือ

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

ผม​ได้​รับใช้​ที่​ไหน​ก็​ตาม​ที่​ต้องการ​ความ​ช่วยเหลือ

เล่า​โดย​เจมส์ บี. เบอร์รี

ใน​ปี 1939 ภาวะ​เศรษฐกิจ​ตก​ต่ำ​ครั้ง​ใหญ่​ใน​สหรัฐ​อเมริกา​ทำ​ให้​การ​ดำรง​ชีวิต​เป็น​เรื่อง​ยาก​ลำบาก และ​สงคราม​กำลัง​ปรากฏ​ราง ๆ ทั่ว​ภาคพื้น​ยุโรป. ผม​กับ​เบนเนตต์​น้อง​ชาย​ได้​ออก​เดิน​ทาง​จาก​บ้าน​ของ​เรา​ใน​มลรัฐ​มิสซิสซิปปี​ไป​ยัง​เมือง​ฮุสตัน รัฐ​เทกซัส เพื่อ​หา​งาน​ทำ.

วัน​หนึ่ง​ใกล้​จะ​สิ้น​ฤดู​ร้อน เรา​ได้​ยิน​เสียง​ประกาศ​ทาง​วิทยุ​ดัง​แคร็ก ๆ ซึ่ง​ยัง​ความ​ตื่นเต้น​มาก​ว่า: กองทัพ​ฮิตเลอร์​ได้​บุก​เข้า​ไป​ถึง​โปแลนด์. “อาร์มาเก็ดดอน​เริ่ม​ขึ้น​แล้ว!” น้อง​ชาย​ผม​ร้อง​ลั่น. เรา​ลา​ออก​จาก​งาน​ที่​ทำ​อยู่​ตอน​นั้น​ทันที. เรา​พา​กัน​ไป​ที่​หอ​ประชุม​ใกล้​ที่​สุด​และ​เข้า​ร่วม​ประชุม​เป็น​ครั้ง​แรก. ทำไม​ไป​ที่​หอ​ประชุม? ขอ​ให้​ผม​เล่า​ตั้ง​แต่​ต้น.

ผม​เกิด​ปี 1915 ที่​เมือง​เฮบรอน รัฐ​มิสซิสซิปปี. เรา​อาศัย​อยู่​ใน​ชนบท. นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ ชื่อ​เรียก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​สมัย​นั้น ผ่าน​มา​ทาง​ท้องถิ่น​นั้น​ปี​ละ​หน และ​ได้​จัด​การ​บรรยาย​ขึ้น​ที่​บ้าน​ของ​ใคร​สัก​คน. ผล​ที่​ตาม​มา พ่อ​แม่​ของ​ผม​มี​หนังสือ​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​หลาย​เล่ม. ผม​กับ​เบนเนตต์​จึง​ได้​มา​เชื่อ​คำ​สอน​ตาม​ที่​กล่าว​ไว้​ใน​หนังสือ​เหล่า​นั้น เช่น นรก​ไม่​ร้อน, จิตวิญญาณ​ตาย​ได้, คน​ชอบธรรม​จะ​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป​บน​แผ่นดิน​โลก. กระนั้น ยัง​มี​อีก​มาก​ที่​เรา​จะ​ต้อง​เรียน​รู้. หลัง​จาก​ผม​เรียน​จบ​ได้​ไม่​นาน ผม​กับ​น้อง​ชาย​ก็​มุ่ง​ไป​เทกซัส​เพื่อ​หา​งาน​ทำ.

ใน​ที่​สุด เมื่อ​เรา​ได้​พบ​พยาน​ฯ ที่​หอ​ประชุม เขา​ถาม​เรา​ว่า​เป็น​ไพโอเนียร์​หรือ​เปล่า. เรา​ไม่​เคย​รู้​ว่า​ไพโอเนียร์​คือ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​ทำ​งาน​เผยแพร่​เต็ม​เวลา. แล้ว​เขา​ถาม​เรา​ว่า​อยาก​ออก​ประกาศ​หรือ​เปล่า. เรา​ตอบรับ​เลย​ว่า “แน่นอน!” เรา​คาด​คิด​เอา​ว่า​เขา​จะ​ส่ง​คน​ออก​ไป​กับ​เรา​ด้วย​เพื่อ​ชี้​แนะ​ว่า​ควร​ทำ​อย่าง​ไร. แต่​ไม่​เป็น​ดัง​คาด พวก​เขา​เพียง​แต่​ยื่น​แผนที่​เขต​งาน​ให้​เรา​และ​บอก​ว่า “ทำ​ใน​บริเวณนี้!” เอา​ละ​ซี ผม​กับ​เบนเนตต์​ต่าง​ก็​ไม่​รู้​เลย​ว่า​จะ​ประกาศ​อย่าง​ไร และ​ก็​ไม่​อยาก​นึก​ถึง​ภาวะ​ที่​เรา​รู้สึก​ประหม่า. ใน​ที่​สุด เรา​จัด​การ​ส่ง​บัตร​เขต​งาน​คืน​ให้​ประชาคม​โดย​ทาง​ไปรษณีย์​แล้ว​เดิน​ทาง​กลับ​มิสซิสซิปปี!

ทำ​ให้​ความ​จริง​แห่ง​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​ของ​เรา​เอง

ภาย​หลัง​กลับ​มา​ถึง​บ้าน​แล้ว เรา​อ่าน​สิ่ง​พิมพ์​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ทุก​วัน​เป็น​เวลา​นาน​เกือบ​หนึ่ง​ปี. ที่​บ้าน​ของ​เรา​ไม่​มี​ไฟฟ้า​ใช้ ดัง​นั้น ใน​เวลา​กลางคืน​เรา​อ่าน​โดย​อาศัย​แสง​ไฟ​จาก​กอง​ไฟ. สมัย​นั้น ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​ไป​เยี่ยม​ประชาคม​พยาน​พระ​ยะโฮวา​และ​กลุ่ม​พยาน​ฯ โดด​เดี่ยว​ใน​ที่​ต่าง ๆ เพื่อ​เสริม​กำลัง​พวก​เขา​ให้​เข้มแข็ง​ฝ่าย​วิญญาณ. เทด ไคลน์ เป็น​หนึ่ง​ใน​จำนวน​ผู้​ดู​แล​เหล่า​นั้น​ที่​เยี่ยม​ประชาคม​ของ​เรา​และ​ได้​พา​เบนเนตต์​กับ​ผม​ไป​ใน​งาน​ประกาศ​ตาม​บ้าน​ด้วย มี​อยู่​บ่อย​ครั้ง​ที่​เขา​พา​เรา​สอง​คน​ไป​พร้อม​กัน​กับ​เขา. เขา​อธิบาย​ให้​เรา​เข้าใจ​ว่า​งาน​ไพโอเนียร์​นั้น​เป็น​อย่าง​ไร.

การ​ได้​ทำ​งาน​ด้วย​กัน​อย่าง​ใกล้​ชิด​กับ​เขา​ทำ​ให้​เรา​คิด​อย่าง​จริงจัง​ถึง​เรื่อง​การ​ที่​จะ​รับใช้​พระเจ้า​ให้​มาก​ขึ้น. ดัง​นั้น ใน​วัน​ที่ 18 เมษายน 1940 บราเดอร์​ไคลน์​ได้​เป็น​ผู้​ให้​บัพติสมา​แก่​เบนเนตต์, เวลวา น้อง​สาว​ของ​เรา, และ​ผม. ทั้ง​พ่อ​และ​แม่​อยู่​พร้อม​หน้า ณ ที่​เรา​รับ​บัพติสมา และ​ท่าน​ชื่น​ใจ​กับ​การ​ตัดสิน​ใจ​ของ​เรา. ประมาณ​สอง​ปี​ถัด​มา ท่าน​ทั้ง​สอง​ได้​รับ​บัพติสมา​เช่น​กัน. ท่าน​ทั้ง​สอง​ซื่อ​สัตย์​ต่อ​พระเจ้า​กระทั่ง​สิ้น​ชีวิต—พ่อ​เสีย​ชีวิต​ใน​ปี 1956 และ​แม่​ปี 1975.

เมื่อ​บราเดอร์​ไคลน์​ถาม​ผม​ว่า​จะ​สามารถ​ทำ​งาน​ไพโอเนียร์​ได้​หรือ​ไม่ ผม​ตอบ​เขา​ว่า​อยาก​ทำ​เหมือน​กัน แต่​ผม​ไม่​มี​เงิน, ไม่​มี​เสื้อ​ผ้า, ไม่​มี​อะไร​เลย. เขา​พูด​ว่า “ไม่​ต้อง​ห่วง​เรื่อง​นี้ ผม​จะ​ดู​แล​เรื่อง​นี้​เอง.” แล้ว​เขา​ก็​ทำ​อย่าง​ที่​พูด. ก่อน​อื่น เขา​ส่ง​ใบ​สมัคร​ไพโอเนียร์​ให้​ผม. หลัง​จาก​นั้น เขา​พา​ผม​ไป​ที่​นิวออร์ลีนส์ อยู่​ไกล​ออก​ไป​ประมาณ 300 กิโลเมตร และ​พา​ผม​ไป​ดู​บาง​ห้อง​ที่​น่า​อยู่​ใน​อพาร์ตเมนต์​ซึ่ง​อยู่​ด้าน​บน​ของ​หอ​ประชุม. ห้อง​เหล่า​นั้น​จัด​ไว้​สำหรับ​ไพโอเนียร์. จาก​นั้น​ไม่​นาน ผม​ก็​ย้าย​ไป​ที่​นั่น​และ​เริ่ม​งาน​ประจำ​ชีพ​ฐานะ​ไพโอเนียร์. เหล่า​พยาน​ฯ ใน​นิวออร์ลีนส์​ได้​ช่วยเหลือ​ไพโอเนียร์​โดย​การ​ให้​เสื้อ​ผ้า, เงิน, และ​อาหาร. ช่วง​กลางวัน พี่​น้อง​จะ​นำ​อาหาร​มา​วาง​ไว้​ที่​หน้า​ห้อง หรือ​เก็บ​ใส่​ตู้​เย็น​ไว้​ให้​เรา​ด้วย​ซ้ำ. บราเดอร์​คน​หนึ่ง​ที่​เปิด​ร้าน​ขาย​อาหาร​อยู่​ใกล้ ๆ ชวน​เรา​ให้​แวะ​ไป​ตอน​ปิด​ร้าน​เป็น​ประจำ​เพื่อ​เอา​อาหาร​ที่​ขาย​ไม่​หมด​มา​กิน เช่น เนื้อ, ขนมปัง, เนื้อ​บด, และ​ขนม​พาย.

ปะทะ​ฝูง​ชน​ที่​ก่อ​จลาจล

ต่อ​มา ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ไป​ทำ​งาน​ไพโอเนียร์​ที่​เมือง​แจ็กสัน รัฐ​มิสซิสซิปปี. ผม​กับ​เพื่อน​ร่วม​งาน​รุ่น​น้อง​ได้​เผชิญ​หน้า​กับ​ฝูง​ชน​ที่​ต่อ​ต้าน​อย่าง​รุนแรง​ใน​เมือง​นั้น และ​ดู​เหมือน​ว่า​เจ้าหน้าที่​บ้าน​เมือง​ใน​ท้อง​ที่​กลับ​สนับสนุน​คน​พวก​นั้น​ด้วย​ซ้ำ! เกิด​เหตุ​การณ์​ทำนอง​เดียว​กัน​ใน​เขต​ที่​ได้​รับ​มอบหมาย​ถัด​มา​ของ​เรา—เมือง​โคลัมบัส รัฐ​มิสซิสซิปปี. เนื่อง​จาก​เรา​ได้​ประกาศ​แก่​ประชาชน​ทุก​ชาติ​ทุก​เผ่า​พันธุ์ คน​ผิว​ขาว​บาง​กลุ่ม​จึง​เกลียด​เรา. หลาย​คน​ปักใจ​เชื่อ​ว่า​เรา​มี​ความ​ผิด​ฐาน​ปลุกปั่น​ก่อ​ความ​ไม่​สงบ. ผู้​บัญชา​การ​กอง​ทหาร​นอก​ประจำการ​ของ​กองทัพ​สหรัฐ อัน​เป็น​องค์กร​ที่​มี​ความ​เร่าร้อน​ใน​การ​รัก​ชาติ ยึด​มั่น​กับ​แง่​คิด​นั้น. หลาย​ต่อ​หลาย​ครั้ง​เขา​ได้​ปลุกปั่น​ฝูง​ชน​ที่​โกรธ​แค้น​ให้​จู่​โจม​พวก​เรา.

ครั้ง​แรก​ที่​เรา​ถูก​จู่​โจม​ใน​เมือง​โคลัมบัส ฝูง​ชน​กลุ่ม​หนึ่ง​ตาม​หลัง​เรา​มา​ขณะ​พวก​เรา​เสนอ​วารสาร​บน​ถนน. พวก​เขา​รุม​ล้อม​เข้า​มา​จน​กระทั่ง​เรา​ไป​จน​มุม​อยู่​ที่​แผ่น​กระจก​ด้าน​หน้า​ของ​ร้าน​ค้า. ผู้​คน​มา​มุง​ดู​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น. ใน​ไม่​ช้า​ตำรวจ​ก็​มา​ถึง​และ​พา​พวก​เรา​ไป​ยัง​สำนัก​เทศบาล. พวก​ม็อบ​ที่​ก่อ​เหตุ​ซึ่ง​ตาม​พวก​เรา​ไป​ถึง​สำนัก​เทศบาล​ได้​ประกาศ​ต่อ​หน้า​เจ้าหน้าที่​ทั้ง​หมด ณ ที่​นั่น​ว่า​ถ้า​พวก​เรา​ออก​จาก​เมืองตาม​วัน​ที่​กำหนด เรา​จะ​รอด ไป​ได้. แต่​ถ้า​ไป​หลัง​จาก​วัน​ที่​ขีด​เส้น​ตาย เรา​อาจ​ได้​รับ​อันตราย​ถึง​ตาย! เรา​คิด​ว่า​เป็น​การ​ดี​ที่​สุด​หาก​ออก​ไป​จาก​เมือง​นั้น​สัก​ระยะ​หนึ่ง. แต่​เพียง​ไม่​กี่​สัปดาห์​ต่อ​มา เรา​ก็​กลับ​ไป​ทำ​งาน​ประกาศ​ตาม​เดิม.

ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น กลุ่ม​ผู้​ชาย​แปด​คน​ได้​จู่​โจม​จับ​เรา​และ​บังคับ​ให้​เข้า​ไป​นั่ง​ใน​รถยนต์​ของ​เขา​สอง​คัน. พวก​เขา​ขับ​พา​เรา​เข้า​ป่า เปลื้อง​เสื้อ​ผ้า​เรา​ออก และ​ใช้​เข็มขัด​ของ​ผม​เฆี่ยน​เรา​คน​ละ 30 ที! พวก​เขา​มี​ทั้ง​ปืน​และ​เชือก พูด​ตาม​ตรง​เรา​ตระหนก​ตกใจ​มาก. ผม​คิด​ว่า​เขา​จะ​มัด​พวก​เรา​โยน​ทิ้ง​ลง​แม่น้ำ​เสีย​แล้ว. เขา​ฉีก​ทำลาย​สรรพหนังสือ​ของ​เรา​กระจาย​เกลื่อน หีบ​เสียง​ของ​เรา​ก็​ไม่​เว้น เขา​ยก​ขึ้น​ฟาด​กับ​ตอ​ไม้​แตก​เป็น​ชิ้น ๆ.

หลัง​จาก​เฆี่ยน​เรา​แล้ว เขา​สั่ง​เรา​สวม​เสื้อ​ผ้า​และ​ให้​เดิน​ไป​ตาม​ทาง​เดิน​ใน​ป่า และ​กำชับ​ไม่​ให้​เหลียว​หลัง. ขณะ​เดิน​ไป เรา​คิด​ว่า​ถ้า​เรา​กล้า​หัน​หลัง​ไป​มอง เขา​อาจ​ยิง​เรา​ตาย—และ​ไม่​ถูก​ลง​โทษ! แต่​เพียง​ไม่​กี่​นาที เรา​ก็​ได้​ยิน​เสียง​รถ​แล่น​ห่าง​ออก​ไป.

อีก​คราว​หนึ่ง ฝูง​ชน​ที่​โกรธ​แค้น​ไล่​กวด​พวก​เรา และ​เรา​ต้อง​ผูก​เสื้อ​ผ้า​ไว้​รอบ​คอ​และ​ว่าย​ข้าม​แม่น้ำ​หนี​พวก​เขา. ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น พวก​เรา​ถูก​จับ​ด้วย​ข้อ​หา​เป็น​ตัวการ​ก่อ​ความ​ไม่​สงบ. เรา​ติด​คุก​อยู่​นาน​สาม​สัปดาห์​กว่า​จะ​มี​การ​พิจารณา​คดี. มี​การ​ประโคม​ข่าว​การ​พิจารณา​คดี​ครั้ง​นั้น​อย่าง​กว้างขวาง​ใน​เมือง​โคลัมบัส. นัก​ศึกษา​ใน​วิทยาลัย​ใกล้​เคียง​แห่ง​หนึ่ง​ถึง​กับ​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​ออก​จาก​ห้อง​เรียน​ก่อน​เวลา​เพื่อ​เข้า​ฟัง​การ​พิจารณา​คดี. ครั้น​วัน​นั้น​มา​ถึง คน​เต็ม​แน่น​ห้อง​พิจารณา​คดี ถึง​กับ​ต้อง​ยืน​ฟัง​กัน! มี​นัก​เทศน์​สอง​คน, นายก​เทศมนตรี, และ​ตำรวจ​รวม​อยู่​ใน​จำนวน​ผู้​ให้​การ​เป็น​พยาน​ฝ่าย​รัฐ.

ทนาย​ฝ่าย​พยาน​ฯ ชื่อ จี. ซี. คลาร์ก​ถูก​ส่ง​ตัว​มา​พร้อม​กับ​เพื่อน​ร่วม​งาน​ให้​เป็น​ตัว​แทน​ฝ่าย​เรา. พวก​เขา​ขอ​ระงับ​ข้อ​กล่าวหา​ที่​ว่า​พวก​เรา​ได้​ยุยง​ให้​เกิด​ความ​ไม่​สงบ​เนื่อง​จาก​ขาด​หลักฐาน. ทนาย​ซึ่ง​ร่วม​งาน​กับ​บราเดอร์​คลาร์ก แม้​ไม่​ใช่​พยาน​พระ​ยะโฮวา แต่​เขา​ให้​การ​อย่าง​มี​น้ำหนัก​เป็น​ผล​ประโยชน์​แก่​เรา. มา​ถึง​จุด​หนึ่ง​เขา​ได้​พูด​กับ​ผู้​พิพากษา​ว่า “ประชาชน​หา​ว่า​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เป็น​คน​บ้า. บ้า​หรือ? โทมัส เอดิสัน​ก็​ถูก​หา​ว่า​บ้า!” แล้ว​เขา​ชี้​ไป​ที่​อุปกรณ์​ไฟฟ้า​และ​กล่าว​ว่า “แต่​ดู​หลอด​ไฟ​นั่น​สิ!” อาจ​เคย​มี​บาง​คน​ถือ​ว่า​เอดิสัน​ผู้​ประดิษฐ์​หลอด​ไฟฟ้า​เป็น​คน​บ้า แต่​ไม่​มี​สัก​คน​สามารถ​โต้​แย้ง​ใน​เรื่อง​ความ​สำเร็จ​ผล​ของ​เขา.

หลัง​จาก​ฟัง​คำ​ให้​การ​แล้ว ประธาน​ศาล​เคลื่อน​ที่​ก็​ประกาศ​ต่อ​พนักงาน​อัยการ​ดัง​นี้: “คุณ​ไม่​มี​หลักฐาน​การ​ก่อ​ความ​ไม่​สงบ​แม้​เพียง​กระผีก​เดียว และ​คน​เหล่า​นี้​มี​สิทธิ​ทำ​งาน​นี้. อย่า​ได้​นำ​เขา​มา​ที่​ห้อง​พิจารณา​คดี​นี้​อีก จน​กว่า​คุณ​มี​หลักฐาน​เพียง​พอ เพราะ​มัน​สิ้น​เปลือง​เวลา​และ​เงิน​ของ​รัฐ ทั้ง​เวลา​ของ​ผม​ด้วย!” ชัย​ชนะ​เป็น​ของ​เรา!

อย่าง​ไร​ก็​ดี หลัง​จาก​นั้น​ผู้​พิพากษา​ได้​เรียก​พวก​เรา​เข้า​ไป​ใน​ห้อง​ผู้​พิพากษา. เขา​ทราบ​ดี​ว่า​คน​ทั้ง​เมือง​ไม่​เห็น​ชอบ​กับ​การ​ตัดสิน​ของ​เขา. ดัง​นั้น เขา​จึง​เตือน​เรา​ว่า “ที่​ผม​ตัดสิน​นั้น​เป็น​ไป​ตาม​กฎหมาย แต่​คำ​แนะ​นำ​ส่วน​ตัว​ของ​ผม​สำหรับ​คุณ​ทั้ง​สอง​คือ ออก​ไป​เสีย​จาก​เมือง​นี้ มิ​ฉะนั้น​เขา​จะ​ฆ่า​คุณ​แน่!” เรา​รู้​ว่า​ผู้​พิพากษา​พูด​ถูก ฉะนั้น เรา​จึง​ออก​จาก​เมือง​นั้น​ไป.

จาก​ที่​นั่น​ผม​ได้​สมทบ​กับ​เบนเนตต์​และ​เวลวา ซึ่ง​กำลัง​รับใช้​ฐานะ​ไพโอเนียร์​พิเศษ​อยู่​ที่​เมือง​คลากส์วิลล์, รัฐ​เทนเนสซี. สอง​สาม​เดือน​ผ่าน​ไป เรา​ถูก​มอบหมาย​ให้​ไป​ที่​เมือง​ปารีส รัฐ​เคนทักกี. ต่อ​จาก​นั้น​หนึ่ง​ปี​กับ​อีก​หก​เดือน เมื่อเรา​พร้อม​จะ​ตั้ง​ประชาคม​ขึ้น​ที่​นั่น ผม​กับ​เบนเนตต์​ก็​ได้​รับ​คำ​เชิญ​อัน​แสน​วิเศษ.

งาน​รับใช้​เป็น​มิชชันนารี

เมื่อ​เรา​เห็น​จดหมาย​เชิญ​เข้า​โรง​เรียน​ว็อชเทาเวอร์​ไบเบิล​แห่ง​กิเลียด​รุ่น​ที่​สอง เรา​คิด​ว่า ‘เขา​คิด​ผิด​กระมัง! ทำไม​เขา​ถึง​ได้​เชิญ​เด็ก​หนุ่ม​สอง​คน​ซึ่ง​ดู​ต่ำต้อย​อย่าง​เรา​จาก​มิสซิสซิปปี​ไป​เข้า​โรง​เรียน​นั้น?’ เรา​คิด​ว่า​คน​ที่​จะ​ไป​กิเลียด​ต้อง​เป็น​คน​ที่​มี​การ​ศึกษา​ดี แต่​ถึง​อย่าง​ไร​เรา​ก็​ไป. มี​นัก​เรียน 100 คน​ใน​ชั้น และ​หลัก​สูตร​กำหนด​ไว้​ห้า​เดือน. วัน​ที่ 31 มกราคม 1944 เป็น​วัน​สำเร็จ​การ​ศึกษา และ​เรา​ต่าง​ก็​กระตือรือร้น​จะ​รับใช้​ใน​ต่าง​แดน. แต่​สมัย​นั้น การ​จะ​ทำ​หนังสือ​เดิน​ทาง​และ​ขอ​วีซ่า​ต้อง​ใช้​เวลา​มาก ดัง​นั้น นัก​เรียน​จึง​ถูก​มอบหมาย​ให้​ทำ​งาน​ไพโอเนียร์​ใน​สหรัฐ​ชั่ว​คราว. หลัง​จาก​รับใช้​ฐานะ​ไพโอเนียร์​ชั่ว​ระยะ​หนึ่ง​ใน​รัฐ​แอละแบมา​และ​จอร์เจีย ใน​ที่​สุด​ผม​และ​เบนเนตต์​ก็​ได้​รับ​มอบหมาย​ไป​ที่​เกาะ​บาร์เบโดส เวสต์อินดิส.

สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 ยัง​คง​ดำเนิน​ไป​อย่าง​ต่อ​เนื่อง มี​การ​สั่ง​ห้าม​กิจการ​งาน​และ​สรรพหนังสือ​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​หลาย​ประเทศ​และ​รวม​ทั้ง​ที่​บาร์เบโดส​ด้วย. เมื่อ​เจ้าหน้าที่​ศุลกากร​ที่​นั่น​เปิด​และ​ตรวจ​ค้น​กระเป๋า​สัมภาระ​ก็​พบ​หนังสือ​ที่​เรา​ซ่อน​ไว้. เรา​คิด​ว่า ‘จบ​เห่​ละ​ซี.’ แต่​ไม่​หรอก เจ้าหน้าที่​คน​หนึ่ง​เพียง​แต่​พูด​ว่า “ขอ​โทษ​นะ​ครับ​ที่​พวก​เรา​ต้อง​ตรวจ​ค้น​กระเป๋า​ของ​คุณ หนังสือ​เหล่า​นี้​บาง​ประเภท​ถูก​สั่ง​ห้าม​ใน​บาร์เบโดส.” ถึง​กระนั้น เขา​ปล่อย​ให้​เรา​เข้า​ประเทศ​พร้อม​ด้วย​สรรพหนังสือ​ทุก​ชิ้น​ที่​เรา​จัด​ใส่​ไว้​ใน​กระเป๋า​เดิน​ทาง! ภาย​หลัง​เมื่อ​เรา​ให้​คำ​พยาน​กับ​เจ้าหน้าที่​ของ​รัฐ พวก​เขา​พูด​ว่า​เขา​ไม่​เข้าใจ​เหตุ​ผล​ที่​มี​การ​สั่ง​ห้าม​หนังสือ​เหล่า​นั้น. ไม่​กี่​เดือน​ต่อ​มา คำ​สั่ง​ห้าม​ก็​ถูก​ยก​เลิก.

ใน​งาน​รับใช้​ที่​บาร์เบโดส​เรา​ประสบ​ความ​สำเร็จ​ไม่​น้อย. เรา​ได้​นำ​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​อย่าง​น้อย​คน​ละ 15 ราย และ​นัก​ศึกษา​ส่วน​ใหญ่​ก้าว​หน้า​ฝ่าย​วิญญาณ. เรา​ชื่น​ใจ​ที่​เห็น​บาง​คน​เข้า​มา​ยัง​การ​ประชุม​ประชาคม. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เนื่อง​จาก​มี​การ​สั่ง​ห้าม​สรรพหนังสือ​มา​เป็น​เวลา​นาน พวก​พี่​น้อง​ที่​นั่น​ขาด​ความ​เข้าใจ​ใหม่ ๆ ทาง​ด้าน​วิธี​นำ​การ​ประชุม​วาระ​ต่าง ๆ. แต่​ไม่​นาน​นัก เรา​ก็​สามารถ​ฝึก​อบรม​พี่​น้อง​ชาย​ที่​มี​ความ​สามารถ​ได้​จำนวน​หนึ่ง. เรา​ยินดี​ที่​ได้​ช่วย​หลาย​คน​ที่​เรา​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​เริ่ม​งาน​รับใช้​ของ​คริสเตียน​และ​เห็น​การ​เจริญ​เติบโต​ของ​ประชาคม.

การ​เลี้ยง​ดู​ครอบครัว

หลัง​จาก​อยู่​ที่​บาร์เบโดส​ประมาณ 18 เดือน ผม​ต้อง​เข้า​รับ​การ​ผ่าตัด​และ​จำเป็น​ต้อง​กลับ​สหรัฐ. ระหว่าง​อยู่​ที่​นั่น ผม​ได้​แต่งงาน​กับ​พยาน​ฯ ชื่อ​โดโรที ซึ่ง​ผม​เคย​ติด​ต่อ​เธอ​ทาง​จดหมาย. แล้ว​ผม​กับ​ภรรยา​ทำ​งาน​ไพโอเนียร์​ใน​เมือง​ทอลลาแฮสซี รัฐ​ฟลอริดา แต่​หลัง​จาก​นั้น​หก​เดือน เรา​ย้าย​ไป​ที่​ลุยซ์วิลล์ รัฐ​เคนทักกี ที่​นี่​เพื่อน​พยาน​ฯ เสนอ​งาน​ให้​ผม. เบนเนตต์​น้อง​ชาย​ของ​ผม​ยัง​คง​รับใช้​อย่าง​ต่อ​เนื่อง​นาน​หลาย​ปี​ที่​บาร์เบโดส. ตอน​หลัง​เขา​ได้​แต่งงาน​กับ​เพื่อน​มิชชันนารี​และ​รับใช้​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​ใน​หมู่​เกาะ​นั้น. ใน​ที่​สุด ทั้ง​สอง​ต้องกลับ​สหรัฐ​เนื่อง​จาก​ปัญหา​ด้าน​สุขภาพ. ทั้ง​สอง​ยัง​คง​รับใช้​หลาย​ประชาคม​ที่​พูด​ภาษา​สเปน​ใน​งาน​เดิน​ทาง​เยี่ยม กระทั่ง​เบนเนตต์​เสีย​ชีวิต​ใน​ปี 1990 เมื่อ​อายุ 73 ปี.

ปี 1950 โดโรที ได้​ให้​กำเนิด​ลูก​คน​แรก เรา​ตั้ง​ชื่อ​ลูก​สาว​ว่า​ดารีล. ใน​ที่​สุด เรา​มี​ลูก​ห้า​คน. เดอร์ริก ลูก​ชาย​คน​รอง​เสีย​ชีวิต​ด้วย​โรค​เยื่อ​หุ้ม​สมอง​และ​ไข​สัน​หลัง​อักเสบ​เมื่อ​อายุ​แค่​สอง​ขวบ​ครึ่ง. เลสลี ลูก​ชาย​เกิด​ปี 1956 และ​ตาม​ด้วย​เอเวอเรตต์​ซึ่ง​เกิด​ใน​ปี 1958. ผม​กับ​โดโรที​บากบั่น​พยายาม​เลี้ยง​ลูก​ของ​เรา​ใน​ทาง​แห่ง​ความ​จริง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล. เรา​พยายาม​เสมอ​ให้​มี​ตาราง​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ประจำ​ครอบครัว​ทุก​สัปดาห์ และ​ทำ​ให้​การ​ศึกษา​เป็น​สิ่ง​น่า​สนใจ​สำหรับ​ลูก​ทุก​คน. เมื่อ​ดารีล, เลสลี, และ​เอเวอเรตต์​ยัง​เยาว์​วัย แต่​ละ​สัปดาห์​เรา​เตรียม​คำ​ถาม​ต่าง ๆ เพื่อ​ให้​เขา​ค้นคว้า​หา​คำ​ตอบ​สำหรับ​สัปดาห์​ถัด​ไป. นอก​จาก​นั้น เด็ก ๆ จะ​สาธิต​การ​ประกาศ​ตาม​บ้าน. คน​หนึ่ง​เข้า​ไป​อยู่​ใน​ตู้​เสื้อ​ผ้า​แสดง​เป็น​เจ้าของ​บ้าน. อีก​คน​หนึ่ง​ยืน​อยู่​ข้าง​นอก​เคาะ​ประตู. พวก​เขา​ใช้​คำ​พูด​ที่​ฟัง​ดู​ตลก​ใน​การ​ทำ​ให้​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​กลัว แต่​การ​ทำ​แบบ​นี้​ช่วย​ปลูกฝัง​เด็ก​ให้​รัก​งาน​ประกาศ. นอก​จาก​นั้น เรา​ออก​ประกาศ​กับ​พวก​เขา​อย่าง​สม่ำเสมอ​อีก​ด้วย.

เมื่อ​เอล​ตัน ลูก​ชาย​สุด​ท้อง​ของ​เรา​เกิด​ใน​ปี 1973 โดโรที​มี​อายุ​เกือบ 50 ปี และ​อายุ​ผม​ก็​ย่าง​เข้า 60 แล้ว. พี่​น้อง​ใน​ประชาคม​เรียก​เรา​เป็น​อับราฮาม​และ​ซารา! (เยเนซิศ 17:15-17) พวก​พี่​ชาย​มัก​จะ​พา​เอล​ตัน​ออก​ไป​ใน​งาน​ประกาศ​ด้วย. เรา​รู้สึก​ว่า​เป็น​การ​ให้​คำ​พยาน​ที่​มี​พลัง​จริง ๆ เมื่อ​ประชาชน​มอง​เห็น​ครอบครัว​ซึ่ง​ประกอบ​ด้วย​พี่ ๆ น้อง ๆ, พ่อ​แม่​ลูก​ทำ​งาน​ด้วย​กัน นำ​ข่าว​ความ​จริง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ไป​สู่​ผู้​คน. พวก​พี่​ชาย​ของ​เอล​ตัน​ต่าง​ก็​ผลัด​เปลี่ยน​กัน​ให้​น้อง​ขี่​คอ​และ​ใส่​แผ่น​พับ​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ไว้​ใน​มือ​น้อง. แทบ​ทุก​ครั้ง​ผู้​คน​จะ​ฟัง​เมื่อ​เขา​เปิด​ประตู​มา​เห็น​เด็ก​ชาย​ตัว​เล็ก​น่า​เอ็นดู​ขี่​คอ​พี่. พี่ ๆ ได้​สอน​เอล​ตัน​ยื่น​แผ่น​พับ​ให้​เมื่อ​จบ​การ​สนทนา​กับ​คน​นั้น​แล้ว และ​ให้​พูด​สัก​สอง​สาม​คำ. นั่น​เป็น​วิธี​ที่​เขา​เริ่ม​งาน​ประกาศ.

ตลอด​หลาย​ปี เรา​สามารถ​ช่วย​คน​อื่น​ให้​มา​รู้​จัก​พระ​ยะโฮวา. ช่วง​ปลาย​ทศวรรษ 1970 เรา​ได้​ย้าย​จาก​ลุยซ์วิลล์​ไป​รับใช้​ที่​ประชาคม​หนึ่ง​ซึ่ง​ต้องการ​ผู้​ประกาศ​ใน​เมือง​เชลบีวิลล์ รัฐ​เคนทักกี. ขณะ​อยู่​ที่​นั่น เรา​ไม่​เพียง​แต่​เห็น​การ​เจริญ​เติบโต​ใน​ประชาคม แต่​ยัง​ได้​ช่วย​ติด​ต่อ​หา​ที่​ดิน​และ​ก่อ​สร้าง​หอ​ประชุม. ต่อ​มา​มี​การ​ขอ​ให้​เรา​ไป​รับใช้​ใน​ประชาคม​อีก​แห่ง​หนึ่ง​ซึ่ง​อยู่​ไม่​ไกล.

ความ​ไม่​แน่นอน​ใน​ชีวิต​ครอบครัว

ผม​อยาก​จะ​บอก​ว่า​ลูก​ทุก​คน​ของ​เรา​ได้​ตั้ง​มั่น​อยู่​ใน​ทาง​ของ​พระ​ยะโฮวา แต่​ไม่​ได้​เป็น​อย่าง​ที่​หวัง. หลัง​จาก​ที่​พวก​เขา​เติบโต​ขึ้น​และ​แยก​ย้าย​กัน​ไป​อยู่​ที่​อื่น ลูก​สาม​ใน​สี่​คน​ที่​เหลือ​อยู่​ได้​ออก​ไป​จาก​ทาง​ของ​ความ​จริง. อย่าง​ไร​ก็​ดี เอเวอเรตต์ ลูก​ชาย​ของ​เรา​เจริญ​รอย​ตาม​อย่าง​ผม​และ​เข้า​สู่​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา. ใน​เวลา​ต่อ​มา เขา​รับใช้ ณ สำนักงาน​กลาง​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​นิวยอร์ก และ​ใน​ปี 1984 ได้​รับ​เชิญ​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด​รุ่น​ที่ 77. ภาย​หลัง​จบ​หลัก​สูตร​การ​เรียน​แล้ว เขา​ได้​ไป​ยัง​เขต​งาน​มอบหมาย​ใน​ประเทศ​เซียร์ราลีโอน แอฟริกา​ตะวัน​ตก. ปี 1988 เขา​แต่งงาน​กับ​มาร์ยัน ไพโอเนียร์​จาก​ประเทศ​เบลเยียม. ทั้ง​สอง​ได้​ทำ​งาน​รับใช้​ด้วย​กัน​ฐานะ​มิชชันนารี​นับ​แต่​นั้น​มา.

ดัง​ที่​บิดา​มารดา​คน​ใด ๆ ก็​สามารถ​วาด​มโนภาพ​ได้ ช่าง​เป็น​สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​เรา​ท้อ​ใจ​เมื่อ​เห็น​ลูก​สาม​คน​ได้​ละ​ทิ้ง​ทาง​ชีวิต​อัน​น่า​พึง​พอ​ใจ​ใน​ปัจจุบัน​และ​ยัง​จะ​เสนอ​ความ​หวัง​อัน​ดี​เลิศ​เกี่ยว​กับ​ชีวิต​นิรันดร์​บน​แผ่นดิน​โลก​ภาย​ใต้​สภาพ​ที่​เป็น​อุทยาน​ใน​อนาคต. บาง​ครั้ง​ผม​นึก​ตำหนิ​ตัว​เอง. แต่​ผม​ก็​ได้​การ​ปลอบ​ประโลม​ใจ​เมื่อ​รู้​ว่า​แม้​แต่​บุตร​กาย​วิญญาณ​บาง​ตน​ของ​พระ​ยะโฮวา หรือ​เหล่า​ทูตสวรรค์ ได้​เลิก​รับใช้​พระองค์—ถึง​แม้​การ​ตี​สอน​จาก​พระ​ยะโฮวา​เป็น​ไป​ด้วย​ความ​รัก​และ​ด้วย​ความ​กรุณา​อีก​ทั้ง​พระองค์​ไม่​เคย​ทำ​ผิด​พลาด. (พระ​บัญญัติ 32:4; โยฮัน 8:44; วิวรณ์ 12:4, 9) จุด​นี้​เอง​ที่​ประทับใจ​ผม​ที่​ว่า​ถึง​พ่อ​แม่​อาจ​ได้​พยายาม​นัก​หนา​ด้วย​การ​อุ้ม​ชู​เลี้ยง​ดู​ลูก​ใน​แนว​ทาง​ของ​พระ​ยะโฮวา กระนั้น​ก็​ดี บาง​คน​อาจ​ปฏิเสธ​ที่​จะ​รับ​เอา​ความ​จริง.

เฉก​เช่น​ต้น​ไม้​ถูก​ลม​แรง​พัด​ผ่าน เรา​ต้อง​ลู่​ไป​ตาม​ความ​ทุกข์​ยาก​และ​อุปสรรค​ปัญหา​ต่าง ๆ ซึ่ง​ผ่าน​เข้า​มา​ใน​วิถี​ชีวิต​ของ​เรา. ตลอด​หลาย​ปี ผม​ได้​พบ​ว่า​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​ประจำ​และ​การ​ร่วม​ประชุม​อย่าง​สม่ำเสมอ​ทำ​ให้​ผม​เข้มแข็ง​ที่​จะ​ลู่​ตาม​และ​อยู่​รอด​ฝ่าย​วิญญาณ. ขณะ​อายุ​ผมมาก​ขึ้น​และ​เห็น​ความ​ผิด​พลาด​ที่​เคย​ทำ​ใน​อดีต ผม​พยายาม​มอง​ใน​แง่​ดี. ที่​แท้​แล้ว ถ้า​เรา​คง​ความ​ซื่อ​สัตย์​อยู่​เสมอ ประสบการณ์​ต่าง ๆ ดัง​กล่าว​มี​แต่​จะ​เสริม​ความ​ก้าว​หน้า​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​เรา. หาก​เรา​เรียน​จาก​ประสบการณ์ แง่​มุม​ต่าง ๆ เชิง​ลบ​ใน​ชีวิต​จะ​กลาย​เป็น​แง่​มุม​ใน​เชิง​ก่อ​ได้​อย่าง​ไม่​ต้อง​สงสัย.—ยาโกโบ 1:2, 3.

ตอน​นี้​สุขภาพ​ของ​ผม​กับ​โดโรที​ไม่​สู้​แข็งแรง​นัก เรา​จึง​ทำ​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ไม่​ได้​มาก​อย่าง​ที่​เรา​ต้องการ​จะ​ทำ. แต่​เรา​รู้สึก​ขอบคุณ​พี่​น้อง​คริสเตียน​ชาย​หญิง​ผู้​เป็น​ที่​รัก​ซึ่ง​ช่วยเหลือ​เกื้อกูล​เรา. ณ การ​ประชุม​เกือบ​ทุก​ครั้ง พี่​น้อง​บอก​เรา​ว่า​เขา​หยั่ง​รู้​ค่า​มาก​เพียง​ใด​ที่​เรา​อยู่​ที่​นั่น. และ​พี่​น้อง​เหล่า​นั้น​ยื่น​มือ​ช่วยเหลือ​เรา​ไม่​ว่า​เรื่อง​ใด​ก็​แล้ว​แต่—กระทั่ง​ช่วย​ซ่อมแซม​บ้าน​และ​รถยนต์.

เรา​สามารถ​เข้า​ร่วม​งาน​รับใช้​ประเภท​ไพโอเนียร์​สมทบ​เป็น​ครั้ง​คราว และ​เรา​นำ​การ​ศึกษา​กับ​ผู้​สนใจ​บาง​คน. ความ​ชื่นชม​ยินดี​ที่​คาด​ไม่​ถึง​ซึ่ง​เรา​ประสบ​เสมอ​คือ​การ​รับ​ข่าว​คราว​จาก​ลูก​ชาย​ที่​ทำ​งาน​รับใช้​ใน​แอฟริกา. เรา​ยัง​คง​มี​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ใน​ครอบครัว แม้​มี​เพียง​เรา​สอง​คน​เท่า​นั้น​ใน​ตอน​นี้. เรา​รู้สึก​เป็น​สุข​ใจ​ที่​ได้​อุทิศ​เวลา​หลาย​ปี​ทำ​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา. พระองค์​ทรง​รับรอง​เรา​ว่า​จะ​ไม่ ‘ลืม​การ​งาน​ของ​เรา​และ​ความ​รัก​ที่​เรา​ได้​สำแดง​ต่อ​พระ​นาม​ของ​พระองค์.’—เฮ็บราย 6:10.

[ภาพ​หน้า 25]

เทด ไคลน์​ได้​ให้​บัพติสมา​แก่​เวลวา, เบนเนตต์, และ​ผม เมื่อ​วัน​ที่ 18 เมษายน 1940

[ภาพ​หน้า 26]

กับ​โดโรที ภรรยา​ของ​ผม​ช่วง​ต้น​ทศวรรษ 1940 และ​ปี 1997

[ภาพ​หน้า 27]

เรา​ใช้​รถ​โดยสาร​ประจำ​เมือง​ใน​บาร์เบโดส​โฆษณา​คำ​บรรยาย​สาธารณะ​เรื่อง “องค์​สันติ​ราช”

[ภาพ​หน้า 27]

เบนเนตต์ น้อง​ชาย​ของ​ผม​ยืน​อยู่​หน้า​บ้าน​มิชชันนารี