ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เราทำงานเป็นทีม

เราทำงานเป็นทีม

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

เรา​ทำ​งาน​เป็น​ทีม

เล่า​โดย​เมลบา แบร์รี

เมื่อ​วัน​ที่ 2 กรกฎาคม 1999 ฉัน​พร้อม​กับ​สามี​ได้​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา เหมือน​ที่​เรา​เคย​ร่วม​เรื่อย​มา​นับ​พัน ๆ ครั้ง​ตลอด 57 ปี​แห่ง​ชีวิต​สมรส​ของ​เรา. ลอยด์​ให้​คำ​บรรยาย​เรื่อง​สุด​ท้าย​แห่ง​ระเบียบ​วาระ​วัน​ศุกร์ ณ การ​ประชุม​ภาค​ที่​ฮาวาย. โดย​ไม่​มี​ใคร​คาด​คิด เขา​ฟุบ​ลง​ไป. แม้​ว่า​ได้​พยายาม​กัน​เต็ม​ที่​เพื่อ​ช่วย​ให้​เขา​ฟื้น​สติ แต่​เขา​ก็​เสีย​ชีวิต. *

พี่​น้อง​คริสเตียน​ชาย​หญิง​ใน​ฮาวาย​น่า​รัก​เสีย​จริง ๆ เขา​มา​อยู่​ใกล้ ๆ คอย​ปลอบ​ประโลม​ใจ และ​ช่วย​ให้​ฉัน​รับมือ​กับ​การ​สูญ​เสีย​อย่าง​น่า​เศร้า​ใจ​นี้! ลอยด์​เคย​ฝาก​ความ​ประทับใจ​ไว้​กับ​หลาย​คน​ใน​หมู่​พี่​น้อง​เหล่า​นี้ และ​รวม​ถึง​คน​อื่น​อีก​มาก​หลาย​ทั่ว​โลก.

ใน​ช่วง​เกือบ​สอง​ปี​ตั้ง​แต่​สามี​เสีย​ชีวิต ฉัน​นึก​ถึง​วัน​เวลา​อัน​แสน​วิเศษ​ที่​เรา​เคย​อยู่​ด้วย​กัน—หลาย​ปี​ใน​งาน​มอบหมาย​ฐานะ​มิชชันนารี​ใน​ต่าง​แดน และ​หลาย​ปี ณ สำนักงาน​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​บรุกลิน นิวยอร์ก. นอก​จาก​นี้ ฉัน​ยัง​คง​คิด​ถึง​ชีวิต​วัย​เยาว์​ของ​ฉัน​ใน​อดีต​ที่​นคร​ซิดนีย์ ประเทศ​ออสเตรเลีย และ​อุปสรรค​อื่น ๆ ที่​ลอยด์​และ​ฉัน​ได้​เผชิญ​เพื่อ​ที่​จะ​ได้​แต่งงาน​กัน​ใน​ช่วง​ต้น​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2. แต่​ก่อน​อื่น ให้​ฉัน​เล่า​เรื่อง​ความ​เป็น​มา​ว่า​ฉัน​เข้า​มา​เป็น​พยาน​ฯ และ​พบ​ลอยด์​เมื่อ​ปี 1939 ได้​อย่าง​ไร.

ฉัน​ได้​มา​เป็น​พยาน​ฯ อย่าง​ไร

เจมส์​กับ​เฮนรีเอตตา โจนส์​เป็น​พ่อ​แม่​ที่​รัก​และ​เอา​ใจ​ใส่​เลี้ยง​ดู​ฉัน. ฉัน​อายุ​แค่ 14 ปี​ตอน​เรียน​จบ​ใน​ปี 1932. โลก​สมัย​นั้น​อยู่​ใน​ระหว่าง​ภาวะ​เศรษฐกิจ​ตก​ต่ำ​ครั้ง​ใหญ่. ฉัน​เริ่ม​ทำ​งาน​ช่วยเหลือ​ครอบครัว ซึ่ง​รวม​น้อง​สาว​อีก​สอง​คน. เพียง​ไม่​กี่​ปี ฉัน​ก็​ได้​งาน​ที่​มี​ราย​ได้​ดี​และ​มี​ลูก​น้อง​ที่​เป็น​หญิง​สาว​หลาย​คน.

ระหว่าง​นั้น ใน​ปี 1935 คุณ​แม่​ได้​รับ​สรรพหนังสือ​คู่มือ​คัมภีร์​ไบเบิล​จาก​พยาน​พระ​ยะโฮวา จาก​นั้น​ไม่​นาน​ท่าน​ก็​มั่น​ใจ​ว่า​ได้​พบ​ความ​จริง​เข้า​แล้ว. คน​อื่น​ใน​ครอบครัว รวม​ทั้ง​ตัว​ฉัน​เอง​ต่าง​ก็​คิด​ว่า​แม่​ท่า​จะ​ฟั่นเฟือน​เสีย​แล้ว. แต่​อยู่​มา​วัน​หนึ่ง ฉัน​เห็น​หนังสือ​เล่ม​เล็ก​ชื่อ​คน​ตาย​แล้ว​ไป​ไหน? และ​ชื่อ​หนังสือ​ทำ​ให้​ฉัน​เกิด​ความ​อยาก​รู้​ขึ้น​มา. ฉะนั้น ฉัน​จึง​แอบ​อ่าน​หนังสือ​นั้น. นั่น​แหละ​เป็น​จุด​เปลี่ยน! ฉัน​เริ่ม​ไป​ประชุม​กลาง​สัปดาห์​กับ​คุณ​แม่​ทันที เรียก​กัน​ว่า​การ​ศึกษา​อัน​เป็น​แบบ​อย่าง. หนังสือ​เล่ม​เล็ก​ชื่อ​การ​ศึกษา​อัน​เป็น​แบบ​อย่าง—ใน​ที่​สุด​มี​ถึง​สาม​เล่ม​ด้วย​กัน—มี​ทั้ง​คำ​ถาม​และ​คำ​ตอบ อีก​ทั้ง​มี​ข้อ​คัมภีร์​สนับสนุน​คำ​ตอบ.

ประมาณ​ช่วง​เวลา​นั้น ใน​เดือน​เมษายน 1938 โจเซฟ เอฟ. รัทเทอร์ฟอร์ด ตัว​แทน​จาก​สำนักงาน​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ได้​มา​เยี่ยม​นคร​ซิดนีย์. คำ​บรรยาย​สาธารณะ​ของ​ท่าน​เป็น​คำ​บรรยาย​แรก​ที่​ฉัน​ได้​ไป​ร่วม. การ​ประชุม​นี้​กำหนด​จะ​จัด​ขึ้น​ที่​ศาลา​กลาง​ของ​นคร​ซิดนีย์ แต่​พวก​ต่อ​ต้าน​ได้​ดำเนิน​การ​ไม่​ให้​เรา​ใช้​สถาน​ที่​แห่ง​นั้น. ด้วย​เหตุ​นี้ การ​บรรยาย​จึง​ต้อง​เปลี่ยน​ไป​ใช้​ที่​สนาม​กีฬา​ซิดนีย์​ซึ่ง​กว้าง​ใหญ่​กว่า​แทน. เนื่อง​ด้วย​การ​ต่อ​ต้าน​ขัด​ขวาง​เป็น​เหตุ​ให้​สาธารณชน​เกิด​ความ​สนใจ​มาก​ขึ้น ผู้​เข้า​ฟัง​คำ​บรรยาย​จึง​มี​จำนวน​มาก​ถึง 10,000 กว่า​คน นับ​ว่า​มาก​มาย​อย่าง​น่า​ทึ่ง​เมื่อ​นึก​ถึง​พยาน​ฯ ใน​ออสเตรเลีย​เวลา​นั้น​มี​เพียง 1,300 คน.

หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน ฉัน​ก็​ออก​ไป​เผยแพร่​ใน​เขต​งาน​เป็น​ครั้ง​แรก—ไป​ทั้ง ๆ ที่​ไม่​ได้​ผ่าน​การ​ฝึก​อบรม. เมื่อ​กลุ่ม​ของ​เรา​ไป​ถึง​เขต​งาน​ประกาศ ผู้​ชาย​ที่​นำ​กลุ่ม​บอก​ฉัน​ว่า “คุณ​ไป​ประกาศ​ที่​บ้าน​หลัง​นั้น​แหละ.” ฉัน​ประหม่า​มาก​ถึง​ขนาด​ที่​เมื่อ​ผู้​หญิง​ออก​มา​ที่​ประตู ฉัน​เลย​ถาม​เขา​ไป​ว่า “ดิฉัน​อยาก​รู้​ว่า​ตอน​นี้​กี่​โมง​แล้ว?” เธอ​กลับ​เข้า​ไป​ดู​นาฬิกา​ใน​บ้าน​และ​ออก​มา​บอก​เวลา. เป็น​อัน​ว่า​จบ​การ​เยี่ยม​เพียง​แค่​นั้น. แล้ว​ฉัน​ก็​กลับ​ไป​ที่​รถ.

อย่าง​ไร​ก็​ดี ฉัน​ไม่​ยอม​แพ้ และ​ใน​ไม่​ช้า​ฉัน​มี​ส่วน​ร่วม​เป็น​ประจำ​ใน​การ​บอก​ข่าว​ราชอาณาจักร​แก่​ผู้​อื่น. (มัดธาย 24:14) เดือน​มีนาคม 1939 ฉัน​แสดง​สัญลักษณ์​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระ​ยะโฮวา​โดย​การ​รับ​บัพติสมา​ใน​อ่าง​อาบ​น้ำ​ที่​บ้าน โดโรที ฮัตชิง เพื่อน​บ้าน​ที่​อยู่​ถัด​ไป. เนื่อง​จาก​ไม่​มี​พี่​น้อง​ชาย ไม่​นาน​ภาย​หลัง​การ​รับ​บัพติสมา ฉัน​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ทำ​หน้า​ที่​รับผิดชอบ​หลาย​อย่าง​ใน​ประชาคม​ซึ่ง​ปกติ​แล้ว​มัก​มอบหมาย​แก่​ชาย​คริสเตียน.

ปกติ​แล้ว เรา​จัด​การ​ประชุม​ที่​บ้าน​ส่วน​ตัว แต่​บาง​ครั้ง​ก็​เช่า​ห้อง​ประชุม​สำหรับ​คำ​บรรยาย​สาธารณะ. พี่​น้อง​หนุ่ม​รูป​หล่อ​จาก​เบเธล สำนักงาน​สาขา ได้​มา​ที่​ประชาคม​เล็ก ๆ ของ​เรา​เพื่อ​ให้​คำ​บรรยาย. โดย​ที่​ฉัน​ไม่​รู้​ตัว เขา​มี​อีก​เหตุ​ผล​หนึ่ง​ที่​มา​คือ​อยาก​รู้​เกี่ยว​กับ​ตัว​ฉัน​มาก​ขึ้น. ใช่​แล้ว นี่​เป็น​วิธี​ที่​ได้​พบ​ลอยด์.

พบ​ครอบครัว​ของ​ลอยด์

จาก​นั้น​ไม่​นาน ฉัน​มี​ความ​ปรารถนา​อยาก​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​เต็ม​เวลา. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เมื่อ​ฉัน​สมัคร​เป็น​ไพโอเนียร์ (งาน​ประกาศ​เผยแพร่​ประเภท​เต็ม​เวลา) มี​คน​ถาม​ฉัน​ว่า​อยาก​จะ​ทำ​งาน​รับใช้​ที่​เบเธล​ไหม. ดัง​นั้น เดือน​กันยายน 1939 เดือน​ที่​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 เริ่ม​ขึ้น ฉัน​ก็​เข้า​มา​เป็น​สมาชิก​ครอบครัว​เบเธล​ใน​สแตรทฟีลด์ ชาน​เมือง​ซิดนีย์.

เดือน​ธันวาคม 1939 ฉัน​เดิน​ทาง​ไป​ประเทศ​นิวซีแลนด์​เพื่อ​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่. เนื่อง​จาก​ลอยด์​เป็น​คน​นิวซีแลนด์ เขา​จึง​ไป​ที่​นั่น​เช่น​กัน. เรา​โดยสาร​บน​เรือ​ลำ​เดียว​กัน และ​เรา​ได้​มา​รู้​จัก​กัน​และ​กัน​มาก​ขึ้น. ลอยด์​เป็น​คน​จัดแจง​เพื่อ​ให้​ฉัน​ได้​พบ​พ่อ​แม่​ของ​เขา​พร้อม​ทั้ง​น้อง​สาว​สอง​คน ณ การ​ประชุม​ที่​เมือง​เวลลิงตัน และ​ต่อ​มา​พบ​ที่​บ้าน​ของ​เขา​ใน​เมือง​ไครสต์เชิร์ช.

ประกาศ​สั่ง​ห้าม​งาน​ของ​พวก​เรา

วัน​เสาร์​ที่ 18 มกราคม 1941 เจ้าหน้าที่​รัฐบาล​ขับ​รถ​เก๋ง​ดำ​คัน​ใหญ่​ประมาณ​หก​คัน​ไป​ที่​สำนักงาน​สาขา​เพื่อ​ริบ​ทรัพย์​สิน. เนื่อง​จาก​ฉัน​กำลัง​ทำ​งาน​อยู่​ใน​ตู้​ยาม​เล็ก ๆ ตรง​ประตู​ทาง​เข้า​เบเธล ฉัน​จึง​เป็น​คน​แรก​ที่​เห็น​พวก​เขา. ก่อน​หน้า​นั้น​ราว ๆ 18 ชั่วโมง เบเธล​ได้​รับ​ข่าว​แจ้ง​การ​สั่ง​ห้าม ฉะนั้น สรรพหนังสือ​และ​แฟ้ม​ต่าง ๆ ถูก​ขน​ออก​ไป​จาก​สาขาเกือบ​หมด. สัปดาห์​ถัด​มา สมาชิก​ครอบครัว​เบเธล​ห้า​คน รวม​ทั้ง​ลอยด์​ถูก​จำ​คุก.

ฉัน​รู้​ว่า​สิ่ง​ที่​พี่​น้อง​ใน​คุก​ต้องการ​มาก​ที่​สุด​คือ​อาหาร​ฝ่าย​วิญญาณ. เพื่อ​เป็น​กำลังใจ​ให้​ลอยด์ ฉัน​ตัดสิน​ใจ​เขียน “จดหมาย​รัก” ถึง​เขา. ฉัน​เริ่ม​ต้น​เขียน​ใน​เชิง​ที่​คาด​หมาย​ได้​ว่า​เป็น​จดหมาย​รัก ครั้น​แล้ว​ฉัน​คัด​ลอก​บทความ​ทั้ง​เรื่อง​จาก​หอสังเกตการณ์ และ​ลง​ท้าย​ราว​กับ​ว่า​ฉัน​เป็น​หวาน​ใจ​ของ​เขา. ภาย​หลัง​ติด​คุก​นาน​สี่​เดือน​ครึ่ง ลอยด์​ก็​ถูก​ปล่อย​ตัว.

แต่งงาน​และ​ปฏิบัติ​งาน​อย่าง​ต่อ​เนื่อง

ปี 1940 แม่​ของ​ลอยด์​ได้​มา​เยือน​ออสเตรเลีย ลอยด์​บอก​แม่​ว่า​เรา​สอง​คน​คิด​จะ​แต่งงาน. เธอ​ให้​ข้อ​คิด​เห็น​แก่​ลูก​ชาย​ว่า​อย่า​เพ่อ​คิด​เรื่อง​แต่งงาน เพราะ​อวสาน​ของ​ระบบ​นี้​ดู​เหมือน​ใกล้​เข้า​มา​มาก​แล้ว. (มัดธาย 24:3-14) อนึ่ง ลอยด์​ยัง​เคย​บอก​เพื่อน​สนิท​รู้​ถึง​ความ​ตั้งใจ แต่​การ​พูด​คุย​กัน​แต่​ละ​ครั้ง พวก​เพื่อน​ก็​ได้​เตือน​เขา​ให้​พัก​เรื่อง​การ​แต่งงาน​ไว้​ก่อน​จะ​ดี​กว่า. ท้าย​ที่​สุด วัน​หนึ่ง​ใน​เดือน​กุมภาพันธ์ 1942 ลอยด์​ดำเนิน​การ​อย่าง​เงียบ ๆ โดย​พา​ฉัน​ไป​จด​ทะเบียน​สมรส พร้อม​ด้วย​พยาน​พระ​ยะโฮวา​สี่​คน​ซึ่ง​ต่าง​ก็​ให้​สัญญา​จะ​ไม่​เผย​ให้​คน​อื่น​รู้​แผน​ของ​เรา แล้ว​เรา​จึง​ได้​สมรส​กัน. สมัย​นั้น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ออสเตรเลีย​ยัง​ไม่​มี​อำนาจ​หน้า​ที่​จะ​ดำเนิน​การ​ให้​คู่​สมรส​จด​ทะเบียน.

แม้​เรา​สอง​คน​ไม่​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​ทำ​งาน​รับใช้​ใน​เบเธล​ฐานะ​เป็น​คู่​สมรส แต่​มี​การ​สอบ​ถาม​ว่า​เรา​อยาก​ทำ​งาน​รับใช้​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ไหม. ด้วย​ความ​ยินดี เรา​ตอบรับ​งาน​มอบหมาย​ไป​ยัง​เมือง​เล็ก ๆ ชื่อ​วากกา วากกา. งาน​เผยแพร่​ของ​เรา​ยัง​คง​ถูก​สั่ง​ห้าม และ​เรา​ไม่​ได้​รับ​การ​อุดหนุน​ทาง​การ​เงิน ดัง​นั้น เรา​จึง​ต้อง​มอบ​ภาระ​ของ​เรา​ไว้​กับ​พระ​ยะโฮวา​จริง ๆ.—บทเพลง​สรรเสริญ 55:22.

เรา​ปั่น​รถ​จักรยาน​แบบ​ถีบ​สอง​คน​ไป​ยัง​เขต​ชนบท พบ​ชาว​บ้าน​บาง​คน​ที่​ต้อนรับ​ดี​และ​ได้​พูด​คุย​กัน​นาน. คน​ที่​ตอบรับ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​มี​ไม่​มาก. อย่าง​ไร​ก็​ดี เจ้าของ​ร้าน​ขาย​ปลีก​คน​หนึ่ง​หยั่ง​รู้​ค่า​มาก​ใน​งาน​ที่​เรา​ทำ​อยู่ ถึง​กับ​แบ่ง​ผัก​ผลไม้​ให้​เรา​ทุก​สัปดาห์. หลัง​จาก​ใช้​เวลา​หก​เดือน​อยู่​ที่​หมู่​บ้าน​วากกา วากกา เรา​ก็​ถูก​เรียก​ให้​กลับ​เบเธล.

ครอบครัว​เบเธล​ขน​ย้าย​จาก​สำนักงาน​สแตรทฟีลด์​เมื่อ​เดือน​พฤษภาคม 1942 และ​เข้า​ไป​อยู่​ใน​บ้าน​ส่วน​ตัว. ครอบครัว​เบเธล​ย้าย​จาก​บ้าน​หนึ่ง​ไป​อีก​บ้าน​หนึ่ง​ทุก ๆ สอง​หรือ​สาม​สัปดาห์ ทั้ง​นี้​เพื่อ​เลี่ยง​การ​ตรวจ​จับ. เมื่อ​ลอยด์​กับ​ฉัน​กลับ​ไป​ที่​เบเธล​ใน​เดือน​สิงหาคม เรา​สมทบ​กับ​พวก​เขา ณ บ้าน​หลัง​หนึ่ง​ใน​บรรดา​บ้าน​เหล่า​นั้น. งาน​มอบหมาย​ของ​เรา​ตอน​กลางวัน​คือ​ทำ​งาน​ใน​โรง​พิมพ์​แห่ง​หนึ่ง​ใน​หลาย​แห่ง​ที่​ตั้ง​ขึ้น​อย่าง​ลับ ๆ. ใน​ที่​สุด เดือน​มิถุนายน 1943 คำ​สั่ง​ห้าม​กิจการ​ของ​เรา​ก็​ถูก​เพิกถอน.

เตรียม​ตัว​เพื่อ​งาน​รับใช้​ใน​ต่าง​แดน

เดือน​เมษายน 1947 เรา​ได้​รับ​ใบ​สมัคร​เข้า​โรง​เรียน​ว็อชเทาเวอร์​ไบเบิล​แห่ง​กิเลียด ที่​เซาท์แลนซิง รัฐ​นิวยอร์ก สหรัฐ​อเมริกา. ใน​ช่วง​นั้น เรา​ถูก​มอบหมาย​ให้​เดิน​ทาง​เยี่ยม​ประชาคม​ต่าง ๆ ใน​ออสเตรเลีย​เพื่อ​หนุน​กำลัง​พวก​เขา​ทาง​ด้าน​วิญญาณ. หลัง​จาก​นั้น​ไม่​กี่​เดือน เรา​ก็​ได้​รับ​เชิญ​เข้า​เรียน​ที่​กิเลียด​เป็น​รุ่น​ที่ 11. เรา​มี​เวลา​สาม​สัปดาห์​ใน​การ​จัดแจง​กิจ​ธุระ​ต่าง ๆ ให้​เรียบร้อย และ​จัด​ข้าวของ​ลง​กระเป๋า​เดิน​ทาง. เรา​อำลา​ครอบครัว​และ​มิตร​สหาย​ใน​เดือน​ธันวาคม 1947 และ​มุ่ง​สู่​นิวยอร์ก ร่วม​เดิน​ทาง​ไป​กับ 15 คน​จาก​ออสเตรเลีย ซึ่ง​ต่าง​ก็​ได้​รับ​เชิญ​ไป​เรียน​ชั้น​เดียว​กัน..

ช่วง​เวลา​ไม่​กี่​เดือน​ที่​โรง​เรียน​กิเลียด​ผ่าน​ไป​เร็ว​มาก และ​เรา​ได้​รับ​งาน​มอบหมาย​ฐานะ​มิชชันนารี​ไป​ยัง​ประเทศ​ญี่ปุ่น. การ​ที่​จะ​ได้​หนังสือ​สำคัญ​สำหรับ​การ​ไป​ญี่ปุ่น​ต้อง​ใช้​เวลา​นาน ลอยด์​จึง​ถูก​มอบหมาย​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ให้​ทำ​หน้า​ที่​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​แห่ง​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ประชาคม​ต่าง ๆ ที่​มอบหมาย​ให้​เรา​เยี่ยม​นั้น​ไล่​เรียง​ลง​มา​ตั้ง​แต่​นคร​ลอสแอนเจลิส​ลง​ไป​จรด​พรม​แดน​เม็กซิโก. เรา​ไม่​มี​รถยนต์ ฉะนั้น แต่​ละ​สัปดาห์​เหล่า​พยาน​ฯ แสดง​ความ​รัก​ต่อ​เรา​โดย​การ​ขับ​รถ​ส่ง​เรา​จาก​ประชาคม​หนึ่ง​ไป​อีก​ประชาคม​หนึ่ง​เป็น​ทอด ๆ. ปัจจุบัน​เขต​ที่​เคย​จัด​เป็น​หมวด​อัน​กว้าง​ใหญ่​ไพศาล​นั้น​ถูก​จัด​แบ่ง​เป็น​สาม​ภาค ที่​ใช้​ภาษา​อังกฤษ​และ​ที่​ใช้​ภาษา​สเปน​อีก​สาม​ภาค แต่​ละ​ภาค​ประกอบ​ด้วย​สิบ​หมวด​โดย​ประมาณ!

โดย​กะทันหัน ถึง​เดือน​ตุลาคม ปี 1949 และ​พวก​เรา​มุ่ง​หน้า​ไป​ญี่ปุ่น​โดย​นั่ง​เรือ​โดยสาร​ซึ่ง​ดัด​แปลง​มา​จาก​เรือ​ลำเลียง​ทหาร. สุด​ด้าน​หนึ่ง​ของ​เรือ​จัด​ไว้​สำหรับ​ผู้​ชาย และ​อีก​ด้าน​หนึ่ง​สำหรับ​ผู้​หญิง​และ​เด็ก. เพียง​หนึ่ง​วัน​ก่อน​ถึง​เมือง​โยโกฮามา เรือ​ของ​เรา​เจอ​พายุ​ไต้ฝุ่น. ปรากฏ​ชัด​ว่า​พายุ​ได้​พัด​หอบ​เอา​เมฆ​ไป​หมด เพราะ​เมื่อ​ดวง​อาทิตย์​ขึ้น​ใน​วัน​ถัด​มา วัน​ที่ 31 ตุลาคม เรา​มอง​ออก​ไป​เห็น​ความ​งดงาม​ของ​ภูเขา​ฟูจิ​ได้​เต็ม​ตา. ช่าง​เป็น​การ​ต้อนรับ​พวก​เรา​อย่าง​ยิ่ง​ใหญ่​สู่​เขต​งาน​มอบหมาย​ใหม่!

ทำ​งาน​กับ​คน​ญี่ปุ่น

ขณะ​เรือ​ใกล้​จะ​เทียบ​ท่า เรา​แล​เห็น​คน​ผม​ดำ​นับ​ร้อย ๆ. ‘ช่าง​จ้อกแจ้ก​จอแจ​กัน​เสีย​จริง!’ เรา​นึก​ใน​ใจ​เมื่อ​ได้​ยิน​เสียง​อึง​คะนึง​ฟัง​ไม่​ได้​ศัพท์. ทุก​คน​สวม​เกี๊ยะ​ญี่ปุ่น มี​เสียง​ดัง​โกกเกก​ยาม​เดิน​บน​สะพาน​ไม้​กระดาน​ท่า​เทียบ​เรือ. หลัง​จาก​พัก​หนึ่ง​คืน​ใน​เมือง​โยโกฮามา พวก​เรา​มิชชันนารี​ก็​ขึ้น​รถไฟ​ไป​ยัง​เขต​มอบหมาย​ของ​เรา​ใน​เมือง​โกเบ. ที่​นั่น ดอน แฮสเลตต์ เพื่อน​ร่วม​ชั้น​ที่​โรง​เรียน​กิเลียด​ได้​มา​ถึง​ญี่ปุ่น​ก่อน​เรา​สอง​สาม​เดือน​แล้ว และ​ได้​เช่า​บ้าน​ไว้​สำหรับ​มิชชันนารี เป็น​บ้าน​สวย​สอง​ชั้น, หลัง​ใหญ่, สไตล์​ตะวัน​ตก—ภาย​ใน​บ้าน​โล่ง ไม่​มี​เครื่อง​เรือน​เลย!

เพื่อ​จะ​มี​เครื่อง​ปู​ลาด​สำหรับ​นอน พวก​เรา​ออก​ไป​ตัด​ต้น​หญ้า​สูง​ที่​ขึ้น​อยู่​บริเวณ​รอบ​บ้าน​แล้ว​เอา​มา​ปู​บน​พื้น​ห้อง. นั่น​คือ​การ​เริ่ม​ชีวิต​มิชชันนารี​ของ​เรา​โดย​ไม่​มี​อะไร​เลย นอก​จาก​ของ​ส่วน​ตัว​ใน​กระเป๋า​เดิน​ทาง. เรา​ได้​เตา​อั้งโล่​เล็ก ๆ เรียก​ว่า​ฮิบาชิ มา​หลาย​เตา สำหรับ​ทำ​ความ​ร้อน​และ​หุง​ต้ม. มี​อยู่​คืน​หนึ่ง ลอยด์​เห็น​เพื่อน​มิชชันนารี​สอง​คน​คือ​เพอร์ซี​กับ​อิลมา อิซลอบ นอน​หมด​สติ​เพราะ​สูด​ควัน​ไฟ. ลอยด์​ช่วย​คน​ทั้ง​สอง​ได้​ทัน ด้วย​การ​เปิด​หน้าต่าง​ปล่อย​ให้​อากาศ​เย็น​สดชื่น​พัด​โกรก​เข้า​มา​ใน​ห้อง. ครั้ง​หนึ่ง ฉัน​เอง​ก็​เคย​หมด​สติ​ขณะ​ใช้​เตา​ถ่าน​ทำ​อาหาร. เพื่อ​จะ​ชิน​กับ​อะไร​บาง​อย่าง​ต้อง​ใช้​เวลา​มาก​พอ​สม​ควร!

การ​เรียน​รู้​ภาษา​เป็น​สิ่ง​สำคัญ และ​พวก​เรา​เรียน​ภาษา​ญี่ปุ่น​วัน​ละ 11 ชั่วโมง​นาน​ถึง​หนึ่ง​เดือน​เต็ม. หลัง​จาก​นั้น เรา​ก็​เริ่ม​ออก​ไป​ทำ​งาน​เผยแพร่​พร้อม​กับ​จด​ข้อ​ความ​หนึ่ง​หรือ​สอง​ประโยค​ไว้​เพื่อ​เรา​จะ​เริ่ม​ต้น​ได้. วัน​แรก​ที่​ออก​ประกาศ ฉัน​พบ​มิโยะ ทากากิ เธอ​เป็น​ผู้​หญิง​ที่​น่า​รัก ต้อนรับ​ฉัน​อย่าง​กรุณา. ใน​ระหว่าง​การ​กลับ​เยี่ยม​หลาย​ครั้ง ฉัน​กับ​มิโยะ​พยายาม​เอา​ชนะ​อุปสรรค​โดย​อาศัย​พจนานุกรม​ญี่ปุ่น-อังกฤษ จน​กระทั่ง​พัฒนา​ถึง​ขั้น​ที่​เป็น​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​ดี. ใน​ปี 1999 ขณะ​ที่​ร่วม​อุทิศ​อาคาร​สำนักงาน​สาขา​ใน​ญี่ปุ่น​ที่​ขยาย​เพิ่ม​เติม ฉัน​ได้​พบ​มิโยะ​อีก​ครั้ง​หนึ่ง พร้อม​ด้วย​บุคคล​ที่​เรา​รัก​อีก​หลาย ๆ คน​ซึ่ง​ฉัน​เคย​นำ​การ​ศึกษา. ห้า​สิบปี​ผ่าน​ไป กระนั้น พวก​เขา​ก็​ยัง​เป็น​ผู้​ประกาศ​ราชอาณาจักร​ที่​มี​ใจ​แรง​กล้า ทำ​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ตาม​กำลัง​ความ​สามารถ​ของ​เขา.

วัน​ที่ 1 เมษายน 1950 ที่​เมือง​โกเบ​มี​ประมาณ 180 คน​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​อนุสรณ์​ระลึก​การ​วาย​พระ​ชนม์​ของ​พระ​คริสต์. สิ่ง​ที่​ยัง​ความ​ประหลาด​ใจ​แก่​เรา​คือ เช้า​วัน​ถัด​ไป 35 คน​ได้​แสดง​ตัว​อยาก​เข้า​ส่วน​ร่วม​ทำ​งาน​เผยแพร่​ตาม​บ้าน. มิชชันนารี​แต่​ละ​คน​จึง​พา​คน​ใหม่​เหล่า​นี้​สาม​หรือ​สี่​คน​ออก​ไป​ด้วย​กัน​ใน​งาน​เผยแพร่. เจ้าของ​บ้าน​ไม่​ได้​สนทนา​กับ​ฉัน—คน​ต่าง​ชาติ​ซึ่ง​รู้​ภาษา​ญี่ปุ่น​นิด ๆ หน่อย ๆ—แต่​หัน​ไป​คุย​กับ​คน​ที่​เข้า​ร่วม​ประชุม​อนุสรณ์​ที่​ไป​ด้วย​เสีย​มาก​กว่า. การ​สนทนา​ดำเนิน​ไป​เรื่อย ๆ แต่​ฉัน​ไม่​อาจ​เข้าใจ​ว่า​เขา​พูด​อะไร​บ้าง. ฉัน​ยินดี​จะ​บอก​ว่า​คน​ใหม่​บาง​คน​ใน​กลุ่ม​นี้​ได้​ก้าว​หน้า​ด้าน​ความ​รู้ และ​ยัง​คง​ทำ​งาน​เผยแพร่​ต่อ ๆ มา​ตราบ​จน​ทุก​วัน​นี้.

หน้า​ที่​มอบหมาย​หลาย​อย่าง​ที่​ให้ ความ​สุข​และ​ความ​อิ่ม​ใจ

เรา​สอง​คน​ทำ​งาน​มิชชันนารี​ใน​เมือง​โกเบ​เรื่อย​มา​จน​ถึง​ปี 1952 ซึ่ง​เป็น​ปี​ที่​เรา​ถูก​มอบหมาย​ให้​ไป​โตเกียว ที่​นั่น​ลอยด์​มี​ภารกิจ​มอบหมาย​ให้​ดู​แล​สำนักงาน​สาขา. ต่อ​มา เนื่อง​ด้วย​ภารกิจ​ที่​มอบหมาย​ให้​นั้น เขา​จึง​ต้อง​เดิน​ทาง​ทั่ว​ญี่ปุ่น​และ​ประเทศ​อื่น ๆ. ใน​เวลา​ต่อ​มา ใน​การ​เยี่ยม​คราว​หนึ่ง​ของ​นาทาน เอช. นอรร์​จาก​สำนักงาน​ใหญ่ ท่าน​พูด​กับ​ฉัน​ว่า “นี่​ซิสเตอร์ รู้​ไหม​ว่า​สามี​คุณ​จะ​เดิน​ทาง​เยี่ยม​โซน​ครั้ง​ต่อ​ไป​ที่​ไหน? ออสเตรเลีย​และ​นิวซีแลนด์​อย่าง​ไร​ล่ะ.” ท่าน​พูด​เสริม​ว่า “คุณ​จะ​ไป​ด้วย​ก็​ได้ ถ้า​คุณ​จ่าย​ค่า​เดิน​ทาง​เอง.” ช่าง​น่า​ตื่นเต้น​เสีย​จริง ๆ! ที่​จริง ตั้ง​แต่​เรา​จาก​บ้าน​มา​ก็​เก้า​ปี​แล้ว.

หลัง​จาก​นั้น เรา​รีบ​เขียน​จดหมาย​ติด​ต่อ​ไป​ถึง​ครอบครัว​ของ​เรา. คุณ​แม่​ฉัน​ช่วย​ค่า​ตั๋ว​เครื่องบิน. ทั้ง​ลอยด์​และ​ตัว​ฉัน​เอง​ต่าง​ก็​ยุ่ง​อยู่​กับ​งาน​มอบหมาย​ของ​เรา และ​ไม่​มี​ทุน​ทรัพย์​พอ​จะ​ไป​เยี่ยม​ครอบครัว​ของ​เรา. ดัง​นั้น เหตุ​การณ์​ครั้ง​นี้​เป็น​การ​ตอบ​สนอง​คำ​อธิษฐาน​ของ​ฉัน. อย่าง​ที่​คุณ​คง​จะ​นึก​ภาพ​ออก คุณ​แม่​ดีใจ​มาก​เมื่อ​พบ​ฉัน. ท่าน​พูด​ว่า “ต่อ​ไป​นี้​แม่​จะ​เก็บ​ออม​เงิน​ให้​ลูก​ได้​กลับ​มา​อีก​ใน​สาม​ปี​ข้าง​หน้า.” เรา​จาก​ลา​กัน​พร้อม​กับ​เก็บ​ความ​คิด​นั้น​ไว้​ใน​ใจ แต่​น่า​เศร้า แม่​เสีย​ชีวิต​ใน​เดือน​กรกฎาคม​ปี​ถัด​มา. ความ​หวัง​ที่​ฉัน​จะ​ได้​อยู่​ร่วม​กับ​แม่​อีก​ใน​โลก​ใหม่​ช่าง​วิเศษ​เสีย​จริง ๆ!

งาน​มิชชันนารี​เป็น​ภารกิจ​อย่าง​เดียว​ที่​ฉัน​ถูก​มอบหมาย​กระทั่ง​ถึง​ปี 1960 แต่​แล้ว​ฉัน​ได้​รับ​จดหมาย​ชี้​แจง​ว่า “นับ​จาก​วัน​ที่​ซึ่ง​ระบุ​ไว้​เป็น​ต้น​ไป คุณ​ได้​ถูก​จัด​ให้​ทำ​งาน​แผนก​ซัก​รีด​สำหรับ​ครอบครัว​เบเธล​ทั้ง​หมด.” ครอบครัว​เบเธล​ตอน​นั้น​มี​แค่​สิบ​สอง​คน​เท่า​นั้น ฉัน​จึง​สามารถ​เอา​ใจ​ใส่​งาน​นี้​ได้​นอก​เหนือ​จาก​งาน​มิชชันนารี​ที่​มอบหมาย​แก่​ฉัน.

ปี 1962 เรา​รื้อ​บ้าน​สไตล์​ญี่ปุ่น และ​ใน​ปี​ถัด​มา​ได้​สร้าง​สำนัก​เบเธล​หลัง​ใหม่​สูง​หก​ชั้น​ขึ้น​บน​พื้น​ที่​แห่ง​นั้น. ฉัน​ถูก​มอบหมาย​ให้​ช่วย​บราเดอร์​หนุ่ม ๆ ซึ่ง​เป็น​สมาชิก​ใหม่​ใน​เบเธล​ดู​แล​รักษา​ห้อง​ของ​เขา​ให้​ประณีต​เรียบร้อย และ​เก็บ​เสื้อ​ผ้า​สิ่ง​ของ​เครื่อง​ใช้ ล้าง​ถ้วย​ชาม. โดย​ประเพณี​นิยม​ทั่ว​ไป เด็ก​หนุ่ม​ใน​ญี่ปุ่น​ไม่​ได้​รับ​การ​ฝึก​สอน​ให้​ทำ​อะไร​เลย​ที่​เป็น​งาน​บ้าน. แต่​การ​ศึกษา​วิชา​ชีพ​นั้น​กลับ​เน้น​กัน​มาก และ​แม่​จะ​เป็น​คน​ทำ​ให้​ลูก​ทุก​อย่าง. ไม่​นาน​เท่า​ไร เขา​ก็​เรียน​รู้​ว่า​ฉัน​ไม่​ได้​เป็น​แม่​ของ​เขา. ใน​ที่​สุด หลาย​คน​ก้าว​หน้า​ถึง​ขั้น​รับ​เอา​งาน​มอบหมาย​ใหม่​ภาย​ใน​องค์การ​ที่​ต้อง​อาศัย​ความ​รับผิดชอบ.

วัน​หนึ่ง​ใน​ฤดู​ร้อน​อากาศ​อบอ้าว​มาก นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ได้​แวะ​เยือน​อาคาร​สำนักงาน​ของ​เรา และ​เธอ​เห็น​ฉัน​กำลัง​ขัด​พื้น​ห้อง​น้ำ​อยู่. เธอ​พูด​ว่า “กรุณา​บอก​ใคร​ก็​ได้​ที่​เป็น​ผู้​ดู​แล​ว่า ดิฉัน​ยินดี​จ่าย​ค่า​จ้าง​แก่​เด็ก​รับใช้​ที่​มา​ทำ​งาน​นี้​แทน​คุณ.” ฉัน​พูด​ให้​เธอ​เข้าใจ​ว่า​แม้​ฉัน​รู้สึก​หยั่ง​รู้​ค่า​ที่​เธอ​แสดง​น้ำใจ​ดี​ต่อ​ฉัน แต่​ฉัน​ก็​เต็ม​ใจ​อย่าง​ยิ่ง​จะ​ทำ​งาน​ใด ๆ ที่​มอบหมาย​ให้​ฉัน​ทำ​ใน​องค์การ​ของ​พระ​ยะโฮวา.

ประมาณ​ช่วง​เวลา​นี้ ลอยด์​กับ​ฉัน​ได้​รับ​เชิญ​ให้​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด​เป็น​รุ่น​ที่ 39! ช่าง​เป็น​สิทธิ​พิเศษ​เสีย​นี่​กระไร​ใน​ปี 1964 ตอน​อายุ 46 ฉัน​ได้​เข้า​โรง​เรียน​อีก! หลัก​สูตร​นี้​จัด​ขึ้น​โดย​เฉพาะ​เพื่อ​ช่วย​คน​เหล่า​นั้น​ที่​รับใช้​ใน​สำนักงาน​สาขา​ให้​เอา​ใจ​ใส่​หน้า​ที่​รับผิดชอบ​ของ​ตน. หลัง​จาก​จบ​หลัก​สูตร​สิบ​เดือน เรา​ถูก​มอบหมาย​ให้​กลับ​ประเทศ​ญี่ปุ่น. ตอน​นั้น ญี่ปุ่น​มี​ผู้​ประกาศ​ราชอาณาจักร 3,000 กว่า​คน​ใน​ประเทศ.

อัตรา​ความ​เร็ว​ของ​การ​เจริญ​เติบโต​เพิ่ม​ขึ้น​เรื่อย ๆ ถึง​ขนาด​ที่​ปี 1972 มี​พยาน​ฯ มาก​กว่า 14,000 คน และ​มี​การ​สร้าง​สำนักงาน​สาขา​หลัง​ใหม่​สูง​ห้า​ชั้น​ขึ้น​ที่​เมือง​นูมาซุ ทาง​ทิศ​ใต้​ของ​กรุง​โตเกียว. จาก​สำนัก​เบเธล เรา​มอง​เห็น​ทิวทัศน์​ภูเขา​ฟูจิ​ที่​งดงาม​ยิ่ง​นัก. เครื่อง​พิมพ์​โรตารี​ขนาด​ใหญ่​ใหม่​เอี่ยม​เริ่ม​พิมพ์​วารสาร​ภาษา​ญี่ปุ่น​ใน​เดือน​หนึ่ง ๆ มาก​กว่า​หนึ่ง​ล้าน​ฉบับ. แต่​การ​เปลี่ยน​แปลง​สำหรับ​เรา​สอง​คน​เป็น​อนาคต​ที่​อยู่​ไม่​ไกล​นัก.

ปลาย​ปี 1974 ลอยด์​ได้​รับ​จดหมาย​จาก​สำนักงาน​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​บรุกลิน เชิญ​เขา​เข้า​ไป​ร่วม​งาน​รับใช้​กับ​คณะ​กรรมการ​ปกครอง. ที​แรก ฉัน​คิด​ว่า ‘คราว​นี้​คง​เป็น​การ​จบ​ชีวิต​คู่​ของ​เรา​ละ​ซี. เนื่อง​จาก​ลอยด์​มี​ความ​หวัง​ทาง​ภาค​สวรรค์ ส่วน​ฉัน​มี​ความ​หวัง​ทาง​แผ่นดิน​โลก ไม่​ช้า​ก็​เร็ว​เรา​ต้อง​พราก​จาก​กัน. บาง​ที​ลอยด์​น่า​จะ​ไป​บรุกลิน​เพียง​คน​เดียว โดย​ไม่​มี​ฉัน​ไป​ด้วย.’ แต่​ใน​ไม่​ช้า​ฉัน​ก็​ปรับ​แนว​คิด​เสีย​ใหม่ และ​เต็ม​ใจ​ย้าย​ไป​กับ​ลอยด์​เมื่อ​เดือน​มีนาคม 1975.

พระ​พร​มาก​มาย ณ สำนักงาน​ใหญ่

แม้​อยู่​ที่​บรุกลิน หัวใจ​ของ​ลอยด์​ยัง​คง​ผูก​พัน​กับ​เขต​งาน​ใน​ประเทศ​ญี่ปุ่น และ​เขา​มัก​พูด​คุย​เสมอ​ถึง​ประสบการณ์​ของ​เรา​ที่​นั่น. แต่​มา​ตอน​นี้​โอกาส​มี​มาก​มาย​สำหรับ​การ​ขยาย​งาน. ตลอด​ช่วง 24 ปี​หลัง​นี้ ลอยด์​ใช้​ชีวิต​อยู่​กับ​งาน​ดู​แล​โซน​อย่าง​กว้างขวาง ซึ่ง​รวม​ถึง​การ​เดิน​ทาง​ทั่ว​โลก. ฉัน​ได้​ร่วม​เดิน​ทาง​รอบ​โลก​ไป​กับ​เขา​หลาย​ครั้ง.

การ​เยี่ยม​เยือน​พี่​น้อง​คริสเตียน​ของ​เรา​ใน​ประเทศ​อื่น ๆ ช่วย​ให้​ฉัน​หยั่ง​รู้​เข้าใจ​ว่า พี่​น้อง​หลาย​คน​ดำรง​ชีวิต​และ​ทำ​งาน​ภาย​ใต้​สภาพการณ์​เช่น​ไร. ฉัน​ไม่​มี​วัน​ลืม​ใบ​หน้า​ของ​เอนเทลเลีย​เด็ก​หญิง​วัย​สิบ​ขวบ​ที่​ฉัน​พบ​ที่​แอฟริกา​ตอน​เหนือ. เธอ​รัก​พระ​นาม​พระเจ้า​และ​ต้อง​เดิน​ไป​ยัง​ที่​ประชุม​คริสเตียน แต่​ละ​เที่ยว​ใช้​เวลา​ประมาณ​ชั่วโมง​ครึ่ง. ทั้ง ๆ ที่​ถูก​ครอบครัว​ข่มเหง​อย่าง​รุนแรง เอนเทลเลีย​ได้​อุทิศ​ตัว​แด่​พระ​ยะโฮวา. เมื่อ​เรา​เยี่ยม​ประชาคม​ที่​เธอ​ร่วม​ด้วย ที่​ประชาคม​แห่ง​นั้น​มี​หลอด​ไฟ​แรง​เทียน​ต่ำ​เพียง​ดวง​เดียว​แขวน​ไว้​เหนือ​ศีรษะ​ผู้​บรรยาย ถ้า​ไม่​มี​ไฟ​ดวง​นั้น ที่​ประชุม​แห่ง​นั้น​ก็​มืด​ตึ๊ดตื๋อ. ถึง​แม้​จะ​มืด​ขนาด​นั้น พอ​ได้​ฟัง​เสียง​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​ร้อง​เพลง​แล้ว​รู้สึก​ทึ่ง​จริง ๆ.

เดือน​ธันวาคม 1998 เป็น​ช่วง​เวลา​ที่​น่า​จด​จำ​ใน​ชีวิต​ของ​เรา เมื่อ​ลอยด์​กับ​ฉัน​รวม​อยู่​ใน​กลุ่ม​ตัว​แทน​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ภาค “วิถี​ชีวิต​ตาม​แนว​ทาง​ของ​พระเจ้า” ซึ่ง​จัด​ขึ้น​ที่​ประเทศ​คิวบา. เรา​รู้สึก​ประทับใจ​มาก​เพียง​ไร​เมื่อ​บรรดา​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​ที่​นั่น​แสดง​ความ​ขอบคุณ​และ​ชื่นชม​เนื่อง​จาก​มี​บาง​คน​จาก​สำนักงาน​ใหญ่​ใน​บรุกลิน​ไป​เยี่ยม​พวก​เขา! การ​ได้​พบ​กับ​บุคคล​ผู้​เป็น​ที่​รัก ผู้​ซึ่ง​แซ่ซ้อง​สรรเสริญ​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​ใจ​แรง​กล้า​เช่น​นั้น ฉัน​ถือ​เป็น​สิ่ง​ล้ำ​ค่า​ควร​แก่​การ​เก็บ​รักษา​ไว้​ใน​ความ​ทรง​จำ.

อยู่​เป็น​สุข​กับ​ไพร่พล​ของ​พระเจ้า

ถึง​แม้​ประเทศ​บ้าน​เกิด​ของ​ฉัน​คือ​ออสเตรเลีย แต่​ฉัน​มี​ความ​รู้สึก​รักใคร่​ผู้​คน​ไม่​ว่า​ที่​ไหน​ที่​องค์การ​ของ​พระ​ยะโฮวา​ส่ง​ฉัน​ไป. ข้อ​นี้​เป็น​จริง​ใน​ประเทศ​ญี่ปุ่น และ​มา​ตอน​นี้​ฉัน​เข้า​มา​อยู่​ใน​สหรัฐ​นาน​กว่า 25 ปี​แล้ว ฉัน​ประสบ​ว่า​ที่​นี่​ก็​เหมือน​กัน. เมื่อ​สามี​ฉัน​เสีย​ชีวิต ความ​มุ่ง​หมาย​ของ​ฉัน​คือ​ไม่​กลับ​ออสเตรเลีย แต่​จะ​อยู่​ที่​เบเธล​บรุกลิน ซึ่ง​พระ​ยะโฮวา​ทรง​มอบหมาย​แก่​ฉัน.

เวลา​นี้​อายุ​ฉัน 80 กว่า​แล้ว. หลัง​จาก​อยู่​ใน​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา 61 ปี ฉัน​ยัง​คง​สมัคร​ใจ​จะ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ไม่​ว่า​ที่​ไหน​ตาม​แต่​พระองค์​ทรง​เห็น​สม​ควร. จริง ๆ แล้ว​พระองค์​ทรง​ใฝ่​พระทัย​ดู​แล​ฉัน​เป็น​อย่าง​ดี. ฉัน​ถือ​ว่า​ระยะ​เวลา​มาก​กว่า 57 ปี​ที่​ฉัน​สามารถ​ร่วม​ชีวิต​กับ​เพื่อน​คู่​ทุกข์​คู่​ยาก​ที่​น่า​รัก​ผู้​ซึ่ง​รัก​พระ​ยะโฮวา​นั้น​เป็น​ช่วง​เวลา​ที่​มี​ค่า​ยิ่ง. ฉัน​เชื่อ​มั่น​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​อวย​พร​เรา​ทั้ง​สอง​มิ​ได้​ขาด และ​ฉัน​รู้​ว่า​พระองค์​จะ​ไม่​ทรง​ลืม​การ​งาน​ของ​เรา​และ​ความ​รัก​ที่​เรา​ได้​สำแดง​ต่อ​พระ​นาม​ของ​พระองค์.—เฮ็บราย 6:10.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 4 โปรด​อ่าน​หอสังเกตการณ์ ฉบับ 1 ตุลาคม 1999 หน้า 16, 17.

[ภาพ​หน้า 25]

กับ​คุณ​แม่​ใน​ปี 1956

[ภาพ​หน้า 26]

กับ​ลอยด์​และ​กลุ่ม​ผู้​เผยแพร่​ชาว​ญี่ปุ่น ช่วง​ต้น​ทศวรรษ 1950

[ภาพ​หน้า 26]

กับ​มิโยะ ทากากิ นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​คน​แรก​ของ​ฉัน​ใน​ญี่ปุ่น เมื่อ​ต้น​ทศวรรษ 1950 และ​ใน​ปี 1999

[ภาพ​หน้า 28]

กับ​ลอยด์​ใน​การ​ให้​คำ​พยาน​โดย​ใช้​วารสาร​ที่​ประเทศ​ญี่ปุ่น