ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

‘เนื่องจากสติปัญญาวันคืนของเราจะทวีคูณ’

‘เนื่องจากสติปัญญาวันคืนของเราจะทวีคูณ’

‘เนื่อง​จาก​สติ​ปัญญา​วัน​คืน​ของ​เรา​จะ​ทวีคูณ’

ใคร​หรือ​จะ​ปฏิเสธ​ที่​ว่า​สติ​ปัญญา​เป็น​สิ่ง​จำเป็น​อย่าง​ยิ่ง​เมื่อ​ถึง​คราว​ที่​ต้อง​รับมือ​กับ​ปัญหา​ใน​ชีวิต? สติ​ปัญญา​แท้​คือ​ความ​สามารถ​ที่​จะ​ใช้​ความ​รู้​และ​ความ​เข้าใจ​อย่าง​เหมาะ​สม. สติ​ปัญญา​เป็น​สิ่ง​ที่​ตรง​กัน​ข้าม​ที​เดียว​กับ​ความ​เขลา, ความ​โง่, และ​การ​ขาด​สติ. ดัง​นั้น พระ​คัมภีร์​กระตุ้น​เตือน​เรา​ให้​ได้​มา​ซึ่ง​สติ​ปัญญา. (สุภาษิต 4:7) ที่​จริง พระ​ธรรม​สุภาษิต​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​รับ​การ​เขียน​ขึ้น​เพื่อ​ให้​ความ​รู้​เกี่ยว​กับ​สติ​ปัญญา​และ​การ​ตี​สอน​เป็น​อับ​ดับ​แรก. ถ้อย​คำ​เริ่ม​ต้น​ของ​พระ​ธรรม​นี้​อ่าน​ว่า “สุภาษิต​ของ​ซะโลโม​ราชบุตร​ดาวิด กษัตริย์​แห่ง​ยิศราเอล เพื่อ​คน​เรา​จะ​รู้​จัก​สติ​ปัญญา​และ​วินัย.”—สุภาษิต 1:1, 2, ล.ม.

ขอ​พิจารณา​คำ​สอน​ที่​ไว้​ใจ​ได้​ของ​พระ​ธรรม​สุภาษิต​ไม่​กี่​บท​แรก​ก็​แล้ว​กัน. ดุจ​บิดา​ที่​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก​กระตุ้น​บุตร​ชาย ซะโลโม​วิงวอน​ผู้​อ่าน​ของ​ท่าน​ให้​ยอม​รับ​การ​ตี​สอน​และ​เอา​ใจ​ใส่​ต่อ​สติ​ปัญญา. (บท 1 และ 2) ท่าน​แสดง​ให้​เรา​เห็น​วิธี​ปลูกฝัง​มิตรภาพ​อัน​ใกล้​ชิด​กับ​พระ​ยะโฮวา​และ​วิธี​ป้องกัน​รักษา​หัวใจ​ของ​เรา. (บท 3 และ 4) เรา​ได้​รับ​การ​ตักเตือน​ให้​คง​ไว้​ซึ่ง​ความ​บริสุทธิ์​ผุด​ผ่อง​ด้าน​ศีลธรรม. (บท 5 และ 6) ถูก​แล้ว สิ่ง​ที่​ประมาณ​ค่า​มิ​ได้​สำหรับ​เรา​คือ​การ​เปิดโปง​วิธี​การ​ของ​บุคคล​ที่​ผิด​ศีลธรรม. (บท 7) และ​คำ​วิงวอน​ของ​สติ​ปัญญา​ที่​ได้​รับ​การ​กล่าว​ถึง​เสมือน​เป็น​บุคคล​นั้น​ช่าง​ดึงดูด​ใจ​ทุก​คน​สัก​เพียง​ไร! (บท 8) ก่อน​กล่าว​ต่อ​ไป​ถึง​สุภาษิต​ที่​รวบรัด​แต่​ละ​ข้อ​ใน​บท​หลัง ๆ กษัตริย์​ซะโลโม​เสนอ​การ​สรุป​ที่​เร้า​ใจ​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​ท่าน​ได้​พิจารณา​มา​จน​ถึง​ตอน​นี้.—บท 9.

‘มา​เถิด, มา​รับประทาน​อาหาร​และ​ดื่ม​น้ำ​องุ่น​ของ​เรา’

ตอน​จบ​ของ​พระ​ธรรม​สุภาษิต​ช่วง​แรก​มิ​ใช่​เป็น​ข้อ​สรุป​ที่​น่า​เบื่อ​ซึ่ง​เพียง​แต่​กล่าว​ย่อ ๆ ถึง​คำ​แนะ​นำ​ที่​มี​การ​พูด​ถึง​มา​ก่อน. แทน​ที่​จะ​เป็น​เช่น​นั้น มี​การ​เสนอ​ข้อ​สรุป​นั้น​ใน​แบบ​อุทาหรณ์​ที่​เร้า​ใจ​และ​น่า​ฟัง กระตุ้น​ผู้​อ่าน​ให้​ติด​ตาม​สติ​ปัญญา.

บท 9 ของ​พระ​ธรรม​สุภาษิต​เริ่ม​ต้น​ด้วย​ถ้อย​คำ​ที่​ว่า “พระ​ปัญญา​สร้าง​วัง​สำหรับ​พระองค์​แล้ว; พระองค์​ทรง​ตั้ง​เสา​ขึ้น​ไว้​แล้ว​เจ็ด​ต้น.” (สุภาษิต 9:1) ผู้​คง​แก่​เรียน​คน​หนึ่ง​ชี้​แนะ​ว่า คำ ‘เสา​เจ็ด​ต้น’ เป็น “การ​บ่ง​ชี้​ว่า​คฤหาสน์​ซึ่ง​ถูก​สร้าง​ขึ้น​รอบ​ลาน​นั้น​มี​โครง​สร้าง​ที่​มี​เสา​สาม​ต้น​ใน​แต่​ละ​ด้าน และ​เสา​ต้น​หนึ่ง​อยู่​ตรง​กลาง​ของ​ด้าน​ที่​สาม​ซึ่ง​อยู่​ตรง​ข้าม​ทาง​เข้า.” ไม่​ว่า​จะ​อย่าง​ไร​ก็​ตาม สติ​ปัญญา​แท้​ได้​สร้าง​วัง​ที่​มั่นคง​สำหรับ​การ​ต้อนรับ​แขก​หลาย​คน.

ทุก​สิ่ง​เตรียม​ไว้​พร้อม​สำหรับ​งาน​เลี้ยง. มี​เนื้อ​และ​เหล้า​องุ่น. สติ​ปัญญา​ได้​ให้​การ​เอา​ใจ​ใส่​ด้วย​ตัว​เอง​ใน​การ​เตรียม​อาหาร​และ​การ​จัด​โต๊ะ. “พระองค์​ทรง​ให้​ฆ่า​สัตว์​และ​ผสม​น้ำ​องุ่น​ไว้​แล้ว; โต๊ะ​เลี้ยง​อาหาร​ก็​ทรง​จัด​เตรียม​ไว้​แล้ว.” (สุภาษิต 9:2) อาหาร​ฝ่าย​วิญญาณ​ที่​ให้​ความ​รู้​ซึ่ง​ควร​แก่​การ​พิจารณา​อย่าง​ถี่ถ้วน​ดู​เหมือน​ว่า​มี​อยู่​พร้อม​บน​โต๊ะ​โดย​อุปมา​นี้.—ยะซายา 55:1, 2.

ใคร​ได้​รับ​เชิญ​ให้​มา​งาน​เลี้ยง​ซึ่ง​สติ​ปัญญา​แท้​ได้​เตรียม​ไว้? “พระองค์​ทรง​ส่ง​นาง​กำนัล​ออก​ไป, ทรง​ร้อง​บอก​จาก​ที่​เบื้อง​สูง​ใน​เมือง​ว่า: ‘ใคร​ที่​เป็น​คน​โง่ [“ขาด​ประสบการณ์,” ล.ม.] ก็​ให้​เขา​หัน​มา​ทาง​นี้?’ และ​สำหรับ​ผู้​ขาด​ความ​เข้าใจ [“ขาด​ด้าน​หัวใจ,” ล.ม.], พระองค์ [“นาง,” ล.ม.] กล่าว​แก่​เขา​ว่า, ‘มา​เถิด, มา​รับประทาน​อาหาร​ของ​เรา, และ​ดื่ม​น้ำ​องุ่น​ซึ่ง​เรา​ได้​ผสม; จง​ละ​ทิ้ง​ความ​โง่​เสีย, และ​ดำรง​ชีวิต​อยู่; และ​จง​ดำเนิน​ไป​ใน​ทาง​แห่ง​ความ​เข้าใจ.’ ”สุภาษิต 9:3-6.

สติ​ปัญญา​ได้​ส่ง​นาง​กำนัล​ของ​ท่าน​ออก​ไป​ประกาศ​คำ​เชิญ. พวก​เธอ​ได้​ไป​ยัง​สถาน​ที่​สาธารณะ จาก​ที่​นั่น​พวก​เธอ​สามารถ​ร้อง​เรียก​ผู้​คน​จำนวน​มาก​ที่​สุด. ทุก​คน​ได้​รับ​เชิญ—คน​เหล่า​นั้น​ที่ “ขาด​ด้าน​หัวใจ” หรือ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ขาด​ความ​เข้าใจ อีก​ทั้ง​คน​ที่​ขาด​ประสบการณ์. (สุภาษิต 9:4) และ​มี​การ​เสนอ​คำ​สัญญา​เรื่อง​ชีวิต​ให้​พวก​เขา. สติ​ปัญญา​ที่​มี​อยู่​ใน​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า รวม​ทั้ง​ที่​มี​อยู่​ใน​พระ​ธรรม​สุภาษิต เป็น​สิ่ง​ที่​แทบ​ทุก​คน​หา​ได้​อย่าง​แน่นอน. ปัจจุบัน ใน​ฐานะ​ผู้​ส่ง​ข่าว​เกี่ยว​กับ​สติ​ปัญญา​แท้ พยาน​พระ​ยะโฮวา​เอา​เป็น​ธุระ​ใน​การ​เชิญ​ประชาชน​ให้​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล ไม่​ว่า​ได้​พบ​พวก​เขา​ที่​ไหน​ก็​ตาม. ที่​จริง การ​รับ​เอา​ความ​รู้​เช่น​นั้น​สามารถ​นำ​ไป​สู่​ชีวิต​นิรันดร์.—โยฮัน 17:3.

คริสเตียน​ต้อง​ยอม​รับ​การ​ตี​สอน​ของ​สติ​ปัญญา​อย่าง​ถ่อม​ใจ. นี่​เป็น​ความ​จริง​โดย​เฉพาะ​กับ​คน​หนุ่ม​สาว​และ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​เริ่ม​เรียน​รู้​เกี่ยว​กับ​พระ​ยะโฮวา​เมื่อ​ไม่​นาน​มา​นี้. เนื่อง​จาก​มี​ประสบการณ์​จำกัด​ใน​แนว​ทาง​ของ​พระเจ้า พวก​เขา​อาจ “ขาด​ด้าน​หัวใจ.” นี่​มิ​ได้​หมายความ​ว่า​แรง​จูง​ใจ​ทั้ง​สิ้น​ของ​เขา​ไม่​ดี แต่​ต้อง​ใช้​เวลา​และ​ความ​พยายาม​เพื่อ​จะ​นำ​หัวใจ​เข้า​มา​อยู่​ใน​สภาพ​ที่​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​พอ​พระทัย​อย่าง​แท้​จริง. นี่​จำเป็น​ต้อง​นำ​ความ​คิด, ความ​ปรารถนา, ความ​ชอบ, และ​เป้าหมาย​ให้​เข้า​ประสาน​กับ​สิ่ง​ที่​พระเจ้า​พอ​พระทัย. สำคัญ​สัก​เพียง​ไร​ที่​เขา “ปลูกฝัง​ความ​ปรารถนา​จะ​ได้​น้ำ​นม​อัน​ไม่​มี​อะไร​เจือ​ปน​ที่​เป็น​ของ​พระ​คำ.”—1 เปโตร 2:2, ล.ม.

ที่​จริง เรา​ทุก​คน​ควร​ดำเนิน​เลย​ไป​จาก “หลัก​คำ​สอน​เบื้อง​ต้น” มิ​ใช่​หรือ? แน่นอน เรา​จำเป็น​ต้อง​พัฒนา​ความ​สนใจ​ใน “สิ่ง​ลึกซึ้ง​ของ​พระเจ้า” และ​ได้​รับ​การ​บำรุง​เลี้ยง​จาก​อาหาร​แข็ง​ซึ่ง​เป็น​ของ​ผู้​อาวุโส. (เฮ็บราย 5:12–6:1, ล.ม.; 1 โกรินโธ 2:10, ล.ม.) “ทาส​สัตย์​ซื่อ​และ​สุขุม” ซึ่ง​พระ​เยซู​คริสต์​ทรง​ดู​แล​โดย​ตรง ได้​จัด​เตรียม​อย่าง​ขยัน​ขันแข็ง​เพื่อ​ให้​มี​อาหาร​ฝ่าย​วิญญาณ​ที่​เหมาะ​กับ​เวลา​สำหรับ​ทุก​คน. (มัดธาย 24:45-47, ล.ม.) ขอ​ให้​เรา​เข้า​ร่วม​งาน​เลี้ยง​ที่​โต๊ะ​ของ​สติ​ปัญญา​โดย​ขยัน​หมั่น​เพียร​ศึกษา​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​และ​สรรพหนังสือ​ที่​อาศัย​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​หลัก​ซึ่ง​ชน​จำพวก​ทาส​ได้​จัด​เตรียม​ไว้​นั้น.

“อย่า​ตักเตือน​คน​ประมาท​เยาะเย้ย”

คำ​สั่ง​สอน​ของ​สติ​ปัญญา​หมาย​รวม​ถึง​การ​แก้ไข​และ​การ​ว่า​กล่าว​ด้วย. ใช่​ว่า​ทุก​คน​จะ​ยินดี​รับ​เอา​ลักษณะ​สำคัญ​ด้าน​นี้​ของ​สติ​ปัญญา. ฉะนั้น ตอน​จบ​ของ​ส่วน​แรก​ใน​พระ​ธรรม​สุภาษิต​จึง​มี​คำ​เตือน​ว่า “ผู้​ใด​ที่​ว่า​กล่าว​ผู้​ประมาท​เยาะเย้ย​ตน​เอง​จะ​ได้​รับ​การ​เหยียด​หยาม; และ​ผู้​ใด​ที่​ตักเตือน​คน​บาป​หยาบ​ช้า​ตน​เอง​จะ​ได้​รับ​อัปยศ. อย่า​ตักเตือน​คน​ประมาท​เยาะเย้ย, เกรง​ว่า​เขา​จะ​เกลียด​เจ้า.”สุภาษิต 9:7, 8.

คน​เยาะเย้ย​สุม​ความ​ขุ่นเคือง​และ​ความ​เกลียด​ชัง​ไว้​สำหรับ​ผู้​ที่​พยายาม​จะ​ช่วย​ทำ​ให้​แนว​ทาง​ของ​เขา​ถูก​ต้อง. คน​ชั่ว​ขาด​ความ​หยั่ง​รู้​ค่า​ต่อ​ประโยชน์​ของ​การ​ว่า​กล่าว. นับ​ว่า​ไม่​ฉลาด​สัก​เพียง​ไร​ที่​จะ​พยายาม​สอน​ความ​จริง​อัน​ล้ำ​เลิศ​แห่ง​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ให้​คน​ที่​เกลียด​ชัง​ความ​จริง​นั้น​หรือ​เอา​แต่​หา​ทาง​จะ​เยาะเย้ย​เรื่อง​นั้น! เมื่อ​อัครสาวก​เปาโล​ประกาศ​ใน​เมือง​อันติโอเกีย ท่าน​เผชิญ​หน้า​กับ​ชาว​ยิว​กลุ่ม​หนึ่ง​ซึ่ง​ไม่​รัก​ความ​จริง. พวก​เขา​พยายาม​ทำ​ให้​ท่าน​เข้า​ไป​พัวพัน​ใน​การ​โต้​แย้ง​โดย​คัดค้าน​ท่าน​อย่าง​หมิ่น​ประมาท แต่​เปาโล​เพียง​แค่​กล่าว​ว่า “แต่​เมื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​ปัด [พระ​คำ​ของ​พระเจ้า] เสีย, และ​ถือ​ว่า​ไม่​สม​ควร​ที่​จะ​ได้​ชีวิต​นิรันดร์, ถ้า​อย่าง​นั้น​พวก​เรา​จะ​บ่าย​หน้า​ไป​หา​คน​ต่าง​ชาติ.”—กิจการ 13:45, 46.

เมื่อ​เรา​พยายาม​จะ​เข้า​ถึง​ผู้​มี​หัวใจ​สุจริต​พร้อม​ด้วย​ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร ขอ​ให้​เรา​ระวัง​เพื่อ​จะ​ไม่​เข้า​ไป​มี​ส่วน​ใน​การ​ถกเถียง​และ​การ​โต้​แย้ง​กับ​คน​เยาะเย้ย. พระ​คริสต์​เยซู​ทรง​สั่ง​เหล่า​สาวก​ของ​พระองค์​ว่า “ขณะ​เมื่อ​ขึ้น​เรือนจง​ให้​พร​แก่​เรือน​นั้น. ถ้า​เรือน​นั้น​สม​ควร​รับ​พร​ก็​ให้​ความ​สุข​สำราญ​ของ​ท่าน​อยู่​กับ​เรือน​นั้น. แต่​ถ้า​เรือน​นั้น​ไม่​สม​ควร​รับ​พร​ก็​ให้​ความ​สุข​สำราญ​นั้น​กลับ​คืน​มา​สู่​ท่าน​อีก. ถ้า​ผู้​ใด​ไม่​ต้อนรับ​ท่าน​และ​ไม่​ฟัง​คำ​ของ​ท่าน. เมื่อ​จะ​ออก​จาก​เรือน​นั้น​เมือง​นั้น จง​สะบัด​ผงคลี​ที่​ติด​เท้า​ของ​ท่าน​ออก​เสีย.”—มัดธาย 10:12-14.

การ​ตอบรับ​ของ​คน​มี​ปัญญา​ต่อ​การ​ว่า​กล่าว​นั้น​ตรง​กัน​ข้าม​กับ​การ​ตอบรับ​ของ​คน​เยาะเย้ย. ซะโลโม​กล่าว​ว่า “จง​ตักเตือน​คน​มี​ปัญญา, และ​เขา​ก็​จะ​รัก​เจ้า, เมื่อ​ให้​คำ​สั่ง​สอน​แก่​คน​มี​ปัญญา, ก็​ยิ่ง​ทำ​ให้​เขา​มี​ปัญญา​มาก​ขึ้น.” (สุภาษิต 9:9​ก) คน​มี​ปัญญา​ทราบ​ว่า “ไม่​มี​การ​ตี​สอน​ใด​ดู​เหมือน​น่า​ชื่น​ใจ​เมื่อ​ได้​รับ​อยู่ แต่​น่า​เศร้า​ใจ; กระนั้น​ใน​ภาย​หลัง​ผู้​ที่​ได้​รับ​การ​ฝึก​โดย​การ​ตี​สอน​ก็​ได้​ผล​ที่​ก่อ​ให้​เกิด​สันติ​สุข คือ​ความ​ชอบธรรม.” (เฮ็บราย 12:11, ล.ม.) ถึง​แม้​คำ​แนะ​นำ​อาจ​ดู​เหมือน​ทำ​ให้​เจ็บ​ปวด​ก็​ตาม ไฉน​เรา​จะ​ตอบ​โต้​หรือ​แก้​ตัว​เล่า หาก​การ​ยอม​รับ​คำ​แนะ​นำ​นั้น​จะ​ทำ​ให้​เรา​มี​ปัญญา​ขึ้น?

กษัตริย์​ผู้​ชาญ​ฉลาด​ตรัส​ต่อ​ไป​ว่า “เมื่อ​สอน​คน​ชอบธรรม, ก็​จะ​ทำ​ให้​เขา​ทวี​ความ​รู้​ยิ่ง​ขึ้น.” (สุภาษิต 9:9​ข) ไม่​มี​ใคร​ฉลาด​หรือ​แก่​เกิน​กว่า​ที่​จะ​เรียน​รู้​ต่อ​ไป. เป็น​เรื่อง​น่า​ยินดี​เสีย​จริง ๆ ที่​เห็น​แม้​แต่​ผู้​สูง​อายุ​ได้​รับ​เอา​ความ​จริง​และ​ทำ​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระ​ยะโฮวา! ขอ​ให้​เรา​พยายาม​คง​ไว้​ซึ่ง​ความ​ตั้งใจ​ที่​จะ​เรียน​รู้​และ​รักษา​จิตใจ​ให้​ตื่น​ตัว​อยู่​เสมอ.

“ปี​เดือน​แห่ง​ชีวิต​ของ​เจ้า​จะ​เพิ่ม​พูน”

เพื่อ​เน้น​จุด​สำคัญ​ของ​หัวเรื่อง​ที่​กำลัง​พิจารณา​อยู่ ซะโลโม​กล่าว​ถึง​เงื่อนไข​ที่​จำเป็น​อันดับ​แรก​สำหรับ​การ​มี​สติ​ปัญญา​ด้วย. ท่าน​เขียน​ว่า “ความ​ยำเกรง​พระ​ยะโฮวา​เป็น​บ่อ​เกิด​แห่ง​ปัญญา; และ​การ​รู้​ถึง​ของ​องค์​บริสุทธิ์​นั้น​คือ​ความ​เข้าใจ.” (สุภาษิต 9:10) ไม่​อาจ​มี​สติ​ปัญญา​ของ​พระเจ้า​ได้​โดย​ปราศจาก​ความ​เคารพ​ยำเกรง​อย่าง​ลึกซึ้ง​ต่อ​พระเจ้า​เที่ยง​แท้. คน​เรา​อาจ​มี​ความ​รู้​อยู่​ใน​สมอง​มาก​มาย แต่​ถ้า​เขา​ขาด​ความ​ยำเกรง​พระ​ยะโฮวา เขา​ก็​จะ​ไม่​สามารถ​ใช้​ความ​รู้​นั้น​ใน​วิธี​ที่​ถวาย​เกียรติ​แด่​พระ​ผู้​สร้าง. เขา​อาจ​ถึง​กับ​ลง​ความ​เห็น​ผิด ๆ จาก​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​รู้​กัน​โดย​ทั่ว​ไป ทำ​ให้​ตัว​เอง​ดู​โง่​เขลา. ยิ่ง​กว่า​นั้น ความ​รู้​เกี่ยว​กับ​พระ​ยะโฮวา องค์​บริสุทธิ์​ที่​สุด นับ​ว่า​จำเป็น​เพื่อ​ได้​มา​ซึ่ง​ความ​เข้าใจ ซึ่ง​เป็น​ลักษณะ​พิเศษ​ที่​สำคัญ​ของ​สติ​ปัญญา.

สติ​ปัญญา​เกิด​ผล​อะไร? (สุภาษิต 8:12-21, 35) กษัตริย์​ของ​ชาติ​ยิศราเอล​ตรัส​ว่า “เนื่อง​จาก​เรา​วัน​คืน​ของ​เจ้า​จะ​ทวีคูณ, และ​ปี​เดือน​แห่ง​ชีวิต​ของ​เจ้า​จะ​เพิ่ม​พูน.” (สุภาษิต 9:11) ความ​ยืน​ยาว​ของ​วัน​คืน​และ​ปี​เดือน​แห่ง​ชีวิต​เป็น​ผล​มา​จาก​การ​คบหา​กับ​สติ​ปัญญา. ถูก​แล้ว “สติ​ปัญญา​ย่อม​รักษา​ชีวิต​ของ​ผู้​ที่​มี​สติ​ปัญญา​นั้น.”—ท่าน​ผู้​ประกาศ 7:12, ฉบับ​แปล​ใหม่.

การ​ทุ่มเท​ตัว​เพื่อ​ได้​รับ​สติ​ปัญญา​นั้น​เป็น​ความ​รับผิดชอบ​ส่วน​ตัว​ของ​เรา. เพื่อ​เน้น​ความ​เป็น​จริง​ข้อ​นี้ ซะโลโม​กล่าว​ว่า “ถ้า​เจ้า​มี​ปัญญา, เจ้า​ก็​มี​ปัญญา​สำหรับ​ตัว​เจ้า​เอง; และ​ถ้า​เจ้า​เย้ย​หยัน, เจ้า​ผู้​เดียว​ก็​จะ​ต้อง​แบก​ภาระ​นั้น.” (สุภาษิต 9:12) ผู้​มี​ปัญญา มี​ปัญญา​ก็​เพื่อ​ผล​ประโยชน์​ของ​ตน​เอง และ​ผู้​เยาะเย้ย​เอง​ควร​ถูก​ตำหนิ​เนื่อง​ด้วย​ความ​ทุกข์​ของ​เขา. ที่​จริง เรา​เก็บ​เกี่ยว​สิ่ง​ที่​เรา​หว่าน. ดัง​นั้น​แล้ว ขอ​ให้​เรา “[“เอา​ใจ​ใส่,” ล.ม.] ฟัง​พระ​ปัญญา.”—สุภาษิต 2:2.

“หญิง​โฉด​มัก​ปาก​โป้ง”

โดย​เทียบ​ให้​เห็น​ความ​แตกต่าง ซะโลโม​กล่าว​ต่อ​ไป​ว่า “หญิง​โฉด​มัก​ปาก​โป้ง; นาง​เป็น​หญิง​โง่, และ​ไม่​รู้​จัก​อะไร. เขา​นั่ง​อยู่​หน้า​ประตู​เรือน​ของ​เขา, และ​นั่ง​ใน​ที่​เด่น​ใน​เมือง, ก็​เพื่อ​จะ​เรียก​เหล่า​คน​ที่​ผ่าน​ไป, คือ​คน​ที่​เดิน​ไป​มา​ตาม​ทาง​ของ​เขา​ว่า: ‘ใคร​ที่​เป็น​คน​โง่ [“ขาด​ประสบการณ์,” ล.ม.] ก็​ให้​เขา​หัน​มา​ทาง​นี้.’ ”สุภาษิต 9:13-15.

ความ​โง่​ได้​รับ​การ​พรรณนา​ว่า​เป็น​หญิง​ที่​เสียง​ดัง, ปล่อย​ตัว, และ​โง่​เง่า. นาง​ได้​สร้าง​บ้าน​ไว้​ด้วย. และ​นาง​รับ​ภาระ​ใน​การ​ร้อง​เรียก​ใคร​ก็​ตาม​ที่​ขาด​ประสบการณ์. ดัง​นั้น ผู้​ที่​ผ่าน​ไป​มา​จึง​มี​โอกาส​เลือก. เขา​จะ​ยอม​รับ​คำ​เชิญ​ของ​สติ​ปัญญา​หรือ​คำ​เชิญ​ของ​ความ​โง่?

“น้ำ​ที่​ขโมย​มา​หวาน​ดี”

ทั้ง​สติ​ปัญญา​และ​ความ​โง่​ต่าง​ก็​เชิญ​ผู้​ฟัง​ให้ “หัน​มา​ทาง​นี้.” อย่าง​ไร​ก็​ตาม คำ​เชิญ​ชวน​ของ​ทั้ง​สอง​ต่าง​กัน. สติ​ปัญญา​เชิญ​ผู้​คน​ให้​มา​งาน​เลี้ยง​ที่​มี​เหล้า​องุ่น, เนื้อ, และ​ขนมปัง. สิ่ง​ล่อ​ใจ​ที่​ความ​โง่​เสนอ​ให้​นั้น​เตือน​เรา​ให้​นึก​ถึง​วิธี​การ​ของ​ผู้​หญิง​ที่​ปล่อย​เนื้อ​ปล่อย​ตัว. ซะโลโม​กล่าว​ว่า “นาง​พูด​กับ​เขาผู้​ไร้​สามัญสำนึก​ว่า ‘น้ำ​ที่​ขโมย​มา​หวาน​ดี​และ​ขนม​ที่​รับประทาน​ใน​ที่​ลับ​ก็​อร่อย.’ ”สุภาษิต 9:16​ข, 17 ฉบับ​แปล​ใหม่.

แทน​ที่​จะ​เสนอ​เหล้า​องุ่น​ผสม “หญิง​โง่” เสนอ​น้ำ​ที่​ขโมย​มา​ให้. (สุภาษิต 9:13, ฉบับ​แปล​ใหม่) ใน​พระ​คัมภีร์ การ​ประสบ​ความ​เพลิดเพลิน​ทาง​เพศ​กับ​ภรรยา​ผู้​เป็น​ที่​รัก​ถูก​เปรียบ​กับ​การ​ดื่ม​น้ำ​ที่​ทำ​ให้​สดชื่น. (สุภาษิต 5:15-17) ดัง​นั้น​แล้ว น้ำ​ที่​ขโมย​มา​จึง​หมาย​ถึง​ความ​สัมพันธ์​ทาง​เพศ​ที่​ผิด​ศีลธรรม​ซึ่ง​ดำเนิน​อยู่​ใน​ที่​ลับ. อาจ​ทำ​ให้​น้ำ​ดัง​กล่าว​ดู​เหมือน​ว่า​หวาน—ดี​กว่า​เหล้า​องุ่น—เพราะ​น้ำ​นั้น​ถูก​ขโมย​มา​และ​แฝง​ด้วย​ความ​คิด​ที่​ว่า​รอด​จาก​การ​ถูก​จับ​ได้. ขนม​ที่​ลักลอบ​กิน​มี​ลักษณะ​ที่​ดู​เหมือน​ว่า​อร่อย​กว่า​ขนม​และ​เนื้อ​ที่​สติ​ปัญญา​เสนอ​ให้​อย่าง​แท้​จริง เพราะ​ได้​มา​โดย​วิธี​ไม่​ซื่อ​สัตย์. การ​มอง​ดู​สิ่ง​ที่​ต้อง​ห้าม​และ​ซ่อน​เร้น​ว่า​เป็น​สิ่ง​ดึงดูด​ใจ​นั้น​เป็น​เครื่อง​แสดง​ถึง​ความ​โง่.

ขณะ​ที่​คำ​เชิญ​ของ​สติ​ปัญญา​รวม​ไป​ถึง​คำ​สัญญา​เรื่อง​ชีวิต หญิง​โง่​ไม่​ได้​กล่าว​ถึง​ผล​ที่​เกิด​จาก​การ​ติด​ตาม​วิถี​ทาง​ของ​นาง. แต่​ซะโลโม​เตือน​ว่า “เขา​หา​รู้​ไม่​ว่า​มี​คน​ไป​ตาย​อยู่​ที่​นั่น​เป็น​อัน​มาก; และ​แขก​ของ​นาง​ก็​จม​ลึก​ลง​ไป​ยัง​หลุม​ผี.” (สุภาษิต 9:18) ผู้​คง​แก่​เรียน​คน​หนึ่ง​เขียน​ว่า “เรือน​ของ​หญิง​โง่​ไม่​ใช่​บ้าน แต่​เป็น​สุสาน. หาก​คุณ​เข้า​ไป​ที่​นั่น​แล้ว คุณ​ไม่​อาจ​จะ​ออก​มา​โดย​ที่​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่.” การ​ติด​ตาม​รูป​แบบ​ชีวิต​ที่​ผิด​ศีลธรรม​เป็น​เรื่อง​ไม่​ฉลาด เป็น​สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​ถึง​ตาย.

พระ​เยซู​คริสต์​ตรัส​ว่า “จง​เข้า​ไป​ทาง​ประตู​คับแคบ. เพราะ​ว่า​ประตู​ใหญ่​และ​ทาง​กว้าง​นำ​ไป​ถึง​ความ​พินาศ. และ​คน​ที่​เข้า​ไป​ทาง​นั้น​มี​มาก. เพราะ​ว่า​ประตู​คับ​และ​ทาง​แคบ​ซึ่ง​นำ​ไป​ถึง​ชีวิต​นั้น​ก็​มี​ผู้​พบ​ปะ​น้อย.” (มัดธาย 7:13, 14) ขอ​ให้​เรา​รับ​การ​เลี้ยง​ดู​ที่​โต๊ะ​ของ​สติ​ปัญญา​เสมอ และ​อยู่​ท่ามกลาง​คน​เหล่า​นั้น​ที่​อยู่​บน​ทาง​ซึ่ง​นำ​ไป​ถึง​ชีวิต.

[ภาพ​หน้า 31]

บุคคล​ที่​ฉลาด​ยินดี​รับ​การ​แก้ไข

[ภาพ​หน้า 31]

การ​ได้​มา​ซึ่ง​สติ​ปัญญา​เป็น​ความ​รับผิดชอบ​ส่วน​ตัว