ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เอาใจใส่ดูแลลูกกำพร้าและหญิงม่าย—ในความทุกข์ยากของเขา

เอาใจใส่ดูแลลูกกำพร้าและหญิงม่าย—ในความทุกข์ยากของเขา

เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​ลูก​กำพร้า​และ​หญิง​ม่าย—ใน​ความ​ทุกข์​ยาก​ของ​เขา

ไม่​ใช่​เรื่อง​ยาก​ที่​จะ​มอง​ออก​ว่า​เรา​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​โลก​ที่​ขาด​ความ​รัก. เมื่อ​กล่าว​ถึง​คน​ชนิด​ที่​มี​อยู่​ระหว่าง “สมัย​สุด​ท้าย” อัครสาวก​เปาโล​เขียน​ว่า “จะ​เกิด​วิกฤตกาล​ซึ่ง​ยาก​ที่​จะ​รับมือ​ได้. เพราะ​ว่า​คน​จะ​รัก​ตัว​เอง, . . . ไม่​มี​ความ​รักใคร่​ตาม​ธรรมชาติ.” (2 ติโมเธียว 3:1-3, ล.ม.) ถ้อย​คำ​เหล่า​นี้​ช่าง​เป็น​จริง​สัก​เพียง​ไร!

สภาพ​แวด​ล้อม​ทาง​ศีลธรรม​ใน​สมัย​ของ​เรา​ได้​กลาย​เป็น​สาเหตุ​หนึ่ง​ของ​การ​ขาด​ความ​เมตตา​สงสาร​ใน​หัวใจ​ของ​หลาย​คน. ผู้​คน​สนใจ​น้อย​ลง​ทุก​ที​ใน​สวัสดิภาพ​ของ​คน​อื่น บาง​กรณี​แม้​แต่​กับ​สมาชิก​ใน​ครอบครัว​ของ​ตัว​เอง​ด้วย​ซ้ำ.

เรื่อง​นี้​มี​ผล​กระทบ​อย่าง​ร้ายแรง​ต่อ​หลาย​คน​ซึ่ง​กลาย​เป็น​คน​ขัดสน​ยาก​จน เนื่อง​จาก​สถานการณ์​ต่าง ๆ. จำนวน​ของ​แม่​ม่าย​และ​ลูก​กำพร้า​เพิ่ม​ขึ้น​เรื่อย ๆ อัน​เป็น​ผล​มา​จาก​สงคราม, ภัย​ธรรมชาติ, และ​การ​ย้าย​ถิ่น​ของ​ผู้​คน​ซึ่ง​เสาะ​หา​ที่​ลี้​ภัย. (ท่าน​ผู้​ประกาศ 3:19) รายงาน​จาก​องค์การ​ทุน​เพื่อ​เด็ก​แห่ง​สหประชาชาติ​กล่าว​ว่า “[เด็ก] มาก​กว่า 1 ล้าน​คน​เป็น​ลูก​กำพร้า​หรือ​ไม่​ก็​ถูก​แยก​จาก​ครอบครัว​ของ​เขา​อัน​เป็น​ผล​สืบ​เนื่อง​จาก​สงคราม.” คุณ​คง​ทราบ​ด้วย​ว่า มารดา​ไร้​คู่, มารดา​ที่​ถูก​สามี​ทอดทิ้ง, หรือ​ที่​หย่าร้าง จำนวน​มาก​มาย​เผชิญ​กับ​ภารกิจ​ที่​ลำบาก​ใน​การ​อยู่​ต่อ​ไป​และ​เลี้ยง​ดู​ครอบครัว​ของ​เธอ​ด้วย​ตัว​เอง. สภาพการณ์​ยิ่ง​เลว​ร้าย​ลง​เนื่อง​จาก​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​ว่า​บาง​ประเทศ​กำลัง​เผชิญ​กับ​วิกฤติ​เศรษฐกิจ​ซึ่ง​ทำ​ให้​พลเมือง​หลาย​คน​ดำรง​ชีวิต​อยู่​ด้วย​ความ​ยาก​แค้น​แสน​เข็ญ.

เมื่อ​คำนึง​ถึง​เรื่อง​นี้ มี​ความ​หวัง​ใด ๆ ไหม​สำหรับ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ประสบ​ความ​ทุกข์​ยาก? จะ​ทำ​ให้​ความ​ทุกข์​ของ​แม่​ม่าย​และ​ลูก​กำพร้า​บรรเทา​ลง​ได้​อย่าง​ไร? ปัญหา​นี้​จะ​มี​วัน​ถูก​ขจัด​ให้​หมด​ไป​ไหม?

การ​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​ด้วย​ความ​รัก​ใน​สมัย​คัมภีร์​ไบเบิล

การ​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​ต่อ​ความ​จำเป็น​ทาง​ด้าน​ร่าง​กาย​และ​ทาง​ด้าน​วิญญาณ​ของ​แม่​ม่าย​และ​ลูก​กำพร้า​นั้น​เป็น​ส่วน​ที่​แยก​ไม่​ออก​ของ​การ​นมัสการ​พระเจ้า​เสมอ​มา. เมื่อ​เก็บ​เกี่ยว​ข้าว​หรือ​ผลไม้ ชน​ยิศราเอล​ต้อง​ไม่​เก็บ​ส่วน​ที่​ตก​ค้าง​อยู่​ใน​ทุ่ง​นา หรือ​รวง​ข้าว​ที่​เขา​ทำ​ตก. ต้อง​ทิ้ง​ข้าว​ที่​ตก​นั้น​ไว้ “ให้​เป็น​ของ​สำหรับ​คน​ต่าง​ชาติ, ลูก​กำพร้า, และ​หญิง​หม้าย.” (พระ​บัญญัติ 24:19-21) พระ​บัญญัติ​ของ​โมเซ​ระบุ​ว่า “อย่า​ข่มเหง​หญิง​หม้าย​หรือ​ลูก​กำพร้า​เลย.” (เอ็กโซโด 22:22, 23) แม่​ม่าย​และ​ลูก​กำพร้า​ที่​มี​กล่าว​ถึง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิลเป็น​ตัว​แทน​อย่าง​เหมาะ​สม​แสดง​ถึง​คน​ที่​ยาก​จน​กว่า เนื่อง​จาก​ความ​ตาย​ของ​สามี​และ​บิดา​หรือ​ของ​ทั้ง​บิดา​และ​มารดา สมาชิก​ที่​เหลือ​อยู่​ของ​ครอบครัว​อาจ​ถูก​ทิ้ง​ไว้​ตาม​ลำพัง​และ​ประสบ​ความ​ยาก​จน​ข้นแค้น. โยบ​ปฐม​บรรพบุรุษ​ได้​กล่าว​ว่า “ข้า​ฯ จะ​ช่วย​ชีวิต​คน​เดือดร้อน​ที่​ร้อง​ขอ​ความ​ช่วยเหลือ และ​เด็ก​ชาย​กำพร้า​พ่อ​และ​ใคร ๆ ที่​ไม่​มี​คน​ช่วย.”—โยบ 29:12, ล.ม.

ระหว่าง​สมัย​แรก​เริ่ม​ของ​ประชาคม​คริสเตียน การ​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​คน​เหล่า​นั้น​ที่​เดือดร้อน​และ​ขัดสน​จริง ๆ เนื่อง​จาก​การ​สูญ​เสีย​บิดา​มารดา​หรือ​สามี​นั้น​เป็น​ลักษณะ​ที่​เด่น​ชัด​ของ​การ​นมัสการ​แท้. ด้วย​ความ​สนใจ​แรง​กล้า​ใน​สวัสดิภาพ​ของ​คน​เช่น​นั้น สาวก​ยาโกโบ​ได้​เขียน​ว่า “แบบ​แห่ง​การ​นมัสการ​ที่​สะอาด​และ​ปราศจาก​มลทิน​จาก​ทัศนะ​ของ​พระเจ้า​และ​พระ​บิดา​ของ​เรา​เป็น​ดัง​นี้: ให้​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​ลูก​กำพร้า​และ​หญิง​ม่าย​ใน​ความ​ทุกข์​ยาก​ของ​เขา และ​รักษา​ตัว​ให้​ปราศจาก​ด่าง​พร้อย​ของ​โลก.”—ยาโกโบ 1:27, ล.ม.

นอก​จาก​กล่าว​ถึง​ลูก​กำพร้า​และ​แม่​ม่าย​แล้ว ยาโกโบ​ยัง​ได้​แสดง​ความ​ห่วงใย​สุด​ซึ้ง​ต่อ​คน​อื่น​ที่​ยาก​จน​และ​สิ้น​เนื้อ​ประดา​ตัว​ด้วย. (ยาโกโบ 2:5, 6, 15, 16) อัครสาวก​เปาโล​ได้​แสดง​ความ​เห็น​อก​เห็น​ใจ​อย่าง​เดียว​กัน. เมื่อ​ท่าน​และ​บาระนาบา​ได้​รับ​มอบหมาย​งาน​ประกาศ​นั้น คำ​สั่ง​ข้อ​หนึ่ง​ที่​ท่าน​ทั้ง​สอง​ได้​รับ​คือ ‘การ​ไม่​ลืม​คน​จน.’ เปาโล​สามารถ​พูด​ด้วย​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ที่​ดี​ว่า “[นี่] เป็น​สิ่ง​ที่​ข้าพเจ้า​กระตือรือร้น​ที่​จะ​กระทำ​อยู่​แล้ว​ด้วย.” (ฆะลาเตีย 2:9, 10) เรื่อง​ราว​เกี่ยว​กับ​กิจการ​งาน​ของ​ประชาคม​คริสเตียน​หลัง​จาก​ก่อ​ตั้ง​ขึ้น​ไม่​นาน​ได้​แสดง​ชัด​ว่า “ใน​จำพวก​สานุศิษย์​ไม่​มี​ผู้​ใด​ขัดสน . . . [มี​การ] แจก​จ่าย​ให้​ทุก​คน​ตาม​ที่​ต้องการ.” (กิจการ 4:34, 35) ถูก​แล้ว การ​จัด​เตรียม​ที่​ตั้ง​ขึ้น​ใน​ยิศราเอล​โบราณ​ใน​เรื่อง​การ​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​ลูก​กำพร้า, แม่​ม่าย, และ​ผู้​ที่​ขัดสน​ยาก​จน​ได้​ดำเนิน​ต่อ​เนื่อง​มา​จน​ถึง​สมัย​ของ​ประชาคม​คริสเตียน.

แน่นอน ความ​ช่วยเหลือ​ที่​เสนอ​ให้​นั้น​มี​จำกัด​และ​สอดคล้อง​กับ​กำลัง​ทรัพย์​ของ​ประชาคม​แต่​ละ​แห่ง. ไม่​มี​การ​ใช้​เงิน​โดย​เปล่า​ประโยชน์ และ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ขัดสน​จริง ๆ ก็​ได้​รับ​การ​ช่วยเหลือ. คริสเตียน​ต้อง​ไม่​ฉวย​ประโยชน์​จาก​การ​จัด​เตรียม​นี้​โดย​มิ​ชอบ และ​ไม่​มี​การ​วาง​ภาระ​ที่​ไม่​จำเป็น​ไว้​กับ​ประชาคม. เรื่อง​นี้​ปรากฏ​ชัด​ใน​คำ​แนะ​นำ​ของ​เปาโล​ซึ่ง​ชี้​แจง​ไว้​ที่ 1 ติโมเธียว 5:3-16. จาก​ที่​นั่น​เรา​เห็น​ว่า ถ้า​ญาติ​ของ​ผู้​ขัดสน​สามารถ​ช่วยเหลือ​เขา​ได้​แล้ว ญาติ​ก็​ต้อง​รับ​ภาระ​ใน​เรื่อง​นั้น. แม่​ม่าย​ที่​ขัดสน​ต้อง​บรรลุ​ข้อ​เรียก​ร้อง​บาง​ประการ​เพื่อ​จะ​เข้า​ข่าย​ได้​รับ​ความ​ช่วยเหลือ. ทั้ง​หมด​นี้​สะท้อน​ให้​เห็น​การ​จัด​เตรียม​ที่​ฉลาด​สุขุม​ซึ่ง​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ใช้​เพื่อ​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ขัดสน. นอก​จาก​นั้น นั่น​ยัง​แสดง​ให้​เห็น​ด้วย​ว่า​ต้อง​มี​ความ​สมดุล​เพื่อ​จะ​ไม่​มี​ใคร​ฉวย​ประโยชน์​จาก​ความ​กรุณา​นี้​อย่าง​ไม่​สม​ควร.—2 เธซะโลนิเก 3:10-12.

การ​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​ลูก​กำพร้า​และ​แม่​ม่าย​ใน​ทุก​วัน​นี้

หลักการ​ที่​ผู้​รับใช้​ของ​พระเจ้า​ใน​อดีต​ได้​ปฏิบัติ​ตาม​นั้น​ยัง​คง​นำ​มา​ใช้​ใน​ประชาคม​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เกี่ยว​กับ​การ​แสดง​ความ​ห่วงใย​และ​การ​ให้​ความ​ช่วยเหลือ​แก่​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ประสบ​ความ​ทุกข์​ยาก. ความ​รัก​ฉัน​พี่​น้อง​เป็น​ลักษณะ​พิเศษ​เฉพาะ ดัง​ที่​พระ​เยซู​ได้​ตรัส​ว่า “โดย​เหตุ​นี้​คน​ทั้ง​ปวง​จะ​รู้​ว่า​เจ้า​ทั้ง​หลาย​เป็น​สาวก​ของ​เรา ถ้า​เจ้า​มี​ความ​รัก​ระหว่าง​พวก​เจ้า​เอง.” (โยฮัน 13:35, ล.ม.) หาก​บาง​คน​ประสบ​ความ​ขาด​แคลน​หรือ​ตก​เป็น​เหยื่อ​ของ​ภัย​พิบัติ​หรือ​ผล​กระทบ​จาก​สงคราม​หรือ​การ​ต่อ​สู้​ระหว่าง​พลเรือน คน​อื่น ๆ ที่​เป็น​ส่วน​ของ​ภราดรภาพ​นานา​ชาติ​ก็​กระตือรือร้น​ที่​จะ​หา​ทาง​ให้​ความ​ช่วยเหลือ​ทาง​ด้าน​วิญญาณ​และ​ทาง​ด้าน​วัตถุ. ขอ​ให้​เรา​สังเกต​ประสบการณ์​สมัย​ปัจจุบัน​บาง​เรื่อง​ที่​แสดง​ว่า​มี​การ​ทำ​อะไร​ไป​แล้ว​ใน​เรื่อง​นี้.

เปโดร​จำ​ได้​ไม่​มาก​นัก​เกี่ยว​กับ​คุณ​แม่​ของ​เขา​ที่​เสีย​ชีวิต​ตอน​เขา​อายุ​แค่​ขวบ​ครึ่ง​เท่า​นั้น. พอ​เปโดร​อายุ​ห้า​ขวบ คุณ​พ่อ​ของ​เขา​ก็​เสีย​ชีวิต​ด้วย. ดัง​นั้น เปโดร​ถูก​ทิ้ง​ไว้​ตาม​ลำพัง​กับ​พวก​พี่​ชาย​ของ​เขา. พยาน​พระ​ยะโฮวา​ได้​มา​เยี่ยม​พ่อ​ของ​พวก​เขา​อยู่​ก่อน​แล้ว เปโดร​กับ​พี่​ชาย​ทั้ง​หมด​จึง​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​บ้าน.

เปโดร​เล่า​ว่า “สัปดาห์​ถัด​ไป​เรา​เริ่ม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม. ขณะ​ที่​เรา​คบหา​สมาคม​กับ​พวก​พี่​น้อง เรา​รู้สึก​ได้​ถึง​ความ​รัก​ที่​พวก​เขา​แสดง​ต่อ​เรา. ประชาคม​เป็น​ที่​พักพิง​สำหรับ​ผม เพราะ​พวก​พี่​น้อง​ชาย​และ​หญิง​แสดง​ความ​รัก​และ​ความ​เอ็นดู​ต่อ​ผม ราว​กับ​ว่า​พวก​เขา​เป็น​พ่อ​แม่​ของ​ผม.” เปโดร​จำ​ได้​ว่า​คริสเตียน​ผู้​ปกครอง​คน​หนึ่ง​เชิญ​เขา​ไป​ที่​บ้าน. ที่​นั่น​เปโดร​มี​ส่วน​ร่วม​กับ​ครอบครัว​นั้น​ใน​การ​สนทนา​และ​การ​พักผ่อน​หย่อนใจ. เปโดร​ซึ่ง​เริ่ม​ประกาศ​เกี่ยว​กับ​ความ​เชื่อ​ของ​เขา​ตอน​อายุ 11 ปี​และ​ได้​รับ​บัพติสมา​เมื่อ​อายุ 15 ปี​กล่าว​ว่า “เหตุ​การณ์​เหล่า​นี้​เป็น​ความ​ทรง​จำ​ที่​ผม​ชื่น​ชอบ.” โดย​ได้​รับ​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​คน​เหล่า​นั้น​ใน​ประชาคม พวก​พี่​ชาย​ของ​เขา​ได้​ทำ​ความ​ก้าว​หน้า​มาก​เช่น​กัน​ใน​แนว​ทาง​ฝ่าย​วิญญาณ.

ยัง​มี​กรณี​ของ​เดวิด​ด้วย. เขา​กับ​น้อง​สาว​คู่​แฝด​ถูก​ทิ้ง​เมื่อ​พ่อ​แม่​แยก​ทาง​กัน. คุณ​ตา​คุณ​ยาย​และ​น้า​ได้​เลี้ยง​ดู​เขา​ทั้ง​สอง. “เมื่อ​เรา​โต​ขึ้น​มา​และ​สำนึก​ถึง​สภาพการณ์​ที่​ประสบ​อยู่​นั้น ความ​รู้สึก​ไม่​มั่นคง​และ​ความ​เศร้า​ครอบ​งำ​เรา. เรา​ต้องการ​อะไร​สัก​อย่าง​ที่​จะ​พึ่ง​พิง​ได้. คุณ​น้า​ของ​ผม​ได้​เข้า​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา และ​เพราะ​เหตุ​นี้ เรา​จึง​ได้​รับ​การ​สั่ง​สอน​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. พวก​พี่​น้อง​ได้​แสดง​ความ​รักใคร่​และ​ความ​เป็น​มิตร​ต่อ​เรา. พวก​เขา​ชอบ​เรา​มาก​และ​สนับสนุน​เรา​ให้​บรรลุ​เป้า​ต่าง ๆ และ​ทำ​งาน​เพื่อ​พระ​ยะโฮวา​ต่อ ๆ ไป. เมื่อ​ผม​อายุ​ประมาณ​สิบ​ขวบ ผู้​ช่วย​งาน​รับใช้​คน​หนึ่ง​จะ​มา​รับ​ผม​ไป​ด้วย​ใน​งาน​เผยแพร่​ตาม​บ้าน. พี่​น้อง​อีก​คน​หนึ่ง​เอา​ใจ​ใส่​เรื่อง​ค่า​ใช้​จ่าย​ของ​ผม​เมื่อ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่. พี่​น้อง​คน​หนึ่ง​ถึง​กับ​ช่วยเหลือ​เพื่อ​ผม​จะ​สามารถ​บริจาค​เงิน​ที่​หอ​ประชุม.”

เดวิด​ได้​รับ​บัพติสมา​ตอน​อายุ 17 ปี และ​ภาย​หลัง​เขา​ได้​เริ่ม​รับใช้ ณ สำนักงาน​สาขา​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ในเม็กซิโก. แม้​แต่​ตอน​นี้​เขา​ก็​ยัง​ยอม​รับ​ว่า “มี​ผู้​ปกครอง​หลาย​คน​ที่​มี​บทบาท​สำคัญ​ต่อ​การ​ศึกษา​ของ​ผม​และ​ให้​คำ​แนะ​นำ​ที่​เป็น​ประโยชน์​แก่​ผม. โดย​วิธี​นี้ ผม​จึง​เอา​ชนะ​ความ​รู้สึก​ไม่​มั่นคง​และ​ความ​รู้สึก​ว้าเหว่.”

อาเบล ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม​หนึ่ง​ที่​เม็กซิโก​ซึ่ง​มี​แม่​ม่าย​หลาย​คน​ที่​จำเป็น​ต้อง​ได้​รับ​ความ​ช่วยเหลือ​เล่า​ว่า “ผม​เชื่อ​มั่น​ว่า​สิ่ง​ที่​พวก​แม่​ม่าย​จำเป็น​ต้อง​ได้​รับ​การ​เอา​ใจ​ใส่​มาก​ที่​สุด​ก็​คือ การ​เกื้อ​หนุน​ทาง​ด้าน​อารมณ์. บาง​ครั้ง​พวก​เธอ​ประสบ​ช่วง​เวลา​ที่​มี​ความ​ซึมเศร้า รู้สึก​ว้าเหว่. เพราะ​ฉะนั้น เป็น​เรื่อง​สำคัญ​มาก​ที่​จะ​ให้​การ​เกื้อ​หนุน รับ​ฟัง​พวก​เธอ. พวก​เรา [ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม] ไป​เยี่ยม​เธอ​บ่อย ๆ. นับ​ว่า​สำคัญ​ที่​จะ​ใช้​เวลา​เอา​ใจ​ใส่​ปัญหา​ของ​เธอ. การ​ทำ​เช่น​นี้​ทำ​ให้​เธอ​รู้สึก​ว่า​ได้​รับ​การ​ปลอบโยน​ทาง​ฝ่าย​วิญญาณ.” อย่าง​ไร​ก็​ตาม บาง​ครั้ง​ความ​ช่วยเหลือ​ด้าน​เศรษฐกิจ​เป็น​สิ่ง​จำเป็น​ด้วย​เช่น​กัน. อาเบล​เล่า​ไม่​นาน​มา​นี้​ว่า “ตอน​นี้​เรา​กำลัง​สร้าง​บ้าน​ให้​พี่​น้อง​หญิง​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​เป็น​แม่​ม่าย. เรา​ใช้​เวลา​วัน​เสาร์​บาง​วัน​และ​ตอน​บ่าย​บาง​วัน​ระหว่าง​สัปดาห์​สร้าง​บ้าน​ของ​เธอ.”

ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม​อีก​คน​หนึ่ง​กล่าว​เกี่ยว​กับ​ประสบการณ์​ของ​ตน​เอง​ใน​การ​ให้​ความ​ช่วยเหลือ​แก่​ลูก​กำพร้า​และ​แม่​ม่าย​ว่า “ผม​คิด​ว่า​ลูก​กำพร้า​จำเป็น​อย่าง​ยิ่ง​ที่​จะ​ได้​รับ​ความ​รัก​แบบ​คริสเตียน​มาก​กว่า​แม่​ม่าย​เสีย​อีก. ผม​ได้​สังเกต​ว่า​พวก​เขา​ดู​เหมือน​จะ​รู้สึก​ว่า​ไม่​เป็น​ที่​ต้องการ​มาก​กว่า​เด็ก ๆ และ​วัยรุ่น​ซึ่ง​มี​ทั้ง​พ่อ​และ​แม่. พวก​เขา​จำเป็น​ต้อง​ได้​รับ​การ​แสดง​ความ​รักใคร่​ฉัน​พี่​น้อง​อย่าง​มาก​มาย. นับ​ว่า​ดี​ที่​จะ​มอง​หา​พวก​เขา​หลัง​การ​ประชุม​เพื่อ​จะ​ทราบ​ว่า​พวก​เขา​เป็น​อย่าง​ไร. มี​พี่​น้อง​ชาย​ที่​สมรส​แล้ว​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​เป็น​ลูก​กำพร้า​ตอน​เป็น​เด็ก​เล็ก ๆ. ผม​ทักทาย​เขา​อย่าง​อบอุ่น​เสมอ ณ การ​ประชุม และ​เขา​โอบ​กอด​ผม​เมื่อ​เรา​พบ​กัน. นี่​ทำ​ให้​ความ​ผูก​พัน​ของ​ความ​รัก​แท้​ฉัน​พี่​น้อง​แน่นแฟ้น​ขึ้น.”

พระ​ยะโฮวา “จะ​ทรง​ช่วย​คน​ขัดสน”

การ​ไว้​วางใจ​ใน​พระ​ยะโฮวา​เป็น​พื้น​ฐาน​สำคัญ​ใน​การ​รับมือ​กับ​สภาพการณ์​ของ​แม่​ม่าย​และ​ลูก​กำพร้า. มี​การ​กล่าว​เกี่ยว​กับ​พระองค์​ว่า “พระ​ยะโฮวา​ทรง​รักษา​คน​แขก​เมือง; และ​ทรง​อุปถัมภ์​เด็ก​กำพร้า​กับ​หญิง​หม้าย.” (บทเพลง​สรรเสริญ 146:9) วิธี​แก้​อย่าง​สิ้นเชิง​สำหรับ​ปัญหา​ประเภท​นี้​จะ​มา​ทาง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​ภาย​ใต้​การ​ปกครอง​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​เท่า​นั้น. เมื่อ​พรรณนา​เชิง​พยากรณ์​ถึง​การ​ปกครอง​โดย​พระ​มาซีฮา​นั้น ผู้​ประพันธ์​เพลง​สรรเสริญ​ได้​เขียน​ว่า “พระองค์​จะ​ทรง​ช่วย​คน​ขัดสน​เมื่อ​เขา​ร้อง​ทุกข์, และ​จะ​ทรง​ช่วย​คน​อนาถา, ที่​ไม่​มี​ผู้​อุปถัมภ์. พระองค์​จะ​สงสาร​คน​อนาถา​และ​คน​ขัดสน, ชีวิต​ของ​คน​ขัดสน​พระองค์​จะ​ช่วย​ให้​รอด.”—บทเพลง​สรรเสริญ 72:12, 13.

ขณะ​ที่​อวสาน​ของ​ระบบ​ปัจจุบัน​ใกล้​เข้า​มา ความ​กดดัน​ที่​คริสเตียน​โดย​ทั่ว​ไป​เผชิญ​อยู่​นั้น​จะ​เพิ่ม​ขึ้น​แน่ ๆ. (มัดธาย 24:9-13) มี​ความ​จำเป็น​ทุก​วัน​ที่​คริสเตียน​จะ​แสดง​ความ​ห่วงใย​มาก​ขึ้น​ต่อ​กัน​และ​กัน​และ “มี​ความ​รัก​อัน​แรง​กล้า​ต่อ​กัน​และ​กัน.” (1 เปโตร 4:7-10, ล.ม.) ชาย​คริสเตียน โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​พวก​ผู้​ปกครอง จำเป็น​ต้อง​แสดง​ความ​ห่วงใย​และ​ความ​เมตตา​สงสาร​ต่อ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​เป็น​ลูก​กำพร้า. และ​ผู้​หญิง​ที่​อาวุโส​ใน​ประชาคม​สามารถ​ให้​การ​เกื้อ​หนุน​มาก​มาย​แก่​แม่​ม่าย​และ​เป็น​แหล่ง​แห่ง​การ​ปลอบโยน. (ติโต 2:3-5) ที่​จริง ทุก​คน​อาจ​มี​ส่วน​สนับสนุน​ได้​โดย​การ​แสดง​ความ​ห่วงใย​พร้อม​ด้วย​การ​กระทำ​ต่อ​คน​อื่น​ซึ่ง​ประสบ​ความ​ทุกข์​ลำบาก.

คริสเตียน​แท้​ไม่ “ปิด​ประตู​แห่ง​ความ​เมตตา​สงสาร​อัน​อ่อน​ละมุน​ของ​ตน” เมื่อ “เห็น​พี่​น้อง​ของ​ตน​ขาด​แคลน.” พวก​เขา​สำนึก​อย่าง​แรง​กล้า​ใน​การ​เอา​ใจ​ใส่​คำ​ตักเตือน​ของ​อัครสาวก​โยฮัน​ที่​ว่า “ลูก​เล็ก ๆ ทั้ง​หลาย จง​ให้​เรา​รัก มิ​ใช่​ด้วย​ถ้อย​คำ​หรือ​ลิ้น แต่​ด้วย​การ​กระทำ​และ​ความ​จริง.” (1 โยฮัน 3:17, 18, ล.ม.) ดัง​นั้น ขอ​ให้​เรา “เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​ลูก​กำพร้า​และ​หญิง​ม่าย​ใน​ความ​ทุกข์​ยาก​ของ​เขา.”—ยาโกโบ 1:27, ล.ม.

[คำ​โปรย​หน้า 11]

“จง​ให้​เรา​รัก มิ​ใช่​ด้วย​ถ้อย​คำ​หรือ​ลิ้น แต่​ด้วย​การ​กระทำ​และ​ความ​จริง.” 1 โยฮัน 3:18, ล.ม.

[ภาพ​หน้า 10]

คริสเตียน​แท้​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​ลูก​กำพร้า​และ​หญิง​ม่าย​ทาง​ด้าน​วัตถุ, ด้าน​วิญญาณ, และ​ด้าน​อารมณ์