คุณจะช่วยบุตร “สุรุ่ยสุร่าย” ได้โดยวิธีใด?
คุณจะช่วยบุตร “สุรุ่ยสุร่าย” ได้โดยวิธีใด?
“[จง] ชื่นชมยินดี เพราะ . . . [เขา] หายไปแต่ได้พบกันอีก.”—ลูกา 15:32.
1, 2. (ก) เยาวชนบางคนได้แสดงปฏิกิริยาอย่างไรต่อความจริงของคริสเตียน? (ข) บิดามารดาและบุตรที่อยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นอาจรู้สึกอย่างไร?
“ผมจะออกจากความจริง!” เป็นเรื่องน่าตกใจสักเพียงไรสำหรับบิดามารดาผู้เกรงกลัวพระเจ้าซึ่งได้พยายามอย่างหนักเพื่ออบรมเลี้ยงดูบุตรในแนวทางคริสเตียน แต่กลับได้ยินคำพูดอย่างนี้จากปากของบุตร! ส่วนเยาวชนบางคนก็อาจเพียงแค่ “ลอยห่างไป” โดยไม่ได้ประกาศเจตนารมณ์ออกมาจริง ๆ. (เฮ็บราย 2:1, ล.ม.) เด็กเหล่านี้หลายคนคล้ายกับบุตรสุรุ่ยสุร่ายในอุทาหรณ์ของพระเยซู ซึ่งได้หนีออกจากบ้านและผลาญทรัพย์ที่ได้เป็นมรดกในดินแดนห่างไกล.—ลูกา 15:11-16.
2 แม้ว่าพยานพระยะโฮวาส่วนมากไม่มีปัญหานี้ แต่สำหรับคนที่ประสบปัญหานี้ ไม่มีคำปลอบโยนใด ๆ ที่ช่วยขจัดความโศกเศร้าให้หมดไปได้. และสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ สภาพไม่มีความสุขซึ่งเยาวชนที่ดื้อดึงนั้นอาจเผชิญ. ลึกลงไปข้างใน สติรู้สึกผิดชอบของเขาอาจรบกวนใจเขา. ในอุทาหรณ์ของพระเยซู บุตรสุรุ่ยสุร่าย “รู้สำนึกตัว” ในที่สุด ซึ่งนำความยินดีมาสู่บิดาของเขา. บิดามารดาและคนอื่น ๆ ในประชาคมจะสามารถช่วยเด็กที่หลงผิดให้ “รู้สำนึกตัว” ได้โดยวิธีใด?—ลูกา 15:17.
เหตุที่บางคนตัดสินใจละทิ้งความจริง
3. อะไรคือเหตุผลบางอย่างที่หนุ่มสาวบางคนตัดสินใจออกจากประชาคมคริสเตียนไป?
3 มีหนุ่มสาวหลายแสนคนรับใช้พระยะโฮวาอย่างมีความสุขในประชาคมคริสเตียน. ถ้าอย่างนั้น ทำไมหนุ่ม2 ติโมเธียว 4:10) หรือพวกเขาอาจคิดว่าคอกที่ให้การปกป้องแกะของพระยะโฮวานั้นเข้มงวดเกินไป. สติที่รู้สึกผิด, ความสนใจแรงกล้าในเพศตรงข้าม, หรือความปรารถนาจะได้รับการยอมรับจากคนรุ่นเดียวกัน อาจเป็นสาเหตุทำให้หนุ่มสาวลอยห่างไปจากฝูงแกะของพระยะโฮวา. เยาวชนบางคนอาจเลิกรับใช้พระเจ้าเพราะสิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็นความหน้าซื่อใจคดของบิดามารดาหรือคริสเตียนคนอื่น ๆ.
สาวบางคนจึงออกจากความจริงไป? พวกเขาอาจรู้สึกว่าเขาพลาดบางสิ่งที่โลกเสนอให้. (4. บ่อยครั้ง สาเหตุพื้นฐานที่ทำให้คนหนุ่มสาวหลงออกไปคืออะไร?
4 เจตคติและพฤติกรรมที่ขืนอำนาจของเด็กมักเป็นข้อบ่งชี้ถึงความอ่อนแอฝ่ายวิญญาณ และแสดงถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของเขา. (สุภาษิต 15:13; มัดธาย 12:34) ไม่ว่าเหตุผลที่เยาวชนหลงออกไปคืออะไร สาเหตุพื้นฐานของปัญหามักเป็นเพราะเขาไม่ได้รับเอา “ความรู้ถ่องแท้เกี่ยวกับความจริง.” (2 ติโมเธียว 3:7, ล.ม.) แทนที่จะเพียงแต่รับใช้พระยะโฮวาพอเป็นพิธี สำคัญที่คนหนุ่มสาวจะปลูกฝังสัมพันธภาพใกล้ชิดเป็นส่วนตัวกับพระองค์. อะไรจะช่วยพวกเขาให้ทำเช่นนั้น?
จงเข้าใกล้พระเจ้า
5. อะไรนับว่าจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อคนหนุ่มสาวจะปลูกฝังสัมพันธภาพเป็นส่วนตัวกับพระเจ้า?
5 สาวกยาโกโบเขียนไว้ว่า “จงเข้าใกล้พระเจ้า แล้วพระองค์จะทรงเข้าใกล้ท่านทั้งหลาย.” (ยาโกโบ 4:8, ล.ม.) เพื่อจะทำอย่างนั้น ผู้เยาว์ต้องได้รับการช่วยให้ปลูกฝังความชอบที่มีต่อพระคำของพระเจ้า. (บทเพลงสรรเสริญ 34:8) ในขั้นเริ่มแรก เขาจะต้องได้รับ “น้ำนม” ซึ่งก็คือคำสอนพื้นฐานในคัมภีร์ไบเบิล. แต่เมื่อเขามีความยินดีในพระคำของพระเจ้าและเริ่มชอบ “อาหารแข็ง” หรือข้อมูลฝ่ายวิญญาณที่ลึกซึ้ง ไม่ช้าเขาก็จะอาวุโสฝ่ายวิญญาณ. (เฮ็บราย 5:11-14; บทเพลงสรรเสริญ 1:2) เยาวชนคนหนึ่งซึ่งยอมรับว่าเขาเคยหมกมุ่นอยู่กับวิถีชีวิตแบบโลกเริ่มหยั่งรู้ค่าค่านิยมฝ่ายวิญญาณ. อะไรช่วยเขาให้หันกลับ? เมื่อได้รับข้อแนะให้อ่านคัมภีร์ไบเบิลทั้งเล่ม เขาทำตามโดยรักษาตารางเวลาการอ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำ. ใช่แล้ว การอ่านพระคำของพระเจ้าเป็นประจำนับว่าสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการปลูกฝังสายสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพระยะโฮวา.
6, 7. บิดามารดาจะช่วยบุตรให้พัฒนาความชอบต่อพระคำของพระเจ้าได้อย่างไร?
6 เป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ ที่บิดามารดาจะช่วยบุตรเพื่อปลูกฝังความรักต่อพระคำของพระเจ้า! แม้ว่ามีการศึกษากับครอบครัวเป็นประจำ เด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งได้เข้าไปคบหาสมาคมกับกลุ่มวัยรุ่นที่เสเพล. เธอเล่าเกี่ยวกับการศึกษาในครอบครัวว่า “เมื่อคุณพ่อถาม หนูก็เพียงแต่อ่านคำตอบ โดยไม่มองหน้าคุณพ่อด้วยซ้ำ.” แทนที่จะเพียงแต่พิจารณาเนื้อหาในระหว่างการศึกษากับครอบครัว บิดามารดาที่ฉลาดสุขุมใช้ศิลปะแห่งการสอน. (2 ติโมเธียว 4:2) เพื่อเยาวชนจะเพลิดเพลินกับการศึกษา เขาต้องรู้สึกว่าเรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับเขา. ทำไมไม่ใช้คำถามหยั่งทัศนะและเปิดโอกาสให้เขาเผยความรู้สึกออกมาล่ะ? จงสนับสนุนบุตรให้นำเรื่องที่ได้พิจารณาด้วยกันไปใช้จริง ๆ. *
7 นอกจากนั้น จงทำให้การพิจารณาพระคัมภีร์มีชีวิตชีวา. เมื่อเหมาะสม ให้เด็ก ๆ แสดงเป็นตัวละครต่าง ๆ ของเหตุการณ์และเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิล. ช่วยพวกเขาให้นึกภาพสถานที่และลักษณะของดินแดนซึ่งเกิดเหตุการณ์ที่กำลังพิจารณากันอยู่นั้น. การใช้แผนที่และแผนภูมิอาจช่วยได้. ถูกแล้ว โดยใช้จินตนาการสักเล็กน้อย การศึกษากับครอบครัวอาจมีชีวิตชีวาขึ้นมาและมีความหลากหลายขึ้น. บิดามารดาควรตรวจสอบสัมพันธภาพของตนกับพระยะโฮวาด้วย. เมื่อตัวเขาเองใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับพระยะโฮวา เขาก็จะสามารถช่วยบุตรให้ใกล้ชิดพระเจ้าเช่นเดียวกัน.—พระบัญญัติ 6:5-7.
8. การอธิษฐานช่วยคนเราให้เข้าใกล้ชิดพระเจ้าอย่างไร?
8 การอธิษฐานช่วยคนเราให้เข้าใกล้ชิดพระเจ้าด้วย. เด็กสาวคนหนึ่งซึ่งเพิ่งเข้าสู่วัยรุ่นรู้สึกสับสนไม่รู้จะเลือกทางไหนดี ระหว่างแนวทางชีวิตแบบคริสเตียนกับการคบหากับเพื่อนที่ไม่ได้มีความเชื่อเหมือนกับเธอ. (ยาโกโบ 4:4) เธอทำอย่างไรในเรื่องนี้? เธอสารภาพว่า “เป็นครั้งแรกเลยที่หนูอธิษฐานอย่างจริงจังถึงพระยะโฮวาว่าหนูรู้สึกอย่าง ไร.” เธอลงความเห็นว่าคำอธิษฐานของเธอได้รับคำตอบเมื่อในที่สุดเธอพบเพื่อนคนหนึ่งในประชาคมคริสเตียนซึ่งเธอสามารถไว้ใจและพูดคุยกัน. เมื่อรู้สึกว่าพระยะโฮวาทรงชี้นำเธอ เธอเริ่มสร้างสัมพันธภาพเป็นส่วนตัวกับพระเจ้า. บิดามารดาสามารถช่วยบุตรด้วยการปรับปรุงคุณภาพของคำอธิษฐานของเขาเอง. เมื่ออธิษฐานด้วยกันกับครอบครัว บิดามารดาสามารถระบายความรู้สึกจากหัวใจอย่างเต็มที่ เพื่อบุตรจะรู้สึกได้ถึงสายสัมพันธ์เป็นส่วนตัวระหว่างบิดามารดากับพระยะโฮวา.
จงอดทนแต่หนักแน่น
9, 10. พระยะโฮวาทรงวางตัวอย่างอะไรในการอดกลั้นทนนานกับชาวยิศราเอลที่ดื้อดึง?
9 เมื่อเยาวชนเริ่มจะลอยห่างไป เขาอาจพยายามแยกตัวและขัดขืนความพยายามใด ๆ ก็ตามของบิดามารดาที่จะพิจารณาสิ่งฝ่ายวิญญาณกับเขา. บิดามารดาอาจทำอะไรได้ในสถานการณ์ที่ทำให้ลำบากใจเช่นนี้? ขอให้พิจารณาว่าพระยะโฮวาทรงทำอย่างไรกับชาติยิศราเอลโบราณ. พระองค์ทรงอดกลั้นกับชนยิศราเอลที่ “คอแข็ง” นานกว่า 900 ปีก่อนจะทรงละทิ้งพวกเขาให้ดำเนินในแนวทางอันดื้อดึงของตน. (เอ็กโซโด 34:9; 2 โครนิกา 36:17-21; โรม 10:21) แม้ว่าพวกเขา ‘ทดลองพระองค์’ ครั้งแล้วครั้งเล่า พระยะโฮวา “ทรงพระกรุณา” พวกเขา. “พระองค์ทรงงดพิโรธเขาเป็นหลายครั้งหลายหนแล้ว, มิได้ให้พระพิโรธทั้งหมดพลุ่งขึ้น.” (บทเพลงสรรเสริญ 78:38-42) พระเจ้าทรงปราศจากข้อผิดพลาดในการติดต่อกับพวกเขา. บิดามารดาที่เปี่ยมด้วยความรักเลียนแบบอย่างพระยะโฮวาและอดทนเมื่อบุตรไม่ได้ตอบรับทันทีต่อความพยายามของตนเพื่อช่วยเขา.
10 การอดกลั้นทนนานหรือการมีความอดทนไม่ได้หมายความว่าให้ “ทนทุกข์นาน ๆ”; หากแต่หมายถึงการไม่ยอมล้มเลิกความหวังไปเสียทั้งหมดที่จะแก้ไขสายสัมพันธ์ที่มีปัญหาให้ดีขึ้น. พระยะโฮวาทรงวางตัวอย่างเกี่ยวกับวิธีที่จะอดกลั้นทนนาน. พระองค์ทรงริเริ่มโดยส่งผู้ส่งข่าวไปหาชนยิศราเอล “ครั้งแล้วครั้งเล่า.” พระยะโฮวา “ทรงรู้สึกสงสารต่อไพร่พลของพระองค์” แม้ว่า “เขาทั้งหลายเยาะเย้ยผู้ส่งข่าวของพระเจ้าเที่ยงแท้อยู่เนือง ๆ และหมิ่นคำโอวาทของพระองค์.” (2 โครนิกา 36:15, 16, ล.ม.) พระองค์ทรงวิงวอนชนยิศราเอลโดยตรัสว่า “ทุกคนโปรดหันกลับจากทางชั่วของตน . . . เถิด.” (ยิระมะยา 25:4, 5, ล.ม.) ถึงกระนั้น พระยะโฮวาไม่ประนีประนอมหลักการอันชอบธรรมของพระองค์. ชนยิศราเอลได้รับพระบัญชาให้ “หันกลับ” มาหาพระเจ้าและดำเนินในแนวทางของพระองค์.
11. บิดามารดาจะแสดงความอดกลั้นทนนานแต่ก็หนักแน่นได้อย่างไรในการปฏิบัติต่อบุตรที่หันเหออกไป?
11 บิดามารดาสามารถเลียนแบบอย่างของพระยะโฮวาเกี่ยวกับการอดกลั้นทนนานโดยไม่ด่วนสิ้นหวังในตัวบุตรที่หันเหออกไป. โดยไม่สิ้นหวังไปเสียก่อน พวกเขาสามารถริเริ่มที่จะรักษาเส้นทางแห่งการสื่อความไว้ให้เปิดกว้างหรือรื้อฟื้นการสื่อความกับบุตร. ในขณะที่ยึดมั่นอยู่กับหลักการอันชอบธรรม พวกเขาสามารถวิงวอนบุตร “ครั้งแล้วครั้งเล่า” ให้หันกลับสู่ทางแห่งความจริง.
เมื่อผู้เยาว์ถูกตัดสัมพันธ์
12. บิดามารดามีหน้าที่รับผิดชอบอะไรต่อผู้เยาว์ซึ่งอาศัยอยู่กับเขาแต่ถูกตัดสัมพันธ์จากประชาคม?
12 จะว่าอย่างไรหากผู้เยาว์ซึ่งอาศัยอยู่กับบิดามารดาได้ทำผิดร้ายแรงและเนื่องจากมีเจตคติไม่ยอมกลับใจจึงถูกตัดสัมพันธ์จากประชาคม? เนื่องจากเด็กนั้นอาศัยอยู่กับบิดามารดา พวกเขาจึงยังคงมีหน้าที่รับผิดชอบที่จะอบรมสั่งสอนบุตรนั้นตามพระคำของพระเจ้า. จะทำเช่นนี้ได้อย่างไร?—สุภาษิต 6:20-22; 29:17.
13. บิดามารดาอาจพยายามทำอย่างไรเพื่อเข้าถึงหัวใจบุตรที่ทำผิด?
13 เป็นไปได้—ที่จริง ดีที่สุด—ที่จะให้การอบรมสั่งสอนเช่นนั้นในระหว่างการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลด้วยกันเป็นส่วนตัว. บิดาหรือมารดาต้องมองให้ทะลุท่าทีอันแข็งกระด้างของบุตร และพยายามมองให้เห็นสิ่งที่อยู่ในหัวใจของเขา. ความเจ็บป่วยฝ่ายวิญญาณของเขากินขอบเขตถึงขนาดไหน? (สุภาษิต 20:5) จะเข้าถึงส่วนที่อ่อนโยนของหัวใจเขาได้ไหม? พระคัมภีร์ข้อใดที่อาจใช้ได้ผล? อัครสาวกเปาโลรับรองกับเราว่า “พระคำของพระเจ้ามีชีวิตและทรงพลัง และคมกว่าดาบสองคม และแทงทะลุกระทั่งแยกจิตวิญญาณและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก ทั้งสามารถสังเกตเข้าใจความคิดและความมุ่งหมายแห่งหัวใจ.” (เฮ็บราย 4:12, ล.ม.) ถูกแล้ว บิดามารดาสามารถทำได้ไม่เพียงแต่บอกบุตรว่าอย่าทำผิดอีก. สิ่งที่เขาอาจทำได้คือ พยายามริเริ่มและทำอะไรบางอย่างเพื่อสนับสนุนกระบวนการเยียวยารักษา.
14. ขั้นตอนแรกที่ผู้เยาว์ซึ่งทำผิดควรทำเพื่อฟื้นสัมพันธภาพกับพระยะโฮวาคืออะไร และบิดามารดาจะช่วยบุตรได้โดยวิธีใดให้ทำตามขั้นตอนดังกล่าว?
14 เยาวชนที่ทำผิดจำเป็นต้องฟื้นสัมพันธภาพของเขากับพระยะโฮวา. ขั้นตอนแรกที่เขาต้องทำคือ “กลับใจ และหันกลับ.” (กิจการ 3:19, ล.ม., ยะซายา 55:6, 7) ในการช่วยเยาวชนซึ่งอยู่ที่บ้านให้กลับใจ บิดามารดาต้อง ‘เหนี่ยวรั้งตัวไว้ภายใต้สภาพการณ์ที่ไม่ดี, สั่งสอนบุตรที่มีแนวโน้มไม่ยินดีรับนั้นด้วยใจอ่อนโยน.’ (2 ติโมเธียว 2:24-26, ล.ม.) บิดามารดาจำเป็นต้อง “ว่ากล่าว” บุตรตามความหมายในคัมภีร์ไบเบิล. คำภาษากรีกซึ่งแปลในที่นี้ว่า “ว่ากล่าว” อาจแปลได้ด้วยว่า “เสนอพยานหลักฐานที่ชัดเจน.” (วิวรณ์ 3:19; โยฮัน 16:8, ล.ม.) ด้วยเหตุนั้น การว่ากล่าวจึงรวมถึงการให้หลักฐานอย่างเพียงพอเพื่อให้บุตรเชื่อว่าแนวทางที่เขาดำเนินนั้นผิด. ต้องยอมรับว่า การทำเช่นนี้ไม่ง่าย. ในที่ใดก็ตามที่ทำได้ บิดามารดาสามารถกระตุ้นหัวใจบุตร โดยใช้ทุกวิธีที่เหมาะสมตามหลักพระคัมภีร์เพื่อโน้มน้าวเขา. บิดามารดาควรพยายามช่วยเขาให้เข้าใจถึงความจำเป็นที่จะ “ชังความชั่วแลรักความดี.” (อาโมศ 5:15) เขาอาจ “ได้สติอีกพ้นจากบ่วงแร้วของมาร.”
15. การอธิษฐานมีบทบาทเช่นไรในการฟื้นสัมพันธภาพของผู้ทำผิดกับพระยะโฮวา?
15 ในการฟื้นสัมพันธภาพกับพระยะโฮวา การอธิษฐานเป็นสิ่งที่จะขาดเสียไม่ได้. แน่นอน ไม่มีใครควร “ทูลขอ” ในเรื่องบาปอันโจ่งแจ้งที่ใครก็ตามซึ่งเคยสมทบกับประชาคมคริสเตียนได้ทำและเห็นได้ชัดว่าไม่มีการกลับใจ. (1 โยฮัน 5:16, 17; ยิระมะยา 7:16-20; เฮ็บราย 10:26, 27) ถึงกระนั้น บิดามารดาสามารถทูลขอให้พระยะโฮวาประทานสติปัญญาแก่ตนเพื่อจะรับมือสถานการณ์. (ยาโกโบ 1:5) หาก เยาวชนที่ถูกตัดสัมพันธ์แสดงหลักฐานของการกลับใจแต่ไม่ “มีความมั่นใจที่จะเข้าเฝ้าพระเจ้า” บิดามารดาอาจอธิษฐานว่าหากพระเจ้าทรงเห็นสมควรจะให้อภัยความผิดของบุตร ก็ขอให้เป็นไปตามพระทัยประสงค์อย่างนั้น. (1 โยฮัน 3:21, ฉบับแปลใหม่) การได้ยินคำอธิษฐานอย่างนี้น่าจะช่วยผู้เยาว์นั้นให้เห็นว่าพระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา. *—เอ็กโซโด 34:6, 7; ยาโกโบ 5:16.
16. เราจะช่วยคนในครอบครัวของผู้เยาว์ที่ถูกตัดสัมพันธ์ได้โดยวิธีใด?
16 หากผู้เยาว์ที่รับบัพติสมาแล้วถูกตัดสัมพันธ์ เป็นที่คาดหมายว่าสมาชิกของประชาคมจะ “เลิกคลุกคลีกับ” เขา. (1 โกรินโธ 5:11, ล.ม.; 2 โยฮัน 10, 11) การปฏิบัติต่อเขาอย่างนี้อาจช่วยเขาให้ “รู้สำนึกตัว” และกลับสู่คอกที่ให้การปกป้องแกะของพระเจ้าในที่สุด. (ลูกา 15:17) แต่ไม่ว่าเขาจะกลับมาหรือไม่ สมาชิกของประชาคมสามารถหนุนกำลังใจครอบครัวของผู้เยาว์ที่ถูกตัดสัมพันธ์. เราทุกคนสามารถหาโอกาสแสดง “ความเห็นอกเห็นใจ” และ “ความเมตตารักใคร่อันอ่อนละมุน” ต่อพวกเขา.—1 เปโตร 3:8, 9, ล.ม.
วิธีที่ผู้อื่นจะช่วยได้
17. สมาชิกของประชาคมควรจำอะไรไว้เสมอเมื่อพยายามช่วยเด็กที่กำลังจะหลงไปในทางผิด?
17 จะว่าอย่างไรสำหรับผู้เยาว์ที่ไม่ได้ถูกตัดสัมพันธ์จากประชาคมคริสเตียน แต่ว่าเริ่มอ่อนลงในความเชื่อ? อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “ถ้าอวัยวะอันหนึ่งเจ็บ, อวัยวะทั้งปวงก็พลอยเจ็บด้วยกัน.” (1 โกรินโธ 12:26) คนอื่นอาจแสดงความเอาใจใส่สนใจในผู้เยาว์ที่เป็นเช่นนั้น. แน่นอน จำเป็นต้องระมัดระวัง เนื่องจากผู้เยาว์ที่ป่วยฝ่ายวิญญาณอาจก่อผลเสียหายต่อเยาวชนคนอื่น ๆ. (ฆะลาเตีย 5:7-9) ในประชาคมหนึ่ง พวกผู้ใหญ่ที่ปรารถนาดีซึ่งต้องการช่วยเยาวชนบางคนที่เริ่มอ่อนแอฝ่ายวิญญาณได้ชวนพวกเขามาเล่นดนตรีซึ่งเป็นที่นิยมทั่วไปด้วยกัน. แม้ว่าเยาวชนเหล่านี้เต็มใจทำตามและชอบการร่วมสังสรรค์กันเช่นนั้น แต่อิทธิพลที่มีต่อกันได้นำพวกเขาให้ตัดตัวเองจากประชาคมในที่สุด. (1 โกรินโธ 15:33; ยูดา 22, 23) สิ่งที่อาจช่วยเยียวยาบุตรที่ป่วยฝ่ายวิญญาณได้ไม่ใช่การสังสรรค์ที่ไม่มุ่งในทางสิ่งฝ่ายวิญญาณ หากแต่เป็นการคบหาสมาคมที่ช่วยเขาให้ปลูกฝังความชอบต่อสิ่งฝ่ายวิญญาณ. *
18. เราจะเลียนแบบเจตคติของบิดาบุตรสุรุ่ยสุร่ายในอุทาหรณ์ของพระเยซูได้อย่างไร?
ลูกา 15:18-20, 25-32) วัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งออกจากประชาคมคริสเตียนไปและในภายหลังได้เข้าร่วมการประชุมภาคกล่าวว่า “ผมคิดว่าทุกคนคงไม่อยากจะสนใจคนอย่างผม แต่พี่น้องทั้งชายและหญิงเข้ามาหาผมและทักทายต้อนรับผม. ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมาก.” เขาเริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอีกครั้งและรับบัพติสมาในเวลาต่อมา.
18 เมื่อเยาวชนคนหนึ่งซึ่งได้ออกจากประชาคมไปกลับมาที่หอประชุมราชอาณาจักรหรือเข้าร่วมการประชุมใหญ่ ขอให้นึกดูซิว่าเขาคงรู้สึกอย่างไร. เราควรแสดงเจตคติยินดีต้อนรับแบบเดียวกับบิดาในอุทาหรณ์ของพระเยซูเรื่องบุตรสุรุ่ยสุร่ายมิใช่หรือ? (อย่าเลิกรา
19, 20. เหตุใดเราควรรักษาเจตคติในแง่บวกไว้เสมอเกี่ยวกับบุตรผู้หลงผิด?
19 การช่วยบุตร “สุรุ่ยสุร่าย” ให้ “รู้สำนึกตัว” จำเป็นต้องอดทนและอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับบิดามารดาและคนอื่น ๆ. แต่อย่าเลิกรา. “องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในคำสัญญาของพระองค์, เหมือนบางคนคิดว่าช้านั้น แต่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายเป็นช้านาน, ไม่ทรงประสงค์จะให้คนหนึ่งคนใดพินาศเลย, แต่ทรงปรารถนาจะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่.” (2 เปโตร 3:9) เราได้รับคำรับรองจากพระคัมภีร์ว่าพระยะโฮวาทรงประสงค์ให้ผู้คนกลับใจและมีชีวิต. ที่จริง พระองค์ได้ทรงริเริ่มในการจัดเตรียมให้มนุษย์กลับคืนดีกับพระองค์. (2 โกรินโธ 5:18, 19) ความอดทนของพระองค์ทำให้เป็นไปได้ที่หลายล้านคนจะรู้สำนึกตัว.—ยะซายา 2:2, 3.
20 ดังนั้น บิดามารดาควรใช้ทุกวิธีตามหลักพระคัมภีร์เท่าที่เป็นไปได้เพื่อช่วยบุตรที่หลงผิดให้รู้สำนึกตัวมิใช่หรือ? โดยเลียนแบบอย่างพระยะโฮวา จงอดกลั้นทนนานขณะที่คุณพยายามทำในสิ่งที่ทำได้เพื่อช่วยบุตรให้กลับมาหาพระยะโฮวา. จงยึดมั่นอยู่กับหลักการในคัมภีร์ไบเบิล และพยายามสะท้อนคุณลักษณะของพระยะโฮวา คือความรัก, ความยุติธรรม, และสติปัญญา ขณะเดียวกันก็อธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระองค์. เช่นเดียวกับผู้ขืนอำนาจที่ใจแข็งกระด้างหลายคนได้ตอบรับคำเชิญด้วยความรักของพระยะโฮวาให้กลับมา บุตรผู้หลงผิดของคุณก็อาจกลับคืนสู่คอกที่ให้การปกป้องแกะของพระเจ้า.—ลูกา 15:6, 7.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 6 สำหรับข้อแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีสอนคนหนุ่มสาวอย่างมีประสิทธิภาพ โปรดดูหอสังเกตการณ์ ฉบับ 1 กรกฎาคม 1999 หน้า 13-17.
^ วรรค 15 จะไม่มีการอธิษฐานเช่นนั้นเพื่อผู้ถูกตัดสัมพันธ์ ณ การประชุมคริสเตียน เพราะคนอื่น ๆ อาจไม่ทราบสภาพของผู้ถูกตัดสัมพันธ์.—ดูหอสังเกตการณ์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับ 15 ตุลาคม 1979 หน้า 31.
^ วรรค 17 สำหรับข้อเสนอแนะโดยเฉพาะเจาะจง โปรดดูตื่นเถิด! ฉบับ 8 ตุลาคม 1996 หน้า 21-23; ฉบับ 22 มิถุนายน 1972 (ภาษาอังกฤษ) หน้า 13-16.
คุณจำได้ไหม?
• สาเหตุพื้นฐานของปัญหาอาจได้แก่อะไรเมื่อเยาวชนออกจากประชาคมไป?
• คนหนุ่มสาวอาจได้รับความช่วยเหลือโดยวิธีใดเพื่อปลูกฝังสัมพันธภาพเป็นส่วนตัวกับพระยะโฮวา?
• เหตุใดบิดามารดาจำเป็นต้องอดกลั้นทนนานแต่ก็หนักแน่นในการช่วยบุตรผู้หลงผิด?
• คนที่อยู่ในประชาคมเดียวกันอาจทำอย่างไรได้บ้างเพื่อช่วยเยาวชนผู้หลงผิดให้กลับมา?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 15]
การอ่านพระคำของพระเจ้าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการปลูกฝังสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระยะโฮวา
[ภาพหน้า 15]
คำอธิษฐานที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกจากหัวใจของบิดามารดาสามารถช่วยบุตรให้รู้สึกได้ถึงสายสัมพันธ์เป็นส่วนตัวระหว่างบิดามารดากับพระยะโฮวา
[ภาพหน้า 17]
จงทักทายต้อนรับเยาวชนผู้หลงผิดเมื่อเขา “รู้สำนึกตัว”
[ภาพหน้า 18]
จงพยายามทำในสิ่งที่ทำได้เพื่อช่วยบุตรให้กลับมาหาพระยะโฮวา