ผู้สอนพระคำของพระเจ้าได้รับการกระตุ้นให้ทำหน้าที่มอบหมายให้สำเร็จ
ผู้สอนพระคำของพระเจ้าได้รับการกระตุ้นให้ทำหน้าที่มอบหมายให้สำเร็จ
ผู้สอนหลายแสนคนได้ประชุมร่วมกันเพื่อรับคำแนะนำเมื่อไม่นานมานี้. เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว พวกเขาได้ชุมนุมกัน ณ การประชุมภาคของพยานพระยะโฮวา “ผู้สอนพระคำของพระเจ้า” หลายร้อยแห่งทั่วโลก. บรรดาผู้ร่วมประชุมได้รับการกระตุ้นให้สอนตัวเองเพื่อบรรลุคุณวุฒิมากขึ้น และทำหน้าที่มอบหมายในการเป็นผู้สอนให้สำเร็จ.
คุณเข้าร่วมการประชุมภาคนี้แห่งใดแห่งหนึ่งไหม? ถ้าคุณได้เข้าร่วม ไม่ต้องสงสัย คุณคงจะรู้สึกขอบคุณเมื่อมีการแจกจ่ายอาหารฝ่ายวิญญาณที่ดี ณ การประชุมเพื่อการนมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าองค์เที่ยงแท้. ตอนนี้ ขอเราทบทวนด้วยกันเกี่ยวด้วยระเบียบวาระการประชุมภาคที่ให้การสั่งสอนชี้นำ.
วันแรก—พระคัมภีร์ซึ่งมีขึ้นโดยการดลใจเป็นประโยชน์เพื่อการสั่งสอน
ประธานการประชุมภาคกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมด้วยความอบอุ่นโดยคำบรรยายเรื่อง “ท่านทั้งหลายผู้สอนพระคำของพระเจ้า จงรับการสอน.” เนื่องจากได้เรียนจากพระยะโฮวา “พระบรมครู” พระเยซูคริสต์จึงกลายเป็นครูผู้ยิ่งใหญ่. (ยะซายา 30:20, ล.ม.; มัดธาย 19:16) หากเราจะก้าวหน้าในฐานะผู้สอนพระคำของพระเจ้า เราจำต้องรับการสอนจากพระยะโฮวาเช่นเดียวกัน.
ต่อมาเป็นส่วน “การสอนเรื่องราชอาณาจักรบังเกิดผลดี.” เมื่อมีการสัมภาษณ์ผู้สอนพระคำของพระเจ้าซึ่งมีประสบการณ์ มีการเน้นให้เห็นถึงความชื่นชมยินดีและพระพรอันเนื่องมาจากการสอนผู้คนเป็นสาวก.
กิจการ 2:11, ล.ม.) พวกเราเช่นกัน สามารถปลุกเร้าผู้คนให้ลงมือปฏิบัติโดยที่เราป่าวประกาศถึง “ราชกิจอันยิ่งใหญ่” ต่าง ๆ เช่น คำสอนที่มาจากพระคัมภีร์เกี่ยวด้วยค่าไถ่, การกลับเป็นขึ้นจากตาย, และสัญญาไมตรีใหม่.
จากนั้นเป็นคำบรรยายที่ปลุกเร้าใจภายใต้หัวข้อเรื่อง “ได้รับการกระตุ้นจาก ‘ราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า.’” ในศตวรรษแรก “ราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า” เกี่ยวข้องกับราชอาณาจักรของพระเจ้านั้นได้ปลุกเร้าผู้คนให้ลงมือปฏิบัติ. (คำบรรยายถัดมาสนับสนุนทุกคนที่จะ “ประสบความยินดีในความชอบธรรมของพระยะโฮวา.” (บทเพลงสรรเสริญ 35:27) เราได้รับการช่วยเหลือให้แสวงความชอบธรรมโดยเรียนรู้ที่จะรักสิ่งถูกต้องชอบธรรมและเกลียดสิ่งชั่ว, โดยการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล, โดยการต้านทานอิทธิพลที่เป็นอันตรายต่อฝ่ายวิญญาณอย่างแข็งขัน, และโดยการปลูกฝังความถ่อมใจ. ขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยป้องกันเราไว้จากการคบหาสมาคมที่ไม่ดี, จากคตินิยมด้านวัตถุของโลก และจากการบันเทิงที่เน้นความรุนแรงและการผิดศีลธรรม.
คำปราศรัยสำคัญเรื่อง “ถูกเตรียมไว้พร้อมฐานะผู้สอนพระคำของพระเจ้า” เตือนใจเราว่าพระยะโฮวาทรงทำให้เราเป็นผู้รับใช้ที่มีคุณวุฒิโดยพระคำของพระองค์, พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์, และองค์การของพระองค์บนแผ่นดินโลก. ในเรื่องของการใช้พระคำของพระเจ้า ผู้บรรยายแนะนำว่า “เป้าหมายของเราก็คือหยิบยกข่าวสารของคัมภีร์ไบเบิลขึ้นมาจากหน้ากระดาษและประทับข่าวสารนั้นเข้าไว้ในหัวใจผู้ฟัง.”
ชุดคำบรรยายแรกของการประชุมภาคชื่อ “การสอนตัวเราเองขณะที่สอนคนอื่น.” ส่วนแรกเน้นว่าเราพึงปฏิบัติสอดคล้องกับมาตรฐานศีลธรรมอันสูงส่งแบบคริสเตียนตามที่เราสอนคนอื่น. ส่วนถัดจากนั้นเตือนเราให้ “ใช้คำแห่งความจริงอย่างถูกต้อง.” (2 ติโมเธียว 2:15, ล.ม.) การจะสอนตัวเอง จำเป็นที่เราต้องขยันขันแข็งศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นส่วนตัวและสม่ำเสมอ ไม่ว่าเราได้รับใช้พระเจ้ามานานเพียงใดแล้วก็ตาม. ส่วนสุดท้ายของชุดคำบรรยายนี้ชี้ให้เห็นว่าพญามารกำลังจ้องเราอยู่เพื่อดูว่าเรามีเจตคติเหล่านี้หรือไม่ เช่น ความหยิ่ง, น้ำใจเอกเทศ, การถือว่าตนเองสำคัญ, ความอิจฉาริษยา, ความอาฆาตแค้น, ความขุ่นเคือง, และการชอบจับผิด. อย่างไรก็ตาม ถ้าเราต่อต้านพญามารอย่างจริงจัง มารจะหนีไปจากเรา. ที่จะต่อต้านพญามาร เราจำต้องเข้าใกล้พระเจ้า.—ยาโกโบ 4:7, 8.
คำบรรยายที่เหมาะกับเวลาคือ “จงเกลียดชังสื่อลามกฮะบาฆูค 1:13) พวกเราควร “เกลียดชังสิ่งที่ชั่ว.” (โรม 12:9) บิดามารดาได้รับคำแนะนำให้ติดตามควบคุมบุตรของตนในการใช้อินเทอร์เน็ตและการดูโทรทัศน์. ผู้บรรยายกล่าวว่า คนเหล่านั้นซึ่งรู้สึกติดใจและชอบสื่อลามก ควรขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่อาวุโสฝ่ายวิญญาณ. นอกจากนั้นคงเป็นประโยชน์อีกด้วยที่จะคิดรำพึงและจดจำข้อคัมภีร์ต่าง ๆ อาทิ บทเพลงสรรเสริญ 97:10; มัดธาย 5:28; 1 โกรินโธ 9:27; เอเฟโซ 5:3, 12; โกโลซาย 3:5; และ 1 เธซะโลนิเก 4:4, 5.
ที่เป็นภัย” ชี้ให้เราเห็นวิธีจัดการอย่างได้ผลเมื่อเกิดการคุกคามซึ่งบั่นทอนกำลังฝ่ายวิญญาณของเรา. ผู้พยากรณ์ฮะบาฆูคกล่าวถึงพระยะโฮวาดังนี้: “พระเนตรของพระองค์อันบริสุทธิ์จะแลดูการชั่ว, แลจะพินิจเห็นตามความเบียดเบียนประทุษร้ายก็ไม่ได้.” (ต่อจากนั้น คำบรรยายที่มีชื่อเรื่อง “ให้สันติสุขแห่งพระเจ้าปกป้องคุณ” ชูใจเราด้วยคำรับรองว่าเมื่อเราเป็นทุกข์เนื่องด้วยความวิตกกังวล เราสามารถฝากความทุกข์กังวลนั้นไว้กับพระยะโฮวา. (บทเพลงสรรเสริญ 55:22) หากเราอธิษฐานเผยความในใจอย่างไม่อั้น พระยะโฮวาจะประทาน “สันติสุขแห่งพระเจ้า” คือความสงบเยือกเย็นและความสุขใจเนื่องจากเรามีสัมพันธภาพล้ำค่ากับพระองค์.—ฟิลิปปอย 4:6, 7.
การประชุมวันแรกจบลงด้วยคำบรรยายที่ยังความเบิกบานใจเป็นพิเศษ “พระยะโฮวาทรงตกแต่งไพร่พลของพระองค์ด้วยความสว่าง” ซึ่งอธิบายความสำเร็จเป็นจริงของพระธรรมยะซายาบท 60. ท่ามกลางความมืดที่แผ่คลุมโลกในปัจจุบัน “คนต่างชาติ” คือชนฝูงใหญ่ที่เปรียบเสมือนแกะได้รับความสว่างจากพระยะโฮวาร่วมกับคริสเตียนผู้ถูกเจิม. เมื่ออ้างถึงข้อ 19 และ 20 ผู้บรรยายได้ชี้แจงว่า “พระยะโฮวาจะไม่ ‘ตก’ เหมือนดวงอาทิตย์ หรือเป็นเหมือนดวงจันทร์ ‘ข้างแรม.’ พระองค์จะทรงตกแต่งไพร่พลของพระองค์ต่อ ๆ ไปด้วยการฉายความสว่างแก่พวกเขา. ช่างเป็นคำรับรองที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ สำหรับพวกเราขณะที่เราดำเนินชีวิตในสมัยสุดท้ายแห่งโลกอันมืดมนนี้!” ในตอนจบคำบรรยาย ผู้บรรยายได้ประกาศการออกหนังสือเล่มใหม่ คำพยากรณ์ของยะซายา—ความสว่างสำหรับมวลมนุษยชาติ เล่มสอง (ภาษาอังกฤษ). คุณอ่านหนังสือเล่มใหม่นี้จบหรือยัง?
วันที่สอง—มีคุณวุฒิพอที่จะสอนคนอื่น
ภายหลังการพิจารณาข้อคัมภีร์ประจำวันในวันที่สองของการประชุมภาค เราตั้งใจจดจ่อฟังคำบรรยายชุดที่สอง “ผู้รับใช้ซึ่งช่วยคนอื่นให้เข้ามาเป็นผู้เชื่อถือ.” ผู้มีส่วนบรรยายชุดสามเรื่องนี้ได้เน้นแต่ละขั้นตอนในการช่วยผู้คนให้เป็นผู้เชื่อถือ ซึ่งสามขั้นตอนได้แก่การเผยแพร่ข่าวสารเรื่องราชอาณาจักร, การเอาใจใส่ดูแลเมื่อเห็นท่าทีแสดงความสนใจ, และการสอนคนสนใจให้ถือรักษาสิ่งที่พระคริสต์ได้บัญชา. โดยการสัมภาษณ์และการสาธิตจากประสบการณ์จริง เราสามารถมองเห็นวิธีการสอนเฉพาะอย่างซึ่งเราสามารถสอนคนอื่นให้เข้ามาเป็นสาวก.
ต่อจากนั้นเป็นคำบรรยายเรื่อง “จงเพิ่มความเพียรอดทนด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้า.” ผู้บรรยายได้ชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่สำคัญในที่สุดก็คือการ “อดทนจนถึงที่สุด.” (มัดธาย 24:13, ล.ม.) เราควรใช้การจัดเตรียมทุกอย่างที่พระเจ้าทรงประทานให้เราเพื่อเสริมสร้างความเลื่อมใสในพระเจ้า อันได้แก่ การอธิษฐาน, การศึกษาส่วนตัว, การประชุม, และงานรับใช้. เราต้องป้องกันไม่ให้ความปรารถนาและกิจกรรมต่าง ๆ แบบโลกแทรกซึมเข้ามาบ่อนทำลายความเลื่อมใสของเราต่อพระเจ้า.
ทุกวันนี้ผู้คนที่ตรากตรำทำงานและแบกภาระหนักจะหาความสดชื่นได้อย่างไร? คำบรรยายชื่อ “ประสบความสดชื่นเมื่อเข้ามาอยู่ใต้แอกของพระคริสต์” ตอบคำถามนี้. พระเยซูทรงเชิญบรรดาสาวกด้วยพระทัยกรุณาให้เข้ามาอยู่ใต้แอกของพระองค์และเรียนจากพระองค์. (มัดธาย 11:28-30) เราสามารถเข้ามาอยู่ใต้แอกนี้ โดยติดตามตัวอย่างการดำเนินชีวิตของพระองค์อย่างใกล้ชิด ซึ่งก็เป็นชีวิตที่เรียบง่าย และสมดุล. จุดสำคัญของคำบรรยายนี้ได้รับการเสริมให้เด่นชัดด้วยการสัมภาษณ์คนเหล่านั้นที่จัดชีวิตความเป็นอยู่ของตนให้เรียบง่าย.
จุดเด่นประการหนึ่งจากการประชุมใหญ่ของพยานพระยะโฮวาคือการรับบัพติสมาของผู้รับใช้ที่เพิ่งอุทิศตัวแด่พระเจ้า. ผู้บรรยายเรื่อง “การรับบัพติสมานำไปสู่สิทธิพิเศษเพิ่มขึ้นในการสอน” กล่าวต้อนรับผู้ประสงค์จะรับบัพติสมาอย่างอบอุ่นและได้เชิญพวกเขาให้มีส่วนร่วมในสิทธิพิเศษแห่งงานรับใช้ที่เพิ่มขึ้น. ผู้สอนพระคำของพระเจ้าซึ่งเพิ่งรับบัพติสมาและมีคุณวุฒิเหมาะสมตามหลักการของคัมภีร์ไบเบิลย่อมสามารถจะบากบั่นเพื่อให้ได้มาซึ่งหน้าที่รับผิดชอบต่าง ๆ หลายอย่างในประชาคม.
“จงเลียนแบบครูผู้ยิ่งใหญ่” เป็นชื่อคำบรรยายแรกในช่วงบ่าย. พระเยซูทรงเฝ้าสังเกตอย่างถี่ถ้วนและเลียนแบบพระบิดาของพระองค์ตลอดเวลาอันยาวนานที่อยู่ในสวรรค์ ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงมาเป็นครูผู้ยิ่งใหญ่. ขณะดำเนินชีวิตบนแผ่นดินโลก พระองค์ทรงใช้เทคนิคการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเช่น คำถามที่กระทบความรู้สึกและการใช้ตัวอย่างประกอบง่าย ๆ แต่ชัดเจน. พระเยซูใช้พระคำของพระเจ้าเป็นหลักและสอนด้วยความกระตือรือร้น, ความอบอุ่น, และอย่างผู้มีอำนาจ. พวกเราไม่รู้สึกอยากจะเลียนแบบครูผู้ยิ่งใหญ่เชียวหรือ?
คำบรรยายที่เร้าใจอีกเรื่องหนึ่ง “คุณเต็มใจรับใช้ผู้อื่นไหม?” สนับสนุนเราให้เลียนแบบพระเยซูในการรับใช้ผู้อื่น. (โยฮัน 13:12-15) ผู้บรรยายกระตุ้นบรรดาผู้ชายที่มีคุณวุฒิให้เอาอย่างติโมเธียวที่ฉวยโอกาสช่วยเหลือผู้อื่น. (ฟิลิปปอย 2:20, 21) บิดามารดาได้รับการกระตุ้นให้เอาอย่างเอ็ลคานาและฮันนาด้วยการช่วยลูกของตนให้มุ่งเอางานรับใช้เต็มเวลา. และหนุ่มสาวได้รับคำแนะนำให้ติดตามตัวอย่างของพระเยซูคริสต์และชายหนุ่มติโมเธียวผู้ซึ่งเต็มใจสละตนเองทำงานรับใช้. (1 เปโตร 2:21) คำกล่าวของคนเหล่านั้นที่ใช้ประโยชน์จากโอกาสต่าง ๆ เพื่อรับใช้ผู้อื่นได้กระตุ้นหนุนใจเราเช่นเดียวกัน.
สาระสำคัญของคำบรรยายชุดที่สามคือ “รับประโยชน์เต็มที่ยิ่งขึ้นจากการศึกษาตามระบอบของพระเจ้า.” ผู้บรรยายคนแรกเน้นความสำคัญของการยืดช่วงสมาธิให้นานขึ้น. ที่จะสำเร็จตามเป้าหมายนั้น เราอาจเริ่มกับการศึกษาส่วนตัวที่ใช้เวลาช่วงสั้น ๆ แล้วพยายามยืดเวลาให้นานขึ้น. นอกจากนั้น ผู้บรรยายได้สนับสนุนผู้ฟังให้เปิดอ่านข้อคัมภีร์และจดบันทึกระหว่างการประชุมวาระต่าง ๆ. ผู้บรรยายที่สองกระตุ้นพวกเราให้ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะยึดถือ “แบบแผนแห่งถ้อยคำที่ก่อประโยชน์.” (2 ติโมเธียว 1:13, 14, ล.ม.) เพื่อป้องกันตัวเองจากสื่อที่นำเสนอสิ่งต่าง ๆ อย่างไร้ศีลธรรม, ปรัชญาของมนุษย์, การวิพากษ์วิจารณ์, และคำสอนของพวกออกหาก เราจำต้องใช้ประโยชน์เต็มที่จากเวลาที่เรามีอยู่เพื่อการศึกษาส่วนตัวและการเข้าร่วมประชุม. (เอเฟโซ 5:15, 16) ผู้บรรยายสุดท้ายของชุดคำบรรยายนี้ได้เน้นความจำเป็นที่พึงปฏิบัติตามสิ่งที่ได้เรียนรู้ เพื่อว่าเราจะรับประโยชน์เต็มที่จากการศึกษาตามระบอบของพระเจ้า.—ฟิลิปปอย 4:9.
เราตื่นเต้นมากปานใดที่ได้ฟังคำบรรยายเรื่อง “การจัดเตรียมใหม่เพื่อความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณของเรา”! เรา
ดีใจเมื่อได้รู้ว่าอีกไม่นานจะมีการพิมพ์หนังสือเล่มใหม่ที่ชื่อการรับประโยชน์จากโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้า. เมื่อผู้บรรยายบอกคร่าว ๆ ถึงเนื้อหาของหนังสือ พวกเราต่างก็ปรารถนาอย่างยิ่งที่จะได้หนังสือนี้. ผู้บรรยายพูดถึงส่วนหนึ่งในหนังสือในเรื่องลักษณะการพูดที่ต้องเอาใจใส่ ว่า “หนังสือคู่มือใหม่นี้ไม่ได้เขียนตามอย่างตำราทั่ว ๆ ไปเมื่อเสนอ 53 แง่มุมเกี่ยวกับการอ่าน, การพูด, และการสอนที่ดี. การเรียบเรียงได้อาศัยหลักพระคัมภีร์.” หนังสือนี้แสดงให้เห็นว่าบรรดาผู้พยากรณ์, พระเยซู, และสาวกทั้งหลายของพระองค์ได้สำแดงทักษะการสอนที่ดีอย่างไร. ใช่แล้ว ตำราเล่มนี้พร้อมด้วยลักษณะใหม่ของโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้าจะช่วยเราเป็นผู้สอนพระคำของพระเจ้าที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน.วันที่สาม—จงเป็นครูเมื่อคำนึงถึงเวลา
วันสุดท้าย ภายหลังการพิจารณาข้อคัมภีร์ประจำวัน ทุกคนได้ตั้งใจจดจ่อฟังคำบรรยายชุด “คำพยากรณ์ของมาลาคีเตรียมเราสำหรับวันของพระยะโฮวา” อันเป็นชุดสุดท้ายของการประชุมภาค. มาลาคีกล่าวพยากรณ์ประมาณหนึ่งร้อยปีภายหลังพวกยิวเดินทางกลับจากบาบิโลน. อีกครั้งหนึ่งที่พวกเขาถลำสู่การออกหากและความชั่วร้าย หลู่เกียรติพระนามพระยะโฮวาด้วยการละเลยข้อบัญญัติอันชอบธรรมของพระองค์ ทั้งได้นำเอาสัตว์ตาบอด, พิการ, และป่วยมาถวายบูชา. นอกจากนั้น พวกเขาหย่าภรรยาที่ได้กันครั้งหนุ่มสาว บางทีก็เพื่อจะได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติ.
คำพยากรณ์ในพระธรรมมาลาคีบทแรกให้คำรับรองแก่เราในเรื่องความรักของพระยะโฮวาต่อไพร่พลของพระองค์. บทนี้มุ่งเน้นความจำเป็นที่ต้องมีความยำเกรงพระเจ้าและหยั่งรู้ค่าอย่างนับถือต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์. พระยะโฮวาทรงคาดหมายให้เราถวายสิ่งดีที่สุดแด่พระองค์, นมัสการพระองค์เนื่องด้วยเรารักพระองค์อย่างไม่เห็นแก่ตัว. เราไม่ควรถวายการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์พอเป็นพิธี และเราต้องให้การต่อพระเจ้า.
การใช้พระธรรมมาลาคีบทสองในสมัยของเรา ผู้บรรยายคนที่สองของชุดนี้ได้ถามว่า “เราเองตื่นตัวไหมเพื่อจะ ‘ไม่มีความชั่วติดที่ริมฝีปากของเรา’?” (มาลาคี 2:6) คนเหล่านั้นที่นำหน้าในการสอนควรแน่ใจว่าสิ่งที่ตนสอนนั้นยึดมั่นกับพระคำของพระเจ้า. เราควรเกลียดการทรยศ เช่น การหย่าร้างที่ไม่ถูกต้อง.—มาลาคี 2:14-16.
การบรรยายในอรรถบทที่ว่า “ใครจะรอดพ้นวันของพระยะโฮวา?” ผู้บรรยายสุดท้ายของชุดนี้ได้ช่วยเตรียมเราไว้สำหรับวันของพระยะโฮวา. ผู้บรรยายแถลงว่า “ช่างเป็นการปลอบประโลมสักเพียงไรสำหรับผู้รับใช้พระยะโฮวาที่ทราบว่ามาลาคีบท 3 ข้อ 17 กำลังสำเร็จเป็นจริงครั้งใหญ่กับพวกเขา!” ข้อนั้นอ่านว่า “พระยะโฮวาจอมพลโยธาตรัส ว่า, ‘ในวันที่เราจะเก็บรวบรวมสมบัติของเราไว้นั้น, เขาทั้งหลายก็จะเป็นคนของเรา, และเราจะเมตตาเขาเหมือนอย่างพ่อได้เมตตาลูก, ลูกคนที่ได้ปรนนิบัติพ่อนั้น.’”
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของการประชุมภาคได้แก่ละครฉากโบราณ: “จงนับถืออำนาจของพระยะโฮวา” ซึ่งแสดงถึงเหล่าบุตรชายโครา. ถึงแม้บิดาของเขามีเจตคติต่อต้านเป็นกบฏต่อโมเซและอาโรน แต่บุตรชายเหล่านั้นก็ยังคงภักดีต่อพระยะโฮวาและต่อบรรดาตัวแทนของพระองค์. ขณะที่โคราและพรรคพวกของเขาพินาศ พวกบุตรชายของโครากลับรอดชีวิต. คำบรรยายถัดมาคือ “จงยอมอยู่ใต้อำนาจพระเจ้าด้วยความภักดี” นำเนื้อเรื่องของละครนี้มาใช้กับพวกเราแต่ละคน. ผู้บรรยายให้ข้อเตือนสติไว้หกประการด้วยกัน ซึ่งโครากับพรรคพวกของเขาพลาดไปคือ การไม่สนับสนุนอำนาจของพระยะโฮวาด้วยความภักดี; การยอมให้ความหยิ่ง, ความมักใหญ่ใฝ่สูง, และความอิจฉาริษยาเข้าครอบงำ; การจ้องจับความไม่สมบูรณ์ของบรรดาผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระยะโฮวา; การพัฒนาเจตคติที่ช่างบ่น; การไม่พอใจกับสิทธิพิเศษของตนในงานรับใช้; และการยอมให้มิตรภาพและสายสัมพันธ์ในครอบครัวสำคัญกว่าความภักดีต่อพระยะโฮวา.
“ใครกำลังสอนความจริงแก่ชนทุกชาติ?” เป็นหัวเรื่องของคำบรรยายสาธารณะ. ความจริงที่กล่าวถึงนี้ไม่ใช่ความจริงของเรื่องทั่วไป แต่เป็นความจริงเกี่ยวกับพระประสงค์ของพระยะโฮวาซึ่งพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพยานถึง. ผู้บรรยายได้พิจารณาความจริงในเรื่องความเชื่อ, ความจริงในเรื่องการนมัสการ, และความจริงในเรื่องความประพฤติส่วนตัว. โดยการเปรียบเทียบเรื่องเหล่านี้ระหว่างคริสเตียนศตวรรษแรกกับพยานพระยะโฮวาสมัยปัจจุบัน ความเชื่อมั่นของพวกเราที่ว่า ‘พระเจ้าสถิตอยู่ท่ามกลางพวกเราเป็นแน่’ ก็ได้รับการเสริมให้เข้มแข็งจริง ๆ.—1 โกรินโธ 14:25.
ภายหลังการสรุปบทความศึกษาในหอสังเกตการณ์ ประจำสัปดาห์แล้ว บรรดาผู้สอนพระคำของพระเจ้าที่อยู่ ณ การประชุมต่างก็ได้รับแรงกระตุ้นให้ลงมือปฏิบัติโดยคำบรรยายสุดท้ายเรื่อง “การทำหน้าที่มอบหมายในการสอนให้สำเร็จโดยด่วน.” การทบทวนระเบียบวาระอย่างรวบรัดได้เน้นความสำคัญของการใช้ข้อพระคัมภีร์ในการสอน, วิธีที่เราสามารถจะเป็นผู้สอนที่มีคุณวุฒิ, และความจำเป็นที่จะต้องมีความมั่นใจในความจริงที่เราสอนคนอื่น. ผู้บรรยายแนะนำเราให้ทำ ‘ความก้าวหน้าของเราให้ปรากฏแจ้ง’ และ ‘เอาใจใส่ตัวเองและการสอนของเราอยู่เสมอ.’—1 ติโมเธียว 4:15, 16, ล.ม.
นับว่าเป็นงานเลี้ยงใหญ่ฝ่ายวิญญาณอย่างแท้จริงที่พวกเราได้เข้าร่วม ณ การประชุมภาค “ผู้สอนพระคำของพระเจ้า”! ขอให้เราเลียนแบบพระยะโฮวา บรมครูผู้ใหญ่ยิ่งและพระเยซูคริสต์ ครูผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อเราสอนพระคำของพระเจ้าแก่คนอื่น.
[กรอบ/ภาพหน้า 28]
สิ่งพิมพ์ใหม่เหมาะกับความต้องการพิเศษ
บรรดาตัวแทนที่เข้าร่วมการประชุมภาค “ผู้สอนพระคำของพระเจ้า” ได้รับสิ่งพิมพ์ใหม่สองอย่างด้วยความตื่นเต้นซึ่งจะเป็นประโยชน์มากมายต่อการสอนความจริงของพระคัมภีร์แก่ผู้คนในบางภูมิภาคของโลก. แผ่นพับชื่อคุณมีวิญญาณอมตะไหม? จะเป็นเครื่องมือที่เหมาะอย่างยิ่งเพื่อเริ่มการสนทนากับผู้คนที่อยู่ในดินแดนซึ่งภาษาท้องถิ่นไม่ได้แยกคำ “จิตวิญญาณ” กับ “วิญญาณ” ให้เด่นชัด. แผ่นพับใหม่นี้แสดงชัดเจนว่าวิญญาณที่เป็นพลังแตกต่างจากบุคคลวิญญาณ และเมื่อคนเราตาย เขาไม่ได้กลายเป็นบุคคลวิญญาณ.
มีการออกจุลสารชื่อทำอย่างไรจึงจะมีชีวิตที่น่าพอใจ? ณ ตอนสิ้นสุดวันที่สองของการประชุมภาค. จุลสารเล่มนี้จัดเตรียมขึ้นด้วยวัตถุประสงค์เพื่อเริ่มการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับผู้ซึ่งไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับพระผู้สร้างว่าทรงมีบุคลิกภาพ และไม่คิดว่ามีหนังสือซึ่งเขียนขึ้นมาโดยการดลใจจากพระเจ้า. คุณมีโอกาสใช้สิ่งพิมพ์ใหม่เหล่านี้ในงานเผยแพร่แล้วหรือยัง?
[ภาพหน้า 26]
ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี และ ณ การประชุมภาคทั่วโลก มีหลายร้อยคนรับบัพติสมา
[ภาพหน้า 29]
ผู้ร่วมประชุมเกิดความรู้สึกซาบซึ้งจากละคร “จงนับถืออำนาจของพระยะโฮวา”