ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

พฤติกรรมที่ขัดแย้งของเทอร์ทูลเลียน

พฤติกรรมที่ขัดแย้งของเทอร์ทูลเลียน

พฤติกรรม​ที่​ขัด​แย้ง​ของ​เทอร์ทูลเลียน

‘คริสเตียน​กับ​นัก​ปรัชญา​เหมือน​กัน​ตรง​ไหน? คน​ที่​ทำ​ให้​ความ​จริง​เสื่อม​เสีย​กับ​คน​ที่​ฟื้นฟู​และ​สอน​ความ​จริง​เหมือน​กัน​ตรง​ไหน? สำนัก​ปรัชญา​เพลโต​กับ​คริสตจักร​มี​ความ​เห็น​ลง​รอย​กัน​ตรง​ไหน?’ เทอร์ทูลเลียน นัก​เขียน​ใน​ศตวรรษ​ที่​สอง​และ​สาม สากล​ศักราช เป็น​ผู้​ตั้ง​คำ​ถาม​ที่​ท้าทาย​เหล่า​นี้​ขึ้น​มา. เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​ว่า​เขา​เป็น “แหล่ง​ข้อมูล​ที่​บริบูรณ์​ที่​สุด​แหล่ง​หนึ่ง​ใน​เรื่อง​ประวัติ​ของ​คริสตจักร​และ​หลัก​คำ​สอน​ต่าง ๆ ซึ่ง​สอน​กัน​ใน​สมัย​ของ​เขา.” เกือบ​ไม่​มี​แง่​มุม​ใด​ของ​ความ​เป็น​ไป​ทาง​ศาสนา​ที่​พ้น​จาก​การ​สังเกต​ของ​เขา.

ดู​เหมือน​เทอร์ทูลเลียน​เป็น​ที่​รู้​จัก​ดี​ยิ่ง​เนื่อง​ด้วย​คำ​กล่าว​ของ​เขา​ซึ่ง​ขัด​แย้ง​กัน​ใน​ตัว​เอง​หรือ​ดู​เหมือน​ขัด​กัน เช่น​ดัง​ต่อ​ไป​นี้: “พระเจ้า​จึง​ทรง​เป็น​องค์​ยิ่ง​ใหญ่​องค์​เดียว เมื่อ​พระองค์​ทรง​เป็น​ผู้​เล็ก​น้อย.” “ไม่​ว่า​อย่าง​ไร [การ​สิ้น​พระ​ชนม์​ของ​พระ​บุตร​ของ​พระเจ้า] เป็น​เรื่อง​ที่​ต้อง​เชื่อ เพราะ​เรื่อง​นี้​ไร้​เหตุ​ผล.” “[พระ​เยซู] ถูก​ฝัง และ​ทรง​เป็น​ขึ้น​มา​อีก ข้อ​เท็จ​จริง​นี้​เป็น​เรื่อง​แน่นอน เพราะ​เป็น​เรื่อง​เป็น​ไป​ไม่​ได้.”

นอก​จาก​คำ​กล่าว​ของ​เขา​แล้ว ยัง​มี​สิ่ง​อื่น​อีก​เกี่ยว​กับ​ตัว​เขา​ที่​ขัด​แย้ง​กัน​เอง. แม้​ว่า​เขา​ตั้งใจ​ให้​หนังสือ​ของ​เขา​ปก​ป้อง​ความ​จริง​และ​ส่ง​เสริม​ความ​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง​ของ​คริสตจักร​และ​ความ​ซื่อ​ตรง​ของ​หลัก​คำ​สอน​ของ​คริสตจักร แต่​แท้​จริง​แล้ว​เขา​กลับ​ทำ​ให้​คำ​สอน​แท้​เสื่อม​เสีย. สิ่ง​ช่วยเหลือ​อัน​สำคัญ​ที่​เขา​ให้​แก่​คริสต์​ศาสนจักร​ปรากฏ​ผล​เป็น​ทฤษฎี​ที่​นัก​เขียน​สมัย​ต่อ​มา​ใช้​ตั้ง​หลัก​คำ​สอน​เรื่อง​ตรีเอกานุภาพ. เพื่อ​จะ​เข้าใจ​ว่า​เรื่อง​นี้​เกิด​ขึ้น​อย่าง​ไร ให้​เรา​มา​ทำ​ความ​เข้าใจ​เกี่ยว​กับ​ตัว​ของ​เทอร์ทูลเลียน​เอง​ก่อน​สัก​หน่อย.

“ไม่​เคย​ถูก​มอง​ข้าม”

เรื่อง​ชีวิต​ของ​เทอร์ทูลเลียน​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​น้อย​มาก. ผู้​คง​แก่​เรียน​ส่วน​ใหญ่​เห็น​พ้อง​กัน​ว่า​เขา​เกิด​เมื่อ​ราว ๆ ปี ส.ศ. 160 ใน​เมือง​คาร์เทจ ทาง​ภาค​เหนือ​ของ​แอฟริกา. ปรากฏ​ว่า​เขา​มี​การ​ศึกษา​ดี​และ​คุ้น​เคย​ดี​กับ​สำนัก​ปรัชญา​สำคัญ ๆ ใน​สมัย​ของ​เขา. ดู​เหมือน​ว่า​สิ่ง​ที่​ดึงดูด​ใจ​เขา​ให้​เข้า​มา​หา​ศาสนา​คริสเตียน​คือ​ความ​เต็ม​ใจ​จะ​ตาย​เพื่อ​ความ​เชื่อ​ของ​พวก​ที่​ประกาศ​ตัว​เป็น​คริสเตียน. เกี่ยว​ด้วย​การ​พลี​ชีพ​เพื่อ​ความ​เชื่อ​ของ​คริสเตียน เขา​ถาม​ว่า “เพราะ​ผู้​ที่​ใคร่ครวญ​เรื่อง​นี้​คน​ไหน​ล่ะ​จะ​ไม่​รู้สึก​อยาก​ถาม​ว่า อะไร​คือ​แรง​กระตุ้น​ให้​ทำ​อย่าง​นั้น? เมื่อ​ถาม​แล้ว ใคร​ล่ะ​ที่​ไม่​ยอม​รับ​หลัก​คำ​สอน​ของ​พวก​เรา?”

หลัง​จาก​เปลี่ยน​มา​นับถือ​ศาสนา​คริสเตียน​ใน​นาม เทอร์ทูลเลียน​ได้​กลาย​เป็น​นัก​เขียน​ที่​มี​ความ​คิด​สร้าง​สรรค์​ซึ่ง​ชำนาญ​การ​ใช้​ถ้อย​คำ​ที่​รวบรัด​และ​คมคาย. หนังสือ เดอะ ฟาเทอรส์ ออฟ เดอะ เชิช ให้​ข้อ​สังเกต​ว่า “[เขา] มี​ความ​สามารถ​ที่​พวก​นัก​เทววิทยา​น้อย​คน​จะ​มี. เขา​ไม่​เคย​ถูก​มอง​ข้าม.” ผู้​คง​แก่​เรียน​คน​หนึ่ง​กล่าว​ว่า “เทอร์ทูลเลียน [มี] ความ​สามารถ​พิเศษ​ด้าน​การ​ใช้​ถ้อย​คำ​มาก​กว่า​การ​เรียบเรียง​ประโยค และ​การ​จะ​เข้าใจ​คำ​กล่าว​ที่​คมคาย​ของ​เขา​เป็น​เรื่อง​ง่าย​กว่า​การ​เข้าใจ​วิธี​ชัก​เหตุ​ผล​ของ​เขา​มาก​ที​เดียว. บาง​ที นี่​คง​เป็น​เหตุ​ที่​ถ้อย​คำ​ของ​เขา​ถูก​ยก​ไป​กล่าว​บ่อย​มาก และ​น้อย​ครั้ง​นัก​ที่​มี​การ​ยก​ข้อ​ความ​ยาว ๆ จาก​หนังสือ​ของ​เขา​ไป​กล่าว.”

เพื่อ​ปก​ป้อง​ศาสนา​คริสเตียน

ผล​งาน​ที่​มี​ชื่อ​ที่​สุด​ของ​เทอร์ทูลเลียน​คือ อะโพโลจี ได้​รับ​การ​ถือ​ว่า​เป็น​หนึ่ง​ใน​งาน​หนังสือ​ที่​ทรง​พลัง​ที่​สุด​ซึ่ง​เขียน​เพื่อ​ปก​ป้อง​ศาสนา​คริสเตียน​ใน​นาม. หนังสือ​นี้​เขียน​ขึ้น​ใน​ช่วง​ที่​ชาว​คริสเตียน​มัก​ตก​เป็น​เหยื่อ​ของ​ฝูง​ชน​วุ่นวาย​ที่​เชื่อ​โชค​ลาง. เทอร์ทูลเลียน​เข้า​มา​ปก​ป้อง​คริสเตียน​เหล่า​นี้​และ​ต่อ​ต้าน​การ​ปฏิบัติ​อย่าง​ไร้​สติ​ต่อ​พวก​เขา. เขา​กล่าว​ว่า “[พวก​ผู้​ต่อ​ต้าน] ถือ​ว่า​คริสเตียน​เป็น​ต้น​เหตุ​แห่ง​ความ​หายนะ​ทุกอย่าง​ที่​เกิด​แก่​สาธารณชน​และ​เคราะห์​ร้าย​ทุก​ประการ​ของ​ผู้​คน . . . . หาก​แม่น้ำ​ไนล์​ไม่​เอ่อ​ล้น​เข้า​หล่อ​เลี้ยง​ทุ่ง​นา, หาก​อากาศ​ไม่​เปลี่ยน​แปลง, หาก​เกิด​แผ่นดิน​ไหว, ทุพภิกขภัย, โรค​ระบาด—จะ​ได้​ยิน​เสียง​ร้อง​ขึ้น​มา​ทันที​ว่า ‘เอา​พวก​คริสเตียน​โยน​ให้​สิงโต!’”

แม้​ว่า​ชน​คริสเตียน​มัก​ถูก​กล่าวหา​ว่า​ไม่​ภักดี​ต่อ​รัฐ แต่​เทอร์ทูลเลียน​ก็​พยายาม​แสดง​ว่า แท้​จริง​แล้ว​พวก​เขา​เป็น​พลเมือง​ที่​น่า​เชื่อถือ​ที่​สุด​ใน​ดินแดน​นั้น. หลัง​จาก​เรียก​ร้อง​ให้​สนใจ​ความ​พยายาม​หลาย​ครั้ง​ที่​มี​การ​ดำเนิน​การ​เพื่อ​โค่น​ล้ม​รัฐบาล​โรม เขา​เตือน​พวก​ต่อ​ต้าน​ศาสนา​ให้​รู้​ว่า​พวก​ที่​คบ​คิด​ทำ​การ​นั้น​แท้​จริง​แล้ว​มา​จาก​พวก​นอก​ศาสนา ไม่​ใช่​คริสเตียน. เทอร์ทูลเลียน​ชี้​ให้​เห็น​ว่า เมื่อ​คริสเตียน​ถูก​ประหาร รัฐ​นั่น​แหละ​ที่​เป็น​ฝ่าย​สูญ​เสีย.

ผล​งาน​อีก​ชิ้น​หนึ่ง​ของ​เทอร์ทูลเลียน​เป็น​เรื่อง​การ​ดำเนิน​ชีวิต​ของ​คริสเตียน. ตัว​อย่าง​เช่น ใน​หนังสือ​อรรถาธิบาย​ของ​เขา​ชื่อ ออน เดอะ โชวส์ เทอร์ทูลเลียน​ให้​คำ​แนะ​เตือน​เรื่อง​การ​ไป​ปรากฏ​ตัว​ใน​สถาน​บันเทิง​บาง​แห่ง, เรื่อง​เกม​กีฬา​และ​การ​แสดง​ต่าง ๆ ของ​พวก​นอก​ศาสนา. ดู​เหมือน​ว่า​มี​คน​ที่​เพิ่ง​เปลี่ยน​เข้า​มา​เชื่อถือ​ซึ่ง​มอง​ความ​ขัด​แย้ง​กัน​ไม่​ออก​ใน​การ​ประชุม​เพื่อ​รับ​การ​สั่ง​สอน​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​แล้ว​ก็​เข้า​ชม​เกม​กีฬา​ของ​พวก​นอก​ศาสนา. เพื่อ​พยายาม​กระตุ้น​ความ​สามารถ​ใน​การ​คิด​ของ​พวก​เขา เทอร์ทูลเลียน​เขียน​ดัง​นี้: “เป็น​การ​ชั่ว​ช้า​สามานย์​ยิ่ง​นัก​ที่​ออก​จาก​โบสถ์​ของ​พระเจ้า​ไป​ยัง​โบสถ์​ของ​ปิศาจ—จาก​กิจกรรม​เพื่อ​พระเจ้า​ไป​สู่​กิจกรรม​ของ​เดรัจฉาน.” เขา​กล่าว​ว่า “สิ่ง​ที่​ท่าน​ปฏิเสธ​ด้วย​การ​กระทำ ท่าน​ไม่​ควร​ยอม​รับ​ด้วย​คำ​พูด.”

ทำ​ให้​ความ​จริง​เสื่อม​เสีย​ใน​ขณะ​ที่​ปก​ป้อง​ความ​จริง

ใน​หนังสือ​ของ​เทอร์ทูลเลียน​ชื่อ คัดค้าน​แพรกเซียส เขา​เริ่ม​ต้น​ด้วย​ถ้อย​คำ​ว่า “มาร​ต่อ​สู้​และ​ต่อ​ต้าน​ความ​จริง​ใน​หลาย​ทาง. บาง​ครั้ง​มัน​มุ่ง​ทำลาย​ความ​จริง​ด้วย​การ​ปก​ป้อง​ความ​จริง.” ชาย​ชื่อ​แพรกเซียส​ใน​หนังสือ​ของ​เขา​ไม่​เป็น​ที่​รู้​จัก​ชัด​ว่า​คือ​ใคร แต่​เทอร์ทูลเลียน​ตั้ง​ข้อ​สงสัย​คำ​สอน​ของ​ชาย​คน​นี้​ที่​เกี่ยว​กับ​พระเจ้า​และ​พระ​คริสต์. เขา​มอง​แพรกเซียส​ว่า​เป็น​เครื่อง​มือ​ของ​ซาตาน​ที่​พยายาม​ทำ​ให้​ศาสนา​คริสเตียน​เสื่อม​เสีย​อยู่​อย่าง​ลับ ๆ.

ประเด็น​สำคัญ​ท่ามกลาง​พวก​คริสเตียน​ใน​นาม​ใน​เวลา​นั้น​คือ​ความ​สัมพันธ์​ระหว่าง​พระเจ้า​กับ​พระ​คริสต์. พวก​เขา​บาง​คน โดย​เฉพาะ​พวก​ที่​มี​ภูมิหลัง​เป็น​ชาว​กรีก พบ​ว่า​เป็น​เรื่อง​ยาก​จะ​ทำ​ให้​ความ​เชื่อ​เรื่อง​พระเจ้า​องค์​เดียว​กลมกลืน​กับ​บทบาท​ของ​พระ​เยซู​ใน​ฐานะ​พระ​ผู้​ช่วย​ให้​รอด​และ​พระ​ผู้​ไถ่​ได้. แพรกเซียส​พยายาม​แก้​ปัญหา​ของ​พวก​เขา​ด้วย​คำ​สอน​ที่​ว่า พระ​เยซู​เป็น​เพียง​การ​สำแดง​พระองค์​ของ​พระ​บิดา​ใน​อีก​รูป​ลักษณะ​หนึ่ง และ​ไม่​มี​ความ​แตกต่าง​ใด ๆ ระหว่าง​พระ​บิดา​และ​พระ​บุตร. ทฤษฎี​นี้ ซึ่ง​เรียก​กัน​ว่า​คติ​นิยม​อัญรูป อ้าง​ว่า​พระเจ้า​ทรง​สำแดง​พระองค์ “เป็น​พระ​บิดา​ใน​การ​ทรง​สร้าง​และ​การ​ประทาน​พระ​บัญญัติ, เป็น​พระ​บุตร​ใน​ตัว​พระ​เยซู​คริสต์, และ​เป็น​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​หลัง​จาก​พระ​คริสต์​เสด็จ​ขึ้น​สู่​สวรรค์.”

เทอร์ทูลเลียน​แสดง​ว่า​พระ​คัมภีร์​บอก​ความ​แตกต่าง​ชัดเจน​ระหว่าง​พระ​บิดา​และ​พระ​บุตร. หลัง​จาก​ยก​ข้อ​ความ​จาก 1 โกรินโธ 15:27, 28 มา​กล่าว​แล้ว เขา​ให้​เหตุ​ผล​ดัง​นี้: “พระองค์​ผู้​ทรง​ทำ​ให้ (สิ่ง​สารพัด) อยู่​ใต้​อำนาจ และ​พระองค์​ผู้​ที่​สิ่ง​เหล่า​นั้น​ถูก​ทำ​ให้​อยู่​ใต้​อำนาจ—ต้อง​เป็น​สอง​พระองค์​ที่​ไม่​เหมือน​กัน.” เทอร์ทูลเลียน​ชี้​ให้​เอา​ใจ​ใส่​คำ​ตรัส​ของ​พระ​เยซู​เอง​ที่​ว่า “พระ​บิดา​เป็น​ใหญ่​กว่า​เรา.” (โยฮัน 14:28) โดย​ใช้ส่วน​ต่าง ๆ จาก​พระ​คัมภีร์​ภาค​ภาษา​ฮีบรู เช่น บทเพลง​สรรเสริญ 8:5 เขา​แสดง​ให้​เห็น​วิธี​ที่​คัมภีร์​ไบเบิล​พรรณนา “ฐานะ​ที่​ต่ำ​กว่า” ของ​พระ​บุตร. เทอร์ทูลเลียน​สรุป​ว่า “ดัง​นั้น พระ​บิดา​จึง​ต่าง​จาก​พระ​บุตร​อย่าง​สิ้นเชิง ทรง​เป็น​ใหญ่​กว่า​พระ​บุตร. เนื่อง​จาก​พระองค์​ผู้​ให้​กำเนิด​เป็น​องค์​หนึ่ง และ​พระองค์​ผู้​ได้​รับ​การ​กำเนิด​จึง​เป็น​อีก​องค์​หนึ่ง; เช่น​กัน พระองค์​ผู้​ส่ง​มา​เป็น​องค์​หนึ่ง และ​พระองค์​ผู้​ถูก​ส่ง​มา​จึง​เป็น​อีก​องค์​หนึ่ง; และ​อีก​ครั้ง พระองค์​ผู้​ทรง​สร้าง​เป็น​องค์​หนึ่ง และ​พระองค์​ผู้​ที่​ถูก​ใช้​ให้​สร้าง​สรรพสิ่ง​จึง​เป็น​อีก​องค์​หนึ่ง.”

เทอร์ทูลเลียน​มอง​ว่า​พระ​บุตร​ต่ำ​กว่า​พระ​บิดา. แต่​เมื่อ​เขา​พยายาม​คัดค้าน​คติ​นิยม​อัญรูป เขา​ทำ “เลย​ขอบ​เขต​สิ่ง​ที่​เขียน​ไว้.” (1 โกรินโธ 4:6, ล.ม.) ขณะ​ที่​เทอร์ทูลเลียน​พยายาม​อย่าง​ผิด ๆ เพื่อ​พิสูจน์​ว่า​พระ​เยซู​เป็น​พระเจ้า​โดย​ใช้​อีก​ทฤษฎี​หนึ่ง เขา​คิด​ค้น​แนว​คิด “สาระ​เดียว​ใน​สาม​บุคคล” ขึ้น​มา. เขา​พยายาม​ใช้​แนว​คิด​นี้​แสดง​ว่า​พระเจ้า, พระ​บุตร, และ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์ เป็น​สาม​บุคคล​ต่าง​หาก​กัน​ซึ่ง​ดำรง​อยู่​ใน​สาระ​เดียว​ซึ่ง​เป็น​พระเจ้า. ดัง​นั้น เทอร์ทูลเลียน​จึง​กลาย​เป็น​คน​แรก​ที่​ใช้​รูป​คำ​ภาษา​ลาติน​ที่​ได้​รับ​การ​แปล​ว่า “ตรีเอกานุภาพ” กับ​พระ​บิดา, พระ​บุตร, และ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์.

ระวัง​ปรัชญา​ของ​โลก

เทอร์ทูลเลียน​สามารถ​คิด​ทฤษฎี “สาระ​เดียว​ใน​สาม​บุคคล” ขึ้น​มา​ได้​อย่าง​ไร? คำ​ตอบ​พบ​ได้​ใน​ความ​ขัด​แย้ง​ใน​ตัว​เอง​อีก​ประการ​หนึ่ง​เกี่ยว​กับ​ชาย​ผู้​นี้ นั่น​คือ​แง่​คิด​ด้าน​ปรัชญา​ของ​เขา. เทอร์ทูลเลียน​เรียก​ปรัชญา​ว่า “ ‘หลัก​คำ​สอน’ ของ​มนุษย์​และ ‘ของ​ปิศาจ.’” เขา​วิพากษ์วิจารณ์​อย่าง​เปิด​เผย​เกี่ยว​กับ​แนว​ปฏิบัติ​ที่​ใช้​ปรัชญา​สนับสนุน​ความ​จริง​ของ​คริสเตียน. เขา​กล่าว​ว่า “จง​หลีก​หนี​จาก​ความ​พยายาม​ทุก​อย่าง​เพื่อ​ทำ​ให้​เกิด​ศาสนา​คริสเตียน​ที่​เสื่อม​เสีย​ของ​พวก​สโตอิก, พวก​เพลโต, และ​บทความ​วิภาษ.” แต่​ตัว​เทอร์ทูลเลียน​เอง​กลับ​ใช้​ปรัชญา​ทาง​โลก​อย่าง​มาก​มาย​เมื่อ​ปรัชญา​นั้น​สอดคล้อง​กับ​แนว​คิด​ของ​เขา​เอง.—โกโลซาย 2:8.

หนังสือ​อ้างอิง​เล่ม​หนึ่ง​กล่าว​ว่า “ทฤษฎี​ตรีเอกานุภาพ​จำเป็น​ต้อง​ได้​รับ​การ​สนับสนุน​จาก​แนว​ความ​คิด​และ​หลัก​ความ​เข้าใจ​สิ่ง​ต่าง ๆ ของ​พวก​กรีก​เพื่อ​การ​พัฒนา​และ​การ​อธิบาย​ทฤษฎี​นี้.” และ​หนังสือ เทววิทยา​ของ​เทอร์ทูลเลียน กล่าว​ว่า “[ทฤษฎี​นี้​เป็น] การ​ผสม​แนว​คิด​และ​คำ​ศัพท์​ทาง​กฎหมาย​และ​ทาง​ปรัชญา​เข้า​ด้วย​กัน​อย่า​แปลก​ประหลาด ซึ่ง​ทำ​ให้​เทอร์ทูลเลียน​สามารถ​เสนอ​หลัก​คำ​สอน​เรื่อง​ตรีเอกานุภาพ​ใน​รูป​แบบ​ที่ ทั้ง ๆ ที่​มี​ข้อ​จำกัด​และ​ความ​ไม่​สมบูรณ์​นานา​ประการ แต่​ก็​ได้​ให้​โครง​สร้าง​ไว้​สำหรับ​การ​เสนอ​หลัก​คำ​สอน​นี้ ณ การ​ประชุม​สังคายนา​ที่​นีเซีย.” ฉะนั้น แนว​คิด​ของ​เทอร์ทูลเลียน—คือ​สาม​บุคคล​ใน​สาระ​เดียว​ของ​พระเจ้า—จึง​มี​บทบาท​สำคัญ​ใน​การ​แพร่​ความ​เชื่อ​ที่​ผิด​ทาง​ศาสนา​ไป​ทั่ว​คริสต์​ศาสนจักร.

เทอร์ทูลเลียน​กล่าวหา​คน​อื่น​ว่า​ทำลาย​ความ​จริง​ขณะ​ที่​คน​เหล่า​นั้น​พยายาม​ปก​ป้อง​ความ​จริง. แต่​เรื่อง​กลับ​กลาย​เป็น​ว่า เขา​เอง​นั่น​แหละ​ที่​ทำ​สิ่ง​ซึ่ง​เขา​กล่าวหา​ว่า​คน​อื่น​ทำ ด้วย​การ​เอา​ความ​จริง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​มี​ขึ้น​โดย​การ​ดล​ใจ​จาก​พระเจ้า​ไป​ปนเป​กับ​ปรัชญา​ของ​มนุษย์. ดัง​นั้น เรา​พึง​เอา​ใจ​ใส่​คำ​เตือน​ใน​พระ​คัมภีร์​ที่​ให้​ระวัง​การ “ใส่​ใจ​กับ​ถ้อย​คำ​โดย​การ​ดล​ใจ​ซึ่ง​ทำ​ให้​หลง​ผิด​และ​คำ​สอน​ของ​ผี​ปิศาจ.”—1 ติโมเธียว 4:1, ล.ม.

[ภาพ​หน้า 29, 30]

เทอร์ทูลเลียน​วิพากษ์วิจารณ์​ปรัชญา​อย่าง​แรง​แต่​กลับ​ใช้​ปรัชญา​สนับสนุน​แนว​คิด​ของ​ตน

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Pages 29 and 30: © Cliché Bibliothèque nationale de France, Paris

[ภาพ​หน้า 31]

คริสเตียน​แท้​หลีก​เลี่ยง​การ​เอา​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ไป​ปน​กับ​ปรัชญา​ของ​มนุษย์