ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

การแสดงความเลื่อมใสในพระเจ้ามีบำเหน็จ

การแสดงความเลื่อมใสในพระเจ้ามีบำเหน็จ

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

การ​แสดง​ความ​เลื่อมใส​ใน​พระเจ้า​มี​บำเหน็จ

เล่า​โดย​วิลเลียม ไอฮินออเรีย

ผม​ตื่น​ขึ้น​มา​กลาง​ดึก​เพราะ​เสียง​ร้อง​คราง​ของ​พ่อ​ซึ่ง​ได้​ยิน​บ่อย​จน​ชิน. พ่อ​บิด​ตัว​งอ เอา​มือ​กุม​ท้อง​กลิ้ง​ไป​มา​บน​พื้น​ห้อง. แม่, พี่​สาว, และ​ผม​มา​อยู่​ข้าง ๆ พ่อ. ครั้น​อาการ​ปวด​ดู​เหมือน​ทุเลา​ลง​บ้าง ท่าน​ก็​ลุก​ขึ้น​นั่ง​ตัว​ตรง ถอน​หายใจ​และ​พูด​ว่า “ใน​โลก​นี้​พยาน​พระ​ยะโฮวา​พวก​เดียว​เท่า​นั้น​มี​สันติ.” คำ​พูด​ท่าน​ทำ​ให้​ผม​งง แต่​ทว่า​มัน​ฝัง​ลึก​ใน​ใจ​เพราะ​ผม​ไม่​เคย​ได้​ยิน​ชื่อ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​มา​ก่อน. ผม​อยาก​รู้​นัก​ว่า​พ่อ​หมาย​ถึง​อะไร.

เหตุ​การณ์​นั้น​เกิด​ขึ้น​เมื่อ​ปี 1953 ตอน​นั้น​ผม​อายุ​หก​ขวบ. ผม​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ใน​ครัว​เรือน​ที่​พ่อ​มี​ภรรยา​หลาย​คน อาศัย​อยู่​ใน​อีโวซา​ซึ่ง​เป็น​หมู่​บ้าน​เกษตรกรรม​ทาง​แถบ​ตะวัน​ตก​ตอน​กลาง​ของ​ไนจีเรีย. ผม​เป็น​ลูก​คน​ที่​สอง แต่​นับ​เป็น​ลูก​ชาย​คน​แรก​ใน​ครอบครัว​ขยาย ซึ่ง​ลง​ท้าย​มี​ลูก​รวม​ทั้ง​สิ้น 13 คน และ​ภรรยา 3 คน​ของ​พ่อ. พวก​เรา​อยู่​ร่วม​กัน​ใน​บ้าน​ของ​ปู่ ซึ่ง​เป็น​กระท่อม​ดิน​ขนาด​สี่​ห้อง หลังคา​มุง​จาก. คน​ใน​ครัว​เรือน​ของ​เรา​ยัง​รวม​ไป​ถึง​ย่า​และ​พี่​ชาย​สอง​คน​กับ​น้อง​ชาย​คน​หนึ่ง​ของ​พ่อ พร้อม​ด้วย​ครอบครัว​ของ​เขา.

ชีวิต​ช่วง​วัย​เด็ก​ของ​ผม​แสน​ลำเค็ญ. ที่​เป็น​เช่น​นั้น​เนื่อง​จาก​สุขภาพ​ของ​พ่อ​ย่ำแย่. พ่อ​มี​อาการ​ปวด​ท้อง​เรื้อรัง และ​ป่วย​ตลอด​หลาย​ปี​กระทั่ง​เสีย​ชีวิต. การ​เจ็บ​ป่วย​ของ​พ่อ​ที่​ไม่​รู้​สาเหตุ​ไม่​ตอบ​สนอง​การ​รักษา​กัน​ตาม​มี​ตาม​เกิด​แบบ​ครอบครัว​ชาว​ไร่​ใน​แอฟริกา คือ​ใช้​ทั้ง​ยา​สมุนไพร​และ​ตำรา​ยา​กลาง​บ้าน​ที่​สืบ​ทอด​กัน​มา. หลาย​ต่อ​หลาย​คืน​เรา​ได้​แต่​ร้องไห้​อยู่​ข้าง ๆ พ่อ​ขณะ​ที่​ท่าน​กลิ้งเกลือก​อยู่​ที่​พื้น​ห้อง​ด้วย​ความ​เจ็บ​ปวด จน​กระทั่ง​ไก่​ขัน​บอก​เวลา​เช้า​ของ​วัน​ใหม่. ด้วย​ความ​ตั้งใจ​เสาะ​หา​การ​เยียว​ยา พ่อ​พร้อม​กับ​แม่​เดิน​ทาง​บ่อย​ครั้ง ทิ้ง​ผม​และ​พี่ ๆ น้อง ๆ ให้​อยู่​ใน​ความ​ดู​แล​ของ​ย่า.

ครอบครัว​ของ​เรา​ยัง​ชีพ​ด้วย​การ​ปลูก​และ​ขาย​มัน​เทศ, มัน​สำปะหลัง, และ​เมล็ด​โคล่า. นอก​จาก​นั้น เรา​รับจ้าง​กรีด​ยาง​บ้าง​เพื่อ​เพิ่ม​ราย​ได้​ของ​เรา​ที่​ฝืดเคือง​อยู่​แล้ว. มัน​เทศ​เป็น​อาหาร​หลัก​ของ​เรา. เรา​กิน​มัน​เทศ​เป็น​อาหาร​เช้า, อาหาร​มื้อ​กลางวัน​เรา​กิน​มัน​เทศ​บด, และ​มื้อ​เย็น​ก็​มัน​เทศ​อีก. เรา​กิน​อาหาร​แตกต่าง​ไป​บ้าง​เป็น​ครั้ง​คราว​ก็​ตอน​ที่​เรา​ได้​กิน​กล้วย​กล้าย​ปิ้ง.

ส่วน​หนึ่ง​ที่​สำคัญ​ใน​ชีวิต​ของ​เรา​คือ​การ​นมัสการ​บรรพบุรุษ. ครอบครัว​นำ​อาหาร​ไป​เซ่น​ไหว้ โดย​วาง​ไว้​ตรง​กอง​กิ่ง​ไม้​เล็ก ๆ ซึ่ง​เขา​ผูก​เปลือก​หอย​เบี้ย​สี​สด​หลาก​หลาย​ชนิด​ติด​ไว้. พ่อ​บูชา​รูป​เคารพ​ด้วย​เพื่อ​ขับ​ไล่​วิญญาณ​และ​แม่มด​ที่​ชั่ว​ร้าย.

เมื่อ​ผม​อายุ​ห้า​ขวบ พวก​เรา​พา​กัน​ย้าย​จาก​หมู่​บ้าน​ไป​อยู่​ใน​เขต​เกษตรกรรม​เป็น​การ​ชั่ว​คราว ซึ่ง​อยู่​ไกล​จาก​บ้าน​เดิม​ประมาณ 11 กิโลเมตร. ที่​นั่น พ่อ​ติด​โรค​พยาธิ​กินี (พยาธิ​ผิวหนัง​ชนิด​หนึ่ง​ใน​เขต​ร้อน) ซึ่ง​เพิ่ม​ความ​ทุกข์​ให้​กับ​อาการ​ปวด​ท้อง​ของ​ท่าน. ตอน​กลางวัน พ่อ​ทำ​งาน​ไม่​ได้ กลางคืน​ก็​ยัง​ต้อง​ทน​ทรมาน​กับ​อาการ​ปวด​ท้อง​อีก. ผม​เอง​ติด​เชื้อ​ไข้​รากสาด​จาก​ตัว​หมัด. ผล​ที่​ตาม​มา เรา​ประทัง​ชีวิต​ด้วย​สิ่ง​ของ​ที่​ครอบครัว​ขยาย​ของ​เรา​ให้. เพื่อ​จะ​ได้​ไม่​ตาย​ใน​สภาพ​สกปรก​ซอมซ่อ​และ​อัตคัด เรา​จึง​ย้าย​กลับ​ไป​ที่​หมู่​บ้าน​อีโวซา​ของ​เรา. พ่อ​ต้องการ​ให้​ผม​ซึ่ง​เป็น​ลูก​หัวปี​ของ​ท่าน​มี​อาชีพ​ที่​ดี​กว่า​เป็น​แค่​ชาว​ไร่​ที่​หา​กิน​ไป​วัน ๆ. ท่าน​คิด​ว่า​การ​ศึกษา​ที่​ดี​จะ​ทำ​ให้​ผม​สามารถ​ยก​ระดับ​มาตรฐาน​การ​ครอง​ชีพ​ของ​ครอบครัว และ​ผม​สามารถ​จะ​เลี้ยง​ดู​น้อง​ร่วม​บิดา​ได้.

มี​โอกาส​ติด​ต่อ​ศาสนา​อื่น

ครั้น​กลับ​มา​ที่​หมู่​บ้าน​ของ​เรา ผม​สามารถ​เริ่ม​ต้น​เรียน​หนังสือ​ได้. ทั้ง​นี้​นำ​ไป​สู่​การ​คลุกคลี​กับ​นิกาย​ต่าง ๆ ใน​คริสต์​ศาสนจักร. ช่วง​ทศวรรษ 1950 แทบ​เป็น​ไป​ไม่​ได้​ที่​จะ​แยก​การ​ศึกษา​ของ​โลก​ตะวัน​ตก​ออก​จาก​ศาสนา​ของ​รัฐบาล​ที่​ล่า​อาณานิคม. เนื่อง​จาก​ผม​เข้า​เรียน​ชั้น​ประถม​ของ​โรง​เรียน​คาทอลิก นั่น​ย่อม​หมาย​ความ​ว่า​ผม​ต้อง​ถือ​นิกาย​โรมัน​คาทอลิก.

ปี 1966 เมื่อ​ผม​อายุ 19 ปี ผม​ถูก​รับ​เข้า​เรียน​อยู่​ชั้น​มัธยม​ใน​โรง​เรียน​ของ​พวก​พิลกริม​แบพติสต์​ใน​เมือง​เอโวฮินมิ ห่าง​จาก​หมู่​บ้าน​อีโวซา​ประมาณ 8 กิโลเมตร. ที่​นี่ การ​ศึกษา​ด้าน​ศาสนา​ของ​ผม​เปลี่ยน​ไป. เพราะ​ตอน​นี้​ผม​เรียน​โรง​เรียน​โปรเตสแตนต์ บาทหลวง​คาทอลิก​กีด​กัน​ไม่​ให้​ผม​มี​ส่วน​ร่วม​พิธี​มิสซา​วัน​อาทิตย์.

ผม​ได้​มา​เรียน​รู้​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ครั้ง​แรก​ใน​ช่วง​ที่​ผม​เรียน​โรง​เรียน​แบพติสต์​นี่​เอง. ถึง​แม้​ยัง​คง​เข้า​โบสถ์​คาทอลิก​มิ​ได้​ขาด แต่​ตัว​ผม​เอง​ได้​อ่าน​ไบเบิล​ทุก​วัน​อาทิตย์​หลัง​จาก​เสร็จ​ปฏิบัติ​กิจ​ใน​โบสถ์​คาทอลิก. ผม​ติด​ใจ​คำ​สั่ง​สอน​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​มาก ผม​จึง​เกิด​ความ​รู้สึก​อยาก​ดำเนิน​ชีวิต​อย่าง​ที่​มี​ความ​หมาย​ด้วย​ความ​เลื่อมใส​ใน​พระเจ้า. ยิ่ง​ผม​ได้​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​มาก ผม​ยิ่ง​เกลียด​ความ​หน้า​ซื่อ​ใจ​คด​ของ​ผู้​นำ​ศาสนา​บาง​คน และ​รูป​แบบ​การ​ดำเนิน​ชีวิต​อย่าง​ผิด​ศีลธรรม​ของ​พวก​ฆราวาส. สิ่ง​ที่​ผม​พบ​เห็น​ท่ามกลาง​พวก​ที่​อ้าง​ตัว​เป็น​คริสเตียน​ช่าง​ต่าง​กัน​เสีย​จริง​จาก​สิ่ง​ที่​พระ​เยซู​คริสต์​และ​สาวก​ของ​พระองค์​สั่ง​สอน​และ​ปฏิบัติ.

เหตุ​การณ์​บาง​อย่าง​ทำ​ให้​ผม​ตกตะลึง. ครั้ง​หนึ่ง ขณะ​ที่​หา​ซื้อ​ลูก​ประคำ​ใน​ร้าน​ขาย​ของ​จิปาถะ​ของ​ชาว​คาทอลิก ผม​เห็น​เครื่องราง​จู​จู​แขวน​บน​เสา​ประตู​หน้า​ร้าน. มี​อยู่​ครั้ง​หนึ่ง ครู​ใหญ่​โรง​เรียน​พิลกริม​แบพติสต์​แสดง​ท่าที​จะ​ลวนลาม​ผม. ผม​มา​รู้​เอา​ตอน​หลัง​ว่า​เขา​เป็น​คน​รัก​ร่วม​เพศ และ​เคย​ล่วง​เกิน​คน​อื่น​มา​แล้ว. ผม​คิด​ใคร่ครวญ​เรื่อง​เหล่า​นี้ และ​ถาม​ตัว​เอง​ว่า ‘พระเจ้า​ทรง​เห็น​ชอบ​ด้วย​หรือ​กับศาสนา​ต่าง ๆ ซึ่ง​สมาชิก และ​แม้​กระทั่ง​พวก​ผู้​นำ​ศาสนา​ก็​ไม่​ถูก​ลง​โทษ​เนื่อง​ด้วย​การ​บาป​ที่​ร้ายแรง?’

การ​เปลี่ยน​ศาสนา

อย่าง​ไร​ก็​ดี ผม​ยัง​คง​พึง​พอ​ใจ​กับ​เรื่อง​ราว​ที่​ได้​อ่าน​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​ตัดสิน​ใจ​อ่าน​ต่อ​ไป. ตอน​นั้น​เอง ผม​เริ่ม​นึก​ถึง​สิ่ง​ที่​พ่อ​พูด​เมื่อ​ประมาณ 15 ปี​มา​แล้ว​ที่​ว่า “ใน​โลก​นี้​พยาน​พระ​ยะโฮวา​พวก​เดียว​เท่า​นั้น​มี​สันติ.” แต่​ผม​รู้สึก​หวั่น​ใจ​เพราะ​หนุ่ม​สาว​พยาน​ฯ ที่​โรง​เรียน​ของ​ผม​ถูก​ล้อเลียน​และ​บาง​ครั้ง​ถูก​ลง​โทษ​เนื่อง​จาก​ไม่​เข้า​ร่วม​นมัสการ​ตอน​เช้า​กับ​พวก​เรา. และ​ความ​เชื่อ​บาง​อย่าง​ของ​พวก​เขา​ดู​เหมือน​แปลก. อย่าง​เช่น ผม​พบ​ว่า​ยาก​ที่​จะ​เชื่อ​ว่า​มี​เพียง 144,000 คน​ไป​สวรรค์. (วิวรณ์ 14:3) เนื่อง​จาก​ผม​มี​ความ​ปรารถนา​อยาก​ไป​สวรรค์ ผม​ครุ่น​คิด​ว่า​ป่าน​นี้​คง​ครบ​จำนวน​แล้ว​กระมัง.

เห็น​ได้​ชัด​ว่า​ความ​ประพฤติ​และ​ทัศนคติ​ของ​เหล่า​พยาน​ฯ ต่าง​จาก​กลุ่ม​อื่น. พยาน​ฯ ไม่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​ทำ​ผิด​ศีลธรรม​และ​กิจกรรม​ที่​ส่อ​ความ​รุนแรง​เยี่ยง​เด็ก​กลุ่ม​อื่น ๆ ที่​โรง​เรียน. สำหรับ​ผม พวก​เขา​แยก​ตัว​จริง ๆ จาก​โลก เหมือน​ที่​เคย​อ่าน​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที​เดียว​ว่า​คน​เหล่า​นั้น​ซึ่ง​ปฏิบัติ​ศาสนา​แท้​ควร​เป็น​เช่น​นั้น.—โยฮัน 17:14-16; ยาโกโบ 1:27.

ผม​ตัดสิน​ใจ​ตรวจ​สอบ​ต่อ​ไป. ใน​เดือน​กันยายน 1969 ผม​ได้​หนังสือ “ความ​จริง​ซึ่ง​นำ​ไป​สู่​ชีวิต​ถาวร.” เดือน​ถัด​มา ไพโอเนียร์ ซึ่ง​เป็น​ชื่อ​เรียก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​ทำ​งาน​เผยแพร่​เต็ม​เวลา​ก็​เริ่ม​นำ​การ​ศึกษา​กับ​ผม. ผม​ได้​แรง​บันดาล​ใจ​จาก​การ​ศึกษา​ครั้ง​แรก ผม​จึง​เริ่ม​อ่าน​หนังสือ​ความ​จริง คืน​วัน​เสาร์​และ​อ่าน​จน​จบ​ตอน​บ่าย​วัน​รุ่ง​ขึ้น. ผม​เริ่ม​บอก​เล่า​ให้​เพื่อน​นัก​เรียน​ฟัง​ทันที​ทันใด​ถึง​เรื่อง​ราว​อัน​น่า​ทึ่ง​ที่​ผม​ได้​อ่าน. เพื่อน​นัก​เรียน​รวม​ทั้ง​พวก​ครู​พา​กัน​คิด​ว่า​ผม​เพี้ยน​ไป​เพราะ​ความ​เชื่อ​ใหม่​ที่​ผม​เพิ่ง​ค้น​พบ. แต่​ผม​รู้ ผม​ไม่​เพี้ยน.—กิจการ 26:24.

พ่อ​แม่​ของ​ผม​ได้​ยิน​ข่าว​ที่​ลือ​กัน​ว่า​ผม​ประกาศ​ศาสนา​ใหม่. ท่าน​สั่ง​ให้​ผม​กลับ​บ้าน​ทันที​เพื่อ​จะ​รู้​ว่า​อะไร​คือ​ปัญหา​ของ​ผม. เนื่อง​จาก​เหล่า​พยาน​ฯ ไป​ร่วม​การ​ประชุม​ภาค​ที่​เมือง​อิเลสซา ผม​จะ​ปรึกษา​ขอ​คำ​แนะ​นำ​จาก​ใคร​ก็​ไม่​ได้. พอ​กลับ​ถึง​บ้าน แม่​และ​พวก​ญาติ​รุม​กัน​ซัก​ถาม​และ​ต่อ​ว่า​ผม​ยก​ใหญ่. ผม​พยายาม​สุด​ความ​สามารถ​ที่​จะ​กล่าว​ปก​ป้อง​สิ่ง​ที่​ผม​ได้​เรียน​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล.—1 เปโตร 3:15.

หลัง​จาก​พยายาม​พิสูจน์​ว่า​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เป็น​ผู้​สอน​เท็จ​ไม่​สำเร็จ ลุง​ของ​ผม​จึง​ลอง​ใช้​วิธี​ใหม่​ที่​ต่าง​ออก​ไป. เขา​อ้อน​วอน​ผม​ดัง​นี้: “หลาน​อย่า​ลืม​ว่า​การ​ไป​โรง​เรียน​ก็​เพื่อ​รับ​การ​ศึกษา. ถ้า​หลาน​ทิ้ง​การ​เรียน แล้ว​ออก​ไป​เผยแพร่​ศาสนา หลาน​คง​เรียน​ไม่​จบ. ไย​ไม่​รอ​ให้​เรียน​จบ​เสีย​ก่อน แล้ว​ค่อย​เข้า​ไป​ร่วม​ศาสนา​ใหม่​ที่​ว่า​นี้.” ตอน​นั้น​คำ​พูด​ของ​ลุง​ดู​เหมือน​มี​เหตุ​ผล ดัง​นั้น​ผม​จึง​เลิก​ศึกษา​กับ​พวก​พยาน​ฯ.

เดือน​ธันวาคม 1970 หลัง​จาก​จบ​หลัก​สูตร​การ​ศึกษา ผม​ตรง​แน่ว​ไป​ที่​หอ​ประชุม​ราชอาณาจักร​ทันที​และ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​นับ​แต่​วัน​นั้น​เรื่อย​มา. เมื่อ​วัน​ที่ 30 สิงหาคม 1971 ผม​ได้​รับ​บัพติสมา​แสดง​สัญลักษณ์​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระเจ้า. การ​ทำ​เช่น​นั้น​ไม่​ได้​มี​แค่​พ่อ​กับ​แม่​ที่​รู้สึก​ไม่​สบาย​ใจ แต่​รวม​ทั้ง​คน​ใน​ชุมชน​นั้น​ด้วย. พวก​เขา​บอก​ว่า​ผม​ทำ​ให้​เขา​ผิด​หวัง เนื่อง​จาก​ผม​เป็น​นัก​เรียน​ดี​เด่น​คน​แรก​ใน​หมู่​บ้าน​อีโวซา​และ​ละแวก​นั้น​ที่​ได้​รับ​ทุน​การ​ศึกษา​จาก​รัฐบาล. หลาย​คน​ฝาก​ความ​หวัง​ไว้​กับ​ผม. พวก​เขา​คาด​หวัง​จะ​ให้​ผม​ใช้​ความ​รู้​ที่​ได้​ร่ำ​เรียน​มา​นั้น​สร้าง​ประโยชน์​ให้​แก่​ชุมชน.

ผล​ที่​เกิด​ขึ้น​หลัง​จาก​ผม​เปลี่ยน​ศาสนา

ครอบครัว​ของ​ผม​และ​ผู้​เฒ่า​ผู้​แก่​ใน​ชุมชน​ได้​ส่ง​ตัว​แทน​มา​เกลี้ยกล่อม​ผม​ให้​เปลี่ยน​ความ​เชื่อ. ความ​พยายาม​ของ​เขา​มี​ทั้ง​คำ​พูด​เกลี้ยกล่อม​และ​คำ​สาป​แช่ง. เขา​พูด​ทำนอง​นี้​ว่า “ถ้า​ไม่​ละ​ศาสนา​นี้ วัน​ข้าง​หน้า​ของ​เจ้า​ประสบ​หายนะ​แน่ ๆ. เจ้า​จะ​หา​งาน​ไม่​ได้. เจ้า​จะ​ไม่​ได้​ปลูก​บ้าน​สำหรับ​ตัว​เอง. เจ้า​ไม่​สามารถ​จะ​หา​ภรรยา​และ​สร้าง​ครอบครัว​ขึ้น​มา​ได้.”

ตรง​กัน​ข้าม​กับ​คำ​ทำนาย​ที่​บอก​ว่า​จะ​เกิด​ผล​ร้าย สิบ​เดือน​หลัง​เรียน​จบ ผม​ได้​งาน​เป็น​ครู​สอน​หนังสือ​ที่​โรง​เรียน. เดือน​ตุลาคม 1972 ผม​แต่งงาน​กับ​เวโรนิกา​ภรรยา​สุด​ที่​รัก​ของ​ผม. ต่อ​มา ทาง​การ​ให้​ผม​รับ​การ​ฝึก​อบรม​เป็น​ตัว​แทน​จัด​ตั้ง​สหกรณ์​ชาว​นา. ผม​ซื้อ​รถยนต์​คัน​แรก​ของ​ผม และ​เริ่ม​ปลูก​บ้าน. วัน​ที่ 5 พฤศจิกายน 1973 เรา​มี​ลูก​สาว​คน​แรก​ชื่อ​วิกทรี ใน​เวลา​ต่อ​มา​เรา​ได้​ลูก​สาว​ชื่อ​ลิเดีย, แล้ว​ลูก​ชาย​ชื่อ​วิลเฟรด, และ​โจน ลูก​สาว. ปี 1986 ได้​ไมคา ลูก​ชาย​คน​สุด​ท้อง. ปรากฏ​ว่า​ลูก​ทุก​คน​ได้​พิสูจน์​ตัว​เป็น​เด็ก​มี​คุณค่า น่า​ทะนุถนอม เป็น​มรดก​จาก​พระ​ยะโฮวา.—บทเพลง​สรรเสริญ 127:3.

เมื่อ​มอง​ย้อน​หลัง ผม​พูด​ได้​เลย​ว่า​ความ​ประสงค์​ร้าย​ของ​ชุมชน​กลาย​เป็น​พระ​พร​แก่​ผม. ด้วย​เหตุ​ผล​นี้​เอง ผม​ได้​ตั้ง​ชื่อ​ลูก​สาว​คน​แรก​ว่า​วิกทรี. เมื่อ​ไม่​นาน​มา​นี้​ชุมชน​แห่ง​นั้น​เขียน​จดหมาย​ถึง​ผม​และ​บอก​ว่า “ได้​โปรด​เถิด เวลา​นี้​พวก​เรา​ต้องการ​คุณ​กลับ​มา​ร่วม​พัฒนา​ชุมชน​ของ​เรา เพราะ​เรา​เห็น​ว่า​พระเจ้า​ทรง​อวย​พร คุณ.”

การ​เลี้ยง​ดู​บุตร​ใน​แนว​ทาง​ของ​พระเจ้า

ผม​กับ​ภรรยา​ตระหนัก​ดี​ว่า​เรา​ไม่​อาจ​จะ​เอา​ภาระ​รับผิดชอบ​ที่​พระเจ้า​มอบหมาย​ให้​เรา​อบรม​เลี้ยง​ดู​บุตร​นั้น​ไป​ปน​กัน​กับ​การ​มุ่ง​แสวง​ความ​มั่งคั่ง​ด้าน​วัตถุ. ด้วย​เหตุ​นี้ เรา​เรียน​รู้​ที่​จะ​อิ่ม​ใจ​พอ​ใจ​กับ​ชีวิต​อัน​เรียบ​ง่าย. เรา​เลือก​การ​ดำรง​ชีวิต​แบบ​นี้​แทน​ที่​จะ​เผชิญ​ผล​สืบ​เนื่อง​จาก​การ​เลือก​รูป​แบบ​ชีวิต​ที่​ต่าง​ออก​ไป.

ใน​ภูมิภาค​แถบ​นี้​ของ​เรา​ถือ​เป็น​เรื่อง​ปกติ​ที่​จะ​แบ่ง​ห้อง​พัก​อาศัย​ใน​อาคาร​กับ​ครอบครัว​อื่น ๆ, ใช้​ห้อง​น้ำ, ห้อง​ครัว, และ​สิ่ง​อื่น ๆ ร่วม​กัน. ใน​ฐานะ​ข้าราชการ เมื่อ​ผม​ถูก​ย้าย​ไป​อยู่​เมือง​ไหน​ก็​ตาม เรา​ดีใจ​ที่​สามารถ​เช่า​บ้าน​เป็น​ส่วน​ตัว​ขนาด​พอ​อยู่​ได้. จริง​อยู่ บ้าน​พัก​อาศัย​ดัง​กล่าว​มี​ราคา​สูง​กว่า แต่​การ​มี​ที่​อยู่​เป็น​ส่วน​ตัว​ก็​ลด​โอกาส​ที่​ลูก ๆ จะ​พบ​พาน​อิทธิพล​ต่าง ๆ ที่​ไม่​ดี. ผม​รู้สึก​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​ที่​ตลอด​เวลา​หลาย​ปี​พวก​เรา​สามารถ​อบรม​เลี้ยง​ดู​ลูก​ของ​เรา​ใน​สภาพ​แวด​ล้อม​ที่​ดี​สำหรับ​สุขภาพ​ฝ่าย​วิญญาณ.

นอก​จาก​นี้ ภรรยา​ผม​อยู่​บ้าน​เพื่อ​จะ​ได้​อยู่​กับ​ลูก​และ​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​พวก​เขา. เมื่อ​ผม​เลิก​งาน​กลับ​บ้าน เรา​พยายาม​ทำ​สิ่ง​ต่าง ๆ ร่วม​กัน​ฐานะ​เป็น​ครอบครัว. ไม่​ว่า​จะ​ทำ​อะไร เรา​ทำ​กัน​เป็น​ทีม. นั่น​นับ​รวม​เอา​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ใน​ครอบครัว, การ​เตรียม​ส่วน​การ​ประชุม​และ​การ​เข้า​ร่วม​ประชุม​ของ​ประชาคม, การ​ร่วม​งาน​รับใช้​ของ​คริสเตียน, และ​รวม​ไป​ถึง​การ​สังสรรค์​ด้วย.

เรา​พากเพียร​ปฏิบัติ​ตาม​คำ​แนะ​นำ​ที่​พระ​บัญญัติ 6:6, 7 ซึ่ง​กระตุ้น​บรรดา​บิดา​มารดา​ให้​สอน​บุตร​ไม่​เฉพาะ​แต่​ที่​บ้าน​แต่​ทุก​โอกาส. การ​ทำ​เช่น​นี้​ช่วย​ลูก​มอง​หา​เพื่อน​ท่ามกลาง​หมู่​พยาน​ฯ แทน​ที่​จะ​หา​เพื่อน​จาก​ชาว​โลก. ลูก​ของ​เรา​ได้เลียน​แบบ​อย่าง​ของ​เรา​ใน​การ​เลือก​เฟ้น​หา​เพื่อน เพราะ​ผม​กับ​เวโรนิกา​ไม่​ได้​เปลือง​เวลา​ไป​กับ​การ​สมาคม​คบหา​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ไม่​มี​ความ​เชื่อ​เหมือน​กับ​พวก​เรา.—สุภาษิต 13:20; 1 โกรินโธ 15:33.

แน่นอน การ​นำ​ทาง​และ​การ​สอน​ของ​เรา​ไม่​เป็น​เพียง​แรง​จูง​ใจ​ใน​ทาง​ที่​ดี​อย่าง​เดียว​สำหรับ​ชีวิต​ของ​ลูก. บ้าน​ของ​เรา​เปิด​ต้อนรับ​เหล่า​คริสเตียน​ผู้​มี​ใจ​แรง​กล้า​เสมอ​มา ซึ่ง​หลาย​คน​ใน​จำนวน​นี้​เป็น​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​แห่ง​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ใน​ช่วง​ที่​คริสเตียน​อาวุโส​เหล่า​นี้​พัก​อยู่​กับ​ครอบครัว​ของ​เรา​เป็น​โอกาส​ที่​ลูก ๆ ได้​สังเกต​และ​เรียน​รู้​จาก​พวก​เขา​ใน​ด้าน​การ​ดำเนิน​ชีวิต​อย่าง​เสีย​สละ. สิ่ง​นี้​เสริม​พลัง​ใน​การ​สั่ง​สอน​ของ​เรา และ​เด็ก ๆ ได้​ทำ​ให้​ความ​จริง​แห่ง​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​ของ​เขา​เอง.

มี​บำเหน็จ​เพราะ​ความ​เลื่อมใส​พระเจ้า

เวลา​นี้ ผม​กับ​ภรรยา​พร้อม​ทั้ง​ลูก​ของ​เรา​สี่​คน​ทำ​งาน​เผยแพร่​เต็ม​เวลา. ผม​เริ่ม​งาน​ไพโอเนียร์​ครั้ง​แรก​ใน​ปี 1973. ตลอด​ช่วง​หลาย​ปี​นั้น ผม​พัก​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา​เป็น​ครั้ง​คราว​เนื่อง​ด้วย​สภาวะ​ทาง​การ​เงิน. บาง​ครั้ง​ผม​ยัง​มี​สิทธิ​พิเศษ​สอน​ใน​โรง​เรียน​พระ​ราชกิจ ซึ่ง​เป็น​การ​อบรม​คริสเตียน​ผู้​ดู​แล​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ปัจจุบัน ผม​มี​สิทธิ​พิเศษ​รับใช้​ใน​คณะ​กรรมการ​ประสาน​งาน​กับ​โรง​พยาบาล และ​เป็น​ผู้​ดู​แล​นคร ณ เมือง​อูฮอนมอรา.

วิกทรี​และ​ลิเดีย ลูก​สาว​สอง​คน​แรก​ของ​ผม​ได้​แต่งงาน​กับ​คริสเตียน​ผู้​ปกครอง​อย่าง​มี​ความ​สุข. ลูก​ทั้ง​สอง​พร้อม​กับ​สามี​ทำ​งาน​รับใช้​ฐานะ​สมาชิก​สำนักงาน​สาขา​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​อิเกดูมา ประเทศ​ไนจีเรีย. วิลเฟรด ลูก​ชาย​คน​โต​ทำ​หน้า​ที่​ผู้​ช่วย​งาน​รับใช้ และ​ไมคา คน​สุด​ท้อง​รับใช้​ใน​ฐานะ​ไพโอเนียร์​สมทบ​เป็น​ครั้ง​คราว. ปี 1997 โจน​เรียน​จบ​มัธยม​ศึกษา​และ​เริ่ม​งาน​รับใช้​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ.

ประสบการณ์​ที่​ยัง​ความ​ชื่นชม​อย่าง​ยิ่ง​ใน​ชีวิต​ของ​ผม​ได้​แก่​การ​ช่วยเหลือ​ผู้​อื่น​ให้​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า. บุคคล​ดัง​กล่าว​มี​ทั้ง​สมาชิก​บาง​คน​ใน​ครอบครัว​ขยาย​ของ​ผม. พ่อ​ของ​ผม​ตั้งใจ​จะ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา ทว่า​กิจ​ปฏิบัติ​ซึ่ง​พัวพัน​กับ​การ​มี​ภรรยา​หลาย​คน​เป็น​อุปสรรค​ต่อ​ความ​ก้าว​หน้า​ของ​พ่อ. ผม​รัก​ผู้​คน​ตั้ง​แต่​อยู่​ใน​วัย​หนุ่ม. เมื่อ​ผม​เห็น​คน​อื่น​ตก​ทุกข์​ได้​ยาก ผม​มี​ความ​รู้สึก​ว่า​ปัญหา​ต่าง ๆ ของ​ผม​ไม่​ใช่​เรื่อง​สำคัญ​นัก. ผม​คาด​ว่า​พวก​เขา​เห็น​ผม​เป็น​คน​จริง​ใจ​อยาก​ช่วยเหลือ​ผู้​อื่น และ​ข้อ​นี้​คง​ทำ​ให้​เขา​สามารถ​พูด​คุย​กับ​ผม​ได้​ง่าย​ขึ้น.

ชาย​หนุ่ม​ที่​ป่วย​ลุก​ไป​ไหน​ไม่​ได้​เป็น​คน​หนึ่ง​ใน​บรรดา​ผู้​ที่​ผม​ช่วย​ให้​มี​ความ​รู้​เกี่ยว​กับ​พระ​ประสงค์​ของ​พระเจ้า. เขา​เป็น​คน​งาน​บริษัท​ไฟฟ้า เขา​ถูก​ไฟ​ดูด​ขณะ​ทำ​งาน นี่​เป็น​เหตุ​ที่​เขา​เป็น​อัมพาต [ครึ่ง​ตัว] จาก​หน้า​อก​ลง​ไป​จน​ถึง​เท้า. เขา​ตก​ลง​ใจ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ และ​ที​ละ​น้อย เขา​ตอบรับ​สิ่ง​ที่​ได้​เรียน​รู้. วัน​ที่ 14 ตุลาคม 1995 เขา​ได้​รับ​บัพติสมา​ใน​ลำธาร​ใกล้​บ้าน​ของ​เรา นับ​เป็น​ครั้ง​แรก​ใน​รอบ 15 ปี​ที่​เขา​เคลื่อน​ตัว​จาก​เตียง. เขา​บอก​ว่า​วัน​รับ​บัพติสมา​เป็น​วัน​ที่​มี​ความ​สุข​ที่​สุด​ใน​ชีวิต. ตอน​นี้​เขา​เป็น​ผู้​ช่วย​งาน​รับใช้​ใน​ประชาคม.

ผม​จำ​ต้อง​พูด​ว่า​ผม​ไม่​ผิด​หวัง​ที่​ได้​ตัดสิน​ใจ​เลือก​เมื่อ 30 กว่า​ปี​มา​แล้ว​ว่า​จะ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​พร้อม​กัน​กับ​ไพร่​พล​ที่​เป็น​เอกภาพ​ซึ่ง​ได้​อุทิศ​ตัว​แด่​พระองค์. ผม​เห็น​ความ​รัก​แท้​ใน​ภาค​ปฏิบัติ​ท่ามกลาง​พวก​เขา. แม้​หาก​ไม่​รวม​ความ​หวัง​ที่​จะ​มี​ชีวิต​นิรันดร์​อยู่​ใน​บำเหน็จ​ที่​พระ​ยะโฮวา​จะ​ประทาน​แก่​ผู้​รับใช้​ที่​ซื่อ​สัตย์​ของ​พระองค์ กระนั้น ผม​ก็​ยัง​ปรารถนา​ชีวิต​ที่​เลื่อมใส​พระเจ้า. (1 ติโมเธียว 6:6; เฮ็บราย 11:6) ความ​เลื่อมใส​พระเจ้า​เป็น​แนว​ทาง​ที่​ชี้​นำ​วิถี​ชีวิต​และ​ทำ​ให้​ชีวิต​ของ​ผม​มั่นคง, นำ​ความ​ชื่นชม​ยินดี, ความ​พึง​พอ​ใจ, และ​ความ​สุข​มา​สู่​ตัว​ผม​เอง​และ​รวม​ไป​ถึง​ครอบครัว​ด้วย.

[ภาพ​หน้า 25]

กับ​ภรรยา​และ​ลูก ๆ ใน​ปี 1990

[ภาพ​หน้า 26]

กับ​ภรรยา​และ​ลูก พร้อม​ด้วย​ลูก​เขย​สอง​คน