ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

รับการเสริมกำลังจากภราดรภาพของเราที่มีอยู่ทั่วโลก

รับการเสริมกำลังจากภราดรภาพของเราที่มีอยู่ทั่วโลก

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

รับ​การ​เสริม​กำลัง​จาก​ภราดรภาพ​ของ​เรา​ที่​มี​อยู่​ทั่ว​โลก

เล่า​โดย​ทอมสัน กังกาเลอ

วัน​ที่ 24 เมษายน 1993 ผม​ได้​รับ​เชิญ​ให้​เข้า​ร่วม​กำหนดการ​อุทิศ​ชุด​อาคาร​สำนักงาน​สาขา​ใหม่​ซึ่ง​รวม 13 อาคาร​ด้วย​กัน ใน​เมือง​ลูซากา ประเทศ​แซมเบีย. เนื่อง​จาก​ผม​เดิน​ไม่​สะดวก พี่​น้อง​หญิง​คริสเตียน​ที่​นำ​เที่ยว​ชม​อาคาร​ต่าง ๆ ได้​ถาม​ผม​อย่าง​กรุณา​ว่า “ให้​ดิฉัน​ช่วย​หิ้ว​เก้าอี้​ไป​ด้วย​ดี​ไหม​คะ เผื่อ​คุณ​จะ​ได้​นั่ง​พัก​เป็น​ครั้ง​เป็น​คราว?” ผม​เป็น​คน​ผิว​ดำ ซิสเตอร์​คน​นี้​เป็น​คน​ผิว​ขาว แต่​เธอ​ไม่​ถือ​เป็น​เรื่อง​สำคัญ. ผม​กล่าว​ขอบคุณ​เธอ​ด้วย​ความ​ซาบซึ้ง​ใจ เพราะ​ความ​กรุณา​ของ​เธอ​นี่​เอง​ผม​จึง​มี​โอกาส​ได้​ตระเวน​ชม​ทุก​อาคาร​ใน​สำนักงาน​สาขา.

ตลอด​หลาย​ปี​ที่​ผ่าน​มา ประสบการณ์​ทำนอง​นี้​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​อบอุ่น​ใน​หัวใจ เป็น​การ​ยืน​ยัน​ความ​เชื่อ​มั่น​ของ​ผม​ที่​ว่า​ความ​รัก​ภาย​ใน​สังคม​คริสเตียน​พยาน​พระ​ยะโฮวา​นั้น​เป็น​ข้อ​พิสูจน์​ตัว​สาวก​แท้​ตาม​ที่​พระ​คริสต์​ตรัส​ไว้. (โยฮัน 13:35; 1 เปโตร 2:17) ผม​ขอ​เล่า​ให้​คุณ​ฟัง​ถึง​ความ​เป็น​มา​ที่​ผม​ได้​รู้​จัก​คริสเตียน​เหล่า​นี้​ย้อน​หลัง​ไป​ใน​ปี 1931 ซึ่ง​เป็น​ปี​ที่​พวก​เขา​ประกาศ​ตัว​อย่าง​เปิด​เผย ให้​เป็น​ที่​รู้​จัก​ตาม​ชื่อ​เรียก​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ว่า​พยาน​ของ​พระ​ยะโฮวา.—ยะซายา 43:12.

งาน​รับใช้​ช่วง​แรก​ใน​แอฟริกา

เดือน​พฤศจิกายน 1931 ตอน​นั้น​ผม​อายุ 22 ปี อาศัย​อยู่​ที่​เมือง​คีทเว ใน​เขต​คอปเปอร์เบลต์​ของ​โรดีเซีย​ตอน​เหนือ (แซมเบีย​ใน​ปัจจุบัน). เพื่อน​ที่​เล่น​เตะ​บอล​ด้วย​กัน​ได้​แนะ​นำ​ผม​ให้​รู้​จัก​พยาน​ฯ. ผม​ไป​ร่วม​ประชุม​เป็น​บางครั้ง และ​เขียน​ไป​ยัง​สำนักงาน​สาขา​ที่​เคปทาวน์ แอฟริกา​ใต้ เพื่อ​ขอ​รับ​หนังสือ​พิณ​ของ​พระเจ้า * คู่มือ​สำหรับ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์. หนังสือ​นั้น​เป็น​ภาษา​อังกฤษ​ซึ่ง​ยาก​ที่​ผม​จะ​เข้าใจ เนื่อง​จาก​ผม​ไม่​ถนัด​ภาษา​อังกฤษ.

เขต​คอปเปอร์เบลต์​อยู่​ห่าง​จาก​ทะเลสาบ​บังเวอูลู​ไป​ทาง​ทิศ​ตะวัน​ตก​เฉียง​ใต้​ประมาณ 240 กิโลเมตร ใกล้​กับ​ตำบล​ซึ่ง​ผม​อยู่​มา​ตั้ง​แต่​เล็ก​จน​โต คน​งาน​จาก​หลาย​จังหวัด​ถูก​ว่า​จ้าง​มา​ทำ​งาน​ที่​เหมือง​ทองแดง. พยาน​พระ​ยะโฮวา​หลาย​กลุ่ม​ได้​จัด​ประชุม​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ที่​นั่น​เป็น​ประจำ. หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน ผม​ได้​ย้าย​จาก​เมือง​คีทเว​ไป​ยัง​เมือง​อึนโดลา​ซึ่ง​อยู่​ไม่​ไกล และ​เริ่ม​สมทบ​กับ​กลุ่ม​พยาน​ฯ ที่​นั่น. สมัย​นั้น ผม​เป็น​กัปตัน​ทีม​ฟุตบอล​ปรินซ์ออฟเวลส์. นอก​จาก​นั้น ผม​ทำ​งาน​เป็น​คน​ใช้​ที่​บ้าน​ผู้​จัด​การ​บริษัท​แอฟริกัน​เลกส์คอร์ปอเรชัน​ซึ่ง​เป็น​คน​ผิว​ขาว บริษัท​นี้​มี​ร้าน​ใน​เครือ​จำนวน​มาก​ทั่ว​แอฟริกา​กลาง.

ผม​เรียน​มา​น้อย​และ​เรียน​ภาษา​อังกฤษ​นิด ๆ หน่อย ๆ จาก​ชาว​ยุโรป​ที่​ผม​ทำ​งาน​อยู่​ด้วย. ถึง​กระนั้น ผม​กระตือรือร้น​อยาก​เรียน​เพิ่ม​เติม​และ​จึง​ไป​สมัคร​เรียน​ใน​โรง​เรียน​ที่​เมือง​พลัมทรี โรดีเซีย​ใต้ (ประเทศ​ซิมบับเว​ใน​ปัจจุบัน). แต่​ระหว่าง​นั้น ผม​เขียน​จดหมาย​ไป​ที่​สำนักงาน​สาขา​เคปทาวน์​เป็น​ครั้ง​ที่​สอง. ผม​แจ้ง​ให้​เขา​ทราบ​ว่า​ผม​ได้​รับ​หนังสือ​พิณ​ของ​พระเจ้า​แล้ว และ​ต้องการ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​เต็ม​เวลา.

ผม​ประหลาด​ใจ​เมื่อ​รับ​จดหมาย​ตอบ​กลับ​บอก​ว่า “เรา​ขอ​ชมเชย​คุณ​ที่​ประสงค์​จะ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา. เรา​อยาก​สนับสนุน​คุณ​ให้​อธิษฐาน​เกี่ยว​ด้วย​เรื่อง​นี้ และ​พระ​ยะโฮวา​จะ​ช่วย​คุณ​เข้าใจ​เรื่อง​ความ​จริง​ลึกซึ้ง​ยิ่ง​ขึ้น และ​พระองค์​จะ​ให้​ที่​สำหรับ​คุณ​เพื่อ​ทำ​งาน​รับใช้​พระองค์.” หลัง​จาก​อ่าน​ทบทวน​จดหมาย​นั้น​หลาย​ครั้ง ผม​ไต่ถาม​พยาน​พระ​ยะโฮวา​หลาย​คน​ว่า​ผม​ควร​ทำ​อย่าง​ไร. เขา​บอก​ว่า “ถ้า​คุณ​ปรารถนา​จะ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​จริง ๆ ก็​ทำ​ไป​เถอะ และ​เริ่ม​ทำ​ทันที.”

ผม​อธิษฐาน​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​นี้​ตลอด​สัปดาห์ ใน​ที่​สุด​ก็​ตัดสิน​ใจ​เลิก​เรียน​หนังสือ​และ​มุ่ง​หน้า​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​พวก​พยาน​ฯ. ปี​ถัด​มา เดือน​มกราคม 1932 ผม​แสดง​สัญลักษณ์​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ด้วย​การ​รับ​บัพติสมา​ใน​น้ำ. หลัง​การ​ย้าย​จาก​เมือง​อึนโดลา​ไป​ยัง​เมือง​ลูอันชา​ที่​อยู่​ใกล้ ๆ ผม​ก็​ได้​รู้​จัก​กับ​เจเนต เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ​เดียว​กัน และ​เรา​แต่งงาน​กัน​ใน​เดือน​กันยายน 1934. ตอน​เรา​แต่งงาน เจเนต​มี​ลูก​ติด​เป็น​ชาย​หนึ่ง​หญิง​หนึ่ง.

ผม​ทำ​ความ​ก้าว​หน้า​ฝ่าย​วิญญาณ​เรื่อย ๆ พอ​ถึง​ปี 1937 ผม​ก็​เข้า​สู่​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา. ต่อ​จาก​นั้น​ไม่​นาน ผม​ถูก​แต่ง​ตั้ง​เป็น​ผู้​รับใช้​เดิน​ทาง ปัจจุบัน​เรียก​ว่า​ผู้​ดู​แล​หมวด ซึ่ง​เดิน​ทาง​เยี่ยม​ประชาคม​ต่าง ๆ ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา เพื่อ​ให้​การ​หนุน​ใจ​ฝ่าย​วิญญาณ.

งาน​ประกาศ​เผยแพร่​ช่วง​ต้น ๆ

เดือน​มกราคม 1938 ผม​ได้​รับ​คำ​สั่ง​ให้​ไป​เยี่ยม​หัวหน้า​เผ่า​ชาว​แอฟริกา​ชื่อ​โซโกนทวี เนื่อง​จาก​เขา​ขอ​ให้​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ไป​เยี่ยม. ผม​ขี่​จักรยาน​สาม​วัน​กว่า​จะ​เข้า​ถึง​บริเวณ​พื้น​ที่​ของ​เขา. เมื่อ​ชี้​แจง​ให้​เขา​ทราบ​ว่า สำนักงาน​ที่​เคปทาวน์ส่ง​ผม​มา​ตาม​ที่​ขอ​ไป​ใน​จดหมาย เขา​ปลื้ม​ปีติ​เป็น​อย่าง​ยิ่ง.

ผม​ไป​เยี่ยม​ตาม​กระท่อม​ต่าง ๆ ของ​ลูก​บ้าน​ที่​อยู่​ใน​ปกครอง​ของ​เขา และ​เชิญ​พวก​เขา​ไป​ที่ อินซากา (ปะรำ​ที่​ชุมนุม​ของ​หมู่​บ้าน). เมื่อ​มา​กัน​พร้อม​หน้า ผม​จึง​ได้​กล่าว​ปราศรัย​ต่อ​ฝูง​ชน. ผล​คือ​มี​การ​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​หลาย​ราย. ผู้​ใหญ่​บ้าน​และ​ผู้​ช่วย​ด้าน​ทะเบียน​กลาย​มา​เป็น​ผู้​ดู​แล​ชุด​แรก​ของ​ประชาคม​ที่​นั่น. ปัจจุบัน มี​มาก​กว่า 50 ประชาคม​ทั่ว​เขต​พื้น​ที่ ซึ่ง​ตอน​นี้​รู้​จัก​กัน​ว่า​เขต​ซัมฟยา.

ช่วง​ระหว่าง​ปี 1942 ถึง 1947 ผม​ปฏิบัติ​งาน​ใน​เขต​รอบ​ทะเลสาบ​บังเวอูลู. ผม​อยู่​ทำ​งาน​ร่วม​กับ​ประชาคม​หนึ่ง ๆ นาน​สิบ​วัน. เนื่อง​จาก​สมัย​นั้น​คน​ทำ​การ​เกี่ยว​ฝ่าย​วิญญาณ​มี​น้อย พวก​เรา​คิด​เหมือน​พระ​เยซู​คริสต์ พระ​ผู้​เป็น​เจ้าของ​เรา​ใน​คราว​ที่​พระองค์​ตรัส​ว่า “การ​เกี่ยว​นั้น​เป็น​การ​ใหญ่​นัก​หนา, แต่​คน​ทำ​การ​ยัง​น้อย​อยู่. เหตุ​ฉะนั้น​จง​อธิษฐาน​ขอ​ต่อ​เจ้าของ​ของ​การ​เกี่ยว​นั้น, ให้​ใช้​คน​ทำ​การ​หลาย​คน​ไป​ใน​การ​เกี่ยว​ของ​พระองค์.” (มัดธาย 9:36-38) การ​เดิน​ทาง​สมัย​นั้น​ลำบาก ดัง​นั้น ตาม​ปกติ​เจเนต​อยู่​กับ​บ้าน​ดู​แล​ลูก​ที่​เมือง​ลูอันชา ขณะ​ที่​ผม​เดิน​ทาง​เยี่ยม​ประชาคม​ต่าง ๆ. จวบ​จน​เวลา​นั้น ผม​กับ​เจเนต​ได้​ลูก​เพิ่ม​อีก​สอง​คน แต่​คน​หนึ่ง​ตาย​เมื่อ​อายุ​ได้​สิบ​เดือน.

สมัย​นั้น​ไม่​ค่อย​มี​รถยนต์ และ​ถนน​ก็​มี​ไม่​มาก​เช่น​กัน. วัน​หนึ่ง ผม​ออก​เดิน​ทาง​เป็น​ระยะ​ไกล​ประมาณ 200 กิโลเมตร​โดย​ขี่​จักรยาน​ของ​เจเนต. บาง​ครั้ง​เมื่อ​ต้อง​ข้าม​ลำธาร ผม​ยก​จักรยาน​ใส่​บ่า​แบก​ใช้​มือ​ข้าง​หนึ่ง​จับ​ไว้ และ​ใช้​แขน​อีก​ข้าง​หนึ่ง​ว่าย​น้ำ. ช่วง​เวลา​นั้น เหล่า​พยาน​ฯ ใน​เมือง​ลูอันชา​มี​จำนวน​เพิ่ม​ขึ้น​มาก​อย่าง​น่า​ทึ่ง และ​ใน​ปี 1946 ผู้​เข้า​ร่วม​ประชุม​อนุสรณ์​ระลึก​การ​วาย​พระ​ชนม์​ของ​พระ​คริสต์​มี​ถึง 1,850 คน.

งาน​ของ​เรา​เผชิญ​การ​ต่อ​ต้าน​ขัด​ขวาง

คราว​หนึ่ง​ระหว่าง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง ข้าหลวง​ประจำ​เมือง​กาวามบวา​เรียก​ผม​เข้า​พบ และ​บอก​ว่า “ผม​ต้องการ​ให้​คุณ​งด​ใช้​หนังสือ​ของ​สมาคม​ว็อชเทาเวอร์​เพราะ​เวลา​นี้​ถูก​สั่ง​ห้าม​ไป​แล้ว. แต่​ผม​จะ​ให้​หนังสือ​อ้างอิง​แก่​คุณ เผื่อ​คุณ​อาจ​ต้องการ​ใช้​แต่ง​หนังสือ​เล่ม​อื่น​สำหรับ​งาน​ของ​คุณ.”

ผม​ตอบ​ว่า “ผม​พึง​พอ​ใจ​กับ​หนังสือ​ที่​เรา​มี​อยู่​แล้ว และ​ผม​ไม่​จำเป็น​ต้อง​มี​อะไร​เพิ่ม​เข้า​มา.”

“คุณ​ไม่​รู้​จัก​คน​อเมริกัน” เขา​พูด (สมัย​นั้น​หนังสือ​ของ​เรา​พิมพ์​ใน​สหรัฐ). “พวก​นี้​จะ​ชัก​นำ​คุณ​ไป​สู่​แนว​ทาง​ที่​ผิด.”

“ไม่​หรอก​ครับ พวก​ที่​ผม​สมทบ​ด้วย​จะ​ไม่​ทำ​เช่น​นั้น” ผม​ตอบ.

แล้ว​เขา​ก็​ถาม​ว่า “คุณ​จะ​สนับสนุน​ประชาคม​ต่าง ๆ ของ​คุณ​ให้​บริจาค​เงิน​ช่วย​การ​สงคราม​ได้​ไหม อย่าง​ที่​ศาสนา​อื่น​ดำเนิน​การ​อยู่​ขณะ​นี้?”

ผม​ตอบ​เขา​ว่า “งาน​นั้น​เป็น​งาน​ของ​เจ้าหน้าที่​ของ​รัฐ​นี่​ครับ.”

เขา​พูด​ว่า “ผม​ว่า​คุณ​กลับ​ไป​ก่อน​แล้ว​ตรอง​เรื่อง​นี้​อีก​ที​ดี​ไหม?”

ผม​ตอบ​ไป​ว่า “คัมภีร์​ไบเบิล​สั่ง​พวก​เรา​ไม่​ให้​ฆ่า​คน​และ​ต่อ​สู้​กัน ดัง​แจ้ง​อยู่​ใน​เอ็กโซโด 20:13 และ 2 ติโมเธียว 2:24.”

แม้​เขา​อนุญาต​ให้​ผม​กลับ​ไป​ได้ ใน​เวลา​ต่อ​มา​ข้าหลวง​ประจำ​เมือง​ฟอร์ต​โรส​เบรี ซึ่ง​เดี๋ยว​นี้​เรียก​ว่า​มานซา เรียก​ผม​กลับ​เข้า​ไป​พบ เขา​พูด​ว่า “ที่​เรา​เรียก​คุณ​มา​พบ​วัน​นี้​เพื่อ​จะ​ให้​รับ​รู้​ว่า​รัฐบาล​สั่ง​ห้าม​หนังสือ​ของ​คุณ​แล้ว.”

“ครับ ผม​ได้​ข่าว​แล้ว” ผม​ตอบ.

“ฉะนั้น คุณ​ควร​ไป​ยัง​ประชาคม​ทุก​แห่ง​ที่​คุณ​รู้​จัก และ​แจ้ง​แก่​พวก​ที่​ร่วม​นมัสการ​ด้วย​กัน​กับ​คุณ​ให้​เอา​หนังสือ​ทุก​อย่าง​มา​ไว้​ที่​นี่ เข้าใจ​หรือ​ยัง?”

ผม​ตอบ​ว่า “นั่น​ไม่​ใช่​งาน​ของ​ผม เป็น​งาน​รับผิดชอบ​ของ​เจ้าหน้าที่​ของ​รัฐ.”

การ​เผชิญ​หน้า​กัน​ก่อ​ผล​ที่​ดี

หลัง​สงคราม พวก​เรา​ยัง​คง​รุด​หน้า​ทำ​การ​เผยแพร่. ใน​ปี 1947 ตอน​ที่​ผม​เพิ่ง​เสร็จ​งาน​เยี่ยม​ประชาคม​ใน​หมู่​บ้าน​มวานซา ผม​เสาะ​หา​ร้าน​ซึ่ง​พอ​จะ​ซื้อ​น้ำ​ชา​ได้​สัก​ถ้วย. มี​คน​ชี้​ทาง​ให้​ผม​ไป​ที่​บ้าน​มิสเตอร์​อึนคนดี ที่​นั่น​เป็น​ร้าน​น้ำ​ชา. มิสเตอร์​อึนคนดี​พร้อม​กับ​ภรรยา​ได้​ต้อนรับ​ผม​ด้วย​อัธยาศัย​ไมตรี. ระหว่าง​ดื่ม​น้ำ​ชา ผม​ขอ​มิสเตอร์​อึนคนดี​อ่าน​บท​ที่​มี​ชื่อ​ว่า “นรก สถาน​ที่​พักผ่อน​พร้อม​ด้วย​ความ​หวัง” ใน​หนังสือ “จง​ให้​พระเจ้า​เป็น​องค์​สัตย์​จริง.”

หลัง​การ​ดื่ม​ชา​แล้ว​ผม​ถาม​ว่า “คุณ​อ่าน​แล้ว​เข้าใจ​อย่าง​ไร​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​นรก?” ด้วย​ความ​รู้สึก​ทึ่ง​กับ​เรื่อง​ที่​อ่าน เขา​ได้​เริ่ม​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา และ​ที​หลัง​ก็​รับ​บัพติสมา​พร้อม​กับ​ภรรยา. แม้​ว่า​เขา​ไม่​ได้​เป็น​พยาน​ฯ แล้ว​ก็​ตาม แต่​ภรรยา​และ​ลูก​บาง​คน​ยัง​คง​สถานะ​เป็น​พยาน​ฯ. อัน​ที่​จริง พิลนี​ลูก​สาว​ของ​เขา​ขณะ​นี้​รับใช้​ที่​สำนักงาน​สาขา​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ประเทศ​แซมเบีย. แม้​ตอน​นี้​มารดา​ของ​พิลนี​มี​อายุ​มาก แต่​ก็​ยัง​เป็น​พยาน​ฯ ที่​ซื่อ​สัตย์.

ชีวิต​ช่วง​สั้น ๆ ทาง​ตะวัน​ออก​ของ​แอฟริกา

สำนักงาน​สาขา​ของ​เรา​ซึ่ง​ตั้ง​ขึ้น​เมื่อ​ช่วง​ต้น​ปี 1948 ที่​เมือง​ลูซากา โรดีเซีย​เหนือ ได้​มอบหมาย​ผม​ไป​ทำ​งาน​ที่​แทนแกนยิกา (แทนซาเนีย​ใน​ปัจจุบัน). เพื่อน​ที่​เดิน​ทาง​ไป​ด้วย​กัน​ก็​มี​ภรรยา​และ​พยาน​ฯ ชาย​อีก​คน​หนึ่ง เรา​เดิน​เท้า​ผ่าน​พื้น​ที่​ภูเขา. การ​เดิน​ทาง​ตลอด​สาม​วัน​ทำ​เอา​เรา​เหน็ด​เหนื่อย​มาก. ขณะ​ที่​ผม​เป็น​ฝ่าย​หอบ​หนังสือ​มัด​ใหญ่ ภรรยา​ผม​ขน​เฉพาะ​เสื้อ​ผ้า​ไป ส่วน​พยาน​ฯ อีก​คน​แบก​ที่​นอน​หมอน​มุ้ง.

เมื่อ​เรา​ไป​ถึง​เมือง​อึมเบยา​ใน​เดือน​มีนาคม 1948 มี​งาน​ที่​ต้อง​ทำ​มาก​มาย​เพื่อ​ช่วย​พวก​พี่​น้อง​ปรับ​เปลี่ยน​ให้​ถูก​ต้อง​เข้า​ร่อง​เข้า​รอย​จริง ๆ กับ​หลัก​คำ​สอน​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล. อย่าง​หนึ่ง​คือ ผู้​คน​ใน​ท้อง​ที่​รู้​จัก​พวก​เรา​ว่า​เป็น​คน​ของ​ว็อชเทาเวอร์. แม้​พวก​พี่​น้อง​ได้​รับ​เอา​ชื่อ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​แล้ว​ก็​ตาม แต่​ทว่า​ยัง​ไม่​เป็น​ที่​รู้​จัก​สำหรับ​คน​ทั่ว​ไป. นอก​จาก​นั้น พยาน​ฯ บาง​คน​ยัง​จะ​ต้อง​เลิก​ปฏิบัติ​ธรรมเนียม​บาง​อย่าง​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​ให้​เกียรติ​คน​ตาย. แต่​การ​ปรับ​เปลี่ยน​ซึ่ง​ยาก​ที่​สุด​สำหรับ​หลาย​คน​คือ​การ​จด​ทะเบียน​สมรส​ตาม​กฎหมาย เพื่อ​เขา​จะ​ได้​เป็น​ที่​นับถือ​ท่ามกลาง​คน​ทั้ง​ปวง.—เฮ็บราย 13:4.

ต่อ​มา ผม​ได้​รับ​สิทธิ​พิเศษ​ให้​ไป​ปฏิบัติ​งาน​ทาง​ภาค​ตะวัน​ออก​ของ​แอฟริกา รวม​ถึง​ยูกันดา​ด้วย. ผม​อยู่​ทำ​งาน​ที่​เอนเทบเบ​และ​กัมปาลา​ประมาณ​หก​สัปดาห์ และ​ได้​ช่วย​หลาย​คน​เรียน​รู้​ความ​จริง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล.

คำ​เชิญ​ให้​ไป​นคร​นิวยอร์ก

หลัง​การ​ปฏิบัติ​งาน​ใน​ยูกันดา​ระยะ​หนึ่ง ต้น​ปี 1956 ผม​ได้​มา​ที่​ดาร์เอสซาลาม เมือง​หลวง​ของ​ประเทศ​แทนแกนยิกา. มี​จดหมาย​จาก​สำนักงาน​กลาง​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​รอ​ผม​อยู่. ใน​จดหมาย​นั้น​มี​คำ​สั่ง​ให้​ผม​เตรียม​ตัว​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​นานา​ชาติ​ใน​นคร​นิวยอร์ก ซึ่ง​จะ​เริ่ม​วัน​ที่ 27 กรกฎาคม​ไป​จน​ถึง​วัน​ที่ 3 สิงหาคม 1958. คง​ไม่​ต้อง​พูด​กัน​ละ​ว่า​ผม​ตื่นเต้น​ดีใจ​มาก​เพียง​ใด​กับ​โอกาส​นั้น.

เมื่อ​ถึง​เวลา​นั้น ผม​กับ​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​อีก​คน​หนึ่ง​คือ​ลูคา มวังกอ​ได้​นั่ง​เครื่องบิน​จาก​อึนโดลา​ไป​ซอลิสเบอรี (เดี๋ยว​นี้​คือ​ฮาราเร) โรดีเซีย​ใต้ แล้ว​ไป​ต่อ​จน​ถึง​ไนโรบี ประเทศ​เคนยา. จาก​นั้น​เรา​บิน​ไป​ลอนดอน ประเทศ​อังกฤษ ซึ่ง​ที่​นั่น​เรา​ได้​รับ​การ​ต้อนรับ​อย่าง​อบอุ่น. เมื่อ​เรา​เข้า​นอน​ใน​คืน​นั้น​ที่​มา​ถึง​อังกฤษ เรา​คุย​กัน​ด้วย​ความ​ตื่นเต้น​ใน​เรื่อง​ของ​เรา​คน​แอฟริกัน​ได้​รับ​การ​ต้อนรับ​อย่าง​เอื้อ​อารี​มาก​เพียง​ไร​จาก​คน​ผิว​ขาว. ประสบการณ์​ครั้ง​นั้น​ทำ​ให้​พวก​เรา​ได้​กำลังใจ​มาก​ที​เดียว.

ใน​ที่​สุด​เรา​ไป​ถึง​นิวยอร์ก ซึ่ง​การ​ประชุม​ใหญ่​จัด​ขึ้น​ที่​นั่น. วัน​หนึ่ง ระหว่าง​การ​ประชุม ผม​ได้​ให้​รายงาน​เกี่ยว​กับ​กิจกรรม​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ประเทศ​โรดีเซีย​เหนือ. สนาม​โปโล​และ​สนาม​กีฬา​แยงกี​ใน​มหา​นคร​นิวยอร์ก วัน​นั้น​มี​ผู้​เข้า​ร่วม​ประชุม​เกือบ 200,000 คน. คืน​นั้น​ผม​หลับ​ไม่​ลง​เพราะ​นึก​ถึง​ความ​ชื่นชม​ยินดี​ใน​สิทธิ​พิเศษ​อัน​ล้ำ​เลิศ.

มิ​ช้า​มิ​นาน การ​ประชุม​ใหญ่​ก็​สิ้น​สุด และ​เรา​เดิน​ทาง​กลับ​บ้าน. ระหว่าง​เดิน​ทาง​กลับ อีก​ครั้ง​หนึ่ง​เรา​ประสบ​ความ​เอื้อ​อารี​ที่​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก​ซึ่ง​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​ใน​อังกฤษ​แสดง​ต่อ​เรา. ใน​ช่วง​เดิน​ทาง เอกภาพ​ท่ามกลาง​ไพร่​พล​ของ​พระ​ยะโฮวา​ไม่​ว่า​จะ​เป็น​เชื้อชาติ​สัญชาติ​ไหน​ก็​ตาม ได้​ปรากฏ​ให้​เห็น​อย่าง​ที่​เรา​จะ​ลืม​เสีย​มิ​ได้!

งาน​รับใช้​และ​ความ​ยาก​ลำบาก​คง​มี​อยู่​ต่อ​ไป

ปี 1967 ผม​ถูก​แต่ง​ตั้ง​ให้​เป็น​ผู้​ดู​แล​ภาค ซึ่ง​ได้​แก่​ผู้​รับใช้​ที่​เดิน​ทาง​จาก​หมวด​หนึ่ง​ไป​อีก​หมวด​หนึ่ง. ตอน​นั้น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ประเทศ​แซมเบีย​เพิ่ม​จำนวน​เป็น 35,000 กว่า​คน. ใน​เวลา​ต่อ​มา เนื่อง​จาก​สุขภาพ​ของ​ผม​แย่​ลง ผม​จึง​ถูก​มอบ​หน้า​ที่​ให้​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด​อีก​ครั้ง​หนึ่ง ณ เขต​คอปเปอร์เบลต์. ใน​ที่​สุด เจเนต​เริ่ม​มี​ปัญหา​ด้าน​สุขภาพ และ​เสีย​ชีวิต​ใน​เดือน​ธันวาคม 1984 ขณะ​ที่​เธอ​ยัง​คง​ซื่อ​สัตย์​ต่อ​พระ​ยะโฮวา.

หลัง​การ​ตาย​ของ​เธอ ผม​เจ็บ​ปวด​มาก​เมื่อ​ญาติ​ฝ่าย​เจเนต​ซึ่ง​ไม่​ศรัทธา​พระเจ้า​ได้​กล่าวหา​ผม​ใช้​เวทมนตร์​จน​เป็น​เหตุ​ให้​เจเนต​ถึง​แก่​ความ​ตาย. แต่​บาง​คน​ที่​รู้​เรื่อง​อาการ​ป่วย​ของ​เจเนต​และ​พูด​คุย​กับ​หมอ​ที่​ทำ​การ​รักษา​เธอ​ได้​ชี้​แจง​ให้​ญาติ ๆ รู้​ความ​จริง. แล้ว​การ​ทดลอง​อีก​อย่าง​ก็​ตาม​มา. ญาติ​บาง​คน​อยาก​ให้​ผม​ปฏิบัติ​ตาม​ธรรมเนียม​อุคุพยานิกา. ใน​ภูมิภาค​ที่​ผม​เติบโต​มา​นั้น ธรรมเนียม​ปฏิบัติ​แบบ​นี้​กำหนด​ว่า​เมื่อ​สามี​หรือ​ภรรยา​ตาย​ไป ฝ่าย​ที่​ยัง​มี​ชีวิต​ต้อง​ร่วม​เพศ​กับ​ญาติ​ใกล้​ชิด​ของ​ผู้​ตาย. แน่นอน ผม​ปฏิเสธ.

ผล​ที่​สุด ความ​กดดัน​จาก​พวก​ญาติ​ได้​จบ​สิ้น​ไป. ผม​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​ที่​ทรง​ช่วย​ผม​ยืนหยัด​มั่นคง. หนึ่ง​เดือน​หลัง​จาก​จัด​การ​ฝัง​ศพ​ภรรยา​แล้ว บราเดอร์​คน​หนึ่ง​มา​หา​ผม​และ​พูด​ว่า “บราเดอร์​กังกาเลอ ตอน​ที่​ภรรยา​คุณ​ตาย คุณ​เป็น​แหล่ง​ให้​การ​หนุน​กำลังใจ​พวก​เรา​อย่าง​แท้​จริง เพราะ​คุณ​ไม่​ยอม​ปฏิบัติ​ตาม​ธรรมเนียม​ใด ๆ แม้​แต่​อย่าง​เดียว​ซึ่ง​เป็น​แนว​ทาง​ที่​ไม่​เลื่อมใส​พระเจ้า. พวก​เรา​ต้อง​ขอ​ขอบคุณ​บราเดอร์​มาก ๆ.”

การ​เก็บ​เกี่ยว​ผล​ที่​น่า​พิศวง

บัด​นี้​เป็น​เวลา 65 ปี​แล้ว​ตั้ง​แต่​ผม​เริ่ม​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา​ฐานะ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ช่าง​เป็น​ความ​ยินดี​อะไร​เช่น​นั้น​ใน​ช่วง​เวลา​หลาย​ปี​ที่​ได้​เห็น​การ​จัด​ตั้ง​ประชาคม​ใหม่​หลาย​ร้อย​ประชาคม และ​เห็น​การ​สร้าง​หอ​ประชุม​ราชอาณาจักร​บน​เขต​พื้น​ที่​ซึ่ง​ผม​เคย​ปฏิบัติ​งาน​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง! จาก​จำนวน​พยาน​ฯ ประมาณ 2,800 คน​ใน​ปี 1943 มา​ตอน​นี้​เรา​ได้​เห็น​ผู้​ประกาศ​ราชอาณาจักร​ใน​ประเทศ​แซมเบีย​มี​จำนวน​เพิ่ม​ขึ้น​ถึง 122,000 กว่า​คน. จริง ๆ แล้ว ประชากร​ใน​ประเทศ​นี้​มี​ไม่​ถึง 11 ล้าน​คน แต่​ปี​กลาย​มี​ผู้​ร่วม​ประชุม​อนุสรณ์​มาก​กว่า 514,000 คน.

ใน​ระหว่าง​นั้น พระ​ยะโฮวา​ทรง​ใฝ่​พระทัย​ดู​แล​ผม. ยาม​ใด​ผม​ต้อง​ไป​พบ​แพทย์ พี่​น้อง​ชาย​ก็​จะ​พา​ผม​ไป​โรง​พยาบาล. บาง​ประชาคม​ยัง​คง​เชิญ​ผม​ไป​บรรยาย​สาธารณะ​เสมอ และ​การ​ทำ​เช่น​นี้​เป็น​โอกาส​สร้าง​เสริม​กำลัง​ผม​เป็น​อย่าง​มาก. ประชาคม​ที่​ผม​สมทบ​อยู่​จัด​เวร​ให้​พี่​น้อง​หญิง​ผลัด​เปลี่ยน​กัน​ทำ​ความ​สะอาด​บ้าน​ของ​ผม ส่วน​พี่​น้อง​ชาย​ก็​อาสา​พา​ผม​ไป​ร่วม​ประชุม​ทุก​สัปดาห์. ผม​รู้​ว่า​ผม​คง​ไม่​มี​โอกาส​จะ​รับ​การ​เอา​ใจ​ใส่​ด้วย​ความ​รัก​แบบ​นี้​หาก​ผม​ไม่​ได้​รับใช้​พระ​ยะโฮวา. ผม​ขอบคุณ​พระองค์​ที่​ยัง​ทรง​ใช้​ผม​ให้​เป็น​ผู้​รับใช้​เต็ม​เวลา​ตราบ​ทุก​วัน​นี้ และ​มอบ​ภาระ​รับผิดชอบ​หลาย​อย่าง​เท่า​ที่​ผม​สามารถ​ทำ​ได้.

สายตา​ของ​ผม​เริ่ม​มัว และ​เมื่อ​เดิน​ไป​หอ​ประชุม หลาย​ครั้ง​ผม​ต้อง​หยุด​พัก​กลาง​ทาง​ให้​หาย​เหนื่อย. ตอน​นี้​ดู​เหมือน​กระเป๋า​หนังสือ​ของ​ผม​หนัก​ขึ้น ดัง​นั้น ถ้า​เล่ม​ไหน​ที่​ผม​ไม่​ต้อง​ใช้​เมื่อ​ร่วม​ประชุม ผม​จะ​หยิบ​ออก​เสีย​เพื่อ​กระเป๋า​จะ​ได้​เบา. ใน​ส่วน​การ​ประกาศ​เผยแพร่ ส่วน​มาก​ผม​จะ​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​คน​ที่​มา​หา​ผม​ที่​บ้าน. ถึง​กระนั้น ช่าง​เป็น​ความ​ชื่นชม​ยินดี​จริง ๆ เมื่อ​มอง​ย้อน​หลัง​ไป​หลาย​ปี​ก่อน​และ​สามารถ​คิด​ใคร่ครวญ​ถึง​ความ​เจริญ​เติบโต​ที่​เกิด​ขึ้น​อย่าง​น่า​ทึ่ง! ผม​รับใช้​ใน​เขต​งาน​ซึ่ง​คำ​ตรัส​ของ​พระ​ยะโฮวา​ตาม​บันทึก​ใน​ยะซายา 60:22 (ล.ม.) สำเร็จ​เป็น​จริง​อย่าง​เด่น​ชัด. ข้อ​นั้น​กล่าว​ว่า “คน​จิ๋ว​จะ​เพิ่ม​เป็น​จำนวน​พัน และ​คน​ตัว​เล็ก​จะ​เพิ่ม​เป็น​ชน​ชาติ​ใหญ่. เรา​เอง ยะโฮวา จะ​เร่ง​กระทำ​การ​นี้​ใน​เวลา​อัน​ควร.” จริง ๆ แล้ว ผม​มี​ชีวิต​อยู่​มา​จน​ได้​เห็น​การ​นี้​เกิด​ขึ้น​ไม่​เฉพาะ​ที่​ประเทศ​แซมเบีย​แห่ง​เดียว แต่​ทั่ว​โลก. *

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 7 จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา เวลา​นี้​ไม่​มี​การ​พิมพ์​จำหน่าย​อีก​แล้ว.

^ วรรค 50 น่า​เศร้า ใน​ที่​สุด​บราเดอร์​กังกาเลอ​ก็​หมด​กำลัง​วังชา และ​เขา​เสีย​ชีวิต​อย่าง​คน​ซื่อ​สัตย์​ขณะ​เตรียม​จะ​พิมพ์​บทความ​นี้.

[ภาพ​หน้า 24]

ทอมสัน ฉาก​หลัง​คือ​สาขา​ประเทศ​แซมเบีย

[ภาพ​หน้า 26]

สาขา​ประเทศ​แซมเบีย​ใน​ปัจจุบัน