ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ไม่ขาดการประชุมร่วมกัน

ไม่ขาดการประชุมร่วมกัน

ไม่​ขาด​การ​ประชุม​ร่วม​กัน

พระ​คัมภีร์​กล่าว​ว่า “ซึ่ง​เรา​เคย​ประชุม​กัน​นั้น​อย่า​ให้​หยุด, เหมือน​อย่าง​บาง​คน​เคย​กระทำ​นั้น, แต่​จง​เตือน​สติ​กัน และ​ให้​มาก​ยิ่ง​ขึ้น​เมื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เห็น​วัน​เวลา​นั้น​ใกล้​เข้า​มา.” (เฮ็บราย 10:25) ปรากฏ​ชัด​ว่า ผู้​นมัสการ​แท้​ต้อง​มา​ร่วม​กัน ณ สถาน​ที่​นมัสการ​เพื่อ “พิจารณา​ดู​กัน​และ​กัน, เพื่อ​เป็น​เหตุ​ให้​บังเกิด​ใจ​รัก​ซึ่ง​กัน​และ​กัน​และ​กระทำ​การ​ดี.”—เฮ็บราย 10:24.

เมื่อ​อัครสาวก​เปาโล​เขียน​ถ้อย​คำ​ข้าง​ต้น​ใน​ศตวรรษ​แรก​แห่ง​สากล​ศักราช พระ​วิหาร​ที่​น่า​ประทับใจ​ใน​กรุง​เยรูซาเลม​เป็น​สถาน​ที่​สำหรับ​ชาว​ยิว​ใช้​นมัสการ. ยัง​มี​ธรรมศาลา​ด้วย. พระ​เยซู​ได้ “สั่ง​สอน​ใน​ธรรมศาลา​และ​ใน​พระ​วิหาร . . . ที่​ซึ่ง​บรรดา​ชาว​ยิว​มา​ชุมนุม​กัน.”—โยฮัน 18:20, ล.ม.

เปาโล​คิด​ถึง​สถาน​ที่​ประชุม​แบบ​ใด​เมื่อ​ท่าน​ตักเตือน​คริสเตียน​ให้​มา​ชุมนุม​กัน​เพื่อ​ชู​ใจ​ซึ่ง​กัน​และ​กัน? อาคาร​ศาสนา​ที่​โอ่อ่า​ของ​คริสต์​ศาสนจักร​ได้​แบบ​อย่าง​ใด ๆ ที่​มี​มา​ก่อน​ไหม​จาก​การ​จัด​เตรียม​เกี่ยว​กับ​พระ​วิหาร​ใน​กรุง​เยรูซาเลม? เมื่อ​ไร​ที่​มี​การ​นำ​อาคาร​ทาง​ศาสนา​อัน​โอฬาร​มา​ใช้​สำหรับ​ผู้​ที่​อ้าง​ว่า​เป็น​คริสเตียน?

‘วิหาร​สำหรับ​นาม​ของ​พระเจ้า’

คำ​สั่ง​แรก​เกี่ยว​กับ​สถาน​ที่​นมัสการ​พระเจ้า​พบ​ได้​ใน​พระ​ธรรม​เอ็กโซโด. พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ทรง​สั่ง​ไพร่​พล​ที่​พระองค์​ทรง​เลือก​สรร คือ​ชน​อิสราเอล ให้​สร้าง “พลับพลา” หรือ “พลับพลาประชุม.” มี​การ​เก็บ​รักษา​หีบ​สัญญา​ไมตรี​และ​ภาชนะ​ศักดิ์สิทธิ์​ต่าง ๆ ไว้​ที่​นั่น. เมื่อ​พลับพลา​นั้น​สร้าง​เสร็จ​ใน​ปี 1512 ก่อน​สากล​ศักราช “รัศมี​ของ​พระ​ยะโฮวา​ก็​ปรากฏ​อยู่​เต็ม​พลับพลา​นั้น.” พลับพลา​ที่​เคลื่อน​ย้าย​ได้​ใช้​เป็น​ศูนย์กลาง​แห่ง​การ​จัด​เตรียม​ของ​พระเจ้า​เพื่อ​เข้า​เฝ้า​พระองค์​เป็น​เวลา​กว่า​สี่​ร้อย​ปี. (เอ็กโซโด​บท 25-27; 40:33-38) คัมภีร์​ไบเบิล​ยัง​กล่าว​ถึง​พลับพลา​นี้​ว่า​เป็น “พระ​วิหาร​ของ​พระเจ้า” และ “พระ​นิเวศ​ของ​พระเจ้า”—1 ซามูเอล 1:9, 24, ฉบับ​แปล​ใหม่.

ต่อ​มา เมื่อ​ดาวิด​เป็น​กษัตริย์​ใน​กรุง​เยรูซาเลม ท่าน​ได้​แสดง​ความ​ปรารถนา​อย่าง​แรง​กล้า​ที่​จะ​สร้าง​พระ​นิเวศ​ถาวร​เพื่อ​สง่า​ราศี​ของ​พระ​ยะโฮวา. แต่​เนื่อง​จาก​ดาวิด​เคย​เป็น​นัก​รบ พระ​ยะโฮวา​จึง​ทรง​มี​รับสั่ง​แก่​ท่าน​ว่า “เจ้า​อย่า​สร้าง​วิหาร​ไว้​สำหรับ​นาม​ของ​เรา​เลย.” แทน​ที่​จะ​เป็น​เช่น​นั้น พระองค์​เลือก​ซะโลโม​ราชบุตร​ของ​ดาวิด​ให้​สร้าง​พระ​วิหาร. (1 โครนิกา 22:6-10) ซะโลโม​ได้​เฉลิม​ฉลอง​อุทิศ​พระ​วิหาร​ใน​ปี 1026 ก่อน ส.ศ. หลัง​จาก​ใช้​เวลา​ก่อ​สร้าง​นาน​ถึง​เจ็ด​ปี​ครึ่ง. พระ​ยะโฮวา​ทรง​พอ​พระทัย​อาคาร​นั้น​โดย​ตรัส​ว่า “เรา​ได้​รับ​พระ​นิเวศ​ซึ่ง​เจ้า​ได้​สร้าง​นี้​ไว้​เป็น​สถาน​บริสุทธิ์​และ​ได้​ประดิษฐาน​ชื่อ​ของ​เรา​ไว้​ที่​นั่น​เป็น​นิตย์ ตา​ของ​เรา​และ​ใจ​ของ​เรา​จะ​อยู่​ที่​นั่น​ตลอด​ไป.” (1 กษัตริย์ 9:3, ฉบับ​แปล​ใหม่) ตราบ​ใด​ที่​ชน​อิสราเอล​ยัง​คง​ซื่อ​สัตย์ พระ​ยะโฮวา​จะ​แสดง​ความ​พอ​พระทัย​ต่อ​พระ​นิเวศ​นั้น. แต่​ถ้า​พวก​เขา​หันเห​ไป​จาก​สิ่ง​ที่​ถูก​ต้อง พระ​ยะโฮวา​จะ​ทรง​ถอน​เอา​ความ​พอ​พระทัย​ของ​พระองค์​ไป​จาก​สถาน​ที่​แห่ง​นั้น และ “พระ​นิเวศ​นี้​จะ​กลาย​เป็น​กอง​สิ่ง​สลัก​หัก​พัง.”—1 กษัตริย์ 9:4-9, ฉบับ​แปล​ใหม่; 2 โครนิกา 7:16, 19, 20.

ใน​ที่​สุด ชน​อิสราเอล​ได้​หันเห​ไป​จาก​การ​นมัสการ​แท้. (2 กษัตริย์ 21:1-5) “[พระ​เยโฮวาห์] จึง​ทรง​นำ​พระ​ราชา​แห่ง​คน​เคลเดีย​มา​ต่อ​สู้​เขา​ทั้ง​หลาย​ผู้​ซึ่ง . . . เผา​พระ​นิเวศ​ของ​พระเจ้า​และ​พัง​กำแพง​เยรูซาเล็ม​ลง และ​เอา​ไฟ​เผา​วัง​ของ​เมือง​นั้น​เสีย​สิ้น​และ​ทำลาย​เครื่อง​ใช้​ประเสริฐ​ทั้ง​ปวง​ใน​นั้น และ​บรรดา​ผู้​ที่​รอด​จาก​ดาบ​นั้น​พระองค์​ทรง​ให้​กวาด​ไป​เป็น​เชลย​ยัง​บาบิโลน และ​เขา​ทั้ง​หลาย​เป็น​ผู้​รับใช้​ของ​พระองค์​และ​แก่​ราชวงศ์​ของ​พระองค์.” ตาม​ที่​คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ไว้ เหตุ​การณ์​นี้​ได้​เกิด​ขึ้น​ใน​ปี 607 ก่อน ส.ศ.—2 โครนิกา 36:15-21, ฉบับ​แปล​ใหม่; ยิระมะยา 52:12-14.

ดัง​ที่​ผู้​พยากรณ์​ยะซายา​ได้​บอก​ไว้​ล่วง​หน้า พระเจ้า​ทรง​ปลุก​เร้า​พระทัย​กษัตริย์​ไซรัส​แห่ง​เปอร์เซีย​ให้​ปลด​ปล่อย​ชาว​ยิว​จาก​อำนาจ​ของ​บาบิโลน. (ยะซายา 45:1) หลัง​จาก​ตก​อยู่​ใน​สภาพ​พลัด​ถิ่น​เป็น​เวลา 70 ปี พวก​เขา​ได้​กลับ​คืน​สู่​กรุง​เยรูซาเลม​ใน​ปี 537 ก่อน ส.ศ. โดย​มี​จุด​ประสงค์​ใน​การ​สร้าง​พระ​วิหาร​ขึ้น​ใหม่. (เอษรา 1:1-6; 2:1, 2; ยิระมะยา 29:10) หลัง​จาก​มี​ความ​ล่า​ช้า​ใน​การ​ก่อ​สร้าง ใน​ที่​สุด​พระ​วิหาร​ก็​เสร็จ​สมบูรณ์​ใน​ปี 515 ก่อน ส.ศ. และ​การ​นมัสการ​บริสุทธิ์​ของ​พระเจ้า​ได้​รับ​การ​ฟื้นฟู. ถึง​แม้​จะ​มี​สง่า​ราศี​ไม่​เทียบเท่า​กับ​พระ​วิหาร​ของ​ซะโลโม อาคาร​นี้​ยืนหยัด​อยู่​นาน​เกือบ 600 ปี. อย่าง​ไร​ก็​ดี พระ​วิหาร​หลัง​นี้​ได้​ตก​เข้า​สู่​สภาพ​ชำรุด​ทรุดโทรม​ด้วย​เนื่อง​จาก​ชน​อิสราเอล​ละเลย​การ​นมัสการ​พระ​ยะโฮวา. เมื่อ​พระ​เยซู​คริสต์​ได้​ปรากฏ​ตัว​บน​แผ่นดิน​โลก พระ​วิหาร​นั้น​อยู่​ใน​ระหว่าง​การ​สร้าง​ขึ้น​ใหม่​เป็น​ขั้น ๆ โดย​กษัตริย์​เฮโรด. อะไร​กำลัง​จะ​เกิด​ขึ้น​กับ​พระ​วิหาร​หลัง​นี้​ใน​อีก​ไม่​ช้า?

‘ศิลา​ที่​ซ้อน​ทับ​กัน​อยู่​ซึ่ง​จะ​ไม่​ถูก​ทำลาย​ลง​ก็​หา​มิ​ได้’

เมื่อ​ตรัส​ถึง​พระ​วิหาร​ใน​กรุง​เยรูซาเลม พระ​เยซู​ทรง​แจ้ง​แก่​เหล่า​สาวก​ว่า “ศิลา​ที่​ซ้อน​ทับ​กัน​อยู่​ที่​นี่, ซึ่ง​จะ​ไม่​ถูก​ทำลาย​ลง​ก็​หา​มิ​ได้.” (มัดธาย 24:1, 2) จริง​ตาม​คำ​ตรัส​นั้น สถาน​ที่​ซึ่ง​เป็น​ที่​ยอม​รับ​ใน​ฐานะ​ศูนย์กลาง​แห่ง​การ​นมัสการ​พระเจ้า​มา​ตลอด​หลาย​ศตวรรษ​ได้​ถูก​ทำลาย​ใน​ปี ส.ศ. 70 โดย​กองทัพ​โรมัน​ซึ่ง​มา​ปราบ​กบฏ​ชาว​ยิว. * พระ​วิหาร​นั้นไม่​เคย​ถูก​บูรณะ​ขึ้น​อีก​เลย. ใน​ศตวรรษ​ที่​เจ็ด สถาน​ศักดิ์สิทธิ์​ของ​มุสลิม​ซึ่ง​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​ว่า​โดม ออฟ เดอะ ร็อก​ได้​ถูก​สร้าง​ขึ้น และ​จน​กระทั่ง​ปัจจุบัน​ก็​ยัง​คง​ตั้ง​อยู่​ใน​บริเวณ​ที่​สถาน​ที่​นมัสการ​เดิม​ของ​ชาว​ยิว​เคย​ตั้ง​อยู่.

เหล่า​สาวก​ของ​พระ​เยซู​จะ​ต้อง​ดำเนิน​การ​เกี่ยว​กับ​การ​นมัสการ​อย่าง​ไร? คริสเตียน​ยุค​แรก​ที่​มา​จาก​ภูมิหลัง​แบบ​ยิว​ยัง​คง​นมัสการ​พระเจ้า​ต่อ​ไป ณ พระ​วิหาร​ที่​จะ​ถูก​ทำลาย​ใน​ไม่​ช้า​ไหม? คริสเตียน​ซึ่ง​ไม่​ใช่​ชาว​ยิว​จะ​นมัสการ​พระเจ้า​ที่​ไหน? อาคาร​ทาง​ศาสนา​ของ​คริสต์​ศาสนจักร​จะ​นำ​มา​ใช้​แทน​พระ​วิหาร​ไหม? การ​สนทนา​กัน​ระหว่าง​พระ​เยซู​กับ​ผู้​หญิง​ชาว​ซะมาเรีย​ให้​ความ​กระจ่าง​แก่​เรา​ใน​เรื่อง​นี้.

เป็น​เวลา​หลาย​ศตวรรษ ชาว​ซะมาเรีย​นมัสการ​พระเจ้า ณ วิหาร​ใหญ่​บน​ภูเขา​เก​ริ​ซิม (ฆะรีซีม) ใน​ซะมาเรีย. หญิง​ชาว​ซะมาเรีย​ได้​ทูล​พระ​เยซู​ว่า “บรรพบุรุษ​ของ​เรา​นมัสการ​ที่​ภูเขา​นี้ แต่​พวก​ท่าน​กล่าว​ว่า​ที่​ซึ่ง​ผู้​คน​ควร​นมัสการ​นั้น​คือ​ที่​เยรูซาเลม.” พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​ว่า “หญิง​เอ๋ย เชื่อ​เรา​เถิด จะ​มี​เวลา​ที่​พวก​เจ้า​จะ​มิ​ได้​นมัสการ​พระ​บิดา​ที่​ภูเขา​นี้​หรือ​ที่​เยรูซาเลม.” พระ​วิหาร​ที่​เป็น​สิ่ง​ทาง​วัตถุ​จะ​ไม่​จำเป็น​อีก​ต่อ​ไป​ใน​การ​นมัสการ​พระ​ยะโฮวา เพราะ​พระ​เยซู​ทรง​อธิบาย​ว่า “พระเจ้า​ทรง​เป็น​องค์​วิญญาณ และ​ผู้​ที่​นมัสการ​พระองค์​ต้อง​นมัสการ​ด้วย​วิญญาณ​และ​ความ​จริง.” (โยฮัน 4:20, 21, 24, ล.ม.) อัครสาวก​เปาโล​ได้​บอก​แก่​ชาว​เมือง​เอเธนส์ (อะเธนาย) ใน​ภาย​หลัง​ว่า “พระเจ้า​ซึ่ง​ได้​ทรง​สร้าง​โลก​และ​สรรพสิ่ง​ใน​โลก พระองค์​ผู้​นี้​แหละ​ทรง​เป็น​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​แห่ง​ฟ้า​สวรรค์​และ​แผ่นดิน​โลก มิ​ได้​ทรง​สถิต​ใน​วิหาร​ที่​สร้าง​ด้วย​มือ.”—กิจการ 17:24, ล.ม.

ปรากฏ​ชัด​ว่า อาคาร​ทาง​ศาสนา​ของ​คริสต์​ศาสนจักร​ไม่​มี​อะไร​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​จัด​เตรียม​เกี่ยว​กับ​พระ​วิหาร​ใน​ยุค​ก่อน​คริสเตียน. และ​คริสเตียน​ใน​ศตวรรษ​แรก​ก็​ไม่​มี​เหตุ​ผล​ที่​จะ​สร้าง​สถาน​ที่​ดัง​กล่าว​ขึ้น. อย่าง​ไร​ก็​ดี หลัง​จาก​พวก​อัครสาวก​เสีย​ชีวิต การ​หันเห​ไป​จาก​คำ​สอน​แท้​ตาม​ที่​มี​การ​บอก​ไว้​ล่วง​หน้า นั่น​ก็​คือ​การ​ออก​หาก ได้​เกิด​ขึ้น. (กิจการ 20:29, 30) หลาย​ปี​ก่อน​ที่​คอนสแตนติน​จักรพรรดิ​โรมัน​ได้​เปลี่ยน​มา​ถือ​ศาสนา​คริสเตียน​ใน​ปี ส.ศ. 313 ตาม​ที่​เชื่อ​กัน​นั้น บรรดา​ผู้​ที่​อ้าง​ตัว​เป็น​คริสเตียน​ได้​เริ่ม​หันเห​ไป​จาก​สิ่ง​ที่​พระ​เยซู​ได้​สอน.

คอนสแตนติน​ได้​มี​ส่วน​สนับสนุน​การ​หลอม​รวม “ศาสนา​คริสเตียน” กับ​ศาสนา​นอก​รีต​ของ​โรม​เข้า​ด้วย​กัน. สารานุกรม​บริแทนนิกา กล่าว​ว่า “คอนสแตนติน​เอง​ได้​มอบหมาย​ให้​มี​การ​ก่อ​สร้าง​โบสถ์​คริสเตียน​ที่​ใหญ่​โต​สาม​หลัง​ใน​กรุง​โรม คือ เซนต์ปีเตอร์, ซานปาโอโล ฟูโอรี เล มูรา, และ​ซานโจวานนี ใน​เมือง​ลา​เท​รา​โน. เขา . . . ได้​สร้าง​แบบ​รูป​ไม้กางเขน​ซึ่ง​ได้​กลาย​เป็น​มาตรฐาน​สำหรับ​โบสถ์​ต่าง ๆ ใน​ยุโรป​ตะวัน​ตก​ตลอด​ช่วง​ยุค​กลาง.” โบสถ์​เซนต์ปีเตอร์​ที่​สร้าง​ใหม่​ใน​กรุง​โรม​ยัง​คง​ถือ​กัน​ว่า เป็น​ศูนย์กลาง​ของ​คริสตจักร​โรมัน​คาทอลิก.

นัก​ประวัติศาสตร์​วิลล์ ดูแรนต์​กล่าว​ว่า “คริสตจักร​ได้​รับ​เอา​ธรรมเนียม​ศาสนา​และ​รูป​แบบ​ต่าง ๆ ของ​การ​นมัสการ​ซึ่ง​มี​อยู่​ทั่ว​ไป​ใน​กรุง​โรม [นอก​รีต] ก่อน​ยุค​คริสเตียน.” นี่​รวม​ไป​ถึง “สถาปัตยกรรม​ของ​โบสถ์​ใหญ่” ด้วย. ตั้ง​แต่​ศตวรรษ​ที่ 10 ถึง​ศตวรรษ​ที่ 15 มี​การ​เพิ่ม​ทวี​อย่าง​รวด​เร็ว​ใน​การ​สร้าง​โบสถ์​ใหญ่​ต่าง ๆ พร้อม​ด้วย​มี​การ​เน้น​มาก​ที​เดียว​ใน​เรื่อง​สถาปัตยกรรม. นั่น​เป็น​ช่วง​ที่​มี​การ​สร้าง​อาคาร​อัน​โอ่อ่า​หลาย​หลัง​ของ​คริสต์​ศาสนจักร​ซึ่ง​ปัจจุบัน​ถือ​กัน​ว่า​เป็น​อนุสรณ์​สถาน​ทาง​ศิลปะ.

ผู้​คน​ประสบ​ความ​สดชื่น​ทาง​ฝ่าย​วิญญาณ​และ​ได้​กำลังใจ​เสมอ​จาก​การ​นมัสการ​ใน​โบสถ์​ไหม? ฟรังซิสคู​จาก​บราซิล​กล่าว​ว่า “สำหรับ​ผม​แล้ว โบสถ์​เป็น​เหมือน​กับ​ความ​น่า​เบื่อ​หน่าย​ใน​ศาสนา. มิสซา​เป็น​พิธี​ที่​ซ้ำซาก​ไร้​ความ​หมาย​และ​ไม่​ได้​สนอง​ความ​ต้องการ​ที่​แท้​จริง​ของ​ผม​แต่​อย่าง​ใด. พอพิธี​นั้น​เสร็จ​สิ้น​ผม​ก็​โล่ง​อก.” อย่าง​ไร​ก็​ตาม ผู้​มี​ความ​เชื่อ​แท้​ได้​รับ​พระ​บัญชา​ให้​ประชุม​ร่วม​กัน. พวก​เขา​ควร​ติด​ตาม​แบบ​อย่าง​อะไร​ใน​เรื่อง​การ​จัด​การ​ประชุม​ต่าง ๆ?

‘ประชาคม​ที่​อยู่​ใน​บ้าน​เขา’

แบบ​อย่าง​ใน​เรื่อง​วิธี​การ​ประชุม​ร่วม​กัน​ของ​คริสเตียน​นั้น​ปรากฏ​ชัด​จาก​การ​ตรวจ​สอบ​ดู​วิธี​ที่​ผู้​มี​ความ​เชื่อ​ใน​ศตวรรษ​แรก​ประชุม​กัน. พระ​คัมภีร์​บ่ง​ชี้​ว่า​ตาม​ปกติ​พวก​เขา​ประชุม​กัน​ใน​บ้าน​ส่วน​ตัว. ตัว​อย่าง​เช่น อัครสาวก​เปาโล​เขียน​ว่า “ขอ​คำนับ​ปริศกีลา​และ​อะกูลา​ผู้​ร่วม​มือ​ด้วย​กัน​กับ​ข้าพเจ้า​ใน​การ​ของ​พระ​คริสต์ และ​ขอ​คำนับ​คริสตจักร [“ประชาคม,” ล.ม.] ที่​อยู่​ใน​บ้าน​เขา​ด้วย.” (โรม 16:3, 5; โกโลซาย 4:15; ฟิเลโมน 2) คำ​ภาษา​กรีก​สำหรับ “ประชาคม” (เอคลีซีอา) ได้​รับ​การ​แปล​ว่า “คริสตจักร” ใน​พระ​คัมภีร์​ภาษา​ไทย​ทั้ง​ฉบับ​แปล​เก่า​และ​ฉบับ​แปล​ใหม่. แต่​คำ​นี้​พาด​พิง​ถึง​กลุ่ม​คน​ที่​ชุมนุม​กัน​เพื่อ​จุด​ประสงค์​ร่วม​กัน มิ​ได้​พาด​พิง​ถึง​ตัว​อาคาร. (กิจการ 8:1; 13:1) การ​นมัสการ​ที่​พวก​คริสเตียน​แท้​ปฏิบัติ​กัน​นั้น​ไม่​จำเป็น​ต้อง​ใช้​อาคาร​ทาง​ศาสนา​ที่​หรูหรา.

มี​การ​จัด​การ​ประชุม​ต่าง ๆ อย่าง​ไร​ใน​ประชาคม​คริสเตียน​ยุค​แรก? สาวก​ยาโกโบ​ใช้​รูป​หนึ่ง​ของ​คำ​ภาษา​กรีก​ซีนากอกีน เพื่อ​พาด​พิง​ถึง​การ​ประชุม​คริสเตียน. (ยาโกโบ 2:2) คำ​ภาษา​กรีก​คำ​นี้​หมาย​ถึง “การ​นำ​มา​ร่วม​กัน” และ​มี​การ​ใช้​สลับ​กัน​กับ​คำ​เอคลีซีอา. แต่​เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป คำ​นั้น​ค่อย ๆ เปลี่ยน​ความ​หมาย​เป็น​สถาน​ที่​หรือ​อาคาร​ซึ่ง​มี​การ​จัด​การ​ประชุม​กัน. คริสเตียน​ชาว​ยิว​ยุค​แรก​คุ้น​เคย​กับ​สิ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น​ที่​ธรรมศาลา. *

ขณะ​ที่​ชาว​ยิว​ชุมนุม​กัน ณ พระ​วิหาร​ใน​กรุง​เยรูซาเลม​สำหรับ​เทศกาล​ฉลอง​ประจำ​ปี​ของ​พวก​เขา ธรรมศาลา​ใช้​เป็น​สถาน​ที่​ประจำ​ท้องถิ่น​สำหรับ​การ​เรียน​รู้​เรื่อง​พระ​ยะโฮวา​และ​เพื่อ​ได้​รับ​การ​ศึกษา​ใน​พระ​บัญญัติ. กิจกรรม​ต่าง ๆ ที่​ดำเนิน​อยู่ ณ ธรรมศาลา​ดู​เหมือน​ว่า​ประกอบ​ด้วย​การ​อธิษฐาน​และ​การ​อ่าน​พระ​คัมภีร์ รวม​ทั้ง​การ​พิจารณา​พระ​คัมภีร์​อย่าง​ละเอียด​และ​การ​กระตุ้น​เตือน. เมื่อ​เปาโล​และ​คน​อื่น ๆ ที่​อยู่​กับ​ท่าน​ได้​เข้า​ไป​ใน​ธรรมศาลา​ที่​เมือง​อันทิโอก (อันติโอเกีย) “นาย​ธรรมศาลา​จึง​ใช้​คน​ไป​บอก​บาระนาบา​กับ​เปาโล​ว่า, ‘พี่​น้อง​เอ๋ย, ถ้า​ท่าน​มี​คำ​กล่าว​เตือน​สติ​แก่​คน​ทั้ง​ปวง​ก็​เชิญ​กล่าว​ไป​เถิด.’” (กิจการ 13:15) เมื่อ​คริสเตียน​ชาว​ยิว​ยุค​แรก​ประชุม​กัน​ใน​บ้าน​ส่วน​ตัว พวก​เขา​คง​ต้อง​ติด​ตาม​แบบ​อย่าง​คล้าย​กัน​อย่าง​ไม่​ต้อง​สงสัย โดย​ทำ​ให้​การประชุม​ของ​พวก​เขา​เป็น​การ​สั่ง​สอน​ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์​และ​เป็น​การ​เสริม​สร้าง​ฝ่าย​วิญญาณ.

ประชาคม​ต่าง ๆ เพื่อ​การ​เสริม​สร้าง​ขึ้น

เช่น​เดียว​กับ​คริสเตียน​ยุค​แรก พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ปัจจุบัน​มา​ร่วม​กัน ณ สถาน​ที่​นมัสการ​แบบ​เรียบ​ง่าย​เพื่อ​ได้​รับ​คำ​สั่ง​สอน​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​มี​การ​คบหา​สมาคม​ที่​ดี​งาม. ตลอด​หลาย​ปี​พวก​เขา​ได้​พบ​ปะ​กัน​เฉพาะ​แต่​ใน​บ้าน​ส่วน​ตัว​เท่า​นั้น​และ​ยัง​คง​ทำ​เช่น​นั้น​อยู่​ใน​บาง​แห่ง. แต่​ขณะ​นี้​จำนวน​ประชาคม​ได้​เพิ่ม​ขึ้น​ถึง​มาก​กว่า 90,000 ประชาคม และ​สถาน​ที่​ประชุม​หลัก​ของ​พวก​เขา​ถูก​เรียก​ว่า​หอ​ประชุม. อาคาร​เหล่า​นี้​มิ​ได้​มี​ลักษณะ​โอ้อวด​หรูหรา​และ​ไม่​เป็น​เหมือน​โบสถ์. อาคาร​ดัง​กล่าว​เป็น​สิ่ง​ปลูก​สร้าง​ที่​เรียบ​ง่าย​ซึ่ง​ทำ​ให้​เป็น​ไป​ได้​ที่​ประชาคม​ซึ่ง​ประกอบ​ด้วย​ผู้​คน 100 ถึง 200 คน​จะ​มา​ชุมนุม​กัน​ใน​การ​ประชุม​ประจำ​สัปดาห์​เพื่อ​จะ​รับ​ฟัง​และ​เรียน​รู้​จาก​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า.

ประชาคม​ส่วน​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ประชุม​กัน​สัปดาห์​ละ​สาม​ครั้ง. การ​ประชุม​รายการ​หนึ่ง​คือ​คำ​บรรยาย​สาธารณะ​ใน​เรื่อง​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​น่า​สนใจ​ใน​ปัจจุบัน. หลัง​จาก​นั้น​เป็น​การ​ศึกษา​ซึ่ง​อาศัย​หัวเรื่อง​หรือ​คำ​พยากรณ์​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล โดย​ใช้​วารสาร​หอสังเกตการณ์ เป็น​แหล่ง​ข้อมูล. การ​ประชุม​อีก​รายการ​หนึ่ง​เป็น​โรง​เรียน​ที่​มุ่ง​หมาย​จะ​ให้​การ​ฝึก​อบรม​ใน​การ​เสนอ​ข่าวสาร​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล. ต่อ​จาก​นั้น​เป็น​การ​ประชุม​ที่​จัด​ขึ้น​โดย​เฉพาะ​เพื่อ​ให้​คำ​แนะ​นำ​ที่​ใช้​ได้​จริง​สำหรับ​งาน​เผยแพร่​ของ​คริสเตียน. สัปดาห์​ละ​ครั้ง พวก​พยาน​ฯ ยัง​ประชุม​กัน​เพื่อ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​กลุ่ม​เล็ก ๆ ใน​บ้าน​ส่วน​ตัว​ด้วย. การ​ประชุม​เหล่า​นี้​ทั้ง​หมด​เปิด​รับ​สาธารณชน. ไม่​เคย​มี​การ​เรี่ยไร​เลย.

ฟรังซิสคู ที่​มี​การ​กล่าว​ถึง​ก่อน​หน้า​นี้ ได้​พบ​ว่า​การ​ประชุม​ต่าง ๆ ที่​หอ​ประชุม​เป็น​ประโยชน์​อย่าง​ยิ่ง. เขา​กล่าว​ว่า “สถาน​ที่​ประชุม​แห่ง​แรก​ซึ่ง​ผม​ไป​เยือน​นั้น​เป็น​อาคาร​ที่​สะดวก​สบาย​อยู่​ใน​ย่าน​การ​ค้า และ​ผม​ออก​จาก​หอ​ประชุม​มา​ด้วย​ความ​ประทับใจ​ที่​ดี. บรรดา​คน​ที่​เข้า​ร่วม​ประชุม​แสดง​ความ​เป็น​มิตร และ​ผม​รู้สึก​ได้​ถึง​ความ​รัก​ใน​ท่ามกลาง​พวก​เขา. ผม​อยาก​กลับ​ไป​อีก​จน​แทบ​จะ​รอ​ไม่​ไหว. ที่​จริง ผม​ไม่​พลาด​การ​ประชุม​เลย​นับ​แต่​นั้น​มา. การ​ประชุม​คริสเตียน​เหล่า​นี้​มี​ชีวิต​ชีวา และ​สนอง​ความ​ต้องการ​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​ผม. แม้​แต่​เมื่อ​ผม​รู้สึก​ท้อ​แท้​เนื่อง​ด้วย​เหตุ​บาง​อย่าง ผม​ก็​ยัง​ไป​หอ​ประชุม เพราะ​มั่น​ใจ​ว่า​ผม​จะ​กลับ​บ้าน​โดย​ได้​รับ​การ​ชู​ใจ.”

การ​ศึกษา​ด้าน​คัมภีร์​ไบเบิล, การ​คบหา​สมาคม​ที่​เสริม​สร้าง, และ​โอกาส​ที่​จะ​สรรเสริญ​พระเจ้า​รอ​คุณ​อยู่​เช่น​กัน ณ การ​ประชุม​คริสเตียน​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. เรา​ขอ​เชิญ​คุณ​อย่าง​จริง​ใจ​ให้​เข้า​ร่วม ณ หอ​ประชุม​ที่​อยู่​ใกล้​บ้าน​คุณ. คุณ​จะ​ยินดี​แน่ ๆ ที่​ได้​เข้า​ร่วม.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 11 พระ​วิหาร​ได้​ถูก​พวก​โรมัน​รื้อ​ทำลาย​เรียบ. กำแพง​ร้องไห้ ซึ่ง​เป็น​บริเวณ​ที่​ชาว​ยิว​จำนวน​มาก​มาย​เดิน​ทาง​มา​เป็น​ระยะ​ไกล​มาก​เพื่อ​อธิษฐาน​ที่​นั่น มิ​ได้​เป็น​ส่วน​แห่ง​พระ​วิหาร​นั้น. นั่น​เป็น​เพียง​ส่วน​หนึ่ง​ของ​กำแพง​ลาน​พระ​วิหาร.

^ วรรค 20 ดู​เหมือน​ว่า​คง​มี​การ​สร้าง​ธรรมศาลา​ขึ้น​ระหว่าง​ช่วง​การ​พลัด​ถิ่น​ของ​ชาว​ยิว 70 ปี​ใน​บาบิโลน​ตอน​ที่​ไม่​มี​พระ​วิหาร​หรือ​ทันที​ภาย​หลัง​การ​กลับ​มา​จาก​การ​พลัด​ถิ่น​ขณะ​ที่​มี​การ​สร้าง​พระ​วิหาร​ขึ้น​ใหม่. พอ​ถึง​ศตวรรษ​แรก แต่​ละ​เมือง​ใน​ปาเลสไตน์​ก็​มี​ธรรมศาลา​ประจำ​เมือง​ของ​ตน​เอง ถ้า​เป็น​เมือง​ที่​ใหญ่​กว่า​ก็​มี​ธรรมศาลา​มาก​กว่า​หนึ่ง​แห่ง.

[ภาพ​หน้า 4, 5]

พลับพลา​และ​ต่อ​มา​ก็​คือ​พระ​วิหาร​ถูก​ใช้​เป็น​ศูนย์กลาง​ที่​ดี​เยี่ยม​สำหรับ​การ​นมัสการ​พระ​ยะโฮวา

[ภาพ​หน้า 6]

โบสถ์​ใหญ่​เซนต์ปีเตอร์​ใน​กรุง​โรม

[ภาพ​หน้า 7]

คริสเตียน​ยุค​แรก​ประชุม​กัน​ใน​บ้าน​ส่วน​ตัว

[ภาพ​หน้า 8, 9]

พยาน​พระ​ยะโฮวา​จัด​การ​ประชุม​คริสเตียน​ใน​บ้าน​ส่วน​ตัว​และ​ที่​หอ​ประชุม