ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

‘จงตั้งมั่นคงอยู่ในคำของเรา’

‘จงตั้งมั่นคงอยู่ในคำของเรา’

‘จง​ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ใน​คำ​ของ​เรา’

“ถ้า​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ใน​คำ​ของ​เรา เจ้า​ก็​เป็น​สาวก​แท้​ของ​เรา.”—โยฮัน 8:31, ล.ม.

1. (ก) เมื่อ​พระ​เยซู​เสด็จ​กลับ​สู่​สวรรค์ พระองค์​ได้​ละ​อะไร​ไว้​บน​แผ่นดิน​โลก? (ข) เรา​จะ​พิจารณา​คำ​ถาม​อะไร​บ้าง?

เมื่อ​พระ​เยซู​คริสต์ ผู้​ก่อ​ตั้ง​ศาสนา​คริสเตียน เสด็จ​กลับ​สู่​สวรรค์ สิ่ง​ที่​พระองค์​ละ​ไว้​บน​แผ่นดิน​โลก​ไม่​ใช่​หนังสือ​ที่​พระองค์​ทรง​นิพนธ์, อนุสาวรีย์​ที่​พระองค์​ทรง​สร้าง, หรือ​ทรัพย์​สมบัติ​ที่​พระองค์​ได้​สะสม​ไว้. สิ่ง​ที่​พระองค์​ได้​ละ​ไว้​จริง ๆ ก็​คือ​สาวก​และ​ข้อ​เรียก​ร้อง​ที่​เฉพาะ​เจาะจง​สำหรับ​การ​เป็น​สาวก. ที่​จริง ใน​กิตติคุณ​ของ​โยฮัน เรา​พบ​ว่า​พระ​เยซู​กล่าว​ถึง​ข้อ​เรียก​ร้อง​สำคัญ​สาม​ประการ​ซึ่ง​ใคร​ก็​ตาม​ที่​ต้องการ​เป็น​สาวก​ของ​พระองค์​ต้อง​บรรลุ. ข้อ​เรียก​ร้อง​เหล่า​นี้​คือ​อะไร? เรา​จะ​ทำ​อะไร​ได้​เพื่อ​บรรลุ​ข้อ​เรียก​ร้อง​ดัง​กล่าว? และ​เรา​จะ​ทำ​ให้​แน่​ใจ​ได้​อย่าง​ไร​ว่า​เรา​เอง​บรรลุ​ข้อ​เรียก​ร้อง​ใน​การ​เป็น​สาวก​ของ​พระ​คริสต์​ใน​ทุก​วัน​นี้? *

2. อะไร​คือ​ข้อ​เรียก​ร้อง​สำคัญ​ประการ​หนึ่ง​ใน​การ​เป็น​สาวก ตาม​ที่​บันทึก​ไว้​ใน​กิตติคุณ​ของ​โยฮัน?

2 ประมาณ​หก​เดือน​ก่อน​การ​สิ้น​พระ​ชนม์ พระ​เยซู​เสด็จ​ขึ้น​ไป​ยัง​กรุง​เยรูซาเลม​และ​ประกาศ​แก่​ฝูง​ชน​ที่​มา​ร่วม​ชุมนุม​กัน​ที่​นั่น​เพื่อ​ฉลอง​เทศกาล​ตั้ง​ทับ​อาศัย​ที่​นาน​หนึ่ง​สัปดาห์. ผล​คือ เมื่อ​ถึง​ช่วง​กลาง​ของ​เทศกาล มี “หลาย​คน​ใน​หมู่​ประชาชน​นั้น​ได้​เชื่อถือ​ใน​พระองค์.” พระ​เยซู​ยัง​คง​ประกาศ​ต่อ​ไป และ​ด้วย​เหตุ​นั้น เมื่อ​ถึง​วัน​สุด​ท้าย​ของ​เทศกาล “คน​เป็น​อัน​มาก​จึง​เชื่อถือ​ใน​พระองค์.” (โยฮัน 7:10, 14, 31, 37; 8:30) ใน​ตอน​นั้น​เอง พระ​เยซู​มุ่ง​ความ​สนใจ​ไป​ยัง​ผู้​เชื่อถือ​ใหม่ และ​กล่าว​ถึง​ข้อ​เรียก​ร้อง​สำคัญ​อย่าง​หนึ่ง​ใน​การ​เป็น​สาวก​ของ​พระองค์ ดัง​ที่​อัครสาวก​โยฮัน​บันทึก​ไว้​ว่า “ถ้า​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ตั้ง​มั่นคง อยู่​ใน​คำ​ของ​เรา เจ้า​ก็​เป็น​สาวก​แท้​ของ​เรา.”—โยฮัน 8:31, ล.ม.

3. คุณลักษณะ​อะไร​เป็น​สิ่ง​ที่​จำเป็น​เพื่อ​จะ “ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ใน​คำ​ของ [พระ​เยซู]”?

3 ด้วย​ถ้อย​คำ​เหล่า​นั้น พระ​เยซู​ไม่​ได้​กล่าว​เป็น​นัย​ว่า​ผู้​เชื่อถือ​ใหม่​เหล่า​นี้​มี​ความ​เชื่อ​ไม่​มาก​พอ. แทน​ที่​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น พระองค์​ชี้​ให้​เห็น​ว่า​โอกาส​ที่​จะ​ได้​เป็น​สาวก​แท้​ของ​พระองค์​อยู่​ต่อ​หน้า​พวก​เขา—ถ้า​พวก​เขา​ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ใน​คำ​ของ​พระองค์​และ​แสดง​ความ​อด​ทน. พวก​เขา​ได้​รับ​คำ​ของ​พระองค์​ไป​แล้ว แต่​บัด​นี้​พวก​เขา​จำเป็น​ต้อง​ตั้ง​มั่น​อยู่​ใน​คำ​นั้น​ต่อ ๆ ไป. (โยฮัน 4:34; เฮ็บราย 3:14) อัน​ที่​จริง พระ​เยซู​ถือ​ว่า​ความ​อด​ทน​เป็น​คุณลักษณะ​ที่​สำคัญ​สำหรับ​เหล่า​สาวก​ของ​พระองค์ จน​ถึง​กับ​ทรง​กระตุ้น​ย้ำ​ถึง​สอง​ครั้ง​ว่า “จง​ตาม​เรา​ต่อ ๆ ไป” ใน​โอกาส​ที่​พระองค์​สนทนา​เป็น​ครั้ง​สุด​ท้าย​กับ​เหล่า​อัครสาวก​ตาม​ที่​บันทึก​ไว้​ใน​กิตติคุณ​ของ​โยฮัน. (โยฮัน 21:19, 22, ล.ม.) คริสเตียน​ยุค​แรก​หลาย​คน​ได้​ทำ​อย่าง​นั้น​ที​เดียว. (2 โยฮัน 4) อะไร​ได้​ช่วย​พวก​เขา​ให้​อด​ทน?

4. อะไร​ทำ​ให้​คริสเตียน​ยุค​แรก​สามารถ​อด​ทน​ได้?

4 อัครสาวก​โยฮัน สาวก​ผู้​ซื่อ​สัตย์​ของ​พระ​คริสต์​เป็น​เวลา​ราว​เจ็ด​สิบ​ปี​ได้​ชี้​ถึง​ปัจจัย​สำคัญ​ประการ​หนึ่ง. ท่าน​กล่าว​ชมเชย​เหล่า​คริสเตียน​ที่​ซื่อ​สัตย์​ว่า “ท่าน​ทั้ง​หลาย​มี​กำลัง​มาก, และ​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ดำรง​อยู่​ใน​ท่าน​ทั้ง​หลาย. และ​ท่าน​ได้​ชัย​ชนะ​แก่​มาร​นั้น.” สาวก​เหล่า​นั้น​ของ​พระ​คริสต์​ได้​อด​ทน หรือ​ได้​ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ใน​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า เพราะ​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ดำรง​อยู่​ใน​พวก​เขา. พวก​เขา​มี​ความ​หยั่ง​รู้​ค่า​จาก​ใจ​จริง​ต่อ​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า. (1 โยฮัน 2:14, 24) ปัจจุบัน​ก็​เช่น​เดียว​กัน เพื่อ​จะ “อด​ทน​จน​ถึง​ที่​สุด” เรา​จำ​ต้อง​ทำ​ให้​แน่​ใจ​ว่า​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ดำรง​อยู่​ใน​เรา. (มัดธาย 24:13, ล.ม.) เรา​จะ​ทำ​เช่น​นั้น​ได้​อย่าง​ไร? อุทาหรณ์​เรื่อง​หนึ่ง​ที่​พระ​เยซู​เล่า​จะ​ให้​คำ​ตอบ.

“ได้​ยิน​พระ​คำ”

5. (ก) ดิน​ชนิด​ใด​บ้าง​ที่​พระ​เยซู​กล่าว​ถึง​ใน​อุทาหรณ์​เรื่อง​หนึ่ง​ของ​พระองค์? (ข) เมล็ด​พืช​และ​ดิน​ใน​อุทาหรณ์​ของ​พระ​เยซู​หมาย​ถึง​อะไร?

5 พระ​เยซู​เล่า​อุทาหรณ์​เรื่อง​ผู้​หว่าน​พืช และ​เรื่อง​นี้​มี​บันทึก​ไว้​ใน​กิตติคุณ​ของ​มัดธาย, มาระโก, และ​ลูกา. (มัดธาย 13:1-9, 18-23; มาระโก 4:1-9, 14-20; ลูกา 8:4-8, 11-15) เมื่อ​อ่าน​เรื่อง​เหล่า​นั้น คุณ​จะ​สังเกต​เห็น​ว่า​ส่วน​สำคัญ​ของ​อุทาหรณ์​นี้​คือ​ที่​ว่า​เมล็ด​พืช​ชนิด​เดียว​กัน​ตก​บน​ดิน​ชนิด​ต่าง ๆ ซึ่ง​ก่อ​ให้​เกิด​ผล​ที่​ต่าง​กัน. ดิน​ชนิด​แรก​เป็น​ดิน​แข็ง, ดิน​ชนิด​ที่​สอง​เป็น​ดิน​ตื้น, และ​ดิน​ชนิด​ที่​สาม​มี​ต้น​หนาม​ขึ้น​ปก​คลุม. ดิน​ชนิด​ที่​สี่ ไม่​เหมือน​กับ​ดิน​สาม​ชนิด​ก่อน คือ​เป็น​ดิน “ดี.” ตาม​ที่​พระ​เยซู​อธิบาย เมล็ด​พืช​ได้​แก่​ข่าวสาร​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ที่​พบ​ใน​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า และ​ดิน​หมาย​ถึง​ผู้​คน​ที่​มี​สภาพ​หัวใจ​แตกต่าง​กัน. ถึง​แม้​ผู้​คน​ที่​มี​การ​ให้​ภาพ​ว่า​เป็น​ดิน​ชนิด​ต่าง ๆ นั้น​มี​บาง​สิ่ง​ที่​เหมือน​กัน แต่​ผู้​คน​ที่​เป็น​เสมือน​ดิน​ดี​นั้น​มี​ลักษณะ​อย่าง​หนึ่ง​ที่​ทำ​ให้​เขา​ต่าง​จาก​ดิน​อีก​สาม​ชนิด.

6. (ก) ดิน​ชนิด​ที่​สี่​ใน​อุทาหรณ์​ของ​พระ​เยซู​ต่าง​จาก​ดิน​อีก​สาม​ชนิด​อย่าง​ไร และ​นั่น​หมายความ​เช่น​ไร? (ข) อะไร​เป็น​สิ่ง​จำเป็น​เพื่อ​จะ​สำแดง​ความ​อด​ทน​ใน​ฐานะ​สาวก​ของ​พระ​คริสต์?

6 เรื่อง​ราว​ที่​ลูกา 8:12-15 (ล.ม.) แสดง​ว่า​ทั้ง​สี่​กรณี ผู้​คน “ได้​ยิน​พระ​คำ.” อย่าง​ไร​ก็​ตาม คน​ที่​มี “หัวใจ . . . ดี” ไม่​ได้​พอ​ใจ​แค่ “ได้​ยิน​พระ​คำ.” พวก​เขา “จด​จำ​ไว้​และ​เกิด​ผล​ด้วย​ความ​เพียร.” ดิน​ดี ซึ่ง​มี​เนื้อ​ดิน​อ่อน​และ​หน้า​ดิน​ลึก ทำ​ให้​เมล็ด​พืช​หยั่ง​ราก​ได้​ลึก และ​ผล​ก็​คือ ทำ​ให้​เมล็ด​งอก​เจริญ​ขึ้น​และ​เกิด​ผล. (ลูกา 8:8) คล้าย​กัน คน​ที่​มี​หัวใจ​ดี​นั้น​เข้าใจ, หยั่ง​รู้​ค่า, และ​รับ​เอา​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ไว้​ใน​หัวใจ. (โรม 10:10; 2 ติโมเธียว 2:7) พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ดำรง​อยู่​ใน​พวก​เขา. ผล​ก็​คือ พวก​เขา​เกิด​ผล​ด้วย​ความ​เพียร. ด้วย​เหตุ​นี้ การ​หยั่ง​รู้​ค่า​อย่าง​ลึกซึ้ง​จาก​ใจ​จริง​ต่อ​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​จึง​เป็น​สิ่ง​จำเป็น​เพื่อ​จะ​สำแดง​ความ​อด​ทน​ใน​ฐานะ​สาวก​ของ​พระ​คริสต์. (1 ติโมเธียว 4:15) แต่​เรา​จะ​พัฒนา​ความ​หยั่ง​รู้​ค่า​จาก​ใจ​จริง​เช่น​นั้น​ต่อ​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ได้​อย่าง​ไร?

สภาพ​หัวใจ​และ​การ​คิด​รำพึง​อย่าง​จริงจัง

7. การ​กระทำ​อะไร​ที่​เกี่ยว​ข้อง​อย่าง​ใกล้​ชิด​กับ​หัวใจ​ที่​ดี?

7 ขอ​ให้​สังเกต​ว่า​การ​กระทำ​อะไร​ที่​คัมภีร์​ไบเบิล​เชื่อม​โยง​หลาย​ต่อ​หลาย​ครั้ง​เข้า​กับ​หัวใจ​ที่​ดี. “ใจ​ของ​คน​ชอบธรรม​ตรึกตรอง ก่อน​แล้ว​จึง​ตอบ.” (สุภาษิต 15:28) “ข้า​แต่​พระ​ยะโฮวา . . . ขอ​ให้​วาจา​ที่​ออก​มา​จาก​ปาก​กับ​ความ​คิด [“การ​คิด​รำพึง,” ล.ม.] ใน​ใจ​ของ​ข้าพเจ้า​เป็น​ที่​ชอบ​ต่อ​พระ​เนตร​ของ​พระองค์.” (บทเพลง​สรรเสริญ 19:14) “ความ​ตริตรอง ใน​ใจ​ของ​ข้าพเจ้า​จะ​เป็น​ที่​เข้าใจ.”—บทเพลง​สรรเสริญ 49:3.

8. (ก) เมื่อ​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล อะไร​ที่​เรา​ควร​เลี่ยง​และ​อะไร​ที่​เรา​ควร​ทำ? (ข) เรา​ได้​รับ​ผล​ประโยชน์​อะไร​จาก​การ​คิด​รำพึง​พร้อม​ด้วย​การ​อธิษฐาน​ใน​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า? (ดู​กรอบ “ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ใน​ความ​จริง” ด้วย.)

8 เช่น​เดียว​กับ​ผู้​เขียน​คัมภีร์​ไบเบิล​เหล่า​นี้ เรา​ก็​เช่น​กัน จำ​ต้อง​คิด​รำพึง​ด้วย​ความ​หยั่ง​รู้​ค่า​พร้อม​ด้วย​การ​อธิษฐาน​เรื่อง​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​และ​พระ​ราชกิจ​ของ​พระองค์. เมื่อ​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​หรือ​สรรพหนังสือ​ที่​อาศัย​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​หลัก เรา​ไม่​ควร​ทำ​ตัว​เหมือน​กับ​นัก​ท่อง​เที่ยว​ที่​รีบ​เร่ง​เดิน​ทาง​จาก​ที่​หนึ่ง​ไป​อีก​ที่​หนึ่ง ถ่าย​ภาพ​ทุก​อย่าง​แต่​ไม่​ได้​ชื่นชม​กับ​ทัศนียภาพ​อย่าง​แท้​จริง. ใน​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล แทน​ที่​จะ​เร่ง​รีบ เรา​ต้องการ​หยุด​และ​ใช้​เวลา​กับ​ข้อ​คัมภีร์​ที่​ศึกษา​นั้น ซึ่ง​ประหนึ่ง​ว่า​เป็น​การ​ชื่นชม​กับ​ทัศนียภาพ. * ขณะ​ที่​เรา​ไตร่ตรอง​อย่าง​เงียบ ๆ ใน​สิ่ง​ที่​เรา​อ่าน พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ส่ง​ผล​กระทบ​ต่อ​หัวใจ​ของ​เรา, กระทบ​อารมณ์​ความ​รู้สึก​ของ​เรา, และ​นวด​ปั้น​ความ​คิด​เรา. นอก​จาก​นี้ พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ยัง​สนับสนุน​เรา​ให้​เผย​ความรู้สึก​ใน​ใจ​ต่อ​พระเจ้า​โดย​คำ​ทูล​อธิษฐาน. ผล​คือ​เรา​จะ​มี​ความ​ผูก​พัน​ใกล้​ชิด​กับ​พระ​ยะโฮวา​มาก​ยิ่ง​ขึ้น และ​ความ​รัก​ที่​เรา​มี​ต่อ​พระเจ้า​จะ​กระตุ้น​เรา​ให้​ติด​ตาม​พระ​เยซู​เรื่อย​ไป​แม้​จะ​เผชิญ​สภาพการณ์​ที่​ยาก​ลำบาก. (มัดธาย 10:22) เห็น​ได้​ชัด การ​คิด​รำพึง​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​เป็น​สิ่ง​ที่​สำคัญ​ถ้า​เรา​ต้องการ​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​ภักดี​จน​ถึง​ที่​สุด.—ลูกา 21:19.

9. เรา​จะ​ทำ​ให้​แน่​ใจ​ได้​โดย​วิธี​ใด​ว่า​หัวใจ​ของ​เรา​พร้อม​รับ​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​เสมอ?

9 อุทาหรณ์​ของ​พระ​เยซู​ยัง​แสดง​ด้วย​ว่า​มี​อุปสรรค​ต่าง ๆ ที่​ขัด​ขวาง​การ​เจริญ​เติบโต​ของ​เมล็ด​แห่ง​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า. ดัง​นั้น เพื่อ​จะ​เป็น​สาวก​ที่​ซื่อ​สัตย์​ต่อ ๆ ไป เรา​ควร (1) รู้​ว่า​ดิน​ไม่​ดี​ชนิด​ต่าง ๆ ที่​กล่าว​ถึง​ใน​อุทาหรณ์​นั้น​หมาย​ถึง​อุปสรรค​ชนิด​ใด​บ้าง และ (2) ดำเนิน​การ​แก้ไข​หรือ​หลีก​เลี่ยง​อุปสรรค​เหล่า​นั้น. โดย​วิธี​นี้ เรา​ทำ​ให้​แน่​ใจ​ว่า​หัวใจ​ของ​เรา​จะ​พร้อม​รับ​เมล็ด​แห่ง​ราชอาณาจักร​และ​จะ​เกิด​ผล​อยู่​เสมอ.

“ตก​อยู่​ริม​หน​ทาง”—การ​พะวง​หมกมุ่น

10. จง​พรรณนา​และ​อธิบาย​ความหมาย​ของ​ดิน​ชนิด​แรก​ใน​อุทาหรณ์​ของ​พระ​เยซู.

10 ดิน​ชนิด​แรก​ที่​เมล็ด​พืช​ตก​ลง​ไป​คือ​ดิน “ริม​หน​ทาง” ที่​ซึ่ง​เมล็ด “ถูก​เหยียบ​ย่ำ.” (ลูกา 8:5) ดิน​ริม​หน​ทาง​ที่​ผ่าน​เข้า​ทุ่ง​นา​เป็น​ดิน​แข็ง​เนื้อ​แน่น​เพราะ​ผู้​คน​เหยียบ​ย่ำ​ไป​มา​บน​ทาง​นั้น. (มาระโก 2:23) ใน​ทำนอง​เดียว​กัน คน​ที่​ปล่อย​ให้​กิจ​ธุระ​ต่าง ๆ ของ​โลก​เรียก​ร้อง​เอา​เวลา​และ​กำลัง​ไป​จาก​เขา​อย่าง​ไม่​สม​ควร อาจ​พบ​ว่า​ตัว​เอง​มี​ธุระ​ยุ่ง​เกิน​ไป​จน​ไม่​ได้​พัฒนา​ความ​หยั่ง​รู้​ค่า​จาก​ใจ​จริง​ต่อ​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า. พวก​เขา​ได้​ยิน​พระ​คำ แต่​เนื่อง​จาก​ไม่​ได้​คิด​รำพึง​ใน​สิ่ง​ที่​ได้​ยิน​นั้น หัวใจ​ของ​พวก​เขา​จึง​อยู่​ใน​สภาพ​ที่​ไม่​ตอบ​สนอง. ยัง​ไม่​ทัน​ที่​พวก​เขา​จะ​ได้​พัฒนา​ความ​รัก​ต่อ​พระ​คำ “มาร​มา​ชิง​เอา​พระ​วจนะ​จาก​ใจ​ของ​เขา, เพื่อ​ไม่​ให้​เขา​เชื่อ​และ​รอด​ได้.” (ลูกา 8:12) จะ​ป้องกัน​สภาพ​เช่น​นี้​ได้​ไหม?

11. เรา​จะ​ป้องกัน​สภาพ​หัวใจ​ของ​เรา​ไม่​ให้​เป็น​เหมือน​ดิน​แข็ง​ได้​อย่าง​ไร?

11 มี​หลาย​สิ่ง​ที่​จะ​ทำ​ได้​เพื่อ​ป้องกัน​ไม่​ให้​หัวใจ​กลาย​เป็น​เหมือน​ดิน​ริม​หน​ทาง​ที่​ไม่​เกิด​ผล. ดิน​ที่​ถูก​เหยียบ​ย่ำ​และ​แข็ง​อาจ​กลาย​เป็น​ดิน​อ่อน​และ​เกิด​ผล​ได้​หาก​มี​การ​ไถ​พลิก​หน้า​ดิน​และ​เปลี่ยน​เส้น​ทาง​สัญจร​เสีย. ใน​ทำนอง​เดียว​กัน การ​จัด​เวลา​สำหรับ​การ​ศึกษา​และ​คิด​รำพึง​ใน​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​จะ​ทำ​ให้​หัวใจ​ของ​เรา​กลาย​เป็น​เหมือน​ดิน​ดี​ที่​เกิด​ผล. กุญแจ​สำคัญ​คือ​อย่า​มี​ธุระ​ยุ่ง​มาก​เกิน​ไป​กับ​กิจวัตร​ประจำ​วัน​ใน​ชีวิต. (ลูกา 12:13-15) แทน​ที่​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น จง​ทำ​ให้​แน่​ใจ​ว่า​คุณ​ได้​จัด​เวลา​สำหรับ​การ​คิด​รำพึง​ถึง “สิ่ง​ที่​สำคัญ​กว่า” ใน​ชีวิต.—ฟิลิปปอย 1:9-11, ล.ม.

“ตก​ที่​หิน”—การ​มี​ความ​กลัว

12. อะไร​คือ​สาเหตุ​ที่​แท้​จริง​ที่​ทำ​ให้​พืช​ที่​งอก​ขึ้น​เหี่ยว​แห้ง​ไป​ใน​ดิน​ชนิด​ที่​สอง​ตาม​ที่​กล่าว​ใน​อุทาหรณ์​ของ​พระ​เยซู?

12 เมื่อ​เมล็ด​พืช​ตก​ลง​บน​ดิน​ชนิด​ที่​สอง มัน​ไม่​ได้​อยู่​แค่​บน​ผิว​ดิน​เหมือน​อย่าง​ใน​กรณี​แรก. เมล็ด​นี้​งอก​ราก​และ​โต​ขึ้น. แต่​เมื่อ​แดด​ออก พืช​ที่​งอก​ขึ้น​นั้น​ถูก​ความ​ร้อน​จาก​แสง​อาทิตย์​แผด​เผา​และ​เหี่ยว​แห้ง​ไป. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ขอ​ให้​สังเกต​ราย​ละเอียด​ที่​สำคัญ​ตรง​นี้. สาเหตุ​จริง ๆ ที่​ทำ​ให้​พืช​ที่​งอก​ขึ้น​นั้น​เหี่ยว​แห้ง​ไม่​ใช่​ความ​ร้อน. จะ​ว่า​ไป​แล้ว พืช​ที่​งอก​ใน​ดิน​ดี​ก็​ถูก​แดด​เช่น​กัน แต่​มัน​ไม่​เหี่ยว​แห้ง—ที่​จริง มัน​เจริญ​งอกงาม. อะไร​ทำ​ให้​แตกต่าง​กัน? พระ​เยซู​อธิบาย​ว่า พืช​ที่​งอก​ขึ้น​แล้ว​เหี่ยว​แห้ง​ไป “เพราะ​ไม่​มี​ดิน​ลึก” และ “ที่​ไม่​ชื้น.” (มัดธาย 13:5, 6; ลูกา 8:6) “หิน” ซึ่ง​ใน​ที่​นี้​หมาย​ถึง​ชั้น​หิน​ที่​อยู่​ใต้​ผิว​ดิน​ทำ​ให้​พืช​ไม่​อาจ​หยั่ง​ราก​ลึก​ลง​ไป​พอ​ที่​จะ​ได้​ความ​ชื้น​และ​ยึด​เกาะ​กับ​ดิน​เพื่อ​พยุง​ลำ​ต้น​ให้​มั่นคง. พืช​ที่​งอก​ขึ้น​เหี่ยว​แห้ง​ไป​เพราะ​หน้า​ดิน​ไม่​ลึก​พอ.

13. ผู้​คน​ชนิด​ใด​ที่​เป็น​เหมือน​ดิน​ตื้น และ​อะไร​คือ​สาเหตุ​ลึก ๆ ที่​ทำ​ให้​พวก​เขา​เป็น​เช่น​นั้น?

13 อุทาหรณ์​ส่วน​นี้​กล่าว​ถึง​คน​ที่ “รับ​พระ​วจนะ​นั้น​ด้วย​ความ​ยินดี” และ​ติด​ตาม​พระ​เยซู​ด้วย​ใจ​แรง​กล้า “แต่​ชั่ว​คราว.” (ลูกา 8:13) เมื่อ​ถูก​แดด​อัน​ร้อน​แรง​แห่ง “การ​ข่มเหง​หรือ​การ​ประทุษร้าย​ต่าง ๆ” แผด​เผา พวก​เขา​กลัว​จน​สูญ​เสีย​ความ​ยินดี​และ​ความ​เข้มแข็ง​และ​เลิก​ติด​ตาม​พระ​คริสต์. (มัดธาย 13:21) อย่าง​ไร​ก็​ตาม สาเหตุ​ลึก ๆ ที่​ที่​ทำ​ให้​พวก​เขา​กลัว ไม่​ใช่​การ​ต่อ​ต้าน. ที่​จริง สาวก​ของ​พระ​คริสต์​จำนวน​มาก​มาย​นับ​ไม่​ถ้วน​อด​ทน​การ​ข่มเหง​และ​การ​ต่อ​ต้าน​สารพัด​รูป​แบบ แต่​ยัง​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​ไว้​ได้. (2 โกรินโธ 2:4; 7:5) สาเหตุ​ที่​แท้​จริง​ที่​บาง​คน​กลัว​และ​ทิ้ง​ความ​จริง​ไป​คือ​สภาพ​หัวใจ​ที่​เปรียบ​เหมือน​หิน​กีด​กัน​พวก​เขา​ไว้​จาก​การ​คิด​รำพึง​อย่าง​ลึกซึ้ง​เพียง​พอ​ใน​สิ่ง​ที่​เสริม​สร้าง​และ​สิ่ง​ต่าง ๆ ทาง​ฝ่าย​วิญญาณ. ผล​คือ ความ​หยั่ง​รู้​ค่า​ที่​พวก​เขา​ได้​พัฒนา​ขึ้น​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​และ​พระ​คำ​ของ​พระองค์​นั้น​เป็น​แต่​เพียง​ผิว​เผิน​และ​เปราะ​บาง​เกิน​กว่า​จะ​ทนทาน​การ​ต่อ​ต้าน​ได้. เรา​จะ​ป้องกัน​ไม่​ให้​เกิด​ผล​ดัง​กล่าว​ได้​อย่าง​ไร?

14. คน​เรา​ควร​ทำ​เช่น​ไร​เพื่อ​ป้องกัน​ไม่​ให้​สภาพ​หัวใจ​ของ​ตน​กลาย​เป็น​เหมือน​ดิน​ตื้น?

14 แต่​ละ​คน​ต้อง​ทำ​ให้​แน่​ใจ​ว่า​ไม่​มี​อุปสรรค​ใด​ที่​เปรียบ​เหมือน​หิน​อยู่​ใน​หัวใจ​ของ​ตน เช่น ความ​รู้สึก​ขมขื่น​ที่​ฝัง​ลึก, ความ​เห็น​แก่​ตัว​ที่​แฝง​เร้น, หรือ​ความ​รู้สึก​ขุ่นเคือง​คล้าย ๆ กัน​นั้น​ที่​ปิด​ซ่อน​ไว้​ใน​หัวใจ​เขา. หาก​อุปสรรค​เช่น​นั้น​มี​อยู่​แล้ว พลัง​แห่ง​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​จะ​สามารถ​ขจัด​ออก​ไป​ได้. (ยิระมะยา 23:29; เอเฟโซ 4:22; เฮ็บราย 4:12) จาก​นั้น การ​คิด​รำพึง​พร้อม​ด้วย​การ​อธิษฐาน​จะ​กระตุ้น​ให้ “การ​ปลูกฝัง​พระ​คำ” ลึก​เข้า​ไป​ใน​หัวใจ. (ยาโกโบ 1:21, ล.ม.) การ​ทำ​เช่น​นี้​จะ​ทำ​ให้​ได้​รับ​กำลัง​เข้มแข็ง​เพื่อ​รับมือ​กับ​ช่วง​เวลา​ที่​ท้อ​แท้​ใจ​และ​มี​ความ​กล้า​หาญ​ใน​การ​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​แม้​เผชิญ​ความ​ยาก​ลำบาก.

“ตก​ที่​กลาง​หนาม”—การ​มี​หัวใจ​ที่​แบ่ง​แยก

15. (ก) ทำไม​ดิน​ชนิด​ที่​สาม​ใน​อุทาหรณ์​ของ​พระ​เยซู​จึง​สม​ควร​ได้​รับ​ความ​สนใจ​จาก​เรา​เป็น​พิเศษ? (ข) ใน​ที่​สุด เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​ดิน​ชนิด​ที่​สาม และ​เพราะ​เหตุ​ใด?

15 ดิน​ชนิด​ที่​สาม คือ​ดิน​ที่​มี​ต้น​หนาม​นั้น สม​ควร​ได้​รับ​ความ​สนใจ​จาก​เรา​เป็น​พิเศษ เพราะ​ดิน​ชนิด​นี้​คล้าย​กับ​ดิน​ดี​ใน​บาง​แง่. เช่น​เดียว​กับ​ดิน​ดี เมล็ด​งอก​ราก​และ​เติบโต​ขึ้น​ได้​ใน​ดิน​ที่​มี​ต้น​หนาม​นั้น. ใน​ช่วง​ต้น ๆ การ​เจริญ​เติบโต​ของ​ต้น​อ่อน​ของ​เมล็ด​ที่​หว่าน​ใน​ดิน​สอง​ชนิด​นี้​ไม่​ต่าง​กัน. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป มี​สภาพการณ์​บาง​อย่าง​เกิด​ขึ้น​ที่​ขัด​ขวาง​การ​เจริญ​เติบโต​ของ​พืช​ใน​ที่​สุด. ไม่​เหมือน​ดิน​ดี ดิน​ชนิด​นี้​มี​ต้น​หนาม​ขึ้น​ปก​คลุม. เมื่อ​ต้น​อ่อน​ของ​เมล็ด​ที่​หว่าน​นั้น​โผล่​ขึ้น​จาก​ดิน มัน​ต้อง​แข่งขัน​กับ​ต้น ‘หนาม​ที่​งอก​ขึ้น​มา​ด้วย.’ ต้น​หนาม​กับ​พืช​นั้น​แย่ง​สาร​อาหาร, แสง​แดด, และ​พื้น​ที่​กัน​อยู่​ระยะ​หนึ่ง แต่​ใน​ที่​สุด ต้น​หนาม​ก็​สูง​บดบัง​และ “ปก​คลุม” พืช​นั้น.—ลูกา 8:7.

16. (ก) ผู้​คน​แบบ​ไหน​เป็น​เหมือน​ดิน​ที่​มี​ต้น​หนาม? (ข) ตาม​เรื่อง​ราว​ที่​บันทึก​ไว้​ใน​กิตติคุณ​ทั้ง​สาม​นั้น หนาม​หมาย​ถึง​อะไร?—โปรด​ดู​เชิงอรรถ.

16 ผู้​คน​ชนิด​ใด​ที่​เป็น​เหมือน​ดิน​ที่​มี​ต้น​หนาม? พระ​เยซู​อธิบาย​ดัง​นี้: “ส่วน​ที่​ตก​กลาง​หนาม​นั้น​ได้​แก่​ผู้​ที่​ได้​ยิน แต่​เนื่อง​จาก​ถูก​ชัก​นำ​ไป​ด้วย​ความ​กระวนกระวาย​และ​ความ​มั่งคั่ง​และ​ความ​สนุกสนาน​ของ​ชีวิต​นี้ จึง​ถูก​ปิด​คลุม​ไว้​มิด​และ​ไม่​ทำ​ให้​อะไร​เสร็จ​สมบูรณ์.” (ลูกา 8:14, ล.ม.) เช่น​เดียว​กับ​ที่​เมล็ด​ของ​ผู้​หว่าน​กับ​หนาม​เติบโต​ไป​พร้อม​กัน​ใน​ดิน​นั้น บาง​คน​พยายาม​ที่​จะ​รับ​เอา​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​กับ “ความ​สนุกสนาน​ของ​ชีวิต​นี้” ไป​พร้อม ๆ กัน. ความ​จริง​แห่ง​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ถูก​หว่าน​ลง​ใน​หัวใจ​ของ​พวก​เขา แต่​ต้อง​แข่งขัน​กับ​การ​ติด​ตาม​สิ่ง​อื่น ๆ ที่​แย่ง​ความ​สนใจ​ของ​พวก​เขา​ไป. หัวใจ​โดย​นัย​ของ​พวก​เขา​มี​การ​แบ่ง​แยก. (ลูกา 9:57-62) นี่​ทำ​ให้​พวก​เขา​ไม่​มี​เวลา​พอ​สำหรับ​ไตร่ตรอง​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​อย่าง​มี​ความหมาย​พร้อม​ด้วย​การ​อธิษฐาน. เนื่อง​จาก​ไม่​ได้​รับ​เอา​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ไว้​ใน​หัวใจ​อย่าง​เต็ม​ที่ พวก​เขา​จึง​ขาด​ความ​หยั่ง​รู้​ค่า​จาก​ใจ​จริง​ซึ่ง​เป็น​สิ่ง​จำเป็น​เพื่อ​จะ​อด​ทน​ได้. ความ​สนใจ​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​พวก​เขา​ถูก​บดบัง​ด้วย​กิจกรรม​ฝ่าย​โลก​ที​ละ​เล็ก​ที​ละ​น้อย​จน​ถึง​ขั้น​ที่ “ถูก​ปิด​คลุม​ไว้​มิด.” * ช่าง​เป็น​บั้น​ปลาย​ที่​น่า​เศร้า​จริง ๆ สำหรับ​คน​ที่​ไม่​ได้​รัก​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​สุด​หัวใจ!—มัดธาย 6:24; 22:37.

17. เรา​ต้อง​ตัดสิน​ใจ​เลือก​เรื่อง​อะไร​บ้าง​ใน​ชีวิต​เพื่อ​จะ​ไม่​ถูก​หนาม​โดย​นัย​ตาม​ที่​กล่าว​ใน​อุทาหรณ์​ของ​พระ​เยซู​ปิด​คลุม?

17 โดย​การ​ให้​เรื่อง​ฝ่าย​วิญญาณ​มี​ความ​สำคัญ​กว่า​การ​คิด​คำนึง​ใน​เรื่อง​ฝ่าย​วัตถุ เรา​จะ​ไม่​ถูก​ปิด​คลุม​ด้วย​ความ​ทุกข์​กังวล​และ​ความ​สนุกสนาน​ของ​โลก​นี้. (มัดธาย 6:31-33; ลูกา 21:34-36) เรา​ไม่​ควร​ละเลย​การ​อ่าน​พระ​คัมภีร์​และ​การ​ใคร่ครวญ​ใน​สิ่ง​ที่​เรา​อ่าน. เรา​จะ​มี​เวลา​มาก​ขึ้น​สำหรับ​การ​คิด​รำพึง​อย่าง​ที่​มี​สมาธิ​พร้อม​ด้วย​การ​อธิษฐาน ถ้า​เรา​ทำ​ชีวิต​ของ​เรา​ให้​เรียบ​ง่าย​มาก​เท่า​ที่​เป็น​ไป​ได้. (1 ติโมเธียว 6:6-8) ผู้​รับใช้​ของ​พระเจ้า​ที่​ทำ​เช่น​นั้น—ผู้​ซึ่ง​เปรียบ​เหมือน​กับ​ได้​ถอน​เอา​ต้น​หนาม​ออก​ไป​จาก​ดิน​เพื่อ​จะ​ได้​สาร​อาหาร, แสง​แดด, และ​พื้น​ที่​มาก​ขึ้น​แก่​พืช​ที่​เกิด​ผล—ได้​รับ​พระ​พร​จาก​พระ​ยะโฮวา. ซานดรา​วัย 26 ปี​กล่าว​ว่า “เมื่อ​ดิฉัน​คิด​รำพึง​ถึง​พระ​พร​ที่​ได้​รับ​เมื่อ​อยู่​ใน​ความ​จริง ดิฉัน​ตระหนัก​ว่า​โลก​ไม่​สามารถ​ให้​สิ่ง​ใด ๆ ที่​จะ​เทียบ​ได้​กับ​พระ​พร​นั้น!”—บทเพลง​สรรเสริญ 84:11.

18. เรา​จะ​ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ใน​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​และ​อด​ทน​ใน​ฐานะ​คริสเตียน​ได้​อย่าง​ไร?

18 ดัง​นั้น จึง​เห็น​ได้​ชัด​ว่า​เรา​ทุก​คน ไม่​ว่า​เยาว์​วัย​หรือ​สูง​อายุ จะ​ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ใน​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​และ​อด​ทน​ใน​ฐานะ​สาวก​ของ​พระ​คริสต์​ได้​ตราบ​เท่า​ที่​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ดำรง​อยู่​ใน​เรา. ฉะนั้น ขอ​ให้​เรา​ทำ​ให้​แน่​ใจ​ว่า​ดิน​แห่ง​หัวใจ​โดย​นัย​ของ​เรา​จะ​ไม่​กลาย​เป็น​ดิน​แข็ง, ตื้น, หรือ​ถูก​ปก​คลุม​ด้วย​หนาม แต่​เป็น​ดิน​อ่อน​และ​ลึก​อยู่​เสมอ. โดย​วิธี​นี้ เรา​จะ​สามารถ​รับ​เอา​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ได้​อย่าง​เต็ม​ที่​ใน​หัวใจ​และ “เกิด​ผล​ด้วย​ความ​เพียร.”—ลูกา 8:15, ล.ม.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 1 ใน​บทความ​นี้ เรา​จะ​พิจารณา​ข้อ​เรียก​ร้อง​ประการ​แรก​ก่อน. อีก​สอง​ประการ​ที่​เหลือ​จะ​มี​การ​พิจารณา​ใน​บทความ​ต่อ ๆ ไป.

^ วรรค 8 เพื่อ​จะ​คิด​รำพึง​พร้อม​ด้วย​การ​อธิษฐาน​ใน​ส่วน​ที่​คุณ​อ่าน​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล คุณ​อาจ​ตั้ง​คำ​ถาม​กับ​ตัว​เอง อย่าง​เช่น ‘ส่วน​ที่​อ่าน​นั้น​เปิด​เผย​อะไร​เกี่ยว​กับ​คุณลักษณะ​ของ​พระ​ยะโฮวา? ส่วน​นั้น​เกี่ยว​ข้อง​อย่าง​ไร​กับ​อรรถบท​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล? ฉัน​จะ​นำ​ข้อ​พระ​คัมภีร์​ส่วน​นั้น​ไป​ใช้​กับ​ชีวิต​ตัว​เอง​หรือ​เพื่อ​ช่วย​คน​อื่น​ได้​อย่าง​ไร?’

^ วรรค 16 ตาม​เรื่อง​ราว​ใน​อุทาหรณ์​ของ​พระ​เยซู​ที่​บันทึก​ไว้​ใน​กิตติคุณ​ทั้ง​สาม พืช​นั้น​ถูก​ปิด​คลุม​ด้วย​ความ​ทุกข์​กังวล​และ​ความ​สนุกสนาน​ของ​โลก​นี้: “ความ​ปรารภ​ปรารมภ์​ด้วย​โลก​นี้,” “การ​ล่อ​ลวง​แห่ง​ทรัพย์​สมบัติ,” “ความ​โลภ​ใน​สิ่ง​อื่น ๆ,” และ “ความ​สนุกสนาน​แห่ง​ชีวิต​นี้.”—มาระโก 4:19; มัดธาย 13:22; ลูกา 8:14; ยิระมะยา 4:3, 4.

คุณ​จะ​ตอบ​อย่าง​ไร?

• ทำไม​เรา​ต้อง ‘ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ใน​คำ​ของ​พระ​เยซู’?

• เรา​จะ​ให้​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ดำรง​อยู่​ใน​หัวใจ​ของ​เรา​ได้​อย่าง​ไร?

• ดิน​สี่​ชนิด​ที่​พระ​เยซู​ทรง​กล่าว​ถึง​หมาย​ถึง​ผู้​คน​ชนิด​ใด​บ้าง?

• คุณ​จะ​หา​เวลา​เพื่อ​คิด​รำพึง​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ได้​อย่าง​ไร?

[คำ​ถาม]

[กรอบ/ภาพ​หน้า 10]

“ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ใน​ความ​จริง”

หลาย​คน​ที่​เป็น​สาวก​ของ​พระ​คริสต์​มา​เป็น​เวลา​นาน​ได้​พิสูจน์​ตัว​ปี​แล้ว​ปี​เล่า​ว่า​พวก​เขา “ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ใน​ความ​จริง.” (2 เปโตร 1:12, ล.ม.) อะไร​ช่วย​ให้​พวก​เขา​อด​ทน? ขอ​ให้​เรา​ฟัง​บาง​ความ​เห็น​ของ​พวก​เขา.

“ดิฉัน​จบ​แต่​ละ​วัน​ด้วย​การ​อ่าน​ส่วน​หนึ่ง​จาก​พระ​คัมภีร์​และ​อธิษฐาน. แล้ว​ดิฉัน​ใคร่ครวญ​ถึง​สิ่ง​ที่​ได้​อ่าน​ไป.”—จีน รับ​บัพติสมา​ปี 1939.

“การ​คิด​รำพึง​ถึง​วิธี​ที่​พระ​ยะโฮวา ผู้​ซึ่ง​สูง​ส่ง​ยิ่ง ทรง​รัก​เรา​อย่าง​ลึกซึ้ง​ทำ​ให้​ดิฉัน​รู้สึก​มั่นคง​ปลอด​ภัย​และ​มี​กำลัง​เข้มแข็ง​ที่​จะ​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​ต่อ ๆ ไป.”—แพทริเชีย รับ​บัพติสมา​ปี 1946.

“โดย​การ​ยึด​มั่น​อยู่​กับ​นิสัย​ที่​ดี​ใน​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​และ​ฝัง​ตัว​ใน ‘สิ่ง​ลึกซึ้ง​ของ​พระเจ้า’ ดิฉัน​จึง​สามารถ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ได้​ตลอด​มา.”—1 โกรินโธ 2:10, ล.ม.; แอนนา รับ​บัพติสมา​ปี 1939.

“ดิฉัน​อ่าน​พระ​คัมภีร์​และ​สรรพหนังสือ​ที่​อาศัย​พระ​คัมภีร์​เป็น​หลัก​เพื่อ​จะ​ตรวจ​สอบ​หัวใจ​และ​เจตนา​ของ​ตัว​เอง.”—เซลดา รับ​บัพติสมา​ปี 1943.

“ช่วง​เวลา​ที่​นับ​ว่า​ดี​ที่​สุด​ของ​ผม​คือ​ขณะ​ที่​ใช้​เวลา​เดิน​และ​พูด​คุย​กับ​พระ​ยะโฮวา​ใน​การ​อธิษฐาน เพื่อ​ให้​พระองค์​ทราบ​ถึง​ความ​รู้สึก​ที่​แท้​จริง​ของ​ผม.”—ราล์ฟ รับ​บัพติสมา​ปี 1947.

“ดิฉัน​เริ่ม​แต่​ละ​วัน​ด้วย​การ​พิจารณา​ข้อ​พระ​คัมภีร์​ประจำ​วัน​และ​อ่าน​ส่วน​หนึ่ง​จาก​พระ​คัมภีร์. นั่น​ทำ​ให้​ดิฉัน​มี​เรื่อง​ใหม่ ๆ ที่​จะ​คิด​รำพึง​ใน​ระหว่าง​วัน​นั้น.”—มารี รับ​บัพติสมา​ปี 1935.

“สำหรับ​ผม การ​พิจารณา​ข้อ​พระ​คัมภีร์​ที​ละ​ข้อ ๆ จาก​พระ​ธรรม​เล่ม​ใด​เล่ม​หนึ่ง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​ยา​ชู​กำลัง​จริง ๆ.”—แดเนียล รับ​บัพติสมา​ปี 1946.

คุณ​ล่ะ​ใช้​เวลา​ตอน​ไหน​เพื่อ​ใคร่ครวญ​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​พร้อม​ด้วย​การ​อธิษฐาน?—ดานิเอล 6:10​ข; มาระโก 1:35; กิจการ 10:9.

[ภาพ​หน้า 13]

โดย​การ​ให้​ความ​สำคัญ​กับ​สิ่ง​ฝ่าย​วิญญาณ​เป็น​อันดับ​แรก เรา​สามารถ “เกิด​ผล​ด้วย​ความ​เพียร”